Start planning your trip
แพลนเที่ยวครึ่งวันในโตเกียว! ไหว้พระอายุพันกว่าปี จิบกาแฟกับภูติผี พร้อมช้อปปิ้ง!
ชวนใช้เวลาราวครึ่งวันไปเที่ยวที่ใหม่ๆ ในโตเกียว! ไหว้พระอายุพันกว่าปีที่วัดจินไดจิ (Jindaiji) จิบกาแฟกับคาเฟ่ภูตผีญี่ปุ่นจากเรื่องอสูรน้อยคิทาโร่ที่คิทาโร่จายะ (Kitaro Chaya) ชิมโซบะสูตรพิเศษคุณภาพสูง พร้อมช้อปปิ้งของฝากน่าสนใจ!
ชิลล์ๆ ครึ่งวันในโตเกียว ครบทั้งไหว้พระ คาเฟ่ และช้อปปิ้งของฝาก!
ใครๆ ก็เอาแต่เที่ยวใจกลางโตเกียวกันทั้งวัน!
วันนี้เลยขอมาแนะนำแพลนเที่ยวแปลกใหม่ เปิดโอกาสให้เราได้ลองกระเถิบออกมาดูญี่ปุ่นแบบห่างจากใจกลางของโตเกียวนิดนึงบ้าง ด้วยแผนเที่ยวครึ่งวันทางตะวันตกของชินจุกุ เดินทางสะดวกสบาย ไปไหว้พระเก่าแก่อายุมากกว่าพันปี เดินชมร้านขายของในบรรยากาศย้อนยุค นั่งจิบกาแฟในคาเฟ่ผีๆ! ก่อนช้อปปิ้งของฝากน่าสนใจมากมาย
8:50 เริ่มเดินทางจากสถานีชินจุกุ (Shinjuku) สายเคโอ (Keio)!
ทุกคนรู้จักสถานีชินจุกุกันดี แต่จากชินจุกุไปทางทิศตะวันตก (ซ้ายมือของแผนที่) ดูเหมือนเราจะยังไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกันสักเท่าไหร่ งั้นวันนี้เราไปเที่ยวที่ใหม่ๆ ! ห่างจากชินจุกุแค่ประมาณ 20 นาทีกันดีกว่า
สถานีชินจุกุมีรถไฟสายหลายจนวุ่นไปหมด มองหาป้ายของรถไฟสายเคโอ (Keio) กัน จากนั้นแวะซื้อตั๋ว ราคา 240 เยนเท่านั้น แล้วเข้าไปในสถานีกันเลย
สถานีที่เราจะไปลงกันคือสถานีโจฟุ (Chofu) ค่ะ นั่งรถจากชานชาลาไหนก็ได้ แต่ขอแนะนำให้ไปที่ชานชาลา 3 เพราะเป็นรถด่วน Limited Express จะถึงที่หมายในเวลาแค่ไม่ถึง 20 นาที
9:20 ขึ้นรถบัสกันที่สถานีโจฟุ (Chofu)
มาถึงสถานีโจฟุแล้ว เราจะมาต่อรถกันไปที่หมายต่อไปซึ่งเป็นวัดเก่าแก่พร้อมพระพุทธรูประดับสมบัติชาติญี่ปุ่นเลยล่ะ!
ออกจากสถานีด้วยทางออก Central Gate จะเจอบันไดเลื่อนเลย ใครมีสัมภาระ ทางขวามือของบันไดเลื่อนจะมีล็อคเกอร์ให้บริการอยู่ค่ะ
จากนั้นขึ้นบันไดเลื่อนออกมาบนพื้นดิน มองไปด้านขวามือจะเจอกับลานที่มีป้ายรถบัสเรียงกันอยู่ค่ะ เดินไปทางขวามือป้ายแรกหมายเลข 14 เพื่อรอรถสาย 調34 กัน ที่ป้ายเดียวกันนี้มีรถสายอื่นจอดด้วย ก่อนจะขึ้นต้องดูดีๆ นะ
วิธีการขึ้นรถของที่นี่คือ ขึ้นจากประตูหน้า ลงประตูกลางค่ะ จ่ายเงินตอนขึ้นรถ จะจ่ายเป็นเหรียญหยอดลงเครื่องรับเงินก็ได้ หรือจะใช้บัตร IC ต่างๆ อย่าง Suica หรือ PASMO แตะที่เครื่องอ่านข้างๆ คนขับก็ได้เหมือนกัน
9:55 สักการะวัดเก่าแก่และพระพุทธรูประดับสมบัติชาติ วัดจินไดจิ (Jindaiji Temple)
นั่งรถแค่ไม่ถึง 20 นาที จะมาสุดสายที่ป้ายจินไดจิ (Jindaiji) เลย ลงรถมาทางซ้ายมือจะเห็นทางเดินสู่วัดที่สองข้างทางมีร้านอาหารและของฝากในบรรยากาศญี่ปุ่น
เราเริ่มจากไปไหว้พระกันก่อนดีกว่าค่ะ เดินตรงตามเส้นทางแค่อึดใจเดียวจะเจอบันไดขึ้นไปยังวัด
วัดจินไดจิเป็นวัดศาสนาพุทธนิกายเท็นได ก่อตั้งในปี ค.ศ. 733 หรือก็อายุมากกว่าพันปีไปแล้ว! เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดของภูมิภาคคันโตและโตเกียวเลยล่ะ
โดยก่อตั้งขึ้นเพื่อบูชาเทพแห่งน้ำและการผูกสัมพันธ์ "จินจะไดโอ" ซึ่งเป็นเทพผู้คุ้มครองตามความเชื่อในศาสนาพุทธแบบมหายาน และเป็นที่มาของชื่อวัดด้วย
เมื่อเข้ามาไหว้พระเสร็จแล้ว เราจะแนะนำจุดเด็ดอีกสองจุดของวัดแห่งนี้ค่ะ
ไหว้พระอายุพันกว่าปี!
จากทางเข้าวัด หากเดินมาทางซ้ายมือจะเจอเรือนแยกอยู่อีกหลังนึงเรียกว่า ชากะโด (Shaka-do) ที่นี่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระศากยมุนีพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้าตามนิกายเถรวาทที่คนไทยเคารพบูชานี่ล่ะค่ะ พระพุทธรูปที่ประดิษฐานในอาคารนี้นั้นเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ เชื่อว่าสร้างขึ้นในปีเดียวกับวัด คือปี ค.ศ. 733 เลย แม้จะเป็นพระพุทธเจ้าที่เรารู้จักกันดี แต่สร้างตามศิลปะที่แตกต่างออกไป ทำให้มีความงดงามไปอีกแบบ จุดนี้มีค่าสักการะ 300 เยน เดินขึ้นมาแล้วหยอดเหรียญลงใส่กล่องเงินทำบุญด้านหน้าตู้ได้เลยค่ะ แต่ถ้าใครไม่มีเศษเหรียญ ก็แวะไปที่เคานเตอร์หน้าบันไดเพื่อขอแลกเหรียญก่อนได้
ส่วนพระพุทธรูปรอบๆ นั้นเป็นพระพุทธรูปในยุคเดียวกัน แต่เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นมาใหม่เนื่องจากของเก่าเสียหายหรือสูญหายค่ะ
ชมหรือร่วมพิธีขอพรและปัดเป่าโชคร้าย
วิหารอีกหลังที่ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกนิดข้างๆ กันคือวิหาร กันซังไดชิโด (Ganzan-daishi-do) ตั้งชื่อตามพระสมณะสูงในอดีต "กันซังไดชิ" (ค.ศ. 912-985) ซึ่งเคยเป็นถึงผู้นำนิกายเทนได เชื่อกันว่าท่านมีพลังศักดิ์สิทธิ์ในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ได้ ซึ่งที่วิหารนี้มีรูปปั้นของพระกันซังไดชิขณะนั่งสมาธิขนาดสูงถึง 2 เมตรประดิษฐานอยู่ แต่เนื่องจากเป็น "ฮิบุตสึ" พรือพระพุทธรูปปกปิด จึงมีกำหนดเปิดให้คนทั่วไปชมได้แค่หนึ่งครั้งใน 25 ปีเท่านั้่นค่ะ พระพุทธรูปนี้ก็พึ่งเปิดให้ชมไปเมื่อปี 2009 ก็คงต้องนั่งนับนิ้วรอกันไปก่อน
และจากความศักดิ์สิทธิ์ของท่านที่วิหารกันซังไดชิโดจึงมีจัดพิธี "โกมะดาคิ" ทุกๆ วัน วันธรรมดาสองรอบ วันหยุดสามรอบต่อวัน รอบละประมาณ 30 นาที โดยจะมีเขียนเวลาบอกไว้ที่วิหาร ใครมาตรงจังหวะพอดีก็สามารถเข้าไปนั่งฟังพระสวดได้
โกมะดาคิ คือพิธีขอพรให้ความปรารถนาเป็นจริงและขับไล่สิ่งชั่วร้ายด้วยการสวดมนต์และเผาแผ่นไม้คำอธิษฐานในกองไฟ
ใครอยากจะมีส่วนร่วมขอพรหรือปัดเป่า สามารถให้เขียนแท่งไม้ "โกมะกิ" ที่วางอยู่ด้านข้างประตูวิหารค่ะ โดยการหยอดเงินลงไปในกล่อง 300 เยน แล้วใช้ปากกาตรงนั้น ด้านหน้าเขียนชื่อ ด้านหลังเขียนคำขอ เสร็จแล้ววางเอาไว้ที่ช่องข้างๆ กัน เมื่อถึงเวลาพิธีพระท่านจะนำไม้ตรงนี้ไปสวดและเผาให้เอง
11:10 ลิ้มรสของขึ้นชื่อ "จินไดจิโซบะ" ที่ร้านยูซุย (Yuusui)
หลังจากเสริมสิริมงคลและชมวัดเสร็จ ก็ได้เวลาทานอาหารกลางวันอร่อยๆ กัน!
ของดีประจำย่านร้านค้าแถววัดนี้คือ "จินไดจิโซบะ" ซึ่งเล่าขานกันว่าแถวนี้ปลูกข้าวไม่ค่อยดีมาแต่อดีต แต่เหมาะกับการปลูกโซบะมากกว่า ชาวบ้านจึงปลูกโซบะไปถวายวัดจินไดจิ ทางวัดก็นำมาเป็นเป็นโซบะไว้ใช้ต้อนรับผู้มาสักการะ จนในที่สุดก็กลายเป็นของดีประจำถิ่นนี้ไป
เดินออกจากวัดกลับมาที่ป้ายรถเมล์ หันหลังให้วัดแล้วเดินไปทางขวามือเรื่อยๆ สัก 3 นาที ขวามือเราจะเจอร้านโซบะ "ยูซุย (Yuusui - 湧水)" ป้ายร้านไม่มีภาษาอังกฤษ จึงแนะนำให้สังเกตป้ายผ้าสีน้ำเงินหรือป้ายไม้ข้างที่จอดรถค่ะ
เมนูยอดนิยมของร้านนี้คือโซบะเย็น ยูซุยโมริโซบะ (Yuusui Mori Soba) ราคา 750 เยน หรือใครอยากได้เครื่องครบพร้อมก็สั่งเป็น ยูซุยเทนโมริ (Yuusui Tenmori) โซบะเย็นพร้อมกับเทมปุระผักและกุ้ง ราคา 1,450 เยน
ความพิเศษของโซบะเมนูนี้คืออัตราส่วนในการนวดเส้นใช้แป้งโซบะถึง 90% และมีตัวประสานอื่นๆ เพียง 10% เท่านั้น ซึ่งปริมาณแป้งโซบะนั้นยิ่งมากก็จะยิ่งได้กลิ่นหอมและรสอร่อยของโซบะ แต่ยิ่งมีตัวประสานน้อยก็จะยิ่งนวดเส้นออกมายาก
ขอบอกว่าโซบะแบบ 9:1 นี้ถือเป็นโซบะทรงคุณค่าที่คนชอบอาหารญี่ปุ่นต้องลอง!
วันนี้เลยขอสั่งยูซุยเทนโมริมาอร่อยกับรสแท้ๆ ของโซบะและเทมปุระกรอบนอก นุ่มใน อร่อยแบบรสชาติเบาๆ สบายท้อง
ตบท้ายด้วยของหวานเฉพาะของร้านกับโซบะโยคัง (Soba Youkan) ราคา 360 เยน ซึ่งปกติโยคังจะใช้ถั่วแดงบดเป็นหลัก อาจจะรู้สึกหวานไปสำหรับบางคน แต่โซบะโยคังนี้มีทั้งส่วนที่ทำจากโซบะสลับกับถั่วแดง มีรสหวานไม่มาก เสิร์ฟมาแบบเย็นพอดี จึงอร่อยสดชื่นไม่บาดคอ
(ในภาพเป็นเพียงครึ่งเดียวของไซส์ปกติ)
12:20 เดินชมร้านค้า หาซื้อของฝากที่ถนนซันโดรอบวัด
อิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินเล่นชิลล์ๆ กัน เดินกลับไปแถวบริเวณวัด ทั้งถนนตรงเข้าวัดสายสั้นๆ และถนนทางซ้ายขวาของบันไดหน้าวัดล้วนมีร้านค้าเรียงราย แถมบรรยากาศยังร่มรื่นเพราะมีต้นไม้ใหญ่เต็มสองข้างทาง บางจุดมีสายน้ำไหลช่วยให้ยิ่งสดชื่นเข้าไปใหญ่ เป็นบริเวณที่น่ามาใช้เวลาสบายๆ จนแทบลืมกันไปเลยว่ายังอยู่ในโตเกียวค่ะ
ร้านค้าบริเวณนี้นอกจากจะขายโซบะให้กลับไปอร่อยต่อที่บ้านได้ ยังมีพวกผักดองให้ไปทานเข้าคู่กัน ร้านขนมญี่ปุ่น ขนมของฝาก ร้านเครื่องเซรามิคที่มีกิจกรรมให้ทำได้
ที่น่าสนใจคงไม่พ้นขนมที่มีส่วนผสมของโซบะ ทั้งมันจูโซบะ ขนมปังผสมโซบะ แถมบางร้านยังมีแป้งโซบะขายด้วย!
13:00 พักจิบน้ำชาท่ามกลางภูติผีที่ คิทาโร่จายะ (Kitaro Chaya)
ด้านหน้าของวัด ใกล้ๆ กับป้ายรถบัสของเรา มีคาเฟ่ที่แสนน่าสนใจ "คิทาโร่จายะ (Kitaro Chaya)" อยู่ค่ะ!
ⓒMIZUKI Productions // Left : Picture courtesy of Kitaro Chaya
คิทาโร่จายะ เป็นร้านคาเฟ่พร้อมกับร้านจำหน่ายสินค้าจากการ์ตูนอมตะของญี่ปุ่น "อสูรน้อยคิทาโร่" (GeGeGe no Kitaro) หลายคนที่คุ้นเคยกับการ์ตูนญี่ปุ่นต้องเคยเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ มีผมปรกหน้าจนเห็นตาข้างเดียว พร้อมกับลูกตามีแขนขายืนเกาะอยู่อย่างแน่นอน การ์ตูนเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของอสูร "คิทาโร่" ออกปราบภูติผีร้ายกาจที่สร้างความเดือดร้อนให้กับมนุษย์ ความน่าสนใจของเรื่องนี้ก็คือ ภูติผีญี่ปุ่นจำนวนมากที่โผล่มาให้เราตื่นตาตื่นใจ บางทีก็น่ากลัว บางทีก็น่ารักน่าเอ็นดู นี่ล่ะ!
ⓒMIZUKI Productions
สินค้าต่างๆ ของการ์ตูนเรื่องนี้มีทั้งลายเส้นเก่าแบบสมัยก่อนไปจนถึงสินค้าที่ออกแบบให้ดูสมัยใหม่น่ารัก และมีสินค้าบางอย่างจำหน่ายเฉพาะที่ร้าน รวมไปถึงขนมของฝากด้วย หากใครชอบการ์ตูนญี่ปุ่นก็ไม่น่าพลาด
ⓒMIZUKI Productions
ส่วนตัวคาเฟ่นั้นมีเมนูทั้งไอศครีม ขนมญี่ปุ่น เครื่องดื่ม ที่ดีไซน์ให้นึกถึงตัวการ์ตูนในเรื่อง ทำให้ทั้งอร่อยและน่ารัก! ในร้านตกแต่งด้วยรูปภูติผีในเรื่อง แถมยังมีตุ๊กตาวางอยู่ตามโต๊ะ เก้าอี้ริมผนังก็มีแต่งลูกตาชวนให้คิดถึงผีในเรื่อง และมีประดับภาพวาดพร้อมลายเซ็นของผู้วาด คุณมิสุกิ ชิเกะรุด้วย!
วันนี้ขอพักจิบลาเต้ที่เลือกลายบนกาแฟได้ (ร้อน/เย็น 500 เยน) พร้อมกับทานไอศครีมรสสาลี่ศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นของดีของทตโตริ บ้านเกิดของผู้วาด (400 เยน)
ⓒMIZUKI Productions
ชั้นสองยังมีแกลเลอรี่จัดแสดงงานที่เกี่ยวข้องกับผลงานต่างๆ ของผู้วาด และจุดนั่งพักสบายๆ แบบญี่ปุ่น เนื้อหาที่จัดแสดงนั้นจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ปีละหลายครั้ง สามารถเข้าชมได้ในราคา 100 เยน
14:00 นั่งรถกลับไปสถานีโจฟุ
พักกันเพลินๆ แล้ว เรากลับไปที่ป้ายรถบัสเดิมที่นั่งมา นั่งรถสายเดิม 調34 กลับไปที่สถานีโจฟุกันค่ะ คราวนี้จะขอแนะนำจุดช้อปก่อนเดินทางกลับกัน เพราะหน้าสถานีโจฟุมีห้างสรรพสินค้า Trie ที่มีร้านค้าน่าสนใจหลากหลายเลยล่ะ
14:30 ช้อปปิ้งปิดท้ายที่ห้าง Trie Keio Chofu
ห้าง Trie Keio Chofu มีด้วยกันถึงสามอาคาร เริ่มจากอาคารเหนือสถานีรถไฟที่เรามากันเป็นอาคาร A มีทั้งร้านอาหาร ขนม ซุปเปอร์มาร์เก็ต และเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่นต่างๆ อาคารที่มองเห็นอยู่ตรงกันข้ามเลยคืออาคาร B ด้านในเป็น Bic Camera ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดัง และหากเดินไปด้านหลังของอาคาร B จะเจออาคาร C ที่เป็นโรงภาพยนตร์และร้านอาหาร
วันนี้จะขอแนะนำร้านเด็ดๆ ด้วยกันสองร้านค่ะ
Atelier UKAI ขนมชั้นยอดจากฝีมือระดับภัตตาคาร
แวะไปที่อาคาร A เดินตรงไปเรื่อยๆ หน้าทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตจะเห็นร้านสีฟ้าอยู่ พอเดินเข้าใกล้เราก็ต้องตาวาวกับขนมสวยงามที่เรียงอยู่ในตู้!
Atelier UKAI เป็นร้านขนมโดยเฉพาะในเครือภัตตาคารที่ทำร้านอาหารชื่อดังมามากมายอย่างเช่น ร้านเทปปันยากิ Ukai-tei
ความน่าสนใจของร้านนั้นอยู่ที่มีขนมเปลี่ยนไปตามฤดูกาล และมีการใช้วัตถุดิบของญี่ปุ่นอย่างมันม่วง เกาลัด ลูกพลับ ทำขนมสไตล์ฝรั่ง ออกมาเป็นความอร่อยที่ลงตัว
สินค้าแนะนำของที่ร้านสำหรับใครอยากทานเลย ก็ต้อง "พุดดิ้ง" (480 - 530 เยน) ! มีหลากรสเช่น วานิลลา และรสตามฤดูกาล เนื้อหอมนุ่มลื่นเหมือนละลายในปาก ขอบอกว่าฟิน!
แต่ถ้าใครจะทานวันหลังหรือเอาไปเป็นของฝาก ก็ขอแนะนำคุกกี้ในกล่องเหล็ก ซึ่งมีด้วยกันหลายแบบให้เลือก บางชนิดมีเปลี่ยนขนมตามฤดูกาลด้วย กล่องก็สวยงามถือไปฝากผู้หลักผู้ใหญ่ได้เลย
กล่องทรงยาวรวมคุกกี้หลากแบบ เช่น คุกกี้แยม คุกกี้งา หรือรสน่าสนใจอย่างอัลมอนด์และโยเกิร์ต (2,160 เยน) ส่วนกล่องสี่เหลี่ยมจตุรัสเป็นคุกกี้แบบ sable หลากรสและมีรสญี่ปุ่นๆ อย่าง รสชาญี่ปุ่น รสส้มยูซุ รสพริกไทยญี่ปุ่นด้วย (2,800 เยน)
ราคาอาจจะสูงสักนิด แต่รับประกันความอร่อยว่าคุ้มค่าแน่นอน!
เห็นและลิ้มรสความล้ำลึกของกาแฟที่ Sarutahiko Coffee
อีกร้านนี่ขอบอกว่าคอกาแฟห้ามพลาดเด็ดขาด! เดินไปจนถึงอาคาร C กลิ่นกาแฟจะเชิญชวนให้เดินไปจนถึงด้านในสุดของชั้น 1
ร้านซารุตะฮิโกะคอฟฟี่ (Sarutahiko Coffee) ร้านที่เชี่ยวชาญด้านกาแฟโดยเฉพาะ ทั้งเครือเปิดมามากกว่า 5 ปี สาเหตุของกลิ่นหอมหวลนั้นไม่ใช่แค่กาแฟที่ชงอย่างเดียว แต่ร้านนี้เป็นเหมือนโรงผลิตกาแฟขนาดย่อม มีจุดเก็บเมล็ดกาแฟ แต่ละจุดของร้านมีเขียนอธิบายกระบวนการก่อนจะมาเป็นกาแฟให้เราดื่มแปะกับกำแพงกระจกที่อีกฟากกำลังทำกระบวนการเหล่านั้นอยู่จริงๆ เราจึงได้เห็นทั้งกระบวนการคัด คั่วเมล็ดกาแฟกันต่อหน้าเลย
เมนูของว่างแนะนำที่นี่คือแพนเค้ก (720 เยน) แบบคลาสสิค เนื้อนุ่มหอม รสชาติยิ่งกลมกล่อมเมื่อทานคู่กับเนยและน้ำเชื่อมที่มาด้วยกัน
ส่วนเครื่องดื่ม แค่กาแฟก็มีให้เลือกหลากหลายจนสัมผัสได้ถึงความพิถีพิถันใส่ใจในศาสตร์ล้ำลึกของกาแฟ แค่กาแฟแบบ dripping ก็มีเมล็ดให้เลือกถึง 12 แบบแล้ว! หรือหากใครสั่งกาแฟอื่นๆ เช่น ลาเต้ เรายังสามารถเลือกเมล็ดกาแฟได้จาก 2 แบบ ทางร้านยังมีกาแฟเบลนด์ประจำฤดูกาล และเบลนด์สูตรพิเศษประจำสาขาอีกด้วย
ร้านที่พิถีพิถันเรื่องเมล็ดกาแฟขนาดนี้หาไม่ได้ง่ายๆ เลยนะ!
ใครติดใจหรืออยากซื้อหาเป็นของฝากที่ร้านก็มีกาแฟสำเร็จรูปและเมล็ดกาแฟขายด้วยค่ะ
ปิดทริปแบบสบายๆ จะแวะเที่ยวไหนอีกหน่อยก็ได้!
วันนี้ปิดทริปกันสบาย แค่เวลาราวบ่ายสามโมงกว่าๆ ต่อจากนี้ถ้าใครอยากนั่งร้านกาแฟชิลล์อีกสักพักก็ได้ จะช้อปปิ้งต่ออีกก็ดี หรือใครจะไปเที่ยวชินจุกุปิดท้าย ก็นั่งรถไฟต่อเดียว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึง
Picture courtesy of Jindai Botanical Gardens
แถมให้ว่าจริงๆ แล้วใกล้ๆ กับวัดจินไดจิที่เราไปกันวันนี้มีสวนพฤกษศาสตร์จินได (Jindai Botanical Gardens) ที่ดังด้านสวนกุหลาบกว่าห้าพันต้นด้วยล่ะ หากใครมีเวลาอย่าลืมไปแวะกันด้วยนะ
กระซิบให้อีกอย่างว่า ป้ายรถบัสหน้าสถานีโจฟุนั้นมีป้ายของรถบัสไปสนามบินทั้งฮาเนดะและนาริตะด้วยนะ ถ้าใครขึ้นไฟลท์ดึกกลับไทย จะมาเที่ยวแผนนี้ก่อนนั่งรถบัสไปสนามบินก็ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ!
สรุปการเดินทาง
สถานีชินจูกุ → สถานีโจฟุ → วัดจินไดจิ → ร้านโซบะ ยูซุย → ถนนรอบวัดจินไดจิ → คิทาโร่จายะ → สถานีโจฟุ → ห้าง Trie Keio Chofu (ร้าน Atelier UKAI และ Sarutahiko Coffee)
ค่าเดินทางทั้งหมด : ค่ารถไฟ 240 เยน (เฉพาะขามาสถานีโจฟุ) ค่ารถบัส 420 เยน
ใช้จ่ายอื่นๆ : ค่าอาหาร 1,810 เยน ค่าขนม 1,680 เยน ค่าช้อปปิ้งและของฝากต่างๆ แล้วแต่บุคคล
รวมค่าใช้จ่ายใน 1 วัน/1 คนตามแผน : ประมาณ 4,150 เยน (ไม่รวมค่าซื้อของ)
ตรวจสอบข้อมูลรถไฟของสาย Keio เพื่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายได้ที่ : Website อย่างเป็นทางการของ Keio Corporation
Supported by Keio Corporation
สาวไทยในโตเกียว ลัลล้ากับการทำงาน ว่างๆ ก็แว่บไปเที่ยวและชิมของอร่อย สนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมไปถึง Pop culture~♥
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง