Start planning your trip
8 สิ่งน่าทำในเมืองคิตะคิวชู ฟุกุโอกะ (Kitakyushu, Fukuoka)
คิตะคิวชูเป็นเมืองที่รุ่งเรืองในการผลิตมาตั้งแต่อดีต มีสิ่งก่อสร้างของยุคสมัยใหม่อยู่มากมาย หากออกนอกเมืองไปอีกเล็กน้อยก็มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติรออยู่ ในบทความนี้ ผู้เขียนที่อาศัยอยู่ในคิวชูจะแนะนำสถานที่ห้ามพลาด และกิจกรรมน่าทำ 8 อย่างในคิตะคิวชูกันค่ะ
คิตะคิวชู ประตูสู่คิวชู ที่มีเสน่ห์น่าค้นหามากมาย
คิตะคิวชู (Kitakyushu) อยู่ใกล้กับเกาะฮอนชู (เกาะใหญ่ของญี่ปุ่น) โดยมีช่องแคบคัมมงคั่นกลาง ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้คาบสมุทรเกาหลีและประเทศจีน จึงได้รับการพัฒนาด้านการคมนาคมอย่างมาก
ที่นี่เป็นเมืองที่รุ่งเรืองด้านการผลิตมาตั้งแต่สมัยก่อน และยังคงเหลือสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ของสมัยนั้นอยู่มากมาย และหากเดินทางออกไปอีกนิด ก็มีสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติอีกมาก
ในบทความนี้ ผู้เขียนซึ่งอาศัยอยู่ในคิวชูจะขอแนะนำสถานที่ที่ห้ามพลาด และกิจกรรมที่น่าทำ 8 อย่างในคิตะคิวชู เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันหลากหลายแห่งนี้ค่ะ
คิตะคิวชู คือที่ไหน
สถานีโคคุระ ประตูสู่คิตะคิวชูที่มีสถานีของรถไฟชินคันเซ็นด้วย
คิตะคิวชู (Kitakyushu) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของทั้งจังหวัดฟุกุโอกะและภูมิภาคคิวชู ทิศเหนือติดกับทะเลญี่ปุ่น ทิศตะวันออกติดกับทะเลเซโตะใน ถือเป็นประตูสู่คิวชูเลย
ในเมืองคิตะคิวชูและเมืองนากามะที่อยู่ติดกันมีสมบัติทางวัฒนธรรมเก่าแก่มากมายที่เดินทางผ่านกาลเวลามาพร้อมๆ กับประวัติศาสตร์ของพื้นที่แห่งนี้ มีอาคารโรงหล่อโลหะเก่ายาฮาตะเซเทตสึโชะ และอาคารที่เกี่ยวข้องกันรวม 4 แห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในนามของมรดกการปฏิรูปอุตสาหกรรมในยุคเมจิของญี่ปุ่น
อย่างที่บอกไปว่าคิตะคิวชูโดดเด่นด้านการผลิตมาตั้งแต่อดีต บริษัทผลิตสุขภัณฑ์และสายชำระอัตโนมัติอย่าง Toto และบริษัทผลิตหุ่นยนต์สำหรับอุตสาหกรรมที่มีส่วนแบ่งในตลาดเป็นอันดับ 4 ของโลกอย่าง Yaskawa Electric Corporation ก็มีสำนักงานใหญ่อยู่ในคิตะคิวชู
เราไปทำความรู้จักกับเสน่ห์ของคิตะคิวชู เมืองที่มีวัฒนธรรมอันหลากหลายกันเลยดีกว่าค่ะ
1. ถ่ายรูปกับอุโมงค์ดอกฟูจิที่ Kawachi Wisteria Garden
Picture courtesy of Kawachi Wisteria Garden
สวนดอกฟูจิ (ดอกวิสทีเรีย) ของ Kawachi Wisteria Garden ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 10 สถานที่แสนงามที่มีอยู่จริงในโลก จากเว็บไซต์ท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 2012 และ 31 สถานที่แสนงามที่สุดในโลก โดย CNN ของอเมริกาในปี 2015
เมื่อถึงฤดูชมดอกฟูจิช่วงกลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม (อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับสถานะของดอกฟูจิ) สวนแห่งนี้จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศที่เดินทางมาชมอุโมงค์ดอกฟูจิแสนสวยนี้
สวนแห่งนี้มีพื้นที่ราว 10,000 ตารางเมตร ภายในสวนมีดอกฟูจิกว่า 22 สายพันธุ์บานสะพรั่ง และเต็มไปด้วยผู้ชมมหาศาล เพราะในทุกๆ ปีช่วงเวลาที่ดอกฟูจิบานจะเป็นช่วงเดียวกับวันหยุดโกลเด้นวีค หรือวันหยุดยาวของคนญี่ปุ่นพอดี จึงมักจะมีรถติดเป็นแถวยาว ในปัจจุบันได้เปลี่ยนระบบการเข้าชมสวนเป็นจองตั๋วก่อนล่วงหน้า ซึ่งถ้าหากจองตั๋วที่ร้านสะดวกซื้อไม่ทันก่อนโกลเด้นวีค ก็จะไม่สามารถเข้าชมภายในสวนได้ค่ะ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยู่ต่างประเทศ สามารถหาซื้อตั๋วได้ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไปที่เว็บไซต์ JAPANiCAN ค่าเข้าชมสวนจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสถานะการบานของดอกฟูจิ จึงจำเป็นต้องตรวจเช็คในเว็บไซต์ก่อน
เมื่อหมดฤดูของดอกฟูจิ (กลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม สวนจะทำการปิดชั่วคราว และเปิดอีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม) เพื่อให้เข้าชมสวนที่ถูกย้อมเป็นสีเหลืองแดงจากใบไม้เปลี่ยนสี
Kawachi Wisteria Garden
ที่อยู่ : 2-2-48 Kawachi, Yahatahigashi, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : นั่งรถยนต์จากสถานี JR Yahata ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์ทางการ : https://kawachi-fujien.com
2. โมจิโคเรโทร เดินเล่นในบรรยากาศย้อนยุคริมทะเล
จาก "ย้อนเวลาสู่อดีต 100 ปีก่อนของคิตะคิวชูที่ โมจิโค เรโทร"
เมืองโมจิ (Moji) เมืองท่าที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการค้าขายกับต่างประเทศของญี่ปุ่นยุคใหม่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในสมัยนั้นที่นี่ถือเป็น 1 ใน 3 ของเมืองท่าใหญ่ของญี่ปุ่นเลย (โกเบ, โยโกฮาม่า และโมจิ)
บริเวณโมจิโค (ท่าเรือโมจิ) มีอาคารที่มีกลิ่นอายของอดีตหลงเหลืออยู่มากมาย ตอนนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคิวชูในชื่อว่า โมจิโค เรโทร (Mojiko Retro)
อาคารสถานีโมจิโคที่ถูกใช้เป็นที่ทำการเขตชั่วคราวก็ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ตั้งแต่ปี 2012 และมีกำหนดจะเปิดทำการอีกครั้งในปี 2018 เพราะเป็นการปรับปรุงอาคารสถานีเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1891 ชาวเมืองหลายๆ คนจึงเฝ้ารอที่จะได้เห็นโฉมหน้าเต็มๆ อย่างใจจดใจจ่อค่ะ
โมจิโคเรโทร
ที่อยู่ : Moji, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : เดิน 3 นาทีจากสถานี JR Mojiko
เว็บไซต์ทางการ : http://www.mojiko.info
3. ลองขึ้นปราสาทโคคุระ
ปราสาทโคคุระ (Kokura Castle) ใช้เวลาเดิน 20 นาทีจากสถานี JR โคคุระ สถานีที่เรียกได้ว่าเป็น "ประตูสู่คิวชู" เพราะเป็นสถานีแรกที่รถไฟชินคันเซ็นจากเกาะใหญ่ฮอนชูจะมาจอดบนเกาะคิวชู
ปราสาทโคคุระเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียง สร้างโดยโฮโซคาวะ ทาดาโอกิในปี 1602 ความโดดเด่นคือ "คาระสึคุริ" ที่ชั้น 5 ใหญ่กว่าชั้น 4 ซึ่งเป็นที่แปลกตาในสมัยนั้น เท็นชุคาคุ (*1) ที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1959 ตามคำเรียกร้องของชาวเมืองคิตะคิวชู ภายในเท็นชุคาคุมีนิทรรศการการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และมีจุดชมวิวที่มองเห็นเมืองโคคุระได้สุดลูกหูลูกตา มีไฮไลท์ให้ชมเพียบ ที่นี่เป็นจุดชมดอกซากุระช่วงในฤดูใบไม้ผลิที่มีชื่อเสียงด้วย
* เนื่องจากมีการปรับปรุงนิรรศการในเท็นชุคาคุและการก่อสร้างติดตั้งลิฟท์ จึงปิดทำการระหว่างวันที่ 6 สิงหาคม 2018 - 31 มีนาคม 2019
*1 : เท็นชุคาคุ ... สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดที่ในพื้นที่ของปราสาท เป็นสัญลักษณ์ของปราสาทนั้นๆ ปราสาทในความหมายของญี่ปุ่นไม่ได้หมายถึงอาคารใดอาคารหนึ่งเท่านั้น แต่รวมสิ่งก่อสร้างทุกอย่างที่อยู่ในพื้นที่
ปราสาทโคคุระ
ที่อยู่ : 2-1 Jonai, Kokura, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : เดิน 20 นาทีจาก สถานี JR Kokura
เว็บไซต์ทางการ : http://www.kokura-castle.jp/
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
4. ลองชิมไดกาคุด้ง ที่ตลาดทังกะ
ตลาดทังกะ (Tanga Ichiba) ตลาดแสนคึกคักที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี บ้างก็เรียกที่นี่ว่าเป็นห้องครัวของคิตะคิวชู มีร้านค้ากว่า 120 ร้าน จำหน่ายอาหารทะเล ผัก กับข้าว และสินค้าจากท้องถิ่นอื่นๆ อีกมากมาย
สิ่งที่อยากแนะนำว่าห้ามพลาดถ้ามาตลาดนี้ก็คือ นุกามิโซะทากิ อาหารขึ้นชื่อในโคคุระ ทำจากการนำปลาซาร์ดีนหรือปลาซาบะไปนึ่งกับนุกามิโสะ (*2) มีรสชาติเผ็ดหวานกลมกล่อม รสชาติเข้มข้นเข้ากันได้ดีกับข้าวสวย สามารถหาทานได้ตามร้านต่างๆ ในตลาดทังกะเลยค่ะ
ยังมีอีกเมนูที่ฮิตติดลมบนมาหลายปีคือ ไดกาคุด้ง (Daigaku don) เมนูนี้ไม่ใช่ว่าสั่งแล้วรอมาเสิร์ฟนะ ก่อนอื่นเราต้องไปซื้อข้าวสวย (200 เยน) จากร้านไดกาคุโด (Daigakudo) มาก่อน จากนั้นก็เดินไปซื้อวัตถุดิบอื่นๆ จากในตลาดมาใส่เป็นเครื่อง กลายเป็นข้าวดงบุริตามสไตล์ของตัวเอง แล้วค่อยกลับมานั่งทานที่ร้านไดกาคุโด
ลองไปซื้อปลานึ่งนุกามิโซะยากิที่แนะนำไป หรือซาชิมิ หรือจะเป็นไก่ย่างยากิโทริก็ได้ ราคากับข้าวแต่ละร้านจะไม่เท่ากัน แต่ก็จะราคาราวๆ ประมาณหลายร้อยเยน เมนูนี้เป็นของขึ้นชื่ออันใหม่ของตลาดทังกะ นอกจากจะได้ทานของอร่อยที่ชอบแล้ว ยังมีโอกาสได้พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดด้วย
*2 : นุกามิโซะ ... รำข้าวผสมเกลือคลุกให้เข้ากันด้วยน้ำ เอาไว้ใช้เวลาทำของดอง
ตลาดทังกะ
ที่อยู่ : 4 Uomachi, Kokurakita, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : เดิน 10 นาทีจากสถานี JR Kokura
เว็บไซต์ทางการ : http://www.tangaichiba.jp
ไดกาคุโด
ที่อยู่ : 4-4-20 Uomachi, Kokurakita, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : เดิน 10 นาทีจากสถานี JR Kokura
เว็บไซต์ทางการ : http://www.daigakudo.net/
5. ท่องโลกการ์ตูนญี่ปุ่นใน Kitakyushu Manga Museum
จาก เพลิดเพลินกับการดู อ่าน วาดที่พิพิธภัณฑ์การ์ตูนคิตะคิวชู
มังกะหรือหนังสือการ์ตูนเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น มีพิพิธภัณฑ์และห้องสมุดที่เกี่ยวข้องกับการ์ตูนอยู่หลายแห่งทั่วญี่ปุ่น แต่ที่ Kitakyushu Manga Museum พิพิธภัณฑ์การ์ตูนคิตะคิวชูไม่ได้แค่มีหนังสือการ์ตูนให้อ่าน แต่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จะทำให้เราได้รู้และสนใจในการ์ตูนมากขึ้น
ผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกิตติมศักดิ์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ คุณมัตสึโมโต เรจิ นักวาดการ์ตูนเจ้าของผลงานสุดคลาสสิก Galaxy Express 999 กับ Space Battleship Yamato ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงผลงานของคุณมัตสึโมโตด้วย ไม่ต้องเป็นแฟนการ์ตูนก็สามารถมาเพลิดเพลินกับโลกของการ์ตูนได้
Kitakyushu Manga Museum
ที่อยู่ : ชั้น 5-6 อาคาร Aruaru City, 2-14-5 Asano, Kokurakita, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : เดิน 2 นาทีจากทางออกชินคันเซ็นสถานี JR Kokura
เว็บไซต์ทางการ : http://www.ktqmm.jp
6. สัมผัสธรรมชาติอันแสนยิ่งใหญ่ที่ฮิราโอะได
จากสถานี JR โคคุระ นั่งรถไฟ JR สายฮิตะฮิโกะซัง (Hitahikosan) ประมาณ 30 นาที ลงที่สถานีอิชิฮาระมาจิ (Ishiharamachi) และต่อรถแท็กซี่ไปอีก 15 นาทีก็จะถึงฮิราโอะได (Hiraodai)
ที่นี่นับเป็นหนึ่งใน 3 พื้นที่เขาหินปูนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ได้รับเลือกให้เป็นอนุสรณ์ธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติ และอุทยานธรรมชาติประจำจังหวัด มีธรรมชาติที่กว้างใหญ่ไพศาลจนคิดไม่ถึงเลยค่ะว่านี่เป็นพื้นที่ที่อยู่ในคิตะคิวชู
ที่ฮิราโอะไดมีถ้ำหินปูนกว่า 200 แห่ง ถ้ำหินปูนเซ็นบุตสึ (Senbutsu Cave) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์ธรรมชาติแห่งชาติ สามารถเข้าไปทัศนศึกษาในชุดลำลองและเดินล่องไปตามลำธารเล็กๆ ได้ เป็นเหมือนการผจญภัยเล็กๆ
ฮิราโอะได (หมู่บ้านธรรมชาติฮิราโอะได)
ที่อยู่ : 1-1-1 Hiraodai, Kokura-minami, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : นั่งแท็กซี่ 15 นาทีจากสถานี JR Ishiharamachi
เว็บไซต์ทางการ : http://www.hiraodai.jp/sato/
ถ้ำหินปูนเซ็นบุตสึ
ที่อยู่ : 3-2-1 Hiraodai, Kokura-minami, Kitakyushu, FukuokaGoogle Maps
การเดินทาง : นั่งแท็กซี่ 20 นาทีจากสถานี JR Ishiharamachi
เว็บไซต์ทางการ : http://www.senbutsu-cave.com
* จากฮิราโอะไดไปถ้ำหินปูนเซ็นบุทสึ นั่งรถยนต์ประมาณ 5-10 นาที
7. เรียนรู้การผลิตในญี่ปุ่นที่ TOTO Museum
Picture courtesy of TOTO Ltd.
คนที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นน่าจะประทับใจกับวอชเล็ต (*) หรือที่รองนั่งโถส้วมที่มีน้ำชำระพุ่งออกมาอัตโนมัติ นั่นเป็นสินค้าที่พัฒนาโดยบริษัท TOTO ผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้และสุขภัณฑ์สำหรับห้องครัวและห้องน้ำในที่อยู่อาศัย มีสินค้าส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในคิตะคิวชูนี่เองค่ะ
* washlet เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ TOTO
Picture courtesy of TOTO Ltd.
ภายในพื้นที่ของสำนักงานใหญ่มีพิพิธภัณฑ์ TOTO Museum ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 2015 เพื่อฉลองโอกาสครบรอบ 100 ปีการก่อตั้ง TOTO ปี 2017
ภายในนิทรรศการ นอกจากประวัติความเป็นมาตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน ยังมีการบอกเล่าถึงแนวความคิดในการผลิตสินค้า และความสำเร็จของ TOTO ในการพัฒนา "ประวัติศาสตร์" และ "วัฒนธรรม" ของห้องน้ำและห้องครัวในบ้าน แน่นอนว่าเราจะได้เห็นย่างก้าวของ TOTO และการเปลี่ยนแปลงของห้องน้ำ ห้องครัวในญี่ปุ่น ที่จะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นกว่าที่เคย
TOTO Museum
ที่อยู่ : 2-1-1 Nakashima, Kokurakita, Kitakyushu, Fukuoka Google Maps
การเดินทาง : นั่งรถไฟ Kitakyushu Monorail ไปลงที่สถานี Kawaraguchi Mihagino เดินต่ออีก 10 นาที
เว็บไซต์ทางการ : https://jp.toto.com/museum/
8. ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นของคิตะคิวชู
อาหารที่ห้ามพลาดหากไปเที่ยวคิตะคิวชูคือยากิอุด้ง เส้นอุด้งผัดกับเนื้อและผัก ปรุงรสด้วยซอสหรือโชยุ ตอนนี้เป็นเมนูที่สามารถหากินได้ทั่วประเทศ ที่จริงมีต้นกำเนิดอยู่ในโคคุระ คิตะคิวชูนี้เองค่ะ
ในสมัยหลังสงครามมหาสมุทรแปซิฟิกที่สินค้าเริ่มขาดแคลน เส้นโซบะทามะที่ใช้ทำยากิโซบะหาได้ยาก จึงมีการนำอุด้งตากแห้งมาใช้ทำบะหมี่ผัดแทน ร้านที่ให้กำเนิดยากิอุด้งคือ ร้านดารุมะโด (Darumado)" ในโคคุระที่ปัจจุบันก็ยังเปิดให้บริการอยู่ค่ะ
บริเวณท่าเรือโมจิที่เป็นท่าเรือพาณิชย์ค้าขายกับต่างประเทศมาตั้งแต่สมัยเมจิถึงช่วงต้นสมัยโชวะ ในสมัยนั้นเลยมีร้านอาหารตะวันตกจำนวนมาก และทำให้เกิดเป็นวัฒนธรรมอาหารที่ผสมผสานกันระหว่างอาหารตะวันตกและตะวันออก
จากภูมิหลังเหล่านั้นเมนูที่ว่ากันว่าเกิดในโมจิโคคือ ยากิคาเร่
ยากิคาเร่ เป็นเมนูข้าวราดแกงกะหรี่ โปะหน้าด้วยเครื่องเช่นชีสหรือไข่ จากนั้นก็นำไปเข้าเตาอบ บริเวณโมจิโคเรโทรมีร้านที่ทำเมนูนี้เยอะมาก ถ้าได้ไปเที่ยวโมจิโคเรโทรล่ะก็อย่าลืมชิมยากิคาเร่นะคะ
แผนเที่ยว : เที่ยว 1 วันก็ได้ หรือถ้าอยากเที่ยวแบบชิลล์ๆ ก็เปลี่ยนเป็น 2 วัน 1 คืน
สถานที่ต่างๆ ที่แนะนำในบทความนี้ใช้เวลาเพียง 1 วันก็เที่ยวได้ครบทั้งหมด ยกเว้นที่ที่อยู่ชานเมืองอย่าง Kawachi Wisteria Garden และฮิราโอะไดค่ะ
ถ้าอยากจะไปเที่ยวเมืองอื่นด้วยก็มีฮาคาตะ ไม่ก็ฟุกุโอกะ ซึ่งใช้เวลานั่งชินคันเซ็นประมาณ 20 นาที ในกรณีนี้แนะนำให้วางแผนเดินทางประมาณ 2 วัน 1 คืนขึ้นไปจะดีกว่าค่ะ
เที่ยวคิตะคิวชู แนะนำให้มาฤดูใบไม้ผลิหรือไม่ก็ฤดูร้อน!
หากจะมาชมดอกฟูจิที่ Kawachi Wisteria Garden ล่ะก็แนะนำให้มาช่วงกลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม (อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับสถานะของดอกฟูจิ)
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะมีการจัดเทศกาลต่างๆ มากมาย เช่น "เทศกาลดอกซากุระปราสาทโคคุระ" หรือ "โคคุระกิองไดโกะ" เป็นต้น เราจะได้ชมและสัมผัสกับความชื่นชอบงานเทศกาลของชาวคิตะคิวชูอย่างแน่นอน ในช่วงฤดูร้อน ถ้ำหินปูนเซ็นบุตสึก็ยังมีอากาศเย็นสบายอยู่ คนทั่วไปจึงนิยมไปเที่ยวในฤดูร้อนกันค่ะ
การเดินทางจากฮาคาตะไปโคคุระ
รถไฟชินคันเซ็น
นั่งชินคันเซ็นจากสถานีฮาคาตะไปยังสถานีโคคุระแค่ 1 สถานีเท่านั้น ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 2,110 เยน (Non-reserved Seat) ราคาอาจจะค่อนข้างสูง แต่ใช้เวลาเพียง 16 นาทีก็ถึงที่หมาย แนะนำสำหรับคนที่มีเวลาจำกัดค่ะ
รถไฟ JR
หากใช้สายรถไฟธรรมดาของ JR จะใช้เวลาจากสถานีฮาคาตะไปยังสถานีโคคุระประมาณ 1 ชั่วโมงกับอีก 10-25 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 1,290 เยน ในกรณีที่ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ "Sonic" จะใช้เวลา 47 นาทีไปถึงสถานีโคคุระ แต่ตอนขึ้นจะต้องซื้อตั๋วขึ้นรถด่วนเพิ่มด้วย (Non-reserved Seat + 510 เยน) ด้วย
รถบัสด่วนพิเศษ
จากย่านเทนจินหรือสถานีฮาคาตะในฟุกุโอกะ และสนามบินนานาชาติฟุกุโอกะมีรถบัสด่วนพิเศษให้บริการค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีจากฟุกุโอกะ (เทนจินหรือสถานีฮาคาตะ) ไปยังสถานีโคคุระ และใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาทีจากสนามบินนานาชาติฟุกุโอกะไปยังสถานีโคคุระ
ค่าโดยสารเที่ยวเดียวจากฟุกุโอกะ (เทนจินหรือสถานีฮาคาตะ) 1,130 เยน ส่วนจากสนามบินนานาชาติฟุกุโอกะ 1,230 เยน ใน 1 วันมีไปกลับมากกว่า 120 เที่ยว การเดินรถเว้นระยะห่าง 5-60 นาทีต่อคัน (ไม่ต้องจองล่วงหน้า)
เครื่องบิน
ในคิตะคิวชูก็มีสนามบิน ถ้าต้องการเดินทางไปยังคิตะคิวชูโดยตรง มีเที่ยวบินตรงจากโตเกียวและเมืองต่างๆ ในเอเชีย (ปูซาน, โซล, ต้าเหลียน, เซียงหยาง, ไทเป (*)) สำหรับรายละเอียดอื่นๆ อ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ทางการของสนามบินคิตะคิวชูค่ะ
*เที่ยวบินตรงจากไทเปมีกำหนดให้บริการตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2018 เป็นต้นไป
สรุป
คิตะคิวชู เมืองที่อยู่ใกล้แผ่นดินใหญ่ และรุ่งเรืองในฐานะเมืองท่าแห่งการค้าขายกับต่างประเทศ จากสมัยก่อนจนถึงตอนนี้ มีการหลอมรวมกันของวัฒนธรรมอันหลากหลาย จนเกิดเป็นวัฒนธรรมแบบเฉพาะของตนเองขึ้นมา ขอให้เพลิดเพลินกับเสน่ห์ของคิตะคิวชู พร้อมทั้งสัมผัสประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเหล่านั้นกันนะคะ
幼少期から福岡で育ち、現在は福岡を拠点に九州・山口各地のグルメや旅などの取材・執筆活動を行う。美味しいものがあると聞けば、日本全国どこへでも飛んで行くフットワークの軽さが自慢です。
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง