Start planning your trip
ตะลุยถ้ำที่ญี่ปุ่นเนี่ยนะ!? ณ อาบุคุมะโด (Abukumado) ในฟุกุชิมะ (Fukushima)
ไปตะลุยถ้ำที่ญี่ปุ่นเนี่ยนะ!? ขอบอกว่าไม่มีดี ไม่มาชวนกันหรอกค่ะ! ไปกันถึงถ้ำหินปูนที่เต็มไปด้วยหินงอก หินย้อยอลังการมากมายที่ถ้ำอาบุคุมะโด (Abukumado) ในฟุกุชิมะ (Fukushima) สถานที่ที่น้องๆ แก๊งหมูป่าเคยมาเยือน!?
ตะลุยถ้ำที่ญี่ปุ่นเนี่ยนะ พูดจริงเหรอ!?
จริงเสียยิ่งกว่าจริงอีก! หลายท่านมาเที่ยวญี่ปุ่นคงไม่เคยนึกถึงการไป "เที่ยวถ้ำ" ทั้งที่เราก็นิยมการไปเที่ยวชมธรรมชาติอันสวยงามของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ใบไม้เปลี่ยนสี ขึ้นเขาชมวิว ชมป่าไม้
แล้วทำไมเราจะไม่ลองไปเที่ยว "ถ้ำ" ของญี่ปุ่นกันบ้างล่ะ
วันนี้เราจึงขอแนะนำให้รู้จักกับ อาบุคุมะโด (Abukumado) ถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ที่เดินเที่ยวได้ง่ายๆ ในเมืองทามุระ (Tamura) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) กัน!
เดินทางไปฟุกุชิมะด้วยรถไฟชินคันเซ็น
เนื่องจากเป้าหมายของเราครั้งนี้อยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะ จึงแนะนำให้เดินทางโดยชินคันเซ็นไปจนถึงสถานีใกล้เคียงก่อน จะได้สะดวกค่ะ
นั่งรถสายโทโฮคุชินคันเซ็น (Tohoku Shinkansen) จากสถานีอุเอโนะ (Ueno) หรือสถานีโตเกียว (Tokyo) ก็ได้ เราจะไปลงกันที่สถานีโคริยามะ (Koriyama) ถ้านั่งจากโตเกียวราคา 7,810 เยน และนั่งจากอุเอโนะราคา 7,600 เยน แน่นอนว่าหากใครมี JR Pass หรือ JR Tohoku Pass ก็สามารถใช้นั่งได้ฟรีค่ะ
เมื่อถึงสถานีโคริยามะแล้ว การเดินทางเที่ยวในจังหวัดฟุกุชิมะนั้น ขอแนะนำว่าการใช้รถเช่าถือว่าสะดวกที่สุด เนื่องจากจังหวัดนี้กว้าง และในบางที่อาจจะมีรถไฟหรือรถบัสเข้าถึงน้อย หากมีรถของตัวเองจะขับเที่ยวได้ชิลๆ และตามใจอยากได้มากกว่าค่ะ
ร้านเช่ารถมีให้เลือกหลายเจ้าทั้งในสถานีรถไฟและด้านนอกทางออกฝั่งตะวันออกและตะวันตก เจ้าดังๆ ก็อย่าง Orix หรือ Nippon Rent a car ลองเช็คกันดูได้นะคะ
กรุณาใส่รหัสคูปอง "jyd3sWbrAM" ขณะทำการจองบนเว็บไซต์ทางการ
สู่ถ้ำหินปูน อาบุคุมะโด (Abukumado)
ขับรถออกจากสถานีโคริยามะโดยให้เครื่องนำทางช่วย หากใส่ชื่อถ้ำไม่ได้ ก็สามารถลองใส่ที่อยู่ว่า "1 Hibashikamayama, Takinemachi Sugaya, Tamura, Fukushima" ได้ค่ะ
ขับรถมาใช้เวลาประมาณ 50 นาที เมื่อมาถึงแล้ว เราจะเห็นผาสูงโดดเด่นมาก่อนเลย ทิวทัศน์รอบข้างนี้จริงๆ เกิดจากการที่แถวนี้เป็นเหมืองหินปูนค่ะ ถ้ำอาบุคุมะโดนั้นก็ถูกขุดพบระหว่างทำเหมืองหินปูนในปี 1969 นั่นเอง
ถ้ำอาบุคุมะโดเป็นถ้ำที่มีความยาวราว 600 เมตร มีหินงอกหินย้อยมากจนถูกกล่าวว่าเป็นอันดับหนึ่งในซีกโลกตะวันออกเลยทีเดียว ความยิ่งใหญ่และงดงามนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังจากธรรมชาติ ซึ่งใช้เวลามากถึง 80 ล้านปี
แค่คิดว่ากำลังจะได้ไปชมของขวัญจากโลกดึกดำบรรพ์ก็ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว!
ด้านหน้าของถ้ำเป็นลานกว้างที่นั่งชมวิวได้สบายๆ มีร้านขายของฝากที่ชั้นสองเป็นร้านอาหารด้วย สามารถพักผ่อนในบริเวณนี้ได้ แต่ถ้าใครพร้อมแล้วก็ไปยังเคานเตอร์จำหน่ายตั๋วเข้าถ้ำกัน โดยมีราคาค่าเข้าดังต่อไปนี้
ราคา | |
ผู้ใหญ่ (อายุ 16 ปีขึ้นไป) | 1,200 เยน |
เด็กมัธยมต้น (อายุ13 - 15 ปี) | 800 เยน |
เด็กประถม (อายุ 7 - 12 ปี) | 600 เยน |
คอร์สผจญภัย | จ่ายเพิ่มเติม 200 เยน |
และหากมากันเป็นหมู่คณะตั้งแต่ 15 คนจะมีส่วนลดสำหรับคอร์สมาตรฐานให้ด้วย
Picture courtesy of Abukumado Administration Office
เส้นทางภายในถ้ำตามรูปนั้น เส้นสีฟ้าคือคอร์สมาตรฐาน ความยาว 600 เมตร (ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) ส่วนสีชมพูคือคอร์สผจญภัย 120 เมตร ที่สามารถเลือกเข้าหรือไม่เข้าก็ได้ (ใช้เวลาประมาณ 10 นาที) ระหว่างทางจะมีหินงอกหินย้อยรูปทรงต่างๆ น่าประหลาดใจให้ได้ชมกัน
งั้นเราไปบุกถ้ำเลยดีกว่า!
ชมความงามของถ้ำช่วงต้น
ทางเดินในถ้ำอาบุคุมะโดนั้นถือว่าเตรียมเอาไว้ดี เดินง่าย และไม่ต้องลุยน้ำ แต่มีส่วนที่ต้องก้มเงย ขึ้นบันได หรือผ่านทางแคบบ้าง จึงควรแต่งตัวให้ทะมัดทะแมงค่ะ
มีการตั้งชื่อให้กับบรรดาหินงอกหินย้อยที่มีขนาดใหญ่และรูปร่างชัดเจนด้วย ในถ้ำช่วงต้นนี้มี โยไกโนะโท (Yokai no To - Tower of Ghosts) ที่แปลว่า "หอคอยอสูร" เพราะหินมีหน้าตาเหมือนปีศาจ และ ฮาคุจิโนะทาคิ (Hakuji no Taki - White Porcelain Falls) ที่แปลว่า "น้ำตกกระเบื้องขาว" เพราะรูปร่างหินที่เหมือนกับน้ำตกนั่นเอง
อยากสนุกกับถ้ำให้เต็มที่ต้องแวะ "คอร์สผจญภัย"
เมื่อมาถึงราวๆ กลางถ้ำเราพบทางแยกที่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ ทางซ้ายมือคือเส้นทางแบบง่าย ระยะทางสั้น มีบันไดพาขึ้นไปสู่ห้องโถงใหญ่ แต่ถ้าใครอยากสัมผัสกับธรรมชาติของถ้ำให้มากกว่านี้ เราขอแนะนำให้ไปทางขวามือที่เป็น "คอร์สผจญภัย" (ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 200 เยน) ค่ะ
คอร์สนี้เป็นเส้นทางสั้นๆ แค่ 120 เมตร แต่จะมีจุดที่เป็นทางแคบๆ มีน้ำไหลผ่านเอื่อยๆ อาจทำให้เลอะได้นิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แค่ทางเข้าเราก็จะได้พบกับบึงน้ำใสแจ๋วสมชื่อ เซ็นชินโนะอิเคะ (Senshin no Ike) ที่แปลว่า "บึงชำระจิตใจ" ตามทางเราจะได้ชมหินงอกหินย้อยอีกมากมายเช่นกัน
ห้องโถง "ตำหนักทาคิเนะ" หินงอกหินย้อยสุดอลังการ
แล้วก็มาถึงจุดที่อลังการที่สุดของถ้ำ คือบริเวณห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 29 เมตร และได้รับชื่อว่า ทาคิเนะโกะเท็น (Takine Goten) แปลว่า "ตำหนักทาคิเนะ" เราสามารถชมหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่ซึ่งมีลักษณะโดดเด่นและหายากได้ที่นี่ค่ะ
ใครเหนื่อยแถวนี้ก็มีจัดเตรียมเก้าอี้ไว้ให้นั่งพัก จะเดินชม ถ่ายรูปที่ระลึกก็ย่อมได้ หินงอกหินย้อยที่โดดเด่นจะมีป้ายแนะนำไว้ (ภาษาญี่ปุ่นหรืออังกฤษ) พร้อมปุ่มกดเปิดไฟเพื่อฉายให้รู้ว่าเป็นหินส่วนไหน
สำหรับคนที่อยากรู้เรื่องราวของถ้ำอย่างละเอียดมากขึ้น สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่ชื่อ Omotenashi Guide ที่จะแสดงข้อมูลภาษาไทยและภาษาอื่นๆ เพิ่มเติมเมื่อไปถึงจุดต่างๆ ที่มีเครื่องหมาย ที่สำคัญคือไม่ต้องต่ออินเตอร์เน็ตก็ใช้งานได้ด้วย
*แต่การดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นจำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท จึงต้องดาวน์โหลดก่อนเข้าภายในถ้ำ
หินงอกหินย้อยที่ชมได้ในโถงนี้มีทั้งหินน้ำไหลขนาดใหญ่ (Big Flow Stone) ที่อยู่ด้านหลังในภาพ ขนาดสูงใหญ่กว่ามนุษย์เสียอีกนะ
โล่หินปูน (Cave Shield) ขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โครงสร้างหินปูนแบบ Boxwork ที่เปิดให้ชมที่ถ้ำนี้เพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่น
Picture courtesy of Abukumado Administration Office
ม่านหินย้อยที่ดูบางพริ้วจนได้รับชื่อว่าม่านคริสตัล (Crystal Curtain) และยังมีหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่อลังการแปลกตาอีกมาก
จุดถ่ายรูปที่อยากแนะนำคือด้านหน้าของ ฟุเมตสึโนะทากิ (Fumetsu no Taki) ที่ดูราวกับน้ำตกไหลจากเพดานลงมาสมชื่อที่แปลว่า "น้ำตกที่ไม่มีวันสูญสลาย"
และ ทาคิเนะโนะชะโท (Takine no Shato) หรือ "หอเอนแห่งทาคิเนะ" เป็นหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่เอนติดกับทางเดิน ให้เราถ่ายความอลังการได้อย่างใกล้ชิด
ถ้ำช่วงปลายที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
ออกจากโถงใหญ่มุ่งสู่ทางออก ระหว่างทางยังมีผลงานศิลปะจากธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเรียงรายอีกเพียบเลยค่ะ
เริ่มตั้งแต่ห้องโถงอีกห้องที่มีความสูง 13 เมตรชื่อ ริวกูเด็น (Ryugu den) หมายถึง "วังมังกร" ที่จะมีหินรูปเห็ด (Kinoko Iwa) ให้ชมด้านบน
เดินเลยไปอีกนิดจะพบกับต้นไม้ขนาดใหญ่! ซึ่งก็คือหินงอกหินย้อยที่ชื่อ จุเฮียว (Juhyo) ชื่อเดียวกับปรากฏการณ์ปีศาจน้ำแข็งบนต้นไม้ และ คริสมาสทรี (Christmas Tree)
เลยไปอีกนิดจะพบกับแนวทำนบหินปูน (Rimstone) ที่เป็นลวดลายโค้งไปมาอย่างอัศจรรย์
ส่วนตรงปากทางออกจะมี สึกิโนะเซไก (Tsuki no Sekai) หรือ "โลกพระจันทร์" ซึ่งเป็นกลุ่มหินงอกหินย้อยน้อยใหญ่พร้อมการประดับไฟให้บรรยากาศเหมือนต่างโลกให้ชมค่ะ
แวะซื้อของฝากทั้งขนมและสินค้าน่ารัก
เมื่อเดินพ้นทางออกเราจะโผล่มาที่ด้านหลังร้านค้า ก็แวะเข้าไปนั่งพักเหนื่อยทานอาหารที่ชั้น 2 และแวะซื้อสินค้าของฝากของที่ระลึกกันได้เลย
ที่ชั้น 1 จะมีของฝากของที่ระลึกทั้งขนมแบบพิเศษของอาบุคุมะโด และยังมีขนม ของกินขึ้นชื่อและผลไม้ของจังหวัดฟุกุชิมะขายอีกด้วย
ของดังฟุกุชิมะและแถบตะวันออกเฉียงเหนือของภูมิภาคโทโฮคุก็ได้แก่ ลูกพีช ซุนดะ ลิ้นวัว ที่ผลิตออกมาเป็นขนมมากมาย ส่วนสินค้าก็มีทั้งของที่ระลึกอย่างพวงกุญแจ ตุ๊กตา แต่ที่น่ารักสุดๆ คือตุ๊กตาและของแต่งบ้านรูปอากาเบโกะ (Akabeko) วัวสีแดงมงคลของจังหวัดฟุกุชิมะ
ตัวผู้เขียนเองก็ได้หยิบคุกกี้ดวงดาวของถ้ำอาบุคุมะ เยลลีกับคาราเมลรสพีช และขนมมันฝรั่งยอดฮิตจากาบี (Jagabee) รสพิเศษของแถวนี้มา เป็นรสขนมพื้นบ้านซุนดะ (ถั่วแระบด) ค่ะ
ส่วนชั้น 2 เป็นร้านอาหารที่มีเมนูหลากหลายทั้งข้าวและเส้น มีตู้โชว์ตัวอย่างอาหารอยู่ข้างๆ ด้วย จะทานเป็นข้าวหน้าหมูทอด ข้าวแกงกะหรี่ อุด้ง โซบะใส่ผักป่าหรือใส่เนื้อ และอื่นๆ ก็ได้ กดซื้อคูปองจากตู้แล้วไปยื่นให้กับพนักงานที่เคาน์เตอร์ได้เลย
กำแพงกระจกของชั้น 2 นอกจากจะทำให้ร้านสว่างสดใสแล้ว ยังชมวิวสวยๆ ได้อีกด้วยค่ะ
เมนูที่น่าสนใจเห็นจะไม่พ้นเซ็ตอาหารหมูผัดซอสจูเน็นมิโซะ (じゅうねんみそ焼き定食 - Junenmisoyaki Teishoku) ราคา 1,200 เยน เพราะอาหารจานนี้นำเอาหมูไปผัดกับมิโซะสูตรเฉพาะของท้องถิ่นที่ผสม "เอโกมะ (Egoma)" พืชในตระกูลงาขี้ม้อน แต่คนในฟุกุชิมะจะเรียกว่า "จูเน็น" ที่แปลว่า "สิบปี" เพราะเชื่อว่าดีต่อสุขภาพ ทานแล้วจะต่ออายุได้อีก 10 ปีเลยทีเดียว
สัมพันธ์ไทยญี่ปุ่นผ่าน "แก๊งหมูป่า"
ที่ชั้น 1 เราจะเห็นร้านเขาประดับเสื้อสีเหลืองที่มีภาษาไทยอยู่ด้วย นั่นเป็นเสื้อของแก๊งหมูป่า 13 ชีวิตของทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมีที่ประสบเหตุติดในถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย ในเหตุการณ์นั้นทางญี่ปุ่นเองได้ยื่นความช่วยเหลือมาเช่นกัน และสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ภารกิจช่วยเหลือดำเนินไปจนสำเร็จคือ อุปกรณ์เรืองแสงใต้น้ำ ซึ่งผลิตขึ้นในฟุกุชิมะนั่นเอง
หลังเหตุการณ์นั้น ทางบริษัทผู้ผลิตจึงได้ชวนชาวทีมหมูป่ามาเยือนชมจังหวัดฟุกุชิมะ ชมโรงงานผลิตอุปกรณ์เรืองแสง รวมถึงมายังถ้ำอาบุคุมะนี้ด้วยค่ะ
อุปกรณ์เรืองแสงนี้ชื่อ ลูน่าแวร์ (Luna Ware) เป็นเซรามิกเรืองแสงได้โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า และส่องสว่างในน้ำได้ มีจำหน่ายเป็นชิ้นเล็กๆ ในร้านขายของฝากด้วย ยามที่มีเหตุฉุกเฉินในถ้ำอาบุคุมะโด ก็จะใช้อุปกรณ์นี้ในการนำทางเช่นเดียวกัน
สี่ฤดูของอาบุคุมะโด
เนื่องจากที่นี่เป็นถ้ำซึ่งภายในมีอุณหภูมิค่อนข้างคงที่ตลอดทั้งปีที่ประมาณ 15 องศา ฤดูหนาวจะอบอุ่นกว่าภายนอก ส่วนฤดูร้อนจะเย็นสบาย เราจะแวะมาเมื่อไหร่ก็เข้าชมได้สบายๆ เสมอค่ะ
Picture courtesy of Tamura City
นอกจากนี้หากมาเยือนในต้นฤดูร้อน (ราวๆ มิถุนายน - กรกฏาคม) ตรงเนินด้านข้างทางเข้าถ้ำจะปลูกต้นลาเวนเดอร์กว่า 5 หมื่นต้นออกดอกกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณเลยค่ะ
ในฤดูหนาวจะมีการประดับไฟอิลลูมิเนชั่นในถ้ำให้ได้ชมอีกด้วย (ธีมจะเปลี่ยนไปทุกปี)
ข้อควรระวังในการมาเยือนถ้ำอาบุคุมะโด
อย่างที่เล่าไปด้านบนแล้วว่าเนื่องจากที่นี่เป็นถ้ำ มีการเดินขึ้นลงราว 300 ขั้น โดยเฉพาะหากใครอยากเข้าไปเดินในคอร์สผจญภัยขอแนะนำให้แต่งตัวแบบทะมัดทะแมง ใส่รองเท้าผ้าใบ และเสื้อผ้าที่หากต้องเลอะก็ไม่เป็นไร ตัวถ้ำไม่ได้ให้เราต้องบุกตะลุยน้ำหรือสิ่งสกปรก แต่ในการลอดพื้นที่แคบๆ เสื้อผ้าเราอาจเปียกเล็กน้อยจากการสัมผัสผนังหรือพื้นถ้ำได้ค่ะ
และผู้ที่มีลักษณะดังนี้จะไม่สามารถเข้าชมภายในได้ ได้แก่ ผู้ที่ต้องใช้รถเข็น ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บอยู่ ผู้ที่เดินไม่สะดวก ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ผู้ที่อยู่ในอาการมึนเมา และผู้ที่มีปัญหาด้านหัวใจ
ที่เที่ยวละแวกใกล้เคียง
ใช้เวลาจากสถานีราวๆ เกือบชั่วโมง จะเที่ยวแค่ที่นี่ที่เดียวหากใครรู้สึกไม่คุ้มเหนื่อย เราก็ขอนำเสนอที่เที่ยวอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหอดูดาวโฮชิโนะมุระ (Hoshinomura Tenmondai) ดินแดนด้วงกว่างมุชิมุชิแลนด์ (Mushimushi Land) ถ้ำอิริมิซุ (Irimizu) ที่เป็นถึงอนุสรณ์ทางธรรมชาติของญี่ปุ่น ศาลเจ้าอิโซซากิ (Isozaki Shrine) ที่ดูมีมนต์ขลัง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสามารถติดตามต่อได้ในบทความ "รวมที่เที่ยว สัมผัสธรรมชาติชนบทญี่ปุ่นที่เมืองทามุระ (Tamura) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima)" เลยค่ะ!
เที่ยวถ้ำในญี่ปุ่น อาจจะยังเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่คาดไม่ถึง แต่ขอบอกว่าก็เป็นของดีที่คาดไม่ถึงเช่นกันนะ เที่ยวญี่ปุ่นคราวหน้าลองมาพบกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ในฟุกุชิมะกันไหมคะ!
Sponsored by Tamura City
Written by Kogetsu
อ่านบทความแล้วตอบแบบสอบถามชิงรางวัลบัตร Starbucks!
เพียงอ่านบทความแล้วตอนแบบสอบถาม บอกความรู้สึกของคุณ เราจะสุ่มผู้โชคดีจำนวน 10 ท่าน ส่งบัตร Starbucks (สำหรับใช้ในไทย) แทนคำขอบคุณไปให้นั่งดื่มกาแฟกันได้เลย!
นอกจากบทความนี้แล้ว ยังมีอีกบทความหนึ่ง รวมที่เที่ยวสัมผัสธรรมชาติชนบทญี่ปุ่นในเมืองทามุระ จังหวัดฟุกุชิมะ (Tamura, Fukushima) ให้อ่านและตอบแบบสอบถามเช่นกัน หากทำแบบสอบถามของทั้งสองบทความเลย โอกาสสุ่มก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 สิทธิ์เลย อย่าลืมไปทำกันนะ
กำหนดร่วมตอบแบบสอบถามภายในวันที่ 31 มีนาคม 2020 และจะประกาศผลโดยการติดต่อไปยังผู้โชคดีโดยตรงภายในเดือนเมษายน 2020
ข้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบสอบถามนี้จะนำไปใช้เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัด ส่วนอีเมลจะทำการลบทิ้งเมื่อเสร็จสิ้นการสุ่มและติดต่อผู้โชคดี
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง