Start planning your trip
คากาวะและบริเวณใกล้ๆ หาดชิจิบุกาฮามะ สุดยอดวิวที่สวยที่สุดของทะเลในเซโตะ! 7 ที่เที่ยวแนะนำบริเวณเขาชิอุเดะ
คาบสมุทรโชไนเป็นจุดชมวิวสวยที่สุดของทะเลในเซโตะ อยู่ติดกับหาดชิจิบุกาฮามะ จังหวัดคากาวะ ซึ่งเป็น "จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น" คราวนี้เราจะพาไปชมจุดชมวิวสวยๆ อย่างเขาชิอุเดะ พร้อมแนะนำคาเฟ่และที่พักที่น่าสนใจให้ได้รู้จักกัน
คาบสมุทรโชไนและเขาชิอุเดะที่อยู่ติดกับหาดชิจิบุกาฮามะซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเป็นสถานที่แบบไหนกันนะ
คาบสมุทรโชไน (Shonai Peninsular) อยู่ทางตะวันตกของจังหวัดคากาวะ ติดกับหาดจิจิบุกาฮามะ (Chichibugahama Beach) ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น "จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น" ที่นี่มีจุดชมวิวสวยๆ มากมายอย่างเขาชิอุเดะ (Shiude) ทะเลในเซโตะ ภูเขา และหมู่เกาะต่างๆ
อากาศที่ทะเลในเซโตะ (Seto Inland Sea) ส่วนใหญ่จะแจ่มใส สัมผัสได้ถึงแสงแดดเจิดจ้าเหมือนอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ยุโรป คาบสมุทรโชไนมีชายหาดที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก จึงเป็นสถานสุดวิเศษเหมาะกับการนอนพักผ่อนสบายๆ ฟังเสียงคลื่นเงียบๆ
คราวนี้เราจะพาไปชมสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจและวิธีการเดินทางรอบคาบสมุทรโชไน โดยเฉพาะที่เขาชิอุเดะ (Mt. Shiude) กัน!
7 สิ่งที่อยากให้ทำในบริเวณคาบสมุทรโชไนและเขาชิอุเดะเพื่อสัมผัสกับช่วงเวลาที่เงียบสงบ
คาบสมุทรโชไนเป็นฉากในเทพนิยายเรื่อง อุราชิมะทาโร่ (Urashima Taro) ที่คนญี่ปุ่นทุกคนรู้จักกันดี เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มผู้ใจดีที่ช่วยเหลือเต่า แล้วได้ไปอาศัยอยู่ที่วังบาดาลใต้ทะเล สุดท้ายได้กลับขึ้นมาอยู่บนบก
เมื่อคุณมาที่คาบสมุทรโซไนซึ่งมีคลื่นซัดเข้ามาอย่างแผ่วเบาและแสงแดดอ่อนๆ สาดส่อง คุณอาจรู้สึกเหมือนหลุดเข้าสู่โลกแห่งความฝันที่เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ อย่างที่อุราชิมะทาโร่พบเจอก็เป็นได้ เนื่องจากความพยายามในการอนุรักษ์ของท้องถิ่น คาบสมุทรโชไนจึงมีชายหาดตามธรรมชาติหลงเหลืออยู่มาก
ก่อนอื่นเราจะพาไปชมที่เที่ยวน่าสนใจในคาบสมุทรโชไนทั้งคาเฟ่ ที่พักแรม และสถานที่รับพลังเสริมดวง โดยเฉพาะที่เขาชิอุเดะกันก่อนนะ
1. คาเฟ่ชมวิวของทะเลในเซโตะ ที่เขาชิอุเดะ!
Picture courtesy of Mitoyo City
บริเวณเซโตอุจิ (Setouchi region) ได้รับเลือกจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ให้อยู่ในอันดับที่ 7 ของ "52 สถานที่ที่น่าไปในปี 2019" บทความดังกล่าวได้กล่าวถึงจุดชมวิวที่เป็นสัญลักษณ์ของทะเลในเซโตะคือ เขาชิอุเดะ
เขาชิอุเดะเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นเกาะต่างๆ ในทะเลในเซโตะได้ชัดเจน โดยเฉพาะช่วงที่ซากุระบานในเดือนมีนาคม-เมษายน และช่วงดอกไฮเดรนเยียบานในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ที่ทั้งดอกไม้และทะเลต่างสวยงามสอดประสานกัน
ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เขาชิอุเดะซึ่งอยู่ใกล้ยอดเขาชิอุเดะ มีคาเฟ่ที่ชมวิวทะเลได้ ลองไปจิบกาแฟหรือน้ำผลไม้นั่งชิวๆ ชมวิวทะเลในเซโตะสีฟ้าใสเปล่งประกายดั่งอัญมณีดูนะ
ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เขาชิอุเดะจัดแสดงเครื่องมือใช้สอยจากหินซึ่งผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่เมื่อ 2,000 ปีก่อนใช้ ได้ดูทั้งวิวและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปด้วยดีไม่น้อยเลยทีเดียว
2. เกาะร้างลึกลับที่ข้ามไปได้เฉพาะช่วงน้ำลด : เกาะมารุยามะ
Picture courtesy of Kuramoto Akiyoshi
เกาะมารุยามะ (Maruyama Island) เป็นเกาะร้างลึกลับที่เมื่อน้ำลด หาดทรายก็จะปรากฏขึ้นมาให้เดินข้ามไปได้ เกาะห้อมล้อมด้วยน้ำทะเลสวยใสกระจ่าง ผู้คนในท้องถิ่นจะข้ามไปเก็บหอยและตกปลาที่เกาะนี้
บนเกาะมารุยามะมีศาลเจ้าอุราชิมะซึ่งเป็นที่มาของเทพนิยายเรื่องอุราชิมะทาโร่ ผู้คนในท้องถิ่นคอยดูแลรักษาไว้อย่างดี หากได้มาไหว้ขอพรที่ศาลเจ้าเก่าแก่ปกปักษ์รักษาท้องทะเลมายาวนาน จะได้รับพลังจากทะเลแสนงาม ทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นได้
3. "ฟลาวเวอร์ พาร์ค อุราชิมะ" ทุ่งดอกไม้ที่แต่งแต้มท้องทะเลและภูเขา
Picture courtesy of Mitoyo City
ฟลาวเวอร์ พาร์ค อุราชิมะ (Flower Park Urashima) เป็นทุ่งดอกไม้ที่ดูแลโดยผู้คนท้องถิ่นในบริเวณคาบสมุทรโชไน ช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายนเป็นหน้าดอกดาวเรือง ช่วงกลางเดือนเมษายน-ปลายเดือนพฤษภาคมเป็นหน้าดอกมาร์กาเร็ต ช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นหน้าดอกป๊อปปี้และดอกโกดิเทีย ช่วงกลางเดือนกันยายน-กลางเดือนตุลาคมเป็นดอกดาวกระจาย
Picture courtesy of Mitoyo City
ทุ่งดอกไม้ที่มีทะเลในเซโตะและภูเขาสีเขียวเป็นฉากหลังพูดได้คำเดียวว่าเป็นจุดชมวิวสวยๆ ที่ไม่ควรพลาด แต่การจะไปเข้าชมต้องโทรศัพท์เข้าไปจองเป็นภาษาญี่ปุ่น นอกจากจะเปิดให้ชมดอกไม้แล้วยังเป็นเปิดท้ายรถตั้งแคมป์ได้อีกด้วย
4. ฟังเสียงคลื่นพร้อมจิบชาที่ "คลาสสิโก้ เซโตอุจิ โคฮี่ (Classico Setouchi Caffee)"
Classico Setouchi Caffee เป็นคาเฟ่ที่อยู่ติดกับฟลาวเวอร์ พาร์ค อุราชิมะ เจ้าของที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเมืองทาคามัตสึได้ย้ายมาเปิดร้านนี้เมื่อปี 2018 เป็นร้านที่สามารถดื่มกาแฟจากการคัดสรรของเจ้าของร้านซึ่งเดิมทำงานในวงการกาแฟมาก่อน และชิมขนมปังที่ส่งตรงจากร้านขนมปังชื่อดังในท้องถิ่นได้
จากที่บริเวณระเบียงคุณจะได้ยินเสียงคลื่นของทะเลในเซโตะสาดซัดเบาๆ เหมือนเสียงกระซิบ ถ้าได้กินอาหารเช้าหรือกลางวันและชมวิวทะเลเงียบๆ ไปพลางคงได้ความรู้สึกเหมือนได้รับการปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน
ในฤดูหนาวยังมีเมนูที่ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นอย่างกราแตงด้วย Classico Setouchi Caffee อยู่ห่างจากหาดชิจิบุกาฮามะประมาณ 20 นาทีโดยรถยนต์ เป็นสถานที่ที่เหมาะแวะพักทำร่างกายให้อบอุ่นระหว่างรอชมพระอาทิตย์ตก
ที่ Classico Setouchi Caffee ใช้ระบบบริการตนเองโดยลูกค้าสั่งอาหารและเครื่องดื่มที่ปลายเคาน์เตอร์ด้านหนึ่งและรอรับที่เคาน์เตอร์อีกด้านหนึ่ง เมนูมีทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษด้วย ลองชี้สั่งดูนะ
ช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคม–สิงหาคม ในวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดคนจะแน่นมาก สำหรับคนที่อยากพักผ่อนสบายๆ ขอแนะนำให้ไปวันธรรมดานะ
5. ไปชิมพิซซ่าและพาสต้าแสนอร่อยที่คาเฟ่ดัง "ซันคาเฟ่ (SUN CAFE)" กัน!
คาเฟ่แห่งนี้เดินทางจากหาดชิจิบุกาฮามะโดยรถยนต์ประมาณ 10 นาที ที่ SUN CAFE เน้นดีไซน์แบบประเทศทางใต้ เป็นคาเฟ่พิเศษที่ทำให้ได้สัมผัสถึงแสงแดดอันเจิดจ้า
เจ้าของร้านกล่าวว่า "ผมรักท้องฟ้า ทะเล ผู้คน และอาหารของที่นี่ ไม่ว่านานแค่ไหนก็ไม่เบื่อ!" เจ้าของร้านตกหลุมรักคาบสมุทรโชไนจนย้ายมาอยู่ที่นี่ พิซซ่าและพาสต้ารสเลิศที่ให้บริการจะใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรและชาวประมงที่คุ้นเคยมาปรุงเป็นได้ชิมกัน
เมนูแนะนำคือ "นิโอะลิโมเน่ (Nio Limone)" (ราคารวมภาษี 1,380 เยน) พิซซ่ารสเลิศที่ทำจากเลมอนที่อาบแสงแดดในบริเวณคาบสมุทรโชไนอย่างเต็มเปี่ยม และเนื้อหมูโอลีฟที่เลี้ยงด้วยมะกอกซึ่งเป็นของขึ้นชื่อในจังหวัดคากาวะ ส่วนในฤดูหนาวจะได้ชิมอาหารที่ทำจากหอยนางรมซึ่งเป็นของขึ้นชื่อในท้องถิ่นด้วย
ติดกับ SUN CAFE เป็นฟรีคลาวด์ (Free Cloud) ร้านกีฬาเอาท์ดอร์ที่มีโปรแกรมทั้งซีคายัคและ SUP ให้ได้เล่นกัน
6. ไปค้างคืนท่ามกลางสวนมะกอกที่ "คันรัน (Kanran)" กัน!
Picture courtesy of Draworth
Kanran Hygge dig i SETOUCHI เป็นจุดพักแรมที่สามารถชมวิวทั้งทะเลในเซโตะและเกาะต่างๆ ได้อย่างชัดเจน กำแพงหน้าต่างกระจกทั้งด้านช่วยให้ชมวิวทะเลและทิวทัศน์ที่เขียวขจีอย่างอ่อนโยน
Picture courtesy of Draworth
รอบๆ Kanran มีต้นมะกอก 700 ต้นที่เติบโตเต็มที่ท่ามกลางแสงแดด เมื่ออยู่ที่ Kanran คุณจะถูกห้อมล้อมไปด้วยกลิ่นหอมละมุนของมะกอก
ที่ Kanran มีบริการเชิญเชฟมาปรุงอาหารขึ้นชื่อในท้องถิ่นให้ บริเวณคาบสมุทรโชไนเป็นแหล่งผลิตมะเขือม่วงและเลมอนที่ขึ้นชื่อ หากอยากชิมอาหารขึ้นชื่อของท้องถิ่นก็ลองสอบถามดูตอนจองที่พักนะ
นอกจากนี้บริเวณคาบสมุทรโชไนยังมีสถานที่พักแรมชื่อดังอย่างเบย์ วิน (Bay Wind) และฮิอุจิ (Hiuchi) ลองอ่านบทความของ MATCHA ดูนะ
7. จุดไหว้ขอพร: ไปลอดถ้ำเสริมดวงที่ "ศาลเจ้าเมียวเค็งกู (Myokengu Shrine)"
ศาลเจ้าเมียวเค็งกูเป็น 1 ในสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระคูไค (Kukai) ซึ่งเป็นพระในศาสนาพุทธของญี่ปุ่น และเป็นผู้สร้างเส้นทางจาริกแสวงบุญที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคชิโกะคุ เรียกว่า "โอเฮ็นโระ (Ohenro)"
จุดที่โด่งดังที่สุดของศาลเจ้าเมียวเค็งงูคือ "ถ้ำเปิดดวง" บริเวณหินด้านขวาของวิหารในรูปด้านบนมีช่องขนาดพอดีให้คน 1 คนลอดผ่านได้ เชื่อกันว่าถ้าลอดผ่านช่องนี้จะพบกับโชคดี
ช่องว่างระหว่างหินแคบมาก ควรสวมเสื้อผ้าที่สกปรกเลอะดินได้ไปจะดีกว่า ส่วนสัมภาระก็วางไว้ที่ทางเข้า
ในพุทธศาสนาของญี่ปุ่นเชื่อกันว่าการเดินลอดทางใต้ดินเช่นนี้เหมือนทารกออกจากครรภ์มารดา ถือเป็นพิธีกรรม "การกลับชาติมาเกิดใหม่" ซึ่งในญี่ปุ่นมีวัดหลายแห่งที่สามารถเดินลอดทางใต้ดินแบบนี้ได้
แต่มีน้อยแห่งที่ทำให้คุณรู้สึกถึงอันตรายได้เท่าถ้ำเปิดดวงแล้ว การเดินท่ามกลางหินที่แทบไม่ได้สัมผัสกับแสงเลย ยิ่งเดินต่อไปก็ยิ่งสัมผัสกับความกลัวของตัวเอง แต่พอออกไปข้างนอกได้ คุณจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่จริงๆ
ในช่วงหลังฝนตกหรืออากาศไม่ดีจะค่อนข้างอันตราย อย่าไปเดินลอดถ้ำเปิดดวงนะ
เมื่อจะไปศาลเจ้าเมียวเค็งกูให้เลี้ยวตามป้ายที่เขียนว่า "ฟุเรไอ พลาซ่า นิโอะ (Fureai Plaza Nio)" (รูปด้านบน) ก็จะเจอที่จอดรถ จากนั้นเดินไปตามทางบนเขาประมาณ 30 นาที ก็จะถึงวิหารของศาลเจ้าเมียวเค็งกู
วิธีการเดินทางไปคาบสมุทรโชไน
การไปเที่ยวรอบๆ คาบสมุทรโชไน มีวิธีการเดินทาง 2 วิธี คือการเช่ารถขับและใช้บริการรถบัส
กรณีเช่ารถขับ
ถ้าขับรถตระเวนเที่ยวคาบสมุทรโชไนจะค่อนข้างสะดวก ที่สนามบินทาคามัตสึซึ่งเป็นประตูสู่จังหวัดคากาวะ และในตัวเมืองทาคามัตสึมีบริษัทให้เช่ารถมากมายอย่าง Heisei Rental Car ที่ให้บริการได้หลายภาษา
ถ้าเป็นบริเวณใกล้ๆ คาบสมุทรโชไนอาจจะมีบริการเฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น และถ้าจองล่วงหน้ากับบริษัทรถเช่าอย่างบริษัท Open Air Rental Car&Bike สามารถรับรถได้ที่สถานี JR ทาคุมะ (Takuma)
ที่เขาชิอุเดะมีการจัดระเบียบการจราจรในช่วงฤดูซากุระบานด้วย ลองเช็ครายละเอียดในเว็บไซต์ทางการของสมาคมการท่องเที่ยวเมืองมิโตโยะดูนะ
กรณีใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
กรณีใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้ขึ้นรถบัสชุมชนจากสถานี JR ทาคุมะกัน ใช้บริการรถสายทาคุมะ (จันทร์-เสาร์ วันละ 14 เที่ยว) และสายโชไน (จันทร์-เสาร์ มีทั้งสายวนทางตะวันออกและทางตะวันตก รวมวันละ 15 เที่ยว) ไปเที่ยวกันนะ
เช่น หากจะไปเขาชิอุเดะระหว่างวันจันทร์-เสาร์ ให้ขึ้นรถบัสสายทาคุมะจากสถานีทาคุมะในเวลา 8:48 น. ลงป้ายรถเมล์โอฮามะ (Ohama) เวลา 9:16 น. และจากป้ายโอฮามะ ให้ขึ้นสายโชไนที่วนด้านตะวันออกในเวลา 10:06 น. จะถึงปากทางขึ้นเขาชิอุเดะในเวลา 10:36 น.
เดินทางด้วยจักรยานก็ได้เหมือนกัน
คาบสมุทรโชไนเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับผู้ที่ชอบจักรยาน บริษัท Open Air Rental Car&Bike ที่กล่าวถึงก่อนหน้ามีบริการให้ยืมจักรยานไฟฟ้าด้วย แนะนำสำหรับคนที่อยากขี่จักรยานเที่ยว
ไปรีเฟรส "เหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง" กันเถอะ
"อุราชิมะ ทาโร่" ตัวเอกในเทพนิยายหลังจากกลับมาจากวังบาดาลก็พบว่าเวลาได้ผ่านไปแล้วหลายร้อยปี กล่าวกันว่าหลังจากเปิดกล่องที่ได้รับจากพระราชาวังบาดาล เขาก็กลายเป็นคนแก่
จากเรื่องราวของ "อุราชิมะ ทาโร่" จะตีความกันอย่างไร มีวิธีการตีความหลายแบบ การตีความแบบหนึ่งคือ ในภายหลังตัวเอกได้กลับชาติมาเกิดเป็นนกกระเรียนที่มีชีวิตเป็นอมตะ และอาศัยอยู่กับเจ้าหญิงอย่างมีความสุข
สำหรับผู้เขียน เมื่อได้สัมผัสกับธรรมชาติอันงดงามที่คาบสมุทรโชไนแล้ว ก็รู้สึกสดชื่นเหมือนกับได้เกิดใหม่ สำหรับคนที่ช่วงนี้รู้สึกเหนื่อยกับชีวิต ลองมาพักผ่อนรับพลังจากธรรมชาติที่คาบสมุทรโชไนกันดูนะ
In cooperation with Classico Setonai Cafe, SUN CAFE, Draworth
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง