แนะนำเมืองชิโอจิริ ในนากาโนะ สัมผัสเสน่ห์ญี่ปุ่นโบราณผสมยุคใหม่ในที่เดียว!
เมืองชิโอจิริ ในจังหวัดนากาโนะ มีโซนที่ยังรักษาบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นโบราณเอาไว้ที่ "นาไรจุกุ" แถมยังขึ้นชื่อเรื่องไวน์ชินชูแสนอร่อยและเครื่องเขินอันงดงาม ขอบอกเลยว่ามีที่เที่ยวน่าสนใจเพียบ! เราจะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวในชิโอจิริแห่งนี้กันค่ะ
ยินดีต้อนรับสู่เมืองชิโอจิริ (Shiojiri) จังหวัดนากาโนะ
เมืองแห่งไวน์และเครื่องเขิน
เมืองชิโอจิริสามารถนั่งรถไฟจากเมืองมัตสึโมโตะของจังหวัดนากาโนะมาถึงได้ภายใน 10 – 20 นาที สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องเป็นเมืองที่ผลิตไวน์ชินชู (Shinshu Wine) และเครื่องเขิน ทั้งยังมี "นาไรจุกุ" ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง ซึ่งนาไรจุกุนี้เดิมคือเมืองแวะพักบนเส้นทางนากาเซ็นโดซึ่งเชื่อมระหว่างเอโดะและเกียวโตมาก่อนในยุคเอโดะ บริเวณโดยรอบเป็นโซนที่ยังคงรักษาบรรยากาศสไตล์ดั้งเดิมให้ได้เห็นกันอยู่จนถึงปัจจุบัน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่อนุรักษ์กลุ่มอาคารอันล้ำค่าทางวัฒนธรรมของชาติ
ในปัจจุบัน นาไรจุกุเป็นที่ตั้งของร้านเครื่องเขิน ที่พักแบบเรียวกัง ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ และอื่นๆ อีกมากมาย จึงบอกเลยว่าที่นี่เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายญี่ปุ่นย้อนยุคที่เพียงแค่ได้มาเดินเล่นก็เพลินแล้วล่ะค่ะ ^^
สำหรับใครที่มีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวนากาโนะล่ะก็ เราขอแนะนำให้ลองแวะมาเพลิดเพลินกับบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นโบราณและเครื่องเขินสุดงามที่ชิโอจิริกันด้วยเลย
ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำ 3 โซนในชิโอจิริประกอบด้วย
1. โซนสถานีรถไฟชิโอจิริ
2. โซนคิโซะ - ฮิราซาว่าที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องเขิน
3. โซนนาไรจุกุซึ่งยังคงหลงเหลืออาคารบ้านเมืองโบราณให้เห็นกันอยู่จนถึงปัจจุบัน
ว่าแล้วก็มาเริ่มออกเดินทางไปค้นหาเสน่ห์ กิจกรรมน่าสนุก และแหล่งท่องเที่ยวสวยงาม หลากหลายแง่มุมในชิโอจิริกันเลย!
วิธีการเดินทางไปยังชิโอจิริ
ชิโอจิริแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากสถานีมัตสึโมโตะ (Matsumoto Station) ด้วยการนั่งรถไฟด่วนพิเศษ (Limited Express) มาประมาณ 10 นาทีหรือนั่งรถไฟธรรมดามาประมาณ 18 นาที
สำหรับใครที่เดินทางมาจากโตเกียวให้นั่งรถไฟด่วนพิเศษ "Limited Express Azusa" มาจากสถานีชินจุกุ (Shinjuku Station) ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที หรือนั่งรถไฟด่วนพิเศษ "Limited Express Shinano" มาจากนาโกย่าประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาทีก็จะถึงชิโอจิริแล้วล่ะค่ะ ^^
ส่วนการเดินทางภายในเมืองสามารถใช้บริการรถไฟ JR สาย Chuo Main Line หรือ JR สายชิโนะโนะอิ (Shinonoi) ก็ได้
1. โซนสถานีชิโอจิริ (Shiojiri Station)
เยี่ยมชมโรงหมักไวน์และดื่มด่ำกับอาหารท้องถิ่น!
สถานที่แห่งแรกที่เราจะเดินทางไปเที่ยวกันหลังมาถึงชิโอจิริเลยก็คือโซนสถานีชิโอจิรินั่นเอง
บริเวณโดยรอบสถานีรถไฟเป็นสถานที่รวมแหล่งของอร่อย ร้านอาหารท้องถิ่น โรงหมักไวน์ และร้านเหล้าเพียบ
ไม่ว่าจะเป็นโรงหมัก "ไวน์ชินชู" ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนของไวน์ญี่ปุ่น หรือร้านโซบะที่ห้ามพลาดเมื่อได้มาเที่ยวจังหวัดนากาโนะ รวมถึง "ซันโซขุยากิ" (Sanzokuyaki) เมนูไก่สุดพิเศษสูตรเฉพาะของชิโอจิริแห่งนี้ด้วยนะเออ!
สำหรับสาวๆ ต้องมาเดินเล่นชมเมืองชิโอจิริในชุดกิโมโน!
ก่อนจะเริ่มทริปออกสำรวจภายในเมืองชิโอจิริ สนใจเปลี่ยนมาใส่ชุดกิโมโนเพิ่มความคลาสสิคกันดูมั๊ยคะ โดยเราสามารถใช้บริการเช่าชุดกิโมโน แต่งตัว รวมถึงทำผมได้ภายใน "ร้านเสริมสวยโมนามิ (Monami Hair Salon)" ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฮิโรโอกะ (Hirooka Station)
ขอแนะนำสุดๆ สำหรับใครที่อยากเดินเล่นสัมผัสบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่นาไรจุกุกันต่อหลังจากนี้ เพราะจะได้ถ่ายรูปที่ระลึกเป็นสาวงามในชุดกิโมโนท่ามกลางอาคารบ้านเมืองโบราณสุดงามกันได้ค่ะ! บอกเลยว่าสำหรับสาวๆ ที่มาเที่ยวกันเป็นกลุ่มห้ามพลาดเลยเชียว
ลิ้มลองโซบะสามสีที่ "โซบะยะ ชิมิสึ (Sobaya Shimizu)"
เดินจากสถานีชิโอจิริประมาณ 9 นาทีเป็นที่ตั้งของ "โซบะยะ ชิมิสึ" ซึ่งเขาร่ำลือกันว่าเป็นร้านโซบะที่อร่อยที่สุดในเมืองเลยทีเดียว!
เราสามารถลิ้มลองเมนูโซบะเย็น "ซารุโซบะ" ที่รวมเส้นโซบะ 3 ชนิดที่ใช้วิธีทำเส้นต่างกันถึง 3 แบบ ทำให้ได้รสสัมผัสที่แตกต่างกัน แถมคอมโบมากับหัวไชเท้าดองท้องถิ่นเป็นอะไรที่อร่อยสุดยอด!
เพลิดเพลินกับไวน์แสนอร่อยที่โรงหมักไวน์ในชิโอจิริ!
บริเวณเมืองชิโอจิริมีความแตกต่างทางอุณหภูมิระหว่างช่วงกลางวันและกลางคืนสูงจึงเหมาะกับการปลูกองุ่นสุดๆ ทำให้ภายในเมืองมีโรงหมักไวน์ขึ้นชื่อมากมายหลายแห่ง โดยโรงหมักไวน์ที่เราจะพาไปในครั้งนี้คือ "สวนฮายาชิ (Hayashi Farm)" ผู้ผลิตสินค้าขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นอย่าง "โกะอิจิไวน์ (Goichi Wine)" นั่นเอง
ร้านค้าของสวนฮายาชิมีจำหน่ายไวน์ตั้งแต่ระดับทั่วไปจนถึงไวน์ชั้นยอดราคาสูง และยังมีไวน์ให้ได้ลองชิมกว่า 10 ชนิดด้วย! สำหรับใครที่ไม่สามารถดื่มเหล้าได้ก็ขอแนะนำให้เลือกเป็นน้ำองุ่นที่ผลิตภายในโรงหมักไวน์ฮายาชิแทนได้ค่ะ เราจะได้เพลิดเพลินกับรสชาติหวานนุ่มลึกขององุ่นที่ปลูกภายในชิโอจิริไม่ต่างจากไวน์เลยทีเดียว แถมเรายังสามารถเยี่ยมชมโรงหมักไวน์ได้ด้วยนะ
ท้าให้ลองเมนู "ซันโซขุยากิ" อาหารท้องถิ่นของชิโอจิริ!
โซบะและไวน์นับเป็นของดีขึ้นชื่อประจำจังหวัดนากาโนะเลยก็ว่าได้ แต่ของดีอีกอย่างที่อยู่ในใจของคนท้องถิ่นมาตั้งแต่อดีตคือ "ซันโซขุยากิ (Sanzokuyaki)" เมนูอาหารท้องถิ่นสุดพิเศษสูตรเฉพาะของชิโอจิริ ใครที่อยากลิ้มลองเมนูซันโชขุยากิก็ขอแนะนำร้าน "ซันโซขุ (山賊)" ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีชิโอจิริเลยค่ะ
"ซันโซขุยากิ" คือ เมนูสะโพกไก่หมักซอสโชยุ ก่อนจะนำไปชุบแป้งแล้วทอดในน้ำมัน เราจะได้น้ำลายสอไปกับรสสัมผัสกรอบๆ ของแป้งและรสชาติของโชยุที่แต่งเติมความอร่อยด้วยหอมใหญ่และกระเทียม บอกเลยว่าทานคู่กับไวน์ชินชูแดงจะยิ่งฟินสุดๆ xD
2. โซนคิโซะ - ฮิราซาว่า (Kiso-Hirasawa)
เยี่ยมชมโรงงานและช้อปปิ้งเครื่องเขินอันงดงาม
หลังจากนั่งรถไฟ JR ขบวนธรรมดาสาย Chuo Main Line ที่มุ่งหน้าไปยังนาคาสึกาวะ (Nakatsugawa) ออกจากสถานีชิโอจิริประมาณ 20 นาทีก็จะถึงสถานีคิโซะ - ฮิราซาว่า (Kiso-Hirasawa Station) แล้วล่ะค่ะ ตัวเมืองคิโซะฮิราซาว่าที่ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟนี้เต็มไปด้วยร้านเครื่องเขินอันเป็นของดีอีกอย่างของชิโอจิริ
ตามหาเครื่องเขินที่เข้ากับชีวิตยุคใหม่ที่ "ร้านเครื่องเขินยามากะโอกิมูระ (Yamaka Ogimura Shikkiten)"
"ร้านเครื่องเขินยามากะโอกิมูระ" แห่งนี้มีจำหน่ายตั้งแต่เครื่องเขินสไตล์ดั้งเดิมเหมาะกับห้องสไตล์ญี่ปุ่น ไปจนถึงเครื่องเขินดีไซน์เรียบง่ายเหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน และเครื่องเขินสไตล์โมเดิร์นอีกด้วย
เรายังขอให้เจ้าของร้านพาชมห้องจัดแสดงเครื่องเขินอันล้ำค่าในห้องญี่ปุ่นได้ด้วยนะ เครื่องเขินที่เห็นภายในห้องนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบญี่ปุ่น ใครที่อยากนำวัฒนธรรมญี่ปุ่นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันก็ขอแนะนำให้มาซื้อเครื่องเขินของที่นี่กลับไปใช้กันดูเลยค่ะ ^^
เลือกสรรเครื่องเขินที่ยิ่งใช้ ... ก็ยิ่งงามที่ร้าน "อิโตคันจิโชเต็น (Ito Kanji Shoten)"
ร้าน "อิโตคันจิโชเต็น" ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม "ร้านเครื่องเขินยามากะโอกิมูระ" แห่งนี้ เป็นร้านจำหน่ายเครื่องเขิน เครื่องเรือน และของประดับต่างๆ ปกติแล้วเครื่องเขินเป็นภาชนะที่สามารถใช้ได้นานอยู่แล้ว แต่สินค้าของ "อิโตคันจิโชเต็น" มีเอกลักษณ์อยู่ที่เทคนิคการผลิตสุดพิถีพิถันที่ทำให้เครื่องเขินยิ่งใช้ยิ่งเงาวาวสวยงาม ด้วยเทคนิค "โคะไดอากาเนะนูริ" สร้างสรรค์ให้เกิดภาชนะที่ทำให้อยากดูแลรักษาให้ดีเพื่อจะได้ใช้ไปนานๆ ขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยนะคะเนี่ย
แถมเรายังสามารถชมฝีมืออันสุดยอดของช่างฝีมือภายในโรงงานที่ตั้งอยู่ด้านหลังร้านค้าได้ด้วย บอกเลยว่าถ้ามีเวลาต้องลองแวะเข้าไปชมกันให้ได้ค่ะ สำหรับผู้เยี่ยมชมมีเสิร์ฟชาเขียวฟรีด้วยนะจ๊ะ
สัมผัสเครื่องเขินแก้วสุดงามที่ "ร้านเครื่องเขินมารุโยชิโคซากะ (Maruyoshi Kosaka)"
"ร้านเครื่องเขินมารุโยชิโคซากะ" คือผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการผลิตเครื่องเขินแก้ว ที่ร้านนี้เราจะได้สัมผัสกับผลงานเครื่องเขินแก้วสุดแปลกที่หาชมได้ยากแม้กระทั่งในญี่ปุ่นเองก็ตาม โซนจัดแสดงภายในร้านเรียงรายไปด้วยภาชนะรูปร่างหน้าตาสวยงามและใช้งานได้จริงมากมายตั้งแต่ชาม ถาด ไปจนถึงแก้วไวน์เลยทีเดียว ใครที่เห็นแล้วอยากซื้อสินค้าภายในร้านกลับไปเป็นของฝากก็สามารถซื้อได้ที่นี่เลย
แถมเรายังสามารถขึ้นไปเยี่ยมชมโรงงานบนชั้น 2 ได้ด้วย โดยเราจะได้เห็นขั้นตอนการลงรักบนเครื่องแก้วกันอย่างใกล้ชิดสุดๆ
ทดลองลงรักบนตะเกียบด้วยตัวเองที่ "คิโซะชิกกิคัง (Kisoshikkikan)"
"คิโซะชิกกิคัง" คือ สถานที่จัดแสดงเทคนิคการผลิตเครื่องเขินของชิโอจิริและผลงานลงรักขึ้นชื่อ เราจะได้เรียนรู้ความเป็นมาและพัฒนาการของวัฒนธรรมการลงรักบนภาชนะในชิโอจิริผ่านงานจัดแสดง นอกจากนี้ใน ห้องจัดแสดงชั้น 1 ก็ยังมีเครื่องเขินที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าให้ได้ชมกันด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะว่าเรายังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมลงรักได้ที่นี่ด้วย โดยเราจะได้ทดลองลงรักสีดำและสีแดง วาดลวดลายลงบนตะเกียบจนเกิดเป็นตะเกียบสุดพิเศษหนึ่งเดียวในโลกเฉพาะของเราเอง! ตะเกียบที่ผ่านการลงรักสามารถใช้งานได้นาน จึงบอกเลยว่าผลงานชิ้นนี้จะกลายเป็นความทรงจำอันล้ำค่าของการท่องเที่ยวชิโอจิริอย่างแน่นอน!
3. โซนนาไรจุกุ (Narai-juku)
เดินเล่นชมเมืองบรรยากาศเก่าแก่
ต่อไปก็นั่งรถไฟ JR สาย Chuo Main Line จากสถานีคิโซะ-ฮิราซาว่ามาประมาณ 4 นาทีก็จะถึงสถานีนาไร (Narai Station) แล้วค่ะ จากตรงนี้เป็นเส้นทางเดินเล่นกินลมชมวิวของ "นาไรจุกุ" เมืองที่พักที่ยาวที่สุดบนเส้นทางนากาเซ็นโดซึ่งเคยเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างเอโดะ (ชื่อเก่าของโตเกียว) และเกียวโตมาก่อน
เดี๋ยวเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าไฮไลท์อันทรงเสน่ห์ของนาไรจุกุจะมีอะไรกันบ้าง
สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ร้านโซบะ "ทกคุริยะ (Tokkuriya)"
สำหรับสถานที่ฝากท้องสำหรับอาหารมื้อนี้ก็ขอแนะนำเป็นร้าน "ทกคุริยะ" ที่จำหน่ายซารุโซบะ (โซบะเย็น) แสนอร่อยและ "โกะเฮโมจิ" ของขึ้นชื่อประจำนาไรจุกุแห่งนี้เลยค่ะ โกะเฮโมจิเป็นเมนูโมจิทาน้ำซอสเสียบไม้ย่าง ซึ่งโกะเฮโมจิของร้านนี้ทาด้วยเต้าเจี้ยวที่ปรุงรสด้วยวอลนัท งาดำ และพริกไทยญี่ปุ่น
ที่นี่ไม่เพียงแค่อาหารอร่อยเท่านั้น แต่ภายในร้านยังมีห้องญี่ปุ่นและเตาอิโรริ (เตาผิงตรงกลางห้องแบบในรูปด้านบน) ด้วย บรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมแบบนี้นับเป็นหนึ่งในไฮไลท์ประจำร้านเลยก็ว่าได้
ย้อนเวลากลับไปสู่สมัยเอโดะที่เรียวกัง "เอจิโกะยะ (Echigoya)"
"เอจิโกะยะ" คือ เรียวกังที่สร้างขึ้นในนาไรจุกุมาตั้งแต่ในสมัยเอโดะซึ่งยังคงเปิดให้บริการอยู่จนถึงทุกวันนี้ ถ้าเกิดใครได้มาเข้าพักที่นี่จะได้ซึมซับบรรยากาศเก่าๆ และประวัติศาสตร์ของนาไรจุกุและเพลิดเพลินกับทริปเที่ยวชิโอจิริอย่างชิลล์ๆ กันถ้วนหน้าอย่างแน่นอน
ยังไงเพื่อนๆ ก็ลองแวะมาที่ "เอจิโกะยะ" แห่งนี้กันให้ได้นะคะ บอกเลยว่าแค่ได้มาชมก็เพลินแล้ว!
เรียนรู้วิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นที่ "นากามูระเท (Nakamuratei)"
นานมาแล้ว "นากามูระเท" เคยเป็นร้านจำหน่ายหวีอันเจริญรุ่งเรืองในสมัยเอโดะ แต่ในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้บุคคลทั่วไปเข้าชม โดยเป็นสถานที่จัดแสดงสิ่งของที่เคยใช้ภายในบ้านและร้านในสมัยก่อน รวมถึงหวีและข้อมูลต่างๆ มากมาย เราจะได้เรียนรู้ว่าคนในยุคเอโดะใช้ชีวิตกันยังไงบ้าง
ช้อปปิ้งของฝากสุดพิถีพิถันที่ "ไซโตชิกกิเทน (Saitou-shikkiten)"
"ไซโตชิกกิเทน" เป็นแหล่งรวมเครื่องเขินสุดเก๋ไก๋น่าใช้ในชีวิตประจำวันและเครื่องประดับที่ตกแต่งด้วยการลงรักทั้งหลาย โดยเราสามารถซื้อเครื่องประดับสุดงามที่นำมาใส่กับเสื้อผ้าทั่วไปหรือชุดกิโมโนก็ได้ ตั้งแต่ต่างหู จี้ห้อยคอไปจนถึงเครื่องประดับผมต่างๆ เลือกซื้อเป็นของฝากก็ไม่เลวนะ!
ร้านน้ำชา "ซะโบ โคะเดมาริ (Sabou Kodemari)"
สำหรับใครที่เดินเล่นมาสักพักจนเริ่มเหนื่อยแล้วก็ขอแนะนำให้แวะผ่อนคลายที่ "ซะโบ โคะเดมาริ" กันเลยค่ะ นั่งจิบกาแฟและน้ำชาแสนอร่อย ทานเค้กที่ใช้ผลไม้ที่เก็บเกี่ยวจากป่าท้องถิ่นอย่างกีวีเบอร์รี่ (Hardy Kiwi) ที่เรียกว่าผล "ซารุนาชิ" ระหว่างนั้นก็พลางหวนนึกถึงประสบการณ์แสนสนุกที่นาไรจุกุภายในพื้นที่อันเงียบสงบแห่งนี้กัน!
ออกทริปสัมผัสญี่ปุ่นโบราณ ไวน์ และเครื่องเขินในชิโอจิริ
เมืองชิโอจิริไม่เพียงหลงเหลือวัฒนธรรมเก่าแก่และอาคารบ้านเมืองดั้งเดิมให้ได้ชมกันเท่านั้น แต่ยังสามารถรับวัฒนธรรมต่างชาติอย่างไวน์เข้ามาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว แถมยังมีการนำความเก่าแก่เหล่านี้มาปรับให้ดูทันสมัยขึ้นอีกต่างหาก
ไฮไลท์ของชิโอจิรินอกจากเรื่องร้านค้าและเมืองบรรยากาศเก่าแก่ตามที่แนะนำกันไปในข้างต้นแล้วก็ยังมีอีกหลายอย่างรอให้ทุกคนได้เข้าไปค้นหาอีกเพียบ! สำหรับใครที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวจังหวัดนากาโนะก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวชิโอจิริแห่งนี้กันให้ได้นะคะ! ^^
ปล. ขอแนะนำให้ใช้เวลา 1 วันหรือ 2 วัน 1 คืนเพื่อให้สามารถเพลิดเพลินกับแผนเที่ยวตามที่ได้แนะนำกันไปให้เต็มอิ่มที่สุด ยิ่งถ้ามาเที่ยวแบบตารางเวลาไม่แน่น พอมีเวลาให้ชิลล์ๆ ได้จะดีมากเลยค่ะ
Sponsored by SME Support, JAPAN
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง