แผนเที่ยวจากสนามบินเซนแทรร์ (นาโกย่า) ไปโทบะ (Toba) และอิเสะ (Ise) ทั้งวิวสวยและร้านอาหารอร่อย!
รู้หรือไม่! จากสนามบินเซ็นแทรร์ (สนามบินนาโกย่า) มานั่งเรือมุ่งตรงไปโซนโทบะ (Toba) และอิเสะ (Ise) ได้ด้วยนะ มาดูแผนเที่ยว 2 วัน อิ่มอร่อยและสนุกครบทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม เที่ยวจริง! รีวิวจริง! โดยนักเขียนของ MATCHA เลย!
จังหวัดมิเอะเป็นที่ตั้งของอ่าวอิเสะ และครอบคลุมพื้นที่ของเส้นทางเดินเรือที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยก่อน จึงทำให้บนอ่าวอิเสะจึงมีทางหลวงบนทะเลที่เชื่อมต่อกันด้วยเรือเฟอร์รี่เลยทีเดียว
เมื่อเอ่ยถึงแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อภายในจังหวัดแล้วหลายคนน่าจะนึกถึงศาลเจ้าอิเสะจิงงูกันใช่ไหมเอ่ย? แต่ถ้าใครมีโอกาสได้มาเที่ยวอ่าวโทบะที่สามารถดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามจนลืมไม่ลงด้วย บอกเลยว่าจะได้สัมผัสกับทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติ จนกลายเป็นทริปสุดพิเศษในความทรงจำไปอย่างแน่นอน
ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำแผนนั่งเรือด่วนเที่ยวอิเสะและโทบะด้วยตั๋วสุดคุ้มแบบ 2 วัน 1 คืน โดยออกเดินทางจากเซ็นแทรร์ (ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซนแทรร์ : Chubu Centrair International Airport) กันค่ะ!
เอาล่ะ เรามาออกทริปผ่อนคลายทั้งกายและใจกันเถอะ ^^
วันที่ 1
11.00 น. ขึ้นเรือด่วนจากเซ็นแทรร์! ออกทะเลได้!
เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่า "เซ็นแทรร์" หรือ "สนามบินนาโกย่า" ตั้งอยู่ติดกับท่าเรือเลย โดยปกติแล้วเรามักจะนั่งรถไฟผ่านนาโกย่าไปยังอิเสะและโทบะกัน แต่ในครั้งนี้เราจะนั่งเรือด่วนของ Tsu Airport Line ที่แล่นให้บริการจากท่าเรือซึ่งเชื่อมต่อกับสนามบินโดยตรงไปแทน
ตั๋วเซ็ต "เรือด่วน Tsu Airport Line" + "รถบัสด่วนพิเศษ Mie Kotsu" สามารถหาซื้อได้จากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วภายในสนามบิน ซึ่งมีราคาสุดคุ้มเพียง 3,200 เยน / เที่ยวเท่านั้น สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับตั๋วเซ็ตสามารถเข้าไปดูได้จากเว็บไซต์ทางการ
สถานที่จำหน่ายตั๋ว :
1. เคาน์เตอร์ JTB ภายในล็อบบี้ขาออกบนชั้น 2 (ภาพซ้ายบน)
2. เมเท็ตสึทราเวลพลาซ่า (MEITETSU TRAVEL PLAZA) ใน Access Plaza (ภาพซ้ายล่าง)
3. เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วของจุดขึ้นเรือด่วนเซ็นแทรร์ (ภาพขวาบน)
นั่งเรือด่วนไปท่าเรือสึนากิสะมาจิ (Tsu Nagisamachi) กัน!
ที่นี่มีเรือแล่นให้บริการประมาณ 1 ลำ / ชั่วโมง โดยเที่ยวที่สามารถต่อรถบัสที่มุ่งหน้าไปยังโทบะ - อิเสะได้สะดวกมีอยู่ 2 เที่ยวด้วยกัน คือรอบออกจากสนามบิน 11.00 น. และ 16.00 น. เลือกรอบเวลาให้เหมาะกับเวลาที่เดินทางมาถึงได้เลย
เวลานั่งเรือไปถึงท่าเรือสึนากิสะมาจิซึ่งเป็นประตูสู่โซนโทบะ - อิเสะใช้เวลาประมาณ 45 นาทีค่ะ
ถึงแม้ว่าบนเรือด่วนจะไม่มีที่นั่งด้านนอก แต่เราก็สามารถชมวิวทะเลอันงดงามจากหน้าต่างภายในเรือแทนได้
นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าเรือจะไม่ได้ใหญ่อะไรมาก แต่เพราะได้รับการออกแบบมาให้รับแรงของคลื่นทะเลได้ดีโดยมีผลกระทบน้อย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องเรือโคลงเคลงเลย แถมบนเรือก็ยังมีห้องน้ำให้บริการด้วยนะ!
ต่อรถบัสที่ท่าเรือสึนากิสะมาจิ
เมื่อนั่งเรือด่วนมาถึงท่าเรือสึนากิสะมาจิแล้ว ให้เปลี่ยนไปขึ้นรถบัสด่วนพิเศษจากป้ายรถบัสที่ใกล้ที่สุด "Airport Access Port (Tsu Nagisamachi)" ถึงแม้ว่าป้ายรถบัสจะตั้งอยู่ด้านหน้าเลยก็จริง แต่มีเวลาต่อรถแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น จึงควรระวังให้ดีนะ
นั่งรถบัสจากที่นี่ไปถึงโทบะใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ลงป้ายรถบัส "โทบะบัสเซ็นเตอร์ (Toba Bus Center)"
14.30 น. รับลมทะเล สัมผัสเหล่าโลมาที่ท่าเรือโทบะ (Toba Port)
เมื่อเดินทางมาถึงโทบะแล้วให้เดินตามป้ายบอกทางไปยังโทบะมารีนเทอมินอล (Toba Marine Terminal) ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ระหว่างทางจะมีตลาดโทบะมาร์เช่ จำหน่ายพืชผักและอาหารทะเล & ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ท้องถิ่น "Toba Marche Vegetable and Seafood Market & Local Food Buffet Restaurant" เป็นตลาดที่จำหน่ายพวกอาหารทะเลและพืชผักสดใหม่ของท้องถิ่นให้ได้เลือกซื้อกันเยอะแยะมากมาย สำหรับใครที่หิวก็สามารถซื้ออาหารจากที่นี่ไปกินระหว่างรอขึ้นเรือได้
นอกจากนี้ ด้านนอก "โทบะมาร์เช่" ก็ยังมีออนเซ็นเท้าฟรีตั้งเอาไว้ให้บริการด้วย เราสามารถเพลิดเพลินกับออนเซ็นพลางชมวิวทะเลอันแสนกว้างใหญ่ด้านหน้าได้อย่างชิลล์ๆ
นั่งเรือนำเที่ยวไปยังเกาะโลมา "Dolphin Island"
เมื่อเดินทางมาถึงโทบะมารีนเทอมินอลแล้วก็จัดแจงซื้อตั๋วคอร์ส "เรือนำเที่ยวอ่าวโทบะและเกาะโลมา" (Toba Bay Cruise & Dolphin Island) ในราคาผู้ใหญ่ 1,800 เยน / เด็ก 1,000 เยน กัน
ด้วยตั๋วใบนี้ เราสามารถเข้าเกาะโลมา หรือ "Dolphin Island" แหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่สามารถเพลิดเพลินกับการแสดงโลมาและสิงโตทะเลได้ ภายในเทอมินอลมีตู้ล็อคเกอร์หยอดเหรียญตั้งเอาไว้ให้บริการด้วย สำหรับใครที่พกสัมภาระหนักๆ มาด้วยก็สามารถฝากเอาไว้ในล็อคเกอร์ได้เลย
หลังจากนั่งเรือจากโทบะมารีนเทอมินอลมาประมาณ 15 นาทีก็ถึง "Dolphin Island" แล้วล่ะค่ะ ^^
เมื่อถึงแล้วก่อนอื่นก็นั่งกระเช้าจากเชิงเขาขึ้นไปบนยอดเขากันเลย! หรือว่าถ้าใครอยากเดินขึ้นเขาด้วยเส้นทางเดินเล่นชมธรรมชาติก็ให้ความรู้สึกฟินไปอีกแบบ ถ้าเดินจะใช้เวลาประมาณ 7 นาทีถึงจะถึงยอดเขา
พอขึ้นมาบนจุดชมวิวบนยอดเขาก็จะได้พบกับวิวตั้งแต่อ่าวโทบะไปจนถึงอ่าวอิเสะเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่อากาศแจ่มใสก็จะเห็นน้ำทะเลเปล่งประกายเป็นสีน้ำเงินยิ่งขึ้นไปอีกด้วยนะ!
สำหรับใครที่ชมวิวจนจุใจแล้วก็แวะมาชมการแสดงของเหล่าสิงโตทะเลบนภูเขาเขา ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ประจำเกาะโลมากันต่อดีกว่าค่ะ ถึงแม้ว่าสิงโตทเลจะตัวใหญ่มาก แต่กลับตัวอ่อน เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว แถมยังสามารถทรงตัวได้อย่างยอดเยี่ยมอีกต่างหาก ท่าทางการตบมือหลังจบการแสดงเป็นภาพที่น่ารักสุดๆ ^^
แถมบนยอดเขานี้ยังมีพี่น้องตัวนากตัวเมียที่เพิ่งเกิดเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วด้วย โดยนับเป็นเพื่อนพ้องหน้าใหม่ประจำ Dolphin Island เลยค่ะ
ต่อไปก็ลงเขาแล้วมุ่งหน้าไปชมการแสดงของเหล่าโลมาที่จัดขึ้นบนตีนเขากันดีกว่า โลมาเป็นสัตว์ที่ทั้งฉลาดและเชื่องคน ถ้ามีคนเข้าไปใกล้มันในช่วงพัก มันจะตั้งใจพ่นฟองอากาศออกมาบ้างหรือเคลื่อนไหวตามท่าทางของคนอย่างแสนน่ารัก
เอกลักษณ์ของการแสดงนี้อยู่ที่ความใกล้ชิดกับเหล่าสัตว์ทั้งหลายนี่ล่ะค่ะ!
เพราะว่าเราจะได้ชมพวกมันในระยะใกล้เลย ยังไงขณะชมการแสดงก็ระวังเปียกกันด้วยนะ
เอาล่ะ สนุกกับเกาะโลมาจนเต็มอิ่มแล้วก็ได้เวลานั่งเรือไปยังอ่าวโทบะแล้วค่ะ เราจะมาถึงโทบะมารีนเทอมินอลช่วงตะวันใกล้ตกดิน จุดหมายถัดไปของเราก็คือหมู่บ้านออนเซ็นโทบะที่มีวิวสุดสวยงามนั่นเอง จากโทบะมารีนเทอมินอลเดินไปถึงหมู่บ้านออนเซ็นโทบะ (โทดายะ) ใช้เวลาประมาณ 7 นาทีเท่านั้น
* เนื่องจากเรือเที่ยวสุดท้ายที่กลับจาก Dolphin Island มาถึงโทบะมารีนเทอมินอลจะออกเวลา 16:15 น. จึงขอแนะนำให้บริหารเวลาให้ดีเพื่อที่จะได้ไม่พลาดเรือเที่ยวสุดท้ายกันนะจ๊ะ
17.30 น. เพลิดเพลินกับทัศนียภาพและวัฒนธรรมอันงดงามที่ "โทดายะ (Todaya)"
สัมผัสประสบการณ์แช่ออนเซ็นชั้นยอดที่หมู่บ้านออนเซ็นโทบะ (TOBA ONSEN-GO)
หมู่บ้านออนเซ็นโทบะ (TOBA ONSEN-GO) เป็นชื่อเรียกรวมของหมู่บ้านออนเซ็น 9 แห่งเลียบอ่าวโทบะ หมู่บ้านออนเซ็นทุกแห่งตั้งอยู่ริมชายฝั่งของอ่าวโทบะเหมือนกันหมดก็จริง แต่วิวทะเลที่สามารถมองเห็นได้จากแต่ละแห่งกลับไม่เหมือนกันเลย
"โทดายะ (Todaya)" คือ เรียวกังดั้งเดิมอายุมากกว่า 100 ปีที่ตั้งอยู่ด้านหน้าอ่าวโทบะซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่บ้านออนเซ็นโทบะนั่นเอง
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Todaya
ภายใน "โทดายะ" มีออนเซ็นต่างๆ มากมายทั้งโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ ออนเซ็นส่วนตัวให้ใช้ฟรี ออนเซ็นครอบครัวเช่าเหมาแบบเสียค่าใช้จ่าย ออนเซ็นเท้า และอื่นๆ
แถมยังมีห้องอาบน้ำขนาดใหญ่แบบแยกชาย หญิงภายในอาคารและออนเซ็นกลางแจ้งภายด้วย
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะสามารถชมวิวทะเลได้จากห้องอาบน้ำชายเท่านั้น แต่ห้องอาบน้ำหญิงตั้งอยู่ใกล้ทะเล เราจึงสามารถใช้ช่วงเวลาแช่ออนเซ็นสุดพิเศษท่ามกลางเสียงคลื่นทะเลธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด
ออนเซ็นส่วนตัวขนาดเล็กสำหรับ 1 – 2 ท่านมีทั้งหมด 5 แห่งซึ่งผู้เข้าพักสามารถใช้บริการได้ฟรี
ดีไซน์ของห้องอาบน้ำแต่ละห้องจะแตกต่างกันออกไป ทำให้เราสามารถสัมผัสถึงความเอาใจใส่ความรู้สึกลูกค้าของ "โทดายะ" ได้อย่างชัดเจน
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Todaya
ส่วนที่ออนเซ็นกลางแจ้ง "โนเทมบุโระ (Notenburo)" เป็นออนเซ็นนอกอาคารแบบแยกชายหญิงที่สามารถชมวิวอ่าวโทบะได้โดยตรงเลย ออนเซ็นนี้เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เราจึงจะได้ดื่มด่ำกับวิวอ่าวโทบะที่มีบรรยากาศแตกต่างกันออกไปตามช่วงเวลาไม่ว่าจะเป็นตอนพระอาทิตย์ตกดิน ตอนกลางคืน หรือตอนพระอาทิตย์ขึ้น
แต่ระวังเอาไว้นิดนึงว่า "โทดายะ" ไม่อนุญาตให้ใช้สบู่และแชมพูนอกโรงอาบน้ำ เพื่อเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมโดยรอบอ่าวโทบะค่ะ
จากห้องพักภายใน "โทดายะ" สามารถชมวิวทะเลจากหน้าต่างห้องและลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยแสงอาทิตย์ยามเช้าได้อย่างสดชื่น ส่วนภายในห้องก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงตู้เย็นและตู้เซฟด้วย
"โทดายะ" เสิร์ฟเมนูจากวัตถุดิบสดใหม่ภายในท้องถิ่น บอกเลยว่าบุฟเฟ่ต์รวมเมนูอาหารมากมายกว่า 50 ชนิดนั้นได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 เลยทีเดียว ที่นี่มีเมนูจากปลาสดใหม่ที่เพิ่งจับได้ในวันนั้นๆ ตั้งเรียงรายให้ได้ชิมกันทุกวัน เมนูสุดเด็ดก็หนีไม่พ้นซูชิจากปลาแล่สดใหม่เลยค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมีร้านอาหารชมวิว 360 องศาที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปีที่แล้วด้วย โดยเป็นร้านอาหารรูปแบบใหม่ที่ตัวร้านจะค่อยๆ หมุนไปอย่างช้าๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถทานอาหารพลางดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามได้นั่นเอง เราจึงสามารถทานอาหารจากวัตถุดิบตามฤดูกาลท่ามกลางวิวอ่าวโทบะอันกว้างใหญ่ที่แสนงดงามได้
"โทดายะ" อายุกว่า 188 ปีแห่งนี้ไม่ได้ยึดติดอยู่กับอะไรเดิมๆ แต่ยังคงเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นอยู่เสมอ และในเดือนกรกฎาคม 2018 ที่กำลังจะถึงนี้ จะเปิดให้บริการห้องพักติดออนเซ็นกลางแจ้งที่สามารถชมวิวอ่าวโทบะได้เพิ่มเติมอีกด้วยนะเนี่ย!?
วันที่ 2
10.00 น. สักการะ "ศาลเจ้าอิเสะจิงกู (Ise Grand Shrine)" ศูนย์รวมจิตใจของคนญี่ปุ่นที่ควรมาให้ได้สักครั้งในชีวิต
"CAN Basu" รถบัสแสนสะดวกที่วิ่งให้บริการระหว่างอิเสะ - โทบะ
เดินเท้าจาก "โทดายะ" ประมาณ 3 นาทีมาถึงโทบะบัสเซ็นเตอร์ แล้วขึ้นรถบัส "CAN บาสึ (CAN Basu)" จากที่นี่ได้เลย
ค่าโดยสาร 850 เยน สามารถซื้อตั๋วที่โทบะบัสเซ็นเตอร์หรือว่าจะใช้บัตรโดยสาร IC การ์ดก็ได้เหมือนกัน
นั่งรถบัสจากที่นี่มาถึงป้ายไนคูมาเอะ (Naiku-mae) ป้ายรถบัสที่ใกล้ที่สุดของศาลเจ้าอิเสะจิงกูใช้เวลาประมาณ 35 นาที
รถบัสวิ่งให้บริการชั่วโมงละ 1 คันเท่านั้น สำหรับใครที่พกสัมภาระหนักๆ มาด้วยก็สามารถใช้บริการตู้ล็อคเกอร์หยอดเหรียญด้านในศาลเจ้าอิเสะจิงกูได้
"ศาลเจ้าอิเสะจิงกู" แหล่งพาวเวอร์สปอตขึ้นชื่อที่สุดในญี่ปุ่น
เมื่อลงรถบัสที่ป้ายไนคูมาเอะมาแล้วก็จะพบกับเสาโทริอิขนาดใหญ่ของศาลเจ้าอิเสะจิงกูตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเลย
ติดกันคือ สะพานอุจิ (Uji Bridge) ด้านหลังเสาโทริอิขนาดใหญ่พาดข้ามแม่น้ำอิซูซุ (Isuzu River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญในเขตอิเสะ
ระหว่างทางไปยังภายในของศาลเจ้าอิเสะจิงกู เราจะผ่านด้านข้างของชายฝั่งแม่น้ำอิซูซุด้วย
ตามปกติเราจะเห็นซุ้มที่เอาไว้ให้ผู้เข้าสักการะล้างมือเพื่อชำระล้างก่อนเข้าศาลเจ้าใช่ไหมคะ
แม่น้ำอิซูซุแห่งนี้นี่แหละที่เป็นซุ้มล้างมือธรรมชาติประจำศาลเจ้าอิเสะจิงกูค่ะ
การล้างมือด้วยน้ำในแม่น้ำก่อนเข้าสักการะศาลเจ้านับเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์สำคัญของศาลเจ้าอิเสะจิงกูเลยก็ว่าได้
12.00 น. อร่อยที่ถนน "โอคาเกะโยโกโจ (Okage Yokocho)" ในบรรยากาศสไตล์ย้อนยุค!
ในช่วงปี 1970 เป็นช่วงปลายยุคการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของญี่ปุ่น แต่เศรษฐกิจบริเวณโดยรอบศาลเจ้าอิเสะจิงงูกลับอยู่ในสภาพย่ำแย่ และผู้ที่เดินทางมาสักการะศาลเจ้าลดจำนวนลงอย่างมากเหลือเพียงประมาณ 1 ใน 10 เท่านั้น
เจ้าของร้านขนม "อาคาฟุกุ (Akafuku)" ในสมัยนั้นจึงคิดแผนพัฒนาขึ้นมาเพื่อกอบกู้วิกฤติการณ์ดังกล่าว โดยจำลองอาคารบ้านเรือนตั้งแต่ช่วงปลายสมัยเอโดะจนถึงสมัยเมจิขึ้นมา เกิดเป็นถนน "โอคาเกะโยโกโจ" ซึ่งแฝงความหมายของ "โอคาเกะ" หรือ "การขอบคุณ" 2 สิ่ง ประกอบด้วยศาลเจ้าอิเสะจิงกูและผู้ที่เดินทางมากราบไหว้สักการะศาลเจ้าอิเสะจิงกู
"อาคาฟุกุ (Akafuku)" ขนมญี่ปุ่นดั้งเดิมขึ้นชื่อประจำอิเสะ
เอื้อเฟื้อภาพโดย : AKAFUKU Co., Ltd.
โอคาเกะโยโกโจเพิ่งเกิดขึ้นมาในยุคเฮเซก็จริง แต่ร้านค้าดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโอคาเกะโยโกโจแห่งนี้เริ่มกิจการมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ร้าน "อาคาฟุกุ (Akafuku) สาขาหลัก" ตั้งอยู่ด้านหน้าโอคาเกะโยโกโจ เป็นร้านค้าที่มีอายุยาวนานมากกว่า 300 ปีเลยทีเดียว
เอื้อเฟื้อภาพโดย : AKAFUKU Co., Ltd.
เมื่อเอ่ยถึง "อาคาฟุกุ สาขาหลัก" ก็ต้องนึกถึง "อาคาฟุกุโมจิ" อย่างแน่นอน
อาคาฟุกุโมจิ คือ ขนมโมจิญี่ปุ่นหุ้มด้วยถั่วแดงกวน แม้จะมีรูปร่างหน้าตาแสนธรรมดา แต่รูปร่างของมันนั้นจริงๆ แล้วได้รับแรงบันดาลใจมาจาก "แม่น้ำอิซูซุ" แม่น้ำที่มีบทบาทสำคัญในสมัยก่อตั้งร้าน โมจิสีขาวข้างในเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงก้อนกรวดก้นแม่น้ำ ส่วนถั่วแดงกวนทำเป็นลวดลายคลื่นแสดงถึงกระแสน้ำในแม่น้ำ รสสัมผัสเหนียวนุ่มกำลังดีของโมจิเข้ากับถั่วแดงกวนรสชาติหวานหอมได้อย่างยอดเยี่ยม เหมาะกับการกินคู่กับชาเขียวหอมๆ เป็นอย่างยิ่ง
"ฟุคุสึเกะ (Fukusuke)" ร้านอิเสะอุด้งกับเมนูยอดนิยมที่ดีต่อใจ
ร้าน "ฟุคุสึเกะ" ภายใน "โอคาเกะโยโกโจ"
ที่นี่เป็นร้านเสิร์ฟ "อิเสะอุด้ง" ที่ผู้คนนิยมทานกันในอิเสะมาตั้งแต่ในสมัยก่อน
เอกลักษณ์ของอิเสะอุด้งอยู่ที่ความหนานุ่มและเนื้อเด้งของเส้น รวมกับซอสราดที่ทำจากทามาริโยชุ (โชยุเข้มข้นจากถั่วเหลือง 100%)
ว่ากันว่าสาเหตุที่เมนูดูเรียบง่ายแบบนี้ก็เพราะว่าทางร้านต้องการเสิร์ฟให้กับลูกค้าจำนวนมากโดยไม่ทำให้ลูกค้าคอยนาน โดยมีการต้มเส้นเอาไว้ในหม้อตลอด พอลูกค้าสั่งปุ๊บจึงสามารถเสิร์ฟได้ทันที เมนูนี้ได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าที่เดินทางไกลมาสักการะศาลเจ้าด้วยความที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้า ดีต่อกระเพาะ และย่อยง่ายเหมือนกับแนวคิดว่า "ข้าวต้มดีต่อกระเพาะ" นี่แหละ
"บูตะสุเตะ (Butasute)" ร้านเสิร์ฟเมนูเนื้อวัวฉ่ำๆ แสนอร่อย
"บูตะสุเตะ (Butasute)" เป็นร้านดังประจำ "โอคาเกะโยโกโจ" เสิร์ฟโคร็อกเกะ (เมนูมันฝรั่งบดชุบเกล็ดขนมปังทอด) เมนจิคัตสึ (เมนูเนื้อบดชุบเกล็ดขนมปังทอด) คุชิอาเกะ (เนื้อและผักต่างๆ ชุบเกล็ดขนมปังทอดเสียบไม้) และอื่นๆ ในราคาสบายกระเป๋า
หากถามว่าทำไมถึงตั้งชื่อร้านว่า "บูตะสุเตะ (豚捨)" ซึ่งใช้ใช้คันจิตัวที่หมายความว่า "ทิ้งหมู"
ก็มีทฤษฎีหนึ่งว่ากันว่าเนื้อวัวที่จำหน่ายในร้านอร่อยมากจนถึงขนาดว่าลูกค้าทิ้งเนื้อหมูไปเลย
แต่ความจริงแล้วที่ทางร้านตั้งชื่อว่า "บูตะสุเตะ (豚捨)" ก็เพราะว่าเป็นร้านที่ริเริ่มโดยชายเลี้ยงหมู (บูตะ) ชื่อว่าสุเตะคิจิ (捨吉) เลยเอามาย่อเหลือ "บูตะสุเตะ" ต่างหาก
เมนจิคัตสึของทางร้านมีเอกลักษณ์อยู่ที่ความชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำจากเนื้อ ส่วนโคร็อกเกะมีอัตราส่วนระหว่างมันฝรั่ง หอมใหญ่ และเนื้อบดที่ลงตัวและเต็มอิ่มกำลังดี สำหรับใครที่อยากกินเนื้อเป็นชิ้นๆ ใหญ่ๆ ก็ขอแนะนำเป็นเมนูคุชิอาเกะเลยค่ะ ^^
นอกจากนี้ ภายในร้านก็ยังเสิร์ฟเมนูอื่นๆ ด้วย เช่น ข้าวหน้าเนื้อและหม้อไฟเนื้อวัว และยังมี "เนื้อวัวอิเสะ" ของดังจังหวัดมิเอะให้ชิมอีกด้วย
"สนูปี้ชายะ (SNOOPY Chaya)" ที่ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็น่ารัก
© 2018 Peanuts Worldwide LLC
"สนูปี้ชายะ (SNOOPY Chaya)" คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นของน้องหมา SNOOPY เปิดสาขาแรกที่เมืองยูฟุอินในจังหวัดโออิตะ หลังจากนั้นก็เปิดสาขาที่ 2 ต่อมาในอิเสะเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2015
ด้านนอกร้านดูกลมกลืนเข้ากับอาคารบ้านเมืองสไตล์ญี่ปุ่นในขณะที่ยังคงเอกลักษณ์ของความเป็น SNOOPY ได้เป็นอย่างดี
© 2018 Peanuts Worldwide LLC
ภายในร้านมีเหล่า SNOOPY ซุกซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ เต็มไปหมดซึ่งบอกเลยว่าต้องลองมาค้นหากันดูค่ะ ^^ แถมที่สวนยังมีเซอร์ไพรส์รอทุกคนอยู่ด้วยนะ!
© 2018 Peanuts Worldwide LLC
ส่วนเมนูของหวานยอดนิยมอันดับ 1 ประจำร้านก็จะเป็นเมนูไหนไปไม่ได้นอกจาก "SNOOPY ฮอทเค้ก" นั่นเอง
ฮอทเค้ก คือ แพนเค้กแบบหนานุ่มมีรสหวาน นำมาโปะด้วยไอศกรีมชาเขียวด้านบน ไอศกรีมชาเขียวมีรสชาติเข้มข้น ไม่หวานจนเกินไป ยิ่งเสิร์ฟมาพร้อมกับท็อปปิ้งถั่วแดงยิ่งทำให้มีรสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้นไปอีกระดับ
© 2018 Peanuts Worldwide LLC
ของหวานส่วนใหญ่ภายในร้านมาพร้อมกับท็อปปิ้ง "SNOOPY มาร์ชเมลโล่" แสนน่ารัก แต่ระวังเอาไว้นิดนึงว่า SNOOPY บนเครื่องดื่มร้อนจะละลายอย่างรวดเร็ว สำหรับใครที่อยากถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ขอแนะนำให้บอกพนักงานให้เสิร์ฟเครื่องดื่มแยกกับมาร์ชเมลโล่มาจะดีที่สุด
© 2018 Peanuts Worldwide LLC
ส่วน "SNOOPY มาร์ชเมลโล่" บนเครื่องดื่มเย็นไม่ได้ละลายง่ายเหมือนบนเครื่องดื่มร้อน เราจึงสามารถถ่ายรูปได้ตามใจชอบเลย เมื่อดื่มหมดแล้วก็อย่าลืมเก็บที่รองแก้ว SNOOPY กลับไปเป็นที่ระลึกกันด้วย
เนื่องจากเมนูของ "สนูปี้ชายะ" จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสาขา แฟนๆ SNOOPY จึงห้ามพลาดแวะมาที่สาขาอิเสะด้วยประการทั้งปวง! แม้วันธรรมดาจะค่อนข้างร้านว่าง แต่วันหยุดยาวนี่ฮิตมากถึงขนาดบางทีต้องรอคิว 2 ชั่วโมงกันเลยทีเดียวนะ
15.00 น. จบทริปโทบะ - อิเสะ
ไปสนุกกับนาโกย่ากันต่อเลย!
จาก "โอคาเกะโยโกโจ" ไปยังนาโกย่าให้ใช้ตั๋วเซ็ตสำหรับเรือด่วนและรถบัสด่วนพิเศษกลับไปถึงเซ็นแทรร์ แล้วมุ่งหน้าไปเที่ยวภายในเมืองนาโกย่าเลย หรือว่าจะนั่งรถไฟด่วนพิเศษจากอิเสะกลับมาถึงนาโกย่าโดยตรงเลยก็ได้เหมือนกัน
- ในกรณีที่เดินทางกลับด้วยรถบัสด่วนพิเศษและเรือด่วน (ตั๋วเซ็ต)
นั่งรถบัสด่วนพิเศษจากป้ายรถบัส "ไนคูมาเอะ (Naiku-mae)" → ท่าเรือสึนากิสะมาจิ (Tsu Nagisamachi)
ต่อเรือด่วนที่ท่าเรือสึนากิสะมาจิ (Tsu Nagisamachi) → เซ็นแทรร์
แล้วนั่งรถไฟของเมเทตสึ (Meitetsu) จากสถานีท่าอากาศยานนานาชาติชูบุ (Central Japan International Airport Station) → สถานีนาโกย่า (Nagoya Station)
- ในกรณีที่เดินทางกลับด้วยรถไฟ (รถด่วน Limited Express)
นั่งรถบัสจากป้ายรถบัส "จิงงูไคคังมาเอะ (Jingu Kaikan-mae)" → "สถานีอิซุสุกาวะ (Isuzugawa Station)"
แล้วนั่งรถไฟของคินเทตสึ (Kintetsu) จากสถานีอิซุสุกาวะ (Isuzugawa Station) → สถานีนาโกย่า (Nagoya Station)
ที่เที่ยวผักผ่อนแสนสบายต้อง "โทบะ - อิเสะ"!
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย ... กับทริปเดินทางจากเซ็นแทรร์ในนาโกย่าไปยังโทบะ - อิเสะด้วยตั๋วเซ็ตสำหรับเรือและรถบัส
รับรองว่าไม่ว่าใครได้มาชมวิวทะเลอันแสนงดงามจากอ่าวโทบะ ดื่มด่ำกับออนเซ็นและอาหารรสเลิศจะผ่อนคลายหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งอย่างแน่นอน! หรือจะไปรับพลังและลิ้มลองเมนูแสนอร่อยที่ศาลเจ้าอิเสะจิงงู ก็จะได้มีเรี่ยวแรงทั้งกายและใจกลับไปเต็มเปี่ยม พร้อมมุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไปกันทุกราย
ยังไงเพื่อน ๆ ก็ลองนำข้อมูลจากบทความนี้ไปประกอบการตัดสินใจในการวางแผนเที่ยวโซนชูบุกันดูนะคะ! ^^
สำหรับผู้ที่สนใจตั๋วเซ็ตสำหรับเดินทางจากเซ็นแทรร์ไปยังโทบะ・อิเสะคลิกที่นี่เลย!
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
รวมบทความพิเศษ "ภูมิภาคชูบุ"ทุกข้อมูลการท่องเที่ยวที่จำเป็น
เว็บไซต์ทางการของท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ : http://www.centrair.jp/en/
Written by Callie Chen
Sponsored by Chubu Centrair International Airport
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง