Skyliner & Tokyo Subway Ticket ตั๋วเซ็ตคู่สุดประหยัด เที่ยวรอบโตเกียวและเดินทางไปกลับสนามบินนาริตะ

ตั๋วเซ็ตคู่สุดประหยัดสำหรับเที่ยวโตเกียว
Keisei Skyliner & Tokyo Subway Ticket

มาถึงสนามบินนาริตะแล้วจะเดินทางเข้าเมืองโตเกียวยังไงดี? วิธีที่สะดวกและคุ้มที่สุดขอยกให้รถไฟ Keisei Skyliner เลย จากสถานีสนามบินนาริตะเทอร์มินอล 2-3 ไปถึงสถานีอุเอโนะใช้เวลาเร็วที่สุด 41 นาทีเท่านั้น ที่สำคัญคือได้นั่งแน่นอนเพราะเป็นรถแบบจองที่ทั้งหมด

แต่ที่พิเศษขึ้นไปอีกคือมีเซ็ตตั๋วคู่ราคาพิเศษ Keisei Skyliner & Tokyo Subway Ticket ที่มาพร้อมตั๋วนั่งรถไฟใต้ดินของโตเกียวแบบไม่จำกัดใน 24, 48 หรือ 72 ชั่วโมง คราวนี้เราขอใช้เซ็ตตั๋วคู่ นั่งรถไฟ Skyliner เดินทางจากสนามบินนาริตะแล้วเที่ยวต่อเลยด้วยตั๋ว Tokyo Subway Ticket แบบ 24 ชั่วโมง

วิธีซื้อตั๋ว Keisei Skyliner & Tokyo Subway Ticket

สามารถมาซื้อตั๋ว Skyliner และตั๋วเซ็ต Keisei Skyliner & Tokyo Subway Ticket ได้ที่ Skyliner & Keisei Information Center ตรงชั้นใต้ดิน B1 ของสนามบินนาริตะทั้งอาคารเทอร์มินอล 1 และเทอร์มินอล 2

ถ้ามาซื้อที่เคาน์เตอร์จะต้องชำระด้วยเงินสดเท่านั้น เพราะงั้นขอแนะนำให้ซื้อล่วงหน้าตั้งแต่ที่ไทยไปเลยแบบ e-ticket ทางอินเตอร์เน็ตผ่านเว็บไซต์ทางการ https://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/e-ticket/en/ เพราะสามารถจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้

ตั๋ว Skyliner เที่ยวเดียวและตั๋ว Tokyo Subway Ticket 24 ชั่วโมง
1. ระบุวันที่จะใช้บริการ
2. เลือกตั๋วแบบเที่ยวเดียวหรือไปกลับ
3. สถานีที่จะขึ้น-ลง
4. จำนวนผู้ใหญ่และเด็ก
5. เลือกประเภทตั๋วรถไฟใต้ดินแบบ 24, 48 หรือ 72 ชั่วโมง
6. กรอกชื่อ (ตามพาสปอร์ต) อีเมล หมายเลขบัตรเครดิต
7. ตรวจสอบรายละเอียดและชำระเงิน

พอมาถึงญี่ปุ่นก็นำเมลรหัสนี้ไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูคู่กับพาสปอร์ตที่เคาน์เตอร์เพื่อรับตั๋วก็เสร็จเลย

ราคาของตั๋ว Keisei Skyliner & Tokyo Subway Ticket

ตั๋วรถไฟ Skyliner มีให้เลือกระหว่างตั๋วเที่ยวเดียว (นั่งจากสนามบินนาริตะเข้าเมือง หรือนั่งจากในเมืองกลับไปสนามบินนาริตะก็ได้) และตั๋วทั้งขาไป-ขากลับ เมื่อซื้อเป็นเซ็ตคู่กับ Tokyo Subway Ticket จะได้ส่วนลดสูงสุดถึง 2,260 เยนเลยทีเดียว ลองดูจากตารางด้านล่างนี้ได้

ราคาในวงเล็บคือราคาสำหรับเด็กอายุระหว่าง 6-11 ปี รวมนักเรียนประถมอายุ 12 ปี / ส่วนลดที่แสดงเป็นส่วนลดของตั๋วราคาผู้ใหญ่

ตั๋ว Tokyo Subway Ticket นี้สามารถเลือกเก็บไปใช้วันอื่นก็ได้ โดยจะเริ่มนับชั่วโมงการใช้งานตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเสียบบัตรเข้าเครื่องตรวจตั๋วสถานีรถไฟ

เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาที่จะต้องเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บที่โรงแรม เราสามารถใช้บริการส่งสัมภาระไปยังที่พักล่วงหน้าจากสนามบินก่อนได้ แล้วก็มาเที่ยวแบบตัวเปล่าสบายๆ พอได้ตั๋วเรียบร้อยก็เดินทางกันเลย การเดินทางด้วย Skyliner สามารถดูได้จากบทความด้านล่างนี้

บริการรับฝากกระเป่า Baggage Service สถานีเคเซอุเอโนะ

อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับฝากกระเป๋าเดินทางคือเคาน์เตอร์ Baggage Service ตรงสถานีเคเซอุเอโนะ เปิดบริการตั้งแต่ 9:00 - 18:00 คิดค่าฝากใบละ 900 เยนต่อวัน อันนี้ให้ลองดูตามแผนเที่ยวของเราว่าจะไปที่ไหนบ้าง ถ้าต้องกลับมาแถวอุเอโนะอยู่แล้วก็เอามาฝากที่นี่จะสะดวกมาก

ถนนช้อปปิ้งอาเมโยโกะ

ออกจากสถานีเคเซอุเอโนะมาด้านบนแล้วข้ามไปฝั่งตรงข้ามก็คือ อาเมโยโกะ (Ameyoko) แหล่งรวมสารพัดร้านค้าตั้งแต่อาหารทะเลสด-ตากแห้ง ร้านขายชาญี่ปุ่น ร้านอาหารหลากชนิด ร้านขายยา และร้านเสื้อผ้าสินค้าแฟชั่น ใครอยากซื้อของฝากกลับไทยขอแนะนำให้มาเดินที่นี่เลย

เมื่อเดินตามทางไปเรื่อยๆ จะไปโผล่อีกฝั่งของอาเมโยโกะซึ่งมีสถานีอุเอโนะโอคาจิมาจิ (Ueno-okachimachi) ของรถไฟโทเอสายโอเอโดะ (Oedo Line) ที่เราจะใช้นั่งไปตลาดสึคิจิกัน

ข้าวหน้าอาหารทะเลสด สึคิจิดงบุริอิจิบะ

12:01 สถานีอุเอโนะโอคาจิมาจิ (Ueno-okachimachi) → 12:20 สถานีสึคิจิชิโจ (Tsukijishijo) ทางออก A1

พูดถึงสึคิจิต้องนึกถึงตลาดปลา ถึงตอนนี้ตลาดปลาจะย้ายไปยังโทโยซุแล้วแต่ที่นี่ก็ยังคึกคักไม่เปลี่ยน ออกจากสถานีแล้วเดินมาแป๊บเดียวก็ถึง

ตอนนี้ก็เที่ยงพอดีเราเลยขอมาฝากท้องกันที่ร้าน สึคิจิดงบุริอิจิบะ (Tsukiji Donburi Ichiba) จุดสังเกตอยู่ตรงป้ายที่มีคำว่า "ยินดีต้อนรับ" เป็นภาษาไทยด้วย ร้านตั้งอยู่ฝั่งริมถนนใหญ่ด้านนอกนี่เลย พวกข้าวหน้าอาหารทะเลอย่างนี้เค้าจะเรียกกันว่าไคเซ็นด้ง

เมนูของที่นี่มีเยอะมากตั้ง 20 เมนู มีรูปให้ดูพร้อมภาษาอังกฤษ ราคาไม่รวมภาษีเริ่มต้นที่ 800 เยนถึง 3,000 เยน เช่น ข้าวหน้าปลามากุโระ 800 เยน ข้าวหน้าปลาแซลมอนและไข่ปลา 1,500 เยน ข้าวหน้าไข่หอยเม่นราคาตามตลาด หรือจะเป็นแบบรวมหลายๆ อย่างมีทั้งกุ้ง ปลาแซลมอน ปลามากุโระ

เมนูยอดนิยมของทางร้านคือ หมายเลข 3 ข้าวหน้าอาหารทะเลพร้อมไข่หอยเม่น (Sea urchin & seafood) หมายเลข 5 ข้าวหน้าอาหารทะเลพร้อมปูยักษ์ (Crab & seafood) และหมายเลข 6 ข้าวหน้าเนื้อแก้มปลาทูน่าย่าง (Tuna cheek steak) เมนูนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ทานปลาดิบ

ครั้งนี้ขอสั่ง หมายเลข 5 ข้าวหน้าอาหารทะเลพร้อมปูยักษ์ (Crab & seafood) ราคาไม่รวมภาษี 1,500 เยน รอแป๊บเดียวไคเซ็นด้งพร้อมซุปมิโซะหนึ่งถ้วยก็ถูกส่งมาจากในร้าน รูปในเมนูเป็นยังไงของจริงก็มาอย่างนั้นเลยจริงๆ

เรียงตามเข็มนาฬิกาเริ่มที่เนื้อปูยักษ์ มากุโระ คัมปาจิ แซลมอน กุ้งหวาน ไข่หวาน และไข่ปลาแซลมอน ข้าวที่ใช้กับไคเซ็นด้งจะมีรสออกเปรี้ยวนิดๆ เรียกว่าซุเมชิ เพราะคลุกด้วยน้ำส้มสายชูเหมือนข้าวที่เอาไว้ปั้นซูชิ ส่วนใครที่สั่งข้าวหน้าเนื้อแก้มปลาทูน่าย่างจะได้เป็นข้าวสวยไม่ปรุงรส

ส่วนวิธีทานไคเซ็นด้งให้อร่อย ทางร้านแนะนำว่าให้เทโชยุใส่ถ้วยน้ำจิ้มที่มีให้ แล้วคีบปลาดิบจิ้มเอา ไม่แนะนำให้ราดลงไปในชามเพราะข้าวจะแฉะ แล้วทำให้ความอร่อยลดลงนะ

ตลาดสึกิจิดงบุริ

4-9-5 Tsukiji, Chuo-ku, โตเกียว 104-0045

เดินเล่นที่ตลาดนอก โจไก

อิ่มท้องแล้วก็มาเดินกันต่อ ส่วนของตลาดปลาที่ย้ายไปยังโทโยซุคือส่วนตลาดในที่เรียกว่า โจไน ส่วนบริเวณที่เราเดินอยู่นี่จะเรียกว่าตลาดนอก โจไก ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย มีอาหารทะเลสดๆ ขายด้วย แต่นักท่องเที่ยวอย่างเราซื้อไปก็อาจจะหาที่ปรุงลำบากหน่อย เค้าเลยมีร้านที่ย่างให้พร้อมทานเลย หอยเชลล์ย่าง เนื้อย่าง หรือใครไม่ทานอาหารทะเลก็มีไข่หวานเสียบไม้ ไม้ละ 100 เยน ใครยังทานไหวก็เลือกจัดกันได้เต็มที่

จากนั้นเราจะเดินไปขึ้นรถไฟที่อีกสถานีนึง คือสถานีสึคิจิ ของรถไฟโตเกียวเมโทร (Tokyo Metro) เพื่อไปรับโชคกันที่ศาลเจ้าอาทาโกะ

บันไดแห่งความก้าวหน้า ศาลเจ้าอาทาโกะ

13:38 สถานีสึคิจิ (Tsukiji) → 13:47 สถานีคามิยะโจ (Kamiyacho) ทางออก 3

เดินจากสถานีมาประมาณ 5 นาทีจะพบกับประตูโทริอิสีชาดตั้งเด่น ที่นี่คือ ศาลเจ้าอาทาโกะ (Atago Shrine)

ศาลเจ้าอาทาโกะมีประวัติยาวนานกว่า 400 ปี ตั้งอยู่บนเนินเขาอาทาโกะยามะ ซึ่งถือว่าเป็นเนินเขาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่สูงที่สุดในพื้นที่เมืองโตเกียวชั้นใน มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 25.7 เมตร

ด้านหลังโทริอิคือบันไดหินสูงชันที่มีชื่อว่า โอโตโกะซากะ แต่เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ ชุซเซะเซกิดัน แปลว่า บันไดหินแห่งความก้าวหน้า

มีเรื่องเล่าว่า โทคุกาวะ อิเอมิตสึ โชกุนแห่งเอโดะได้มองเห็นดอกบ๊วยบานอยู่บนยอดเขาของศาลเจ้าอาทาโกะขณะเดินทางผ่าน จึงรับสั่งให้คนขี่ม้าขึ้นไปเอากิ่งดอกบ๊วยมา แต่ด้วยความสูงชันจนน่ากลัวเลยไม่มีใครกล้าเสนอตัวสักคน อยู่ๆ ก็มีชายผู้หนึ่งขี่ม้าปีนขึ้นไปหักกิ่งดอกบ๊วย ก่อนจะขี่ม้ากลับลงมาตามบันไดหินเพื่อมอบกิ่งบ๊วยแด่โชกุน ชายผู้นั้นคือ มากากิ เฮคุโร ขุนนางจากแคว้นมารุกาเมะ

โชกุนจึงกล่าวชื่นชมชายผู้นี้ว่ามีทักษะการขี่ม้าเป็นหนึ่งในญี่ปุ่น และชื่อเสียงเรียงนามของมากากิ เฮคุโร ก็กระจายไปทั่วประเทศในทันที นี่จึงเป็นที่มาของบันไดหินที่ช่วยทำให้ก้าวหน้า

หลังจากเดินขึ้นบันไดก้าวหน้าเอาฤกษ์เอาชัยจนถึงขั้นบนสุดแล้ว ก็จะเห็นวิหารหลักอยู่ตรงหน้าเลย แต่ก่อนอื่นไปล้างมือตรงบ่อชำระล้างทางซ้ายกันก่อน

วิธีไหว้เจ้าให้หย่อนเหรียญในกล่องเงินเบาๆ โค้งคำนับ 2 ครั้ง ตบมือ 2 ครั้ง ไหว้ขอพร แล้วให้โค้งคำนับอีก 1 ครั้งเป็นอันเสร็จ

เมื่อไหว้เสร็จแล้วลองดูตรงด้านซ้ายของทางเดินจะเห็นก้อนหินวางอยู่บนแท่น นี่คือ มาเนคิอิชิ ชื่อคล้ายมาเนคิเนโกะที่เป็นแมวกวักโชคเลย เค้าว่ากันว่าถ้าเอามือมาลูบหินนี้แล้วจะทำให้โชคดีด้วย ด้านบนของหินนี่โดนลูบจนเรียบเนียนแล้ว

ยังจำเรื่องดอกบ๊วยที่เล่าไปเมื่อกี๊ได้มั๊ย ทางซ้ายมือหน้าวิหารหลักจะมีต้นบ๊วยโชกุนอุเมะ (Shogun-ume) ที่บอกว่าเป็นต้นเดียวกับที่มากากิ เฮคุโร นำไปมอบให้กับโชกุนด้วย

ดอกบ๊วยจะบานก่อนดอกซากุระ แต่ละปีอาจจะต่างกันไปตามสภาพอากาศ ส่วนใหญ่ก็ประมาณช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม

ชิบูย่า สแครมเบิลสแควร์ แลนด์มาร์กใหม่ของชิบูย่า

14:57 สถานีคามิยะโจ (Kamiyacho) → 15:05 สถานีคาซุมิกาเซกิ (Kasumigaseki) → 15:12 สถานีอาคาซากะมิตสึเกะ (Akasaka-mitsuke) → 15:20 สถานีชิบูย่า (Shibuya)

Picture courtesy of ⓒSHIBUYA SCRAMBLE SQUARE

ชิบูย่า สแครมเบิลสแควร์ (Shibuya Scramble Square) อาคารสรรพสินค้าสูงข้างสถานีชิบูย่าที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ จากสถานีชิบูย่าจะมีทางเดินเชื่อมไปยังทางเข้าเลย เข้ามาก็จะพบกับร้านขนมหวานมากมายตั้งแต่ชั้น B2 จนถึงชั้น 1 แต่เป้าหมายตอนนี้ของเราคือขึ้นไปชมวิวเมืองโตเกียวที่ความสูง 229 เมตรบน SHIBUYA SKY ก่อนอื่นให้ไปซื้อตั๋วที่ชั้น 14 ผู้ใหญ่ราคา 2,000 เยน ถ้าซื้อล่วงหน้าจะได้ราคาพิเศษด้วย ลองดูได้ที่เว็บไซต์ทางการ จากนั้นค่อยขึ้นลิฟต์ไปด้านบน

บนชั้น 46 คือ SKY GALLERY จุดชมวิวพร้อมส่วนจัดแสดงในร่ม เมื่อเดินขึ้นไปด้านบนดาดฟ้าจะเป็น SKY STAGE ที่เปิดโล่ง 360 องศา สามารถเห็นเมืองโตเกียวได้รอบด้าน วันที่อากาศดีจะเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย! มานอนดูฟ้าสวยๆ บนเปลเชือก Cloud Hammock ดูห้าแยกชิบูย่าจากมูมสูง แล้วก็ถ่ายภาพสวยๆ เป็นที่ระลึกกันได้เลย

ชาบูเนื้อวากิว ชาบูชาบูสึคาดะ

มื้อเย็นเราลงมาที่ชั้น 12 เพื่อทานอะไรแบบญี่ปุ่นๆ กันที่ร้าน ชาบูชาบูสึคาดะ (Shabu Shabu Tsukada) เด่นด้วยผ้าโนเร็นผืนใหญ่และสีน้ำตาลอบอุ่นของไม้

ที่นั่งแบบเคาน์เตอร์จะเป็นแบบแยกหม้อคนละหนึ่งหม้อ อยากทานอะไรก็เลือกสั่งกันได้ตามใจ จากนั้นพนักงานจะนำเครื่องปรุงมาวางให้ มีซอสงากับซอสพนซุให้เลือกจิ้มได้ตามชอบ

พนักงานแนะนำว่าซอสพนซุที่เป็นสีน้ำตาลเข้มรสออกเปรี้ยว ให้ผสมพริกยูซุโคโช (รูปซ้ายล่าง) ลงไปนิดแล้วโรยด้วยต้นหอมสับอีกหน่อยจะได้รสเผ็ดนิดๆ กับกลิ่นหอมสดชื่นของส้มยูซุ ส่วนซอสงาก็ให้เหยาะน้ำมันพริกรายุเพิ่มความหอม

เซ็ตชาบูมีให้เลือกหลายแบบ เช่น เนื้อสามชั้นหมู TOKYO X (Japan pork "TOKYO X" Boned Rib) ราคาไม่รวมภาษี 3,200 เยน เนื้อสันคอหมู TOKYO X (Japan pork "TOKYO X" Boston Butt) ราคาไม่รวมภาษี 3,800 เยน หมู TOKYO X นี้เป็นแบรนด์เนื้อหมูของโตเกียว จุดเด่นอยู่ที่ความสมดุลย์ของเนื้อแดงและไขมันที่ลงตัว

คนที่ไม่ทานหมูก็มีเนื้อวัวให้เลือกซึ่งขอบอกว่าเด็ด เพราะทางร้านก็เลือกใช้เนื้อวัวมีแบรนด์ของญี่ปุ่นทั้งนั้น เช่น เนื้อวัวขนดำคุโรเคะวากิว (Japanese Black Wagyu) เนื้อวัวโกเบ (Kobe Beef) เนื้อวัวมัตสึซากะ (Matsuzaka Beef)

ดูความลายของเนื้อ A4 กันก่อน ครั้งนี้ที่สั่งคือเซ็ตเนื้อสันคอวัวขนดำคุโรเคะวากิว A4 (Japanese Black Wagyu Boston Butt A4) ราคาไม่รวมภาษี 4,800 เยน ทุกเซ็ตจะมาพร้อมอาหารพิเศษประจำวัน ผักสดตามฤดูกาล ข้าวหรือราเม็ง (ถ้าสั่งข้าวจะมีให้เลือกระหว่างข้าวขาวหรือข้าวผสมธัญพืชจูโรคุโคคุไม) และขนมหวาน

เคล็ดลับในการลวกคือลวกเนื้อทีละชิ้นและอย่าลวกนาน พอสีแดงของเนื้อเปลี่ยนเป็นสีชมพูจางๆ ก็ถือว่าได้แล้ว ถ้าลวกนานหรือใส่แช่ทิ้งไว้ในหม้อเนื้อจะแข็งและเหนียว สลับจิ้มไประหว่างซอสงากับซอสพนซุจะได้เปลี่ยนรสชาติไปในตัว ส่วนผักที่ให้มานอกจากเห็ดที่ต้องใช้เวลาลวกนานหน่อยแล้ว ผักชนิดอื่นใช้เวลาลวกแค่แป๊บเดียวก็ทานได้เลย

ความเก๋อีกอย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนคือเมื่อทานเสร็จพนักงานจะตักซุปในหม้อใส่ถ้วยให้ซดด้วย เพราะซุปนี้เต็มไปด้วยความอุมามิจากเนื้อและผักที่เราลวก

ตบท้ายด้วยขนมหวานที่มีให้เลือก 3 อย่างจาก ไอศกรีมนมฮอกไกโด พุดดิ้งมะม่วง หรือ วาราบิโมจิ ครั้งนี้เลือก ไอศกรีมนมฮอกไกโด (Hokkaido Milk Ice Cream) มาพร้อมแป้งโมนากะทรงขวดนมน่ารักมาก ปิดท้ายมื้ออร่อยแบบเย็นชื่นใจ

Shabu Shabu Tsukada Shibuya Scramble Square

2-24-12 ชิบูย่า, ชิบูย่า-คุ, โตเกียว 150-0002 Scramble Square 12F

เที่ยวทั่วโตเกียวแบบประหยัดด้วยตั๋วสุดคุ้ม Keisei Skyliner & Tokyo Subway Ticket

เดินทางจากสนามบินนาริตะเข้าเมืองโตเกียวอย่างรวดเร็วด้วย Skyliner จากนั้นก็เที่ยวต่อได้เลยด้วยบัตร Tokyo Subway Ticket คุ้มและสะดวกอย่างนี้อย่าลืมซื้อใช้กันตอนมาเที่ยวญี่ปุ่นนะ

สรุปการเดินทาง
สนามบินนาริตะ → สถานีเคเซอุเอโนะ → ตลาดอาเมโยโกะ → ตลาดสึคิจิ → ข้าวหน้าอาหารทะเลสึคิจิดงบุริอิจิบะ → ศาลเจ้าอาทาโกะ → ชิบูย่า สแครมเบิลสแควร์ → จุดชมวิวชิบูย่าสกาย → ชาบูชาบูสึคาดะ

ค่าใช้จ่าย
ค่าเดินทาง : 2,840 เยน
ค่าอาหารและขนม : 7,470 เยน
ค่าขึ้นจุดชมวิว : 2,000 เยน

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 12,310 เยน

นอกจากตั๋ว Keisei Skyliner & Tokyo Subway Ticket ที่เราใช้ในวันนี้ ยังมีตั๋วพิเศษอีกหลายแบบเช่น KEISEI SKYLINER & TEITO TAXI สำหรับนั่งแท๊กซี่ส่งตรงถึงหน้าโรงแรมที่พัก ลองดูข้อมูลเกี่ยวกับ Skyliner เป็นภาษาไทยได้ที่ http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/th/

Supported by Keisei Electric Railway Co.,Ltd.