เที่ยว 1 วันแบบเรโทรที่ชิบะมาตะ (Shibamata) ย่านชิตะมาจิของโตเกียว

เที่ยวโตเกียวแบบเรโทรในย่านชิตะมาจิ (Shitamachi)

สำหรับใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นหลายครั้งแล้ว คงอยากหาที่เที่ยวใหม่ๆ หรือใครที่มาเป็นครั้งแรก แต่ก็อยากเที่ยวไม่เหมือนใคร!

คราวนี้เราขอพาไปเที่ยวแบบย้อนยุคนิดๆ ได้กลิ่นอายเรโทรแบบญี่ปุ่นกัน โดยจะเริ่มกันที่สถานีอุเอโนะ เที่ยวตามจุดเด็ดๆ ที่คนยังไม่ค่อยรู้ ก่อนไปจบที่โตเกียวสกายทรี

วันนี้เราเลือกใช้ตั๋วสุดพิเศษของบริษัทรถไฟ Keisei (เคเซ) ตั๋ว Shitamachi Biyori Pass (ชิตะมาจิ บิโยริ พาส) ครับ ราคาผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก (ไม่เกินประถม) 250 เยน เป็นตั๋วฟรีพาสสำหรับนั่งรถไฟของ Keisei ในพื้นที่โตเกียวกี่ครั้งก็ได้ใน 1 วัน แล้วก็ยังสามารถแสดงตั๋วนี้เพื่อรับส่วนลดตามสถานที่ที่ร่วมรายการได้ด้วย

ชื่อของตั๋วนี้ก็เข้ากับธีมเที่ยวของเรามาก เพราะคำว่า Shitamachi (ชิตะมาจิ) ในชื่อตั๋วแปลว่าย่านกลางเมือง เดิมมักเป็นที่อยู่อาศัยของพ่อค้าและช่างฝีมือ ในปัจจุบันก็จะหมายถึงย่านเมืองที่ยังเหลือกลิ่นอายเก่าๆ นั่นเอง ย่านชิตะมาจิที่คนไทยรู้จักกันดีก็คืออาซากุสะ แต่วันนี้เราจะพาไปเที่ยวย่านที่ยังให้บรรยากาศบ้านๆ ยิ่งกว่านั้น ที่สำคัญคือ ไปง่ายและอยู่ในโตเกียวด้วย

9:40 ซื้อตั๋วที่สถานี Keisei Ueno

วันนี้เราตื่นแบบสบายๆ ใช้สถานี Keisei Ueno เป็นจุดเริ่มต้น ก่อนอื่นก็ไปซื้อตั๋วที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติกันเลย

1. กดปุ่ม English เลือกเมนูเป็นภาษาอังกฤษ
2. กดปุ่ม Coupon เพื่อเลือกเมนูตั๋วแบบพิเศษ
3. กดปุ่ม Shitamati Biyori Pass ใส่เงินเข้าเครื่องและรอรับบัตร

เราจะได้ตั๋วกระดาษใบใหญ่หน้าตาแบบในรูปเพื่อเอาไว้ใช้นั่งรถไฟกัน สถานีอุเอโนะของบริษัท Keisei จะอยู่ห่างจาก JR ออกมานิด อยู่หน้าสวนสาธารณะอุเอโนะ ตรงข้าม Yodobashi Camera เลย แถมที่นี่ยังเป็นสถานีต้นทาง/ปลายทางของรถ Skyliner ที่ไว้นั่งไปสนามบินนาริตะได้อย่างรวดเร็ว แสนสบาย ใครอยากรู้จัก Skyliner พร้อมบริการสุดสะดวกมากมายจาก Keisei ตามไปอ่านที่บทความ "จากสนามบินนาริตะไปโตเกียว ถูกและดีแถมยังเร็วมีที่ Skyliner!" ได้เลย

10:00 พิพิธภัณฑ์ชิตะมาจิ (Shitamachi Museum)

Picture courtesy of Shitamachi Museum

ที่แรกยังไม่ต้องนั่งรถไฟ ออกจากสถานี Keisei Ueno ทางออก Main Entrance แล้วเดินไปทางขวามือจนเจอสามแยก เลี้ยวขวาไปอีกนิด เดินทั้งหมดประมาณ 3 นาทีจะเจอทางเข้าสวนอุเอโนะส่วนที่เป็นบึงบัวชิโนบาซุ (Shinobazu Pond) พิพิธภัณฑ์จะอยู่ขวามือตรงทางเข้าพอดี เป็นอาคาร 2 ชั้นที่ดูผสมผสานกันระหว่างความเป็นญี่ปุ่นสมัยเก่าและใหม่

Picture courtesy of Shitamachi Museum

พิพิธภัณฑ์ชิตะมาจิ (Shitamachi Museum) สร้างขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเขตไทโตในสมัยก่อน ด้านในจำลองบ้านเรือนร้านค้าในชิตะมาจิของญี่ปุ่นยุคไทโช (ค.ศ. 1912 - 1926) ขนาดเท่าจริง บ้านแต่ละหลังสามารถถอดรองเท้าแล้วเข้าไปดูด้านในได้ ในอาคารจะมีเสื้อคลุมญี่ปุ่นให้สวมเล่นไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้เลย (เฉพาะส่วนนิทรรศการชั้น 1) บรรยากาศกับแสงเค้าจัดมาสมจริงมาก เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตเลย

ชั้น 2 จะมีทั้งนิทรรศการถาวรและนิทรรศการหมุนเวียน มีจัดแสดงของเล่นโบราณและจำลองบ้านของคนญี่ปุ่นในช่วงกลางยุค 50 - 60 พวกโทรทัศน์ วิทยุ หม้อหุงข้าวที่แสดงคือของเก่าที่เคยถูกใช้ในยุคนั้นจริงๆ ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ได้ทั้งความรู้และความสนุกไปในตัว และขอแนะนำสำหรับคนชอบถ่ายรูป เพราะมีจุดให้ถ่ายรูปในบรรยากาศเรโทรเต็มเลย

* ส่วนลดเมื่อแสดงบัตร Shitamachi Biyori Pass
- ส่วนลดค่าเข้า ผู้ใหญ่จาก 300 เหลือ 200 เยน เด็กประถมถึงมัธยมปลายจาก 100 เหลือ 50 เยน

พิพิธภัณฑ์ศุลกากรเขตไทโตะ ริทสึชิตะ

2-1 สวนอุเอโนะ, Taito-ku, โตเกียว 110-0007

11:00 นั่งรถไฟไปสถานีชิบามาตะ (Shibamata)
ชมย่านร้านค้าและวัดเก่าแก่ที่ยังคงบรรยากาศแบบดั้งเดิม

จากสถานี Keisei Ueno นั่งรถไฟไปลงที่สถานีทากาซาโกะ (Takasago) แล้วเปลี่ยนไปรถไฟสายคานามาจิ (Kanamachi line) ชานชาลาจะอยู่ในสถานีเดียวกัน แต่ต้องออกที่ตรวจตั๋วไปครั้งนึงก่อน นั่งไปอีกแค่สถานีเดียวก็ถึงสถานีชิบามาตะ (Shibamata) รวมใช้เวลาแค่ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น

ออกจากสถานีเราก็จะเห็นรูปปั้นของคนสองคนตั้งอยู่ ซึ่งก็คือโทระซัง ตัวเอกจากละครและภาพยนตร์ชื่อดังของญี่ปุ่นเรื่อง Otoko wa tsurai yo (It's Tough Being a Man) และน้องสาว ถามว่าดังขนาดไหนก็ต้องบอกว่าถึงขนาดที่มีภาพยนตร์มาแล้วถึง 48 ภาค!
ถนนร้านค้าที่ตรงไปสู่วัดไทชาคุเท็นถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องนี้ จึงมักมีแฟนละครมักมาเยือนอยู่เสมอ
เมื่อมาถึงแล้ว เราไปไหว้พระกันก่อนเลยดีกว่า!

11:10 ขอพรเรื่องสุขภาพที่วัดไทชาคุเท็น (Taishakuten Daikyoji Temple)

จากสถานีเดินตรงไปตามทางที่มีซุ้มประตูแล้วไปตามทางเรื่อยๆ จะเจอถนนที่มีร้านรวงสองข้างทาง เราเดินผ่านตรงไปก่อนจนมาถึงประตูวัดไทชาคุเท็น ไดเคียวจิ (Taishakuten Daikyoji Temple) วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1629 ตั้งแต่สมัยที่โตเกียวยังถูกเรียกว่าเอโดะอยู่เลย เป็นวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องการขอพรด้านสุขภาพ และจุดเด่นอีกอย่างคือประติมากรรมไม้แกะสลักแสนวิจิตรที่ประตูด้านหน้าวัดและรอบอุโบสถ

เมื่อผ่านประตูวัดเข้าไปเราจะเห็นต้นสนซุยริวมัตสึตรงหน้าอุโบสถไทชาคุโด กิ่งก้านแผ่ยาวออกไปทุกทาง ที่เห็นกิ่งยาวๆ พาดอยู่ด้านหน้าอุโบสถนั่นคือกิ่งจากต้นสนต้นเดียวเลยนะ ฝั่งที่ยาวที่สุดยาวถึง 14.5 เมตรจนต้องใช้ไม้ค้ำยัน คาดกันว่าน่าจะมีอายุมากกว่า 500 ปีเลย

หลังจากไหว้พระขอพรตรงอุโบสถแล้วเราก็เดินอ้อมไปทางขวาโดยไม่ต้องลงจากอุโบสถเพื่อไปแวะชมแกลอรี่ประติมากรรมไม้แกะสลัก (Choukoku Gallery) และสวนญี่ปุ่นกัน ซื้อตั๋วตรงเคาน์เตอร์ราคา 400 เยน (ส่วนลด Shitamachi Biyori Pass เหลือ 300 เยน) แล้วไปชมงานแกะสลักกันโดยเดินขึ้นข้างบนก่อนนะ

งานไม้แกะสลัก 10 ภาพนี้ก็คือตัวผนังด้านนอกของอุโบสถไทชาคุโดนั่นเอง แต่ละภาพบอกเล่าเรื่องราวของสัทธรรมปุณฑริกสูตรของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ด้านหน้ารูปแกะสลักจะมีคำอธิบายภาษาอังกฤษให้ด้วย แต่ละชิ้นถูกแกะออกมาอย่างประณีต สีหน้าของตัวละครแสดงอารมณ์อย่างชัดเจน ต้นไม้ใบหญ้าเรียวเล็กและคลื่นน้ำอ่อนช้อยอย่างไม่น่าเชื่อ ดูแล้วทึ่งในฝีมือของช่างแกะสลักมาก!

ชมงานแกะสลักเสร็จก็เดินตามทางเดินยกสูงเข้าไปด้านในเพื่อชมสวนญี่ปุ่นซุยเคเอ็น (Suikeien) ต่อ จะมีทางเดินวนรอบให้ชมสวน มีจุดนั่งพักที่มีเครื่องดื่มบริการฟรีด้วย ถ้าเหนื่อยก็มานั่งพักก่อนได้

* ส่วนลดเมื่อแสดงบัตร Shitamachi Biyori Pass
- ส่วนลดค่าเข้าชมแกลอรี่และสวนญี่ปุ่นซุยเคเอ็น ผู้ใหญ่จาก 400 เหลือ 300 เยน เด็กประถมถึงมัธยมต้นจาก 200 เหลือ 150 เยน

ชิบามาตะ ไทชาคุเต็น

7-10-3 Shibamata, Katsushika-ku, โตเกียว 125-0052

12:30 มื้อเที่ยงที่ร้าน คาเมยะ ฮมโปะ (Kameya Honpo)

หลังจากไหว้พระเสร็จแล้ว ได้เวลามาเติมกระเพาะให้อิ่มกลางวันกันล่ะ เดินออกจากวัดมานิดเดียวมองไปทางซ้ายมือจะพบกับร้านอาหารเก่าแก่ได้บรรยากาศ
คาเมยะ ฮมโปะ (Kameya Honpo) เป็นร้านดังโกะชื่อดังและเก่าแก่มาก เปิดกิจการมาตั้งแต่ปีเมจิที่ 34 (ค.ศ. 1901) หรือ 100 กว่าปีมาแล้ว และยังปรากฎในละครเรื่องโทระซังด้วย ดังโกะของที่นี่เด่นตรงที่มีหลายหน้าให้เลือก เช่น มันม่วง งา สาหร่าย ในฤดูใบไม้ผลิก็มีหน้าซากุระ ฤดูใบไม้ร่วงหน้าเกาลัด

แต่ที่ดังที่สุดของร้านคือคุซะดังโกะ สึบุอัง ดังโกะธรรมดาจะเป็นแป้งสีขาว แต่คุซะดังโกะจะผสมโยโมกิ* เข้าไปทำให้มีสีเขียว โปะหน้าด้วยสึบุอัง (ถั่วแดงบดหยาบ)

*โยโมกิ (Yomogi) ... พืชในกลุ่มมักเวิร์ต นำมาทำเป็นอาหารได้ มักนำมาใช้เป็นส่วนผสมของขนมญี่ปุ่น ให้กลิ่นหอมและสีเขียวสวย

ด้านในของร้านจะเป็นห้องอาหาร มีเมนูอาหารญี่ปุ่นให้เลือกเยอะเลย ครั้งนี้เราสั่ง เซ็ตคาเมยะ โอเซ็น (Kameya Ozen) ราคา 1,400 เยน เป็นข้าวหน้าหมูทอดและกุ้งชุบแป้งทอด ในชุดมีซุปมิโซะ ผักดอง โทโกโระเต็น (วุ้นตัดเป็นเส้น) และคุซะดังโกะสึบุอังให้ด้วย กับเซ็ตชิบามาตะ โอเซ็น (Shibamata Ozen) ราคา 1,300 เยน โซบะชาเขียวเย็น มากับเทมปุระ โทโกโระเต็น และมีคุซะดังโกะมาให้เหมือนกัน

ข้าวหน้าหมูทอดรสเข้มข้น โซบะหอมๆ กับเทมปุระกรอบๆ อร่อยมาก ปิดท้ายด้วยคุซะดังโกะ ตัวดังโกะเนื้อหนุบ หอมกลิ่นโยโมกิและถั่วแดงบดที่ไม่หวานเกินไป เข้ากันได้ดีมาก

* ส่วนลดเมื่อแสดงบัตร Shitamachi Biyori Pass
- ซื้อดังโกะแบบแยกไม้ ส่วนลดไม้ละ 10 เยน

คาเมยะ ฮอนโป

〒125-0052 7-7-9 ชิบามาตะ คัตสึชิกะกุ โตเกียว มอนเซ็น คาเมยะ

หาของว่างของฝากที่ถนนร้านค้าหน้าวัดไทชาคุเท็น

ออกจากร้านอาหารแล้ว บริเวณแถวนี้คือถนนไทชาคุเท็นซันโด (Taishakuten Sando) สองฝั่งถนนความยาว 200 เมตรเรียงรายไปด้วยร้านค้าขายอาหาร ขนม และของใช้ของฝากแบบญี่ปุ่นๆ ที่ยังคงมีบรรยากาศแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม บางร้านนั้นเปิดมานานร่วมร้อยปีแล้ว แถวนี้ดังเรื่องดังโกะที่เรียกว่า "คุซะดังโกะ (Kusadango) หลายร้านหากซื้อแล้วจะมีที่ให้นั่งทาน ก็นั่งทานกันตรงนั้นได้เลย

ใครอยากได้ขนมเติมท้องอีกนิด หาของฝาก หรืออยากเดินเล่นก็ย่อมได้เลย

ร้านขนมย้อนยุค ไฮคาระ โยโกะโจ (Haikara Yokocho)
และพิพิธภัณฑ์ของเล่นชิบามาตะ (Shibamata Toy Museum)

หากเดินไปทางสถานีรถไฟเราก็จะเจอกับหุ่นยนต์ยักษ์ยืนต้อนรับอยู่หน้าร้านนี้

ร้านขนมไฮคาระ โยโกะโจ (Haikara Yokocho) ภายในตกแต่งเหมือนเป็นตรอกเล็กๆ ในสมัยก่อนที่อัดแน่นไปด้วยร้านขายขนมและของเล่น นอกจากขนมโบราณที่เดี๋ยวนี้หาซื้อได้ยากแล้วยังมีโซนยิงเป้าและเกมส์ตู้เก่าๆ ให้เล่นด้วย

ส่วนชั้น 2 จะเป็นพิพิธภัณฑ์ของเล่นชิบามาตะ (Shibamata Toy Museum) มีของเล่นโบราณ ของสะสมหายากมากมาย ทั้งตุ๊กตาฮีโร่ รถแข่ง เกมส์ตู้ เครื่องเกมส์แฟมิคอม พอเข้ามาแล้วรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยเด็กอีกครั้งเลย

* ส่วนลดเมื่อแสดงบัตร Shitamachi Biyori Pass
- ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ของเล่น จาก 200 เหลือ 100 เยน

ชิบามาตะ ฮิการะ โยโกโช

7-3-12 Shibamata, Katsushika-ku, โตเกียว 125-0052

บริเวณใกล้เคียงยังมีสวนญี่ปุ่นยามาโมโตะเท (Yamamoto-tei) อาคารอนุสรณ์โทระซัง (Tora-san Museum) และท่าเรือพายข้ามฟากแห่งสุดท้ายของโตเกียวในสวนสาธารณะชิบามาตะด้วย จึงไม่แปลกเลยที่ที่นี่จะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมสำคัญของชาติในเดือนกุมภาพันธ์ 2018

เที่ยวกันเต็มอิ่มแล้ว เราก็กลับไปที่สถานีชิบามาตะ นั่งรถไฟไปลงที่สถานีทากาซาโกะ เปลี่ยนรถไฟไปลงที่สถานีทาเทอิชิ (Tateishi) ที่ห่างออกไป 2 สถานี
ตอนเปลี่ยนรถไฟอาจจะต้องระมัดระวังหน่อย เพราะรถจากตรงนี้จะวิ่งแยกไปสองทาง มองหารถที่วิ่งผ่านสถานีโอชิอาเกะ (Oshiage) เท่านั้นนะถึงจะไปได้

15:50 ตลาดย้อนยุค ทาเทอิชิ นากามิเสะ (Tateishi Nakamise)

จากสถานีทาเทอิชิ ใช้ทางออกทิศใต้ 1 (South 1 Exit) เดินลงบันไดไปแล้วก็เลี้ยวขวากลับหลัง จะเจอทางเข้าย่านร้านค้าทาเทอิชิ นากามิเสะ (Tateishi Nakamise) สีเขียวเด่น ที่นี่เริ่มเปิดมาตั้งแต่ปีโชวะ 20 (ค.ศ. 1945) มีร้านกินดื่ม ร้านอาหาร ของสด เสื้อผ้า ของใช้ในชีวิตประจำวัน พูดง่ายๆ ก็คือตลาดนั่นเอง

ตลาดที่ยังคงสภาพบรรยากาศโชวะแบบนี้หาดูไม่ได้ง่ายๆ ในโตเกียว เราจะได้เห็นวิถีชีวิตแบบชาวบ้านธรรมดา มีร้านขายของเสียบไม้ทอด (คุชิคัตสึ) อยู่ด้านหน้าหรือพวกร้านกับข้าวด้วย ใครจะทานเล่นหรือจะซื้อกลับไปเป็นมื้อดึกที่ที่พักก็ได้

ทาเทอิชิ นากามิเสะ เคียวเซไค

1-20-4 Tateishi, Katsushika-ku, โตเกียว 124-0012

16:30 สู่โตเกียวสกายทรี (TOKYO SKYTREE®)

เดินตลาดเสร็จเรานั่งรถไฟมาลงที่สถานีโอชิอาเกะ (Oshiage) ซึ่งเป็นที่ตั้งของโตเกียวสกายทรี (TOKYO SKYTREE®) ด้านล่างตรงส่วนฐานของที่นี่เป็นห้าง TOKYO Solamachi® ที่มีร้านค้าชื่อดังมากมาย ทั้งของกิน ของฝาก มาที่เดียวได้ครบจริงๆ
แต่วันนี้เราจะพาเที่ยว "ชิตะมาจิ" สไตล์ย้อนยุคกันนี่นา ไม่ต้องห่วงไม่หลุดธีมแน่นอน

Sumida City Point ช้อปของฝากที่ระลึกสไตล์ญี่ปุ่น

ที่จะพาไปคือ Sumida City Point ที่ชั้น 5 ของ TOKYO Solamachi ในฝั่ง East Yard อย่างที่บอกว่าชิตะมาจิเดิมเป็นย่านที่อยู่อาศัยของช่างฝีมือ เขตสุมิดะเองก็เป็นหนึ่งในย่านชิตะมาจิที่ปัจจุบันยังมีช่างฝีมืออยู่มากมาย อาจเรียกได้ว่านี่คือภาพของ "ชิตะมาจิในยุคใหม่"

Sumida City Point ก็เป็นเหมือนศูนย์สินค้าศิลปาชีพของเขตสุมิดะ วางขายสินค้าแนวงานฝีมือดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ผลิตขึ้นในเขตสุมิดะ และมีทั้งส่วนให้ข้อมูลการท่องเที่ยว ส่วนสาธิตงานฝีมือ โดยช่างฝีมือจะสลับสับเปลี่ยนกันมาสาธิตให้ดู นอกจากสินค้าแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแล้วก็มีสินค้าแนวสมัยใหม่ด้วย

ใครที่มองหาของฝากแบบ Made in Japan แท้ๆ สวยงาม มากคุณค่าและคุณภาพ มาที่นี่ได้เลย!

ด้านในมี Sumida Cafe บริการเครื่องดื่มหรือขนมหวานให้นั่งพัก เมนูต่างๆ ในคาเฟ่นั้นรับมาจากร้านในเขตสุมิดะ หรือใช้วัตถุดิบจากเขตสุมิดะ และยังเป็นเมนูที่มีความเป็นญี่ปุ่นผสมผสานกับสมัยใหม่ เราจะได้ผ่อนคลายพร้อมเต็มอิ่มกับรสชาติของชิตะมาจิเลย

* ส่วนลดเมื่อแสดงบัตร Shitamachi Biyori Pass
- ลดครึ่งราคาสำหรับเครื่องดื่มที่ร่วมรายการ

ลานท่องเที่ยวเชิงอุตสาหกรรม สุมิดะ มาจิโดโคโระ

1-1-2 Oshiage, Sumida-ku, Tokyo 131-0045 Tokyo Skytree Town Solamachi...

เดินทางสะดวกด้วยตั๋ว Shitamachi Biyori Pass

เป็นอันจบทริปเที่ยวชิตะมาจิ ย่านเมืองเก่าแบบเรโทรในโตเกียวของเรากันแล้ว ใครจะหามื้อเย็นทานที่โตเกียวสกายทรีเลย หรือจะกลับไปช้อปต่อที่อาเมโยโกะ หรือกลับที่พักแถวสถานีอุเอโนะก็ยังใช้ตั๋ว Shitamachi Biyori Pass นี้ได้ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม สะดวกและคุ้มมาก

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับตั๋ว Shitamachi Biyori Pass ได้ที่เว็บไซต์ทางการ (ภาษาไทย)

เที่ยวแบบย้อนยุคที่โตเกียวใน 1 วัน

นั่งรถไฟจากสถานีอุเอโนะไปแค่ 30 นาทีก็จะได้เจอกับย่านเมืองเก่าที่ไม่เหมือนโตเกียว และที่เที่ยวทุกที่ในแผนก็ยังอยู่ในโตเกียวหมดเลยนะ

ใครอยากเที่ยวโตเกียวแบบที่ชาวญี่ปุ่นเค้าเที่ยวกัน หรือยังมีวันว่างอยู่ไม่รู้จะไปไหนดี ก็ลองเอาแผนเที่ยวโตเกียวแบบเรโทรนี้มาเป็นตัวเลือกดูได้

ขอให้เที่ยวกันให้สนุกนะ!

สรุปการเดินทาง
สถานีเคเซอุเอโนะ → พิพิธภัณฑ์ชิตะมาจิ → สถานีชิบามาตะ → ร้านขนมไฮคาระ โยโกะโจ และพิพิธภัณฑ์ของเล่นชิบามาตะ → ถนนร้านค้าไทชาคุเท็น ซันโด → วัดไทชาคุเท็น → ย่านร้านค้าทาเทอิชิ นากามิเสะ → Tokyo Sumida City Point ในโตเกียวสกายทรี

ค่าเดินทางทั้งหมด : ตั๋ว Shitamachi Biyori Pass ราคา 500 เยน
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ค่าอาหาร 1,400 เยน ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ 600 เยน ค่าขนมและช้อปปิ้งต่างๆ แล้วแต่บุคคล (ราคานี้เป็นราคาที่ใช้ส่วนลดจากตั๋ว Shitamachi Biyori Pass)

รวมค่าใช้จ่ายใน 1 วันต่อ 1 คนตามแผน : ประมาณ 2,500 เยน (ไม่รวมค่าซื้อของ)

สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมของตั๋วและบริการของรถไฟ Keisei ได้ที่ : Website อย่างเป็นทางการของ KEISEI Electric Railway (ภาษาไทย)

Supported by Keisei Electric Railway Co.,Ltd.