Start planning your trip
สัมผัสศิลปะดิจิตอลในโลกไร้พรมแดน ของ teamLab ที่ โอไดบะ (Odaiba)
พบกับมิวเซียมถาวรของ teamLab กลุ่มศิลปินดิจิตอลชื่อดังได้ที่โอไดบะ โตเกียว! ไม่ว่าเมื่อไรก็มีผลงานศิลปะใหม่ๆ น่าสนใจมาให้ชมเสมอ ผลงานกว่า 50 ชิ้นที่รวมถึงผลงานที่ทั่วโลกเพิ่งได้ประจักษ์เป็นครั้งแรกในคอนเซปต์ Borderless ในพื้นที่กว้างใหญ่ 5 โซนด้วยกัน
มิวเซียมแห่งใหม่ โลกของ teamLab
Picture courtesy of teamLab
teamLab (ทีมแล็บ) เป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิตอลและเทคโนโลยีในญี่ปุ่น ที่มีแฟนคลับล้นหลามในหลายประเทศทั่วโลก
ที่ผ่านมา teamLab ได้เดินสายจัดอีเวนท์ในสถานที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศมาแล้วมากมายรวมถึงประเทศไทยด้วย แต่ในครั้งนี้ถือเป็นโปรเจ็กต์ใหม่เพราะได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ถาวร MORI Building DIGITAL ART MUSEUM : EPSON teamLab Borderless ที่โอไดบะค่ะ
ด้วยคอมพิวเตอร์กว่า 520 เครื่องและโปรเจคเตอร์อีก 470 เครื่อง รังสรรค์พื้นที่ภายในให้กลายเป็นพื้นที่สามมิติ (3D) ขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็น 5 โซน ได้แก่ Borderless World, teamLab Athletics Forest, Future Park, Lamps Forest และ EN Tea House
ภายในงานนิทรรศการมีผลงานที่นำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกรวมอยู่ด้วย ในโซน EN Tea House หากนำแก้วชาที่ชงไปวางบนโต๊ะ ก็จะมีภาพดอกไม้ผลิบานออกมาในแก้ว
เอาล่ะค่ะ รีบไปดูกันเลยดีกว่าว่าเสน่ห์ของ teamLab มีอะไรบ้าง!
1. Borderless World
ในนิทรรศการนี้ไม่ได้กำหนดลำดับการเดินชมผลงานไว้ค่ะ และถึงแม้ผลงานแต่ละอย่างจะมีธีมที่แตกต่างกัน แต่ที่จริงแล้วล้วนมีความเชื่อมโยงถึงกันทั้งสิ้น
ระหว่างผลงานแต่ละโซนจะไม่มีขอบเขตชัดเจน ในบางครั้งก็เกิดการผสมผสานกันไป ที่สำคัญคือผลงานเหล่านี้ยังไม่มีเขตแดนกั้นระหว่างผู้ชมด้วย ผู้ชมจึงเป็นส่วนหนึ่งของผลงานศิลปะนี้ได้
ผลงานที่น่าไปดูมากที่สุดก็คือ Universe of Water Particles on a Rock Where People Gather
สายน้ำที่ตกลงมาสู่เนินหิน "Rock Where People Gather" อย่างไม่ขาดสาย แสงและสีที่เปลี่ยนไปมา บางครั้งก็มีกลีบดอกไม้สีสันสดใส บางครั้งก็เป็นสายน้ำไหลเอื่อย ไม่ว่ามองจากมุมไหนคุณก็จะต้องประทับใจกับภาพที่เห็นอย่างแน่นอนค่ะ
"The Way of the Sea in the Crystal World" เป็นหนึ่งในผลงานที่อยากแนะนำมากที่สุดค่ะ
เสียงเพลงที่บรรเลงเข้าจังหวะกับแสงไฟรอบตัว จะทำให้คุณรู้สึกราวกับกำลังผจญภัยอยู่ในโลกของคริสตัล จนบางครั้งก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เพราะโซนนี้สร้างขึ้นด้วยกระจกเงาจำนวนมากที่สะท้อนตัวคุณเองอยู่
"Flower Forest : Lost, Immerse and Reborn" เป็นโซนที่แนะนำสำหรับสาวๆ มาก ถ้าเรายืนอยู่นิ่งๆ ดอกไม้ก็จะเริ่มบานและส่องประกายราวกับอัญมณีเลยทีเดียว ในทางกลับกัน หากเราไปสัมผัสที่ดอกไม้ หรือเดินเข้าไปใกล้ๆ ดอกไม้ก็จะร่วงโรยลงมา ตรงกับชื่อผลงานจริงๆ
Picture courtesy of teamLab
กำแพงของบันไดที่ทอดยาวไปยังชั้น 2 ก็เป็นผลงานที่ห้ามพลาดเป็นอันขาดค่ะ เพียงแค่ก้าวขึ้นบันไดทีละขั้นๆ ผลงานก็จะเคลื่อนที่เหมือนกำลังไล่ตามเราอยู่
2. teamLab Athletics Forest
"เข้าใจโลกด้วยร่างกายของคุณ และคิดกับโลกแบบสามมิติ!" คือคอนเซปท์ของโซนนี้ เราจะได้เข้าไปในผลงานที่มีพื้นที่ซับซ้อนและเป็นสามมิติ โดยใช้ร่างกายกับสัญชาตญาณ
"Light Forest Three-Dimensional Bouldering" คือพื้นที่สามมิติที่เต็มไปด้วยอัญมณีที่เปล่งแสง ให้คุณปีนป่ายขึ้นไปตามก้อนหิน โดยพยายามจับและเหยียบบนก้อนหินที่มีสีเดียวกันกับก้อนที่คุณจับอยู่ แล้วปีนขึ้นไปเรื่อยๆ หินก้อนอื่นที่อยู่รอบๆ จะตอบสนองและเริ่มเปล่งแสงเป็นสีเดียวกัน
เนื่องจากมีการควบคุมตำแหน่งของผู้ชมทั้งหมดด้วยเซ็นเซอร์ จึงแทบจะไม่มีการชนกับคนอื่นเลย
วัตถุในห้องนี้ต่างเคลื่อนไหวต้านแรงโน้มถ่วง วัตถุที่อยู่บนพื้นที่ตั้งตรงไม่ยอมล้ม วัตถุที่ลอยอยู่บนอากาศก็ไม่ยอมตกลงมายังพื้น เมื่อเราไปสัมผัสกับวัตถุเปล่งแสงชิ้นใดชิ้นหนึ่ง สีของมันจะเปลี่ยนไปและมีเสียงดังออกมา และวัตถุรอบข้างก็จะค่อยๆ ตอบสนองตามกันไปเรื่อยๆ
3. โลกแห่งการเรียนรู้! Future Park
พื้นที่โซนนี้เป็นโครงการเพื่อการเรียนรู้ในคอนเซปท์ "collaborative creativity and co-creation" ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะได้สร้างสรรค์และจินตนาการอย่างอิสระไปด้วยกันอย่างไร้ข้อจำกัด
Picture courtesy of teamLab
"Sketch Aquarium" เป็นผลงานที่นิยมกันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ก่อนอื่นให้วาดรูปสิ่งมีชีวิตที่ตัวเองชอบ และลงสีตามใจตัวเองเลยค่ะ หากเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เอาไปสแกน รูปก็จะถูกฉายบนจอของอควาเรียม
เราจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่อื่น นั่นก็คือผลงานที่เราวาดขึ้นเองจะถูกชุบให้มีชีวิต
Picture courtesy of teamLab
บนสไลเดอร์ "Slide and Learn! Fruit Field" มีผลไม้หลากหลายชนิด ที่นี่คุณจะเป็นแสงของพระอาทิตย์ ถ้าเราชนกับผลไม้ เมล็ดและผลไม้ก็จะเติบโตและมีขนาดใหญ่ขึ้น
4. Lamps Forest
หากไปหยุดยืนใกล้กับโคมไฟ มันก็จะสว่างขึ้นและส่องประกายวิบวับ พร้อมกับกังวานไปด้วยเสียง
Picture courtesy of teamLab
Lamps Forest แห่งนี้ รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าคะ? ใช่ค่ะ บรรยากาศมันเหมือนกับ "เทศกาลปล่อยโคมลอย" ที่มีจัดในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ พื้นในโซนนี้จะเป็นกระจกด้วย ทำให้ภาพของโคมไฟสะท้อนไปมาอย่างไม่รู้จบ
5. EN TEA HOUSE
ที่นี่คือโรงน้ำชาในความมืดมิด ก่อนที่จะเข้าไปด้านในให้เลือกเครื่องดื่มที่ชอบ มีทั้งชาเขียวยูสุ, ชาเขียวเรียคุฉะ, โฮจิฉะลาเต้ และอื่นๆ อีกมาก
พนักงานจะเทชาใส่แก้วโปร่งใสให้ ครั้งนี้ลองสั่งโฮจิฉะลาเต้ไปค่ะ เมื่อพนักงานรินชาให้เสร็จ ภาพของดอกไม้จากแสงไฟก็ลอยขึ้นมาจากแก้ว
เมื่อลองเลื่อนแก้วไป ดอกไม้ก็จะเคลื่อนที่ตามมาด้วย และยังมีดอกไม้บานขึ้นมาบนโต๊ะด้วย ขอให้เพลิดเพลินกับดอกไม้ที่บานไปเรื่อยๆ กับชาแสนอร่อยนะคะ
ข้อมูลและวิธีการซื้อบัตร
ราคา : ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมปลายเป็นต้นไป) ราคารวมภาษี 3,200 เยน (ราคาพิเศษช่วงเปิดใหม่ ระหว่าง 21 มิถุนายนจนถึง 31 กรกฎาคม 2018 : 2,400 เยน), เด็ก (4 ขวบถึงมัธยมต้น) 1,000 เยน
สถานที่จำหน่ายบัตร : เว็บไซต์ทางการและในร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่น เช่น Lawson กับ 7-Eleven ก็มีจำหน่ายค่ะ
* เครื่องดื่มใน "EN TEA HOUSE Genkatei" (โรงน้ำชา) ไม่รวมอยู่ในค่าตั๋ว
สรุป
ข้อมูลและความรู้ที่พวกเราได้สัมผัสอยู่ในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นสื่อสองมิติ เช่น หนังสือ คอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน ทาง teamLab หวังจะให้พื้นที่แห่งนี้ได้กลายเป็นพื้นที่สำหรับการสื่อสารผ่านผลงานศิลปะ ให้ทุกคนได้ทดลอง ได้สัมผัส และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ต่อไป
พอได้ไปมาแล้วบอกเลยว่าคุ้มเกินราคาบัตรจริงๆ ค่ะ ไปครั้งเดียวไม่พอแน่นอน!
東京に出てきて8年目です。
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง