Start planning your trip

จังหวัดซากะอยู่ตอนเหนือของเกาะคิวชู มีเทศกาลบอลลูนเฟสต้าหลากสีสัน วิวนาขั้นบันไดสวยๆ พรีเมียมเอาท์เล็ท อาหารทะเลและเนื้อซากะอร่อยๆ รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ มากมายที่หาจากที่อื่นไม่ได้!
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
วิวที่หาดูได้เฉพาะที่นี่ เช่น เทศกาลบอลลูนหลากสีสัน เสาโทริอิลอยกลางน้ำ และนาขั้นบันได สถานที่สุดฮิตติดเทรนด์อย่างพรีเมียมเอาท์เล็ทและห้องสมุดสวยๆ รวมถึงอาหารรสเลิศที่มาญี่ปุ่นแล้วห้ามพลาดอย่างอาหารทะเลสดๆ และเนื้อวากิว
ทั้งหมดนี้พบได้ที่จังหวัดซากะบนเกาะคิวชู มาดูกันว่ามีอะไรน่าทำและทำได้ในจังหวัดซากะบ้าง!
ก่อนอื่นมารู้จักที่ตั้งของซากะกัน จังหวัดซากะอยู่ตอนเหนือของเกาะคิวชู ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดฟุกุโอกะที่เป็นประตูสู่เกาะคิวชู ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดนางาซากิที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยเสน่ห์และมีสวนสนุกเฮาส์ เทน บอช (Huis Ten Bosch)
หมุดสีเหลืองคือสนามบินนานาชาติคิวชู-ซากะ (Kyushu Saga International Airport)
นี่คือสถานที่ที่จะแนะนำในบทความนี้ จะเห็นได้ว่าเป็นพื้นที่ค่อนข้างกว้างเลย
จังหวัดซากะแบ่งเป็นหลายพื้นที่ เช่น บริเวณเมืองซากะ (Saga) ที่มีอำเภอเมืองอยู่, บริเวณเมืองคารัตสึ (Karatsu) ซึ่งเป็นเมืองริมทะเล บริเวณอาริตะ (Arita) และทาเคโอะ (Takeo) ที่มีชื่อเสียงเรื่องเครื่องปั้นดินเผาอาริตะ (Aritayaki) และบริเวณเมืองโทซุ (Tosu) ที่มีพรีเมียมเอาท์เล็ท เป็นต้น
จังหวัดนี้มีรถไฟและรถบัสแต่เที่ยวรถอาจมีน้อย และสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งก็อยู่ไกลจากสถานี ถ้าเป็นไปได้ อยากแนะนำให้เช่ารถขับ
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
จังหวัดซากะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เดินทางจากไต้หวันมาได้ง่ายมากๆ เพราะมีเที่ยวบินตรงจากไต้หวันมาสนามบินนานาชาติคิวชูซากะโดยสายการบิน Tiger Air อาทิตย์ละ 2 เที่ยวบิน
จุดเริ่มต้นของการเที่ยวจังหวัดซากะอยู่ที่สถานี JR ซากะ (JR Saga) จากสนามบินมีรถบัสลีมูซีนเข้าเมือง ดังนั้นให้นั่งรถบัสมาตั้งต้นที่สถานี JR ซากะก่อน จากสนามบินนั่งรถบัสมาสถานีซากะใช้เวลา 35 นาที (600 เยน)
ถ้าไม่ได้นั่งเที่ยวบินตรง ขอแนะนำให้เริ่มต้นจากสนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) จากสนามบินฟุกุโอกะนั่ง Express Bus มาที่สถานีซากะใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที (1,230 เยน) และสามารถเดินทางต่อไปที่เมืองคารัตสึได้โดยนั่งรถไฟใต้ดินต่อเดียวใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง (1,170 เยน)
มาเริ่มกันเลยว่า ถ้าไปเที่ยวซากะมีที่เที่ยวไหนต้องไปให้ได้ และมีอะไรต้องทำให้ได้บ้าง!
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
มีบอลลูนยักษ์หลากสีเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำ! นี่เป็นการแข่งขันบอลลูนนานาชาติ Saga International Balloon Fiesta ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในช่วงปลายเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน
การแข่งขันมีบอลลูนกว่า 100 ลูกลอยไปมาบนฟ้า จึงเป็นวิวที่เหมาะถ่ายรูปลงอินสตาแกรมมากๆ การแข่งขันนี้เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่ปี 1980 ทุกๆ ปีจะมีคนมากกว่า 8 แสนคนมารวมตัวกันที่นี่
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
วิธีเดินทางมาไม่ยุ่งยาก นั่งรถไฟ 5 นาทีจากสถานี JR ซากะ (JR Saga) มาลงที่สถานีบอลลูนซากะ (Balloon Saga) ก็ถึงสถานที่จัดงานเลย เราสามารถชมการแข่งขันได้ที่ริมแม่น้ำคาเซะ (Kase River) เพราะฉะนั้นเตรียมเสื่อหรือแผ่นรองนั่งไปด้วยนะ
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
ถึงจะไปช่วงนอกงานเทศกาลบอลลูนก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเราสามารถสัมผัสบรรยากาศงานเทศกาลได้ที่พิพิธภัณฑ์บอลลูนซากะ (SAGA Balloon Museum) มีโปรแกรมจำลองการบิน (Flight Simulator) ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นคนขับบอลลูนซึ่งได้รับความนิยมมากด้วย
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
ผู้คนมากมายต่างประทับใจกับรูปลักษณ์ภายนอกอันงดงามหรูหราที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติสีเขียว ศาลเจ้ายูโทคุอินาริสร้างขึ้นในปี1687 เป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าอินาริที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยอีก 2 แห่งคือศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) ในจังหวัดเกียวโต และศาลเจ้าคาซามะอินาริ (Kasama Inari Shrine) ในจังหวัดอิบารากิ
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
อาคารศาลเจ้าในปัจจุบันได้รับการบูรณะเมื่อปี 1957 โดยมีอาคารศาลเจ้าหลักสีแดงสดเด่นสะดุดตา บริเวณโดยรอบมีธรรมชาติสวยงามให้ดูตลอดทั้ง 4 ฤดู เช่น เดือนเมษายนมีดอกสึสึจิ (Tsutsuji) และดอกฟูจิหรือวิสทีเรีย (Fuji, Wisteria) ส่วนเดือนตุลาคมมีดอกคอสมอส (Cosmos)
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
เราสามารถชมเสาโทริอิศักดิ์สิทธิ์กลางทะเลนี้ได้ที่ศาลเจ้าโออุ ชื่อของศาลเจ้ามีอักษรคันจิ 魚 ที่แปลว่า "ปลา" อยู่ด้วย จึงเป็นศาลเจ้าที่คนมักมาขอพรให้จับปลาได้ปริมาณมาก
ทำไมถึงมีเสาโทริอิอยู่กลางทะเล? ว่ากันว่าเมื่อประมาณ 300 ปีก่อน มีเจ้าหน้าที่ดูแลหมู่บ้านคนหนึ่งถูกทิ้งไว้บนเกาะ แต่รอดชีวิตกลับมาได้ด้วยการขี่หลังปลา จึงสร้างศาลเจ้ากับเสาโทริอิกลางทะเลเพื่อตอบแทนบุญคุณ
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
ลักษณะของเสาโทริอิที่มองเห็นจะต่างกันตามน้ำขึ้นน้ำลง ช่วงน้ำขึ้นเต็มที่สูงส่วนบนของเสาโทริอิจะจมอยู่ในทะเล แต่ช่วงน้ำลงจะมองเห็นเสาโทริอิทั้งหมด ในทาระที่มีศาลเจ้าอุโอตั้งอยู่นี้ยังมีอาหารทะเลสดๆ อย่างปูทาเคซาคิ (Takezaki) และหอยนางรมให้ลองลิ้มชิมรสอีกด้วย
ขอแนะนำเมนูอาหารเมืองซากะที่หิวแล้วต้องกินให้ได้แบบหมดเปลือก! จังหวัดซากะหันหน้าสู่ทะเลทั้งทิศเหนือและทิศใต้ จึงมีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์มาก และที่ห้ามพลาดคือเนื้อวัวซากะเนื้อวากิวขึ้นชื่อ
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
จังหวัดซากะมีเนื้อวากิวอยู่ 2 ชนิดคือเนื้อซากะ (Saga Beef) และเนื้ออิมาริ (Imari Beef) ทั้งสองชนิดเป็นเนื้อที่มีคุณภาพทั้งคู่แค่ต่างกันตรงชื่อเรียกตามสถานที่เลี้ยงเท่านั้น
จุดเด่นของเนื้อสองชนิดนี้คือเนื้อแดงอ่อนนุ่มและมีไขมันแทรกเยอะ รสชาติหวานเข้มข้น ไม่ว่าจะเอาไปทำสเต็กหรือชาบุชาบุก็ลิ้มรสความอร่อยนั้นได้อย่างเต็มที่
ในบริเวณใกล้ๆ สถานีซากะ เราสามารถลิ้มรสเนื้อซากะได้ที่ร้าน Kira Saka Honten ส่วนในบริเวณเมืองอิมาริก็มีร้านดังอย่าง Steak Restaurant SHO ที่มีเนื้ออิมาริส่งตรงจากฟาร์มมาให้ลองชิมรสชาติกัน
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
ปลาหมึกเป็นของขึ้นชื่อในพื้นที่โยบุโคะที่ติดทะเล ปลาหมึกสดตัวใสแจ๋วที่ยังดิ้นแม้อยู่บนจานซาชิมิ!
จากซื้อหอยเม่นสดๆ สุดถูกที่ "ตลาดเช้าโยบุโคะ" 1 ใน 3 ตลาดเช้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
ในโยบุโคะมีหลายร้านให้เราเลือกกินปลาหมึก แต่อยากให้ลองไปที่ตลาดเช้าโยบุโคะ แน่นอนว่ามีปลาหมึก รวมทั้งเมนูอื่นๆ ให้ตะลุยกินเยอะแยะไปหมดอย่างขนมจีบปลาหมึกที่มีส่วนผสมของปลาหมึกด้วย ตลาดเปิดช่วงเช้าทุกวันตั้งแต่ 7:30 - 12:00 น. ยกเว้นวันที่ 1 มกราคม
เต้าหู้ต้มน้ำพุร้อนเป็นเมนูขึ้นชื่อของอุเระชิโนะออนเซ็น (Ureshino Onsen) ซึ่งอยู่ทางใต้ของจังหวัดซากะ ปกติแล้วเมนูเต้าหู้ต้มคือการเอาเต้าหู้ไปต้มในน้ำร้อน แต่ที่อุเระชิโนะซึ่งเป็นย่านออนเซ็นจะใช้น้ำพุร้อนต้มเต้าหู้!
จากส่วนประกอบในน้ำพุร้อนทำให้เต้าหู้ละลายเป็นน้ำซุปข้นรสชาติกลมกล่อม มาแช่ออนเซ็นและเอร็ดอร่อยกับเต้าหู้ต้มน้ำพุร้อนกันนะ
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
นาขั้นบันไดคือนาที่ปลูกขึ้นไปเป็นขั้นเหมือนบันได ที่ซากะมีนาขั้นบันไดอยู่หลายแห่งแต่ขอยกที่สวยๆ มาแนะนำสัก 2 แห่งให้รู้จักกัน
นาขั้นบันไดฮามาโนะอุระ (Hamanoura Rice Terraces) มีนาข้าวน้อยใหญ่รวม 283 ผืน ในเดือนพฤษภาคมน้ำจะเต็มนาทำให้เห็นพระอาทิตย์ตกดินสะท้อนกับผิวน้ำดูสวยโรแมนติกจนได้รับเลือกให้เป็น "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคู่รัก"
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
และอีกที่คือนาขั้นบันไดโออุระ (Oura Rice Terraces) ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่และมีนาถึง 1,000 ผืนเรียงกันอย่างสวยงาม ทั้งฮามะโนะอุระและโออุระก็มีจุดชมวิวที่มองเห็นผืนนาทั้งหมดได้ ทั้งสองแห่งเหมาะที่จะขับรถมาจากเมืองคารัตสึ
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
ภายนอกดูโดดเด่นเหมือนพระราชวังนี้ ความจริงคือ Arita Porcelain Park ธีมพาร์คที่เราจะได้สัมผัสประสบการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาอาริตะ (อาริตะยากิ) ซึ่งเป็นหัตถกรรมท้องถิ่นของซากะ
ภายในอาคารเลียนแบบมาจากพระราชวังซวิงเกอร์ (Zwinger Palace) ของประเทศเยอรมัน เป็นอาคารจัดแสดงผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาอาริตะ นอกจากอาคารนี้แล้วยังมีอีกหลายอาคารที่สามารถสัมผัสเสน่ห์ของเครื่องปั้นดินเผาอาริตะได้อย่างเต็มที่ เช่น ร้านจำหน่ายเครื่องปั้นดินเผาอาริตะ สตูดิโอทำกิจกรรมเครื่องปั้นดินเผา และโนโบริกามะ (เตาเผาที่มีลักษณะเป็นขั้นบันได) ที่มีความยาวถึง 55 เมตร
ยังมีโรงกลั่นเหล้าของบริษัทโรงกลั่นซึ่งเป็นผู้บริหารสวนแห่งนี้อยู่ข้างๆ จึงสามารถไปทัศนศึกษาโรงกลั่น (ต้องจองล่วงหน้า) และยังชิมสาเกญี่ปุ่นได้ฟรีที่ร้านขายของฝากภายในสวนได้ด้วย
จาก "ผจญภัยในถ้ำนานะสึกามะแห่งเมืองคาราสึ ความงามตามธรรมชาติที่สร้างโดยคลื่น"
ขึ้นเรือสำราญที่มีเอกลักษณ์ในรูปทรงปลาหมึกแล้วล่องเข้าสู่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน?
จาก "ผจญภัยในถ้ำนานะสึกามะแห่งเมืองคาราสึ ความงามตามธรรมชาติที่สร้างโดยคลื่น"
ถ้ำนานะสึกามะ (Nanatsugama Caves) อยู่ริมทะเลทางเหนือของจังหวัดซากะ เป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวหินผารูปทรงสวยแปลกตา ในอดีตภูเขาไฟระเบิดพ่นลาวาไหลออกมาแล้วเย็นตัวลงและแข็งอย่างรวดเร็วด้วยน้ำทะเล ทำให้เกิดหินผารูปทรงซับซ้อนสวยแปลกตา
เรือรูปปลาหมึกชื่อ "อิคะมารุ (Ikamaru)" แล่นจากโยบุโกะทุกวันไม่มีวันหยุดและไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า (อาจงดออกเรือเนื่องจากสภาพคลื่นลม)
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
ถ้ามาเที่ยวซากะช่วงฤดูใบไม้ร่วง สถานที่ที่อยากให้ไปคือ "ป่าแห่งศิลปะสิ่งแวดล้อม (Kankyo Geijutsu no Mori)"
วิวใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่สวยตระการตาเหมือนที่วัดริรุโคอิน (Rirukoin Temple) ในเกียวโต ในวัดนี้มีต้นคาเอเดะ (ต้นเมเปิ้ล) ที่เปลี่ยนสีอย่างสวยงามมากถึง 1 หมื่นต้น!
ไม่เพียงแต่ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงผลิใบใหม่ในเดือนเมษายน - พฤษภาคม บริเวณนี้จะปกคลุมด้วยสีเขียวสดชื่น จึงเป็นจุดที่เหมาะกับคนที่ต้องการสัมผัสกับธรรมชาติทั้งกายและใจ
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
ทั่วญี่ปุ่นมีพรีเมียมเอาท์เล็ททั้งหมด 9 แห่ง หนึ่งในนั้นอยู่ที่เมืองโทซุ (Tosu) จังหวัดซากะ ที่นี่มีร้านค้าราว 150 ร้าน ทั้งแฟชั่น สินค้าเบ็ดเตร็ด และร้านอาหารต่างๆ ให้ได้อัพเดตเทรนด์ใหม่ๆ กัน
ในเดือนมกราคมและสิงหาคมของทุกปี มีงานลดราคาด้วย! ถ้ามุ่งเป้ามาที่นี่ในช่วงนี้ก็ดีนะ
Picture courtesy of Kyushu Tourism Promotion Organization
ที่นี่คือหอสมุดเมืองทาเคโอะ (Takeo City Library) ด้วยดีไซน์ที่สวยจนไม่คิดว่านี่คือหอสมุดประจำเมือง จึงได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้คนทั่วญี่ปุ่น
หนังสือเรียงรายอยู่ในพื้นที่เปิดโล่งโปร่งสบายถึงชั้น 2 แถมยังมีร้านกาแฟสตาร์บัคส์อยู่ภายในด้วย จึงเป็นสถานที่ซึ่งคนรักหนังสือต้องลองมาสักครั้ง ถึงไม่ใช่ชาวเมืองทาเคโอะก็ใช้บริการได้ ข้อควรระวังของที่นี่คือห้ามถ่ายรูปภายในอาคารนะ
นอกจากนี้ยังมีทาเคโอะออนเซ็นอยู่ในระยะทางที่เดินไปได้ จะลองใช้เวลาแบบเก๋ๆ อย่างมาอ่านหนังสือผ่อนคลายที่หอสมุดหลังจากแช่ออนเซ็นแล้วก็ดีนะ
Picture courtesy of Kyushu Tourism Promotion Organization
อาริตะยากิ (Aritayaki) คือเครื่องปั้นดินเผาที่ผลิตขึ้นมาในอาริตะ จังหวัดซากะและพื้นที่รอบๆ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก มีเครื่องปั้นดินเผาหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ของใช้ในชีวิตประจำวันไปจนถึงงานศิลป์ เช่น เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร และงานศิลปะหัตถกรรม
Picture courtesy of Kyushu Tourism Promotion Organization
มีการแบ่งกระบวนการผลิตไว้อย่างชัดเจน เช่น "การขึ้นรูป" โดยนำดินมาปั้นขึ้นเป็นรูปร่าง "การลงลาย" โดยใช้อุปกรณ์วาดภาพเขียนลวดลายต่างๆ ลงไป และปิดท้ายด้วย "การเผา (อบด้วยเตาเผา)" ล้วนผ่านมือช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญต่างกันไปในแต่ละขั้นตอน
มีร้านขายอาริตะยากิหลายร้าน แต่ร้านที่มีเอกลักษณ์คือ Gallery Arita ภายในร้านรายรอบไปด้วยแก้วกาแฟที่เป็นอาริตะยากิมากถึง 2,000 ชุด แถมถ้าสั่งเครื่องดื่มร้อนก็จะเลือกเสิร์ฟในแก้วที่ชอบได้อีกด้วย
Picture courtesy of Kyushu Tourism Promotion Organization
ทาเคโอะออนเซ็นเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีประวัติยาวนานถึง 1,300 ปี รู้จักกันในนามบิจินโนะยุหรือน้ำร้อนของคนงาม เพราะน้ำพุร้อนของที่นี่มีความเป็นด่างอ่อนๆ ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นและอ่อนโยนต่อผิวมาก สัญลักษณ์ของที่นี่คือโรมง (Romon ประตูใหญ่ที่สร้างเหมือนอาคาร 2 ชั้น) ที่เห็นในรูป มีลักษณะเป็นอาคารสีสันสดใสที่สร้างโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียวทำให้ผู้มาเยือนต่างพากันประทับใจ
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
หลังประตูใหญ่นี้มีโรงอาบน้ำสาธารณะ 3 แห่ง สามารถมาแช่ออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับได้ นอกจากโรงอาบน้ำสาธารณะแล้วยังมีบ่อส่วนตัวให้เช่าเหมาได้ด้วย โทโนซามะยุ (Tonosamayu) เป็นบ่อส่วนตัวดีไซน์หรูลายตารางหมากรุกที่อยากให้ลงแช่ดูสักครั้ง
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
สวนมิฟุเนะยามะ ราคุเอ็น (Mifuneyama Rakuen) ) เป็นสวนที่เปิดให้เราได้สัมผัสความงามของดอกไม้ทั้ง 4 ฤดู และมีสิ่งน่าสนใจให้ดูตลอดทั้งปี เช่น ดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ไลท์อัพใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง
ดอกไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือดอกสึสึจิ (Tsutsuji) ในช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือนเมษายนของทุกปีจะมีดอกสึสึจิถึง 2 แสนดอกเบ่งบานสวยงาม ภาพดอกสึสึจิที่มีหน้าผาอันทรงพลังทอดยาวอยู่เบื้องหลังช่างเป็นวิวที่ควรค่าแก่การมาชมมาก
Picture courtesy of Kyushu Tourism Promotion Organization
ปราสาทคารัตสึ (Karatsu Castle) เป็นสัญลักษณ์ของบริเวณคารัตสึ สร้างขึ้นเมื่อปี1608 และเท็นชุคาคุ (*1) ที่มีอยู่ได้รับการบูรณะในปี1966
ปราสาทหันหน้าเข้าทะเล (อ่าวคารัตสึ) ดังนั้นเมื่อปีนขึ้นไปบนหอคอยก็จะเห็นวิวเกาะต่างๆ กลางทะเล ทุกปีในช่วงปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคมจะมีดอกฟูจิหรือดอกวิสทีเรียสีม่วงบานสวยผสานกับหอคอย
*1: เท็นชุคาคุ (หอคอย)....อาคารที่สูงที่สุดในปราสาทญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ของปราสาทนั้นๆ
Picture courtesy of Saga Prefectural Tourism Federation
ชื่อศาลเจ้าโฮโตเขียนด้วยอักษรคันจิที่แปลว่า "ถูกรางวัล" จึงเป็นศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อว่าถ้ามาขอพรแล้วจะถูกล็อตเตอรี่ ที่มาของศาลเจ้าแห่งนี้คือสร้างขึ้นในปี 1574 เพื่ออุทิศให้แก่โนซากิ สึนาโยชิ (Nozaki Tsunayoshi) ผู้ปกป้องชาวบ้านจากโจรสลัด
ศาลเจ้าแห่งนี้มีเครื่องราง (Omamori) ต่างๆ อย่าง "เครื่องรางถูกรางวัลแน่นอน" และ "เครื่องรางนำโชคด้านการเงิน" ถ้าต้องการเสริมดวง ก็แวะมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้ให้ได้นะ
ศาลเจ้าโฮโตอยู่บนเกาะทาคาชิมะ (Takashima Island) ใช้เวลาเดินทางโดยเรือจากเมืองคารัตสึประมาณ 10 นาที
จากที่ได้พาเที่ยวมาจนถึงตรงนี้ จะเห็นว่ามีสิ่งน่าสนใจ แหล่งช็อปปิ้ง และจุดถ่ายรูปมากมายที่น่าไปเยี่ยมชมในจังหวัดซากะ
ถ้ามาเที่ยวเกาะคิวชูก็ลองแวะมาเที่ยวจังหวัดซากะกันด้วยนะ!