Start planning your trip

ปลาดิบหมายถึง อาหารทะเลที่นำมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ กินกับพวกซอสโชยุ ในบทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของปลาดิบ, วิธีการรับประทาน, อาหารที่ใช้ปลาดิบ, ราคา และอื่นๆ มาให้อ่านกันค่ะ
ซาชิมิ หมายถึง อาหารทะเลสดที่นำมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ รับประทานกับพวกซอสโชยุ ในความหมายกว้างๆ ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นอาหารทะเลเสมอไป แต่หมายถึงอาหารที่เราลิ้มรสชาติจากวัตถุดิบนั้นๆ โดยตรง
ถ้าพูดถึงอาหารที่ทำจากปลาในญี่ปุ่น อาหารที่ขึ้นชื่อก็คือซูชิ ซาชิมินั้น จะไม่มีข้าวเหมือนอย่างซูชิ ส่วนที่โปะเป็นหน้าของซูชิ จะเป็นพวกเนื้อปลาดิบที่หั่นเป็นชิ้น
ญี่ปุ่นล้อมรอบไปด้วยทะเล จึงหาอาหารทะเลที่มีความสดใหม่มารับประทานได้ไม่ยาก เมื่อจับปลาขึ้นมาจากทะเลแล้ว ก็จะนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ และรับประทานแบบดิบๆ การที่จะรับประทานซาชิมิให้อร่อยได้นั้น สิ่งสำคัญก็คือความสดใหม่ของวัตถุดิบ และการจัดเตรียมวัตถุดิบตามฤดูกาล เนื่องจากเป็นอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน ฉะนั้นในเรื่องของความสะอาดและความสดใหม่จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
1.มากุโระและแซลมอน วัตถุดิบหลักของซาชิมิ 33 ประเภท
2.การตกแต่งซาชิมิ
3.วิธีการรับประทานซาชิมิ
4.แคลอรี่ในซาชิมิ
5.อาหารที่ใช้ซาชิมิ
6.สถานที่รับประทานซาชิมิและราคา
ในบทความต่อไป จะแนะนำเกี่ยวกับซาชิมิที่เป็นที่ชื่นชอบว่ามีประเภทใดบ้าง
ที่ญี่ปุ่น รับประทานมากุโระมาตั้งแต่สมัยก่อน มากุโระนั้น นอกจากจะนำมาทำเป็นซาชิมิ, ซูชิ และปลาย่างแล้ว ยังนำมาทำเป็นสเต็ก และบรจุลงในกระป๋องเพื่อรับประทานอีกด้วย
มากุโระมีวิธีเรียกแตกต่างกันตามตำแหน่ง ส่วนที่เรียกว่ามากุโระจะหมายถึงบริเวณที่เป็นเนื้อไม่ติดมัน (เนื้อสีแดง) ส่วนที่มีไขมันเยอะจะเรียกว่าจูโทโระ หรือโอโทโระ หากเทียบกับส่วนที่เป็นเนื้อสีแดงแล้ว จูโทโระกับโอโทโระจะมีลักษณะเด่นคือมีเนื้อขาวหรือสีชมพู
รสชาติดีที่ถูกปากคนทุกเพศทุกวัยอย่างกว้างขวางคือส่วนของเนื้อแดง ต่อมาก็จะเป็นจูโทโระ และโอโทโระที่มีรสมันเพิ่มขึ้นตามลำดับ แบ่งได้ตามความชอบ แต่ก่อนอื่นให้ลองชาเลนจ์ส่วนที่เป็นเนื้อแดงของมากุโระก่อนน่าจะดีกว่า
รายละเอียดอื่นๆ ดูได้ที่บทความ「สารานุกรมคำญี่ปุ่น「โทโระ・จูโทโระ・มากุโระ」」
เป็นปลาที่ผู้หญิงนิยมรับประทาน เนื่องจากรสชาติเข้มข้นเข้ากันได้ดีกับหอมแดงและมายองเนส จึงเห็นที่นำมาทำเป็นมากิซูชิ และอื่นๆ ได้บ่อย
ปลาหมึกก็เป็นมาตรฐานของซาชิมิเช่นกัน เพราะรสสัมผัสที่นุ่มลื่นกับความรู้สึกเวลาที่เคี้ยวเป็นเสน่ห์อย่างนึง รสชาติก็สดใหม่ แนะนำให้รับประทานโดยจิ้มซอสโชยุกับวาซาบิ จะรสดีมาก
ด้านคุณค่าทางอาหาร เนื่องจากมีวิตามินอีและทอรีนมาก จึงรวมถึงธาตุสังกะสี, DHA, EPA ไว้อย่างครบถ้วน
รสชาติของอาหารจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทของปลาหมึกด้วย เช่น ปลาหมึกยาริอิคะ ปลาหมึกซุรุเมะอิคะ เป็นต้น
ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกหรือปลาหมึกยักษ์ก็ล้วนแล้วแต่มีรสชาติสดใหม่ทั้งนั้น รสสัมผัสที่กรุบกรอบทำให้ปลาหมึกและปลาหมึกยักษ์เป็นวัตถุดิบยอดนิยม ที่ญี่ปุ่น นอกจากจะนำมาทำเป็นซาชิมิแล้ว ก็มีการนำมาต้ม, ย่าง เป็นวัตถุดิบที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
ที่ญี่ปุ่น นอกจากจะทำเป็นซาชิมิแล้ว ยังเป็นปลาที่นิยมรับประทานด้วยวิธีการที่เรียกว่าทะทะคิโดยนำผิวหน้าปลาไปอิงไฟ ปลาคัตสึโอะที่กำลังขึ้นไปทางภาคเหนือ จะเรียกว่า ฮัทสึคัตสึโอะ ซึ่งมีรสชาติสดใหม่ หากเป็นปลาคัตสึโอะที่กำลังลงไปทางใต้จะเรียกว่า โมโดริคัตสึโอะ ซึ่งมีรสชาติที่เข้มข้นกว่า
วัตถุดิบปลาคัตสึโอะเป็นปลาที่เป็นที่คุ้นเคยเป็นอย่างมากที่ญี่ปุ่น เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นปลาจะช้ำเร็ว จึงมีความแตกต่างเรื่องความสด รสชาติ และกลิ่นเป็นอย่างมาก
แหล่งกำเนิดปลาคัตสึโอะที่มีชื่อเสียงจะอยู่แถวจังหวัดโคจิ หรือแถบๆ ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
ปลาบุริก็เป็นหนึ่งในปลาที่คนญ่ปุ่นคุ้นเคยเป็นอย่างดี ชื่อเรียกจะเปลี่ยนไปตามการเติบโต บางทีก็เป็นที่รู้จักในชื่อชุทเซอุโอะ(ชุทเซ แปลว่าความสำเร็จในการทำงาน,การได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น)
ช่วงฤดูหนาวจะเป็นช่วงฤดูกาลก่อนวางไข่ ที่ญี่ปุ่นจะเรียกปลาบุริในช่วงฤดูกาลนี้ว่า ปลาบุริหน้าหนาว มีการเพาะเลี้ยงมาตั้งแต่สมัยก่อน และเป็นปลาที่นิยมกินในช่วงฤดูหนาวโดยจะมีขายตามตลาดและตามร้านอาหารตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าเป็นปลาของชาวบ้าน เพราะทั้งอร่อยและยังราคาถูกอีกด้วย
รสสัมผัสที่แข็งและกรอบทำให้เป็นที่นิยมในการนำมาทำซาชิมิ
นอกจากช่วงฤดูหนาวแล้ว รสชาติจะแย่ลง ฉะนั้น ต้องลองชิมในช่วงฤดูหนาวนะ!
ปลาอะจิเป็นปลาที่ถูกล่าตามแหล่งต่างๆ ทั่วโลก และเป็นปลาที่มีลักษณะโดดเด่นจากการที่มีเนื้อแดงและเนื้อขาวรวมอยู่ด้วยกัน ประเภทที่ญี่ปุ่นจะนำมาใช้รับประทานเป็นหลักก็คือปลามะอะจิ รสชาติเบาและความกลมกล่อมทำให้คนทั่วไปนิยมชมชอบ จนเป็นที่มาของการตั้งชื่อว่าอะจิเพราะมีรสชาติดี (อะจิ แปลว่า รสชาติ)
เนื่องจากมีชื่อเหมือนคำแสดงความยินดีในภาษาญี่ปุ่น โอเมะเดะไท (=happy) จึงนิยมรับประทานตอนแสดงความยินดีในโอกาสต่างๆ ให้รสชาติจางๆ หวานมัน
ปลาซูซูกิเป็นปลาเนื้อขาวที่ไม่ค่อยมีส่วนที่เป็นเนื้อแดงสักเท่าไรนัก ชื่อเรียกภาษาญี่ปุ่นว่าปลาซูซูกิ มีการอธิบายที่มาที่ไปถึงสภาพปลาที่สะอาดราวกับล้างมาอย่างดี คุณภาพของเนื้อปลาก็เหมือนกับปลาไท นิ่มและมีรสอ่อนๆ เขาว่ากันว่าคุณภาพเนื้อของปลาซูซูกิจะดีขึ้น ก็ตอนช่วงฤดูร้อน จะมีไขมัน และอ้วนขึ้น อีกทั้ง ปลาชนิดนี้สามารถทำอาหารได้หลายอย่าง แทบไม่มีส่วนไหนจำเป็นต้องทิ้งเลย
ที่ญี่ปุ่นเป็นที่รู้กันว่าปลาซันมะเป็นเหมือนตัวแทนของรสชาติในฤดูใบไม้ร่วง ตอนที่จะนำปลาซันมะมาทำเป็นซาชิมิ เพื่อที่จะดับกลิ่นคาว ต้องฝานขิงและผลไม้จำพวกแอปเปิ้ลไปประกบไว้ที่ตัวปลา
เพราะเนื้อแน่น และยังมีมันติด จึงทำให้มีคนชอบรับประทานปลาชนิดนี้เยอะ ปลาคัมปาจิธรรมชาตินั้น มักจะมีราคาสูง แต่ที่ญี่ปุ่นมีการเพาะเลี้ยงกันอย่างกว้างขวางมากขึ้น อย่างไรก็ลองหาชิมดูนะ
ปลาซาบะ เป็นปลาที่มีผู้บริโภคเยอะมากในโลกใกล้เคียงกับมากุโระและปลาอะจิ ส่วนใหญ่รับประทานโดยนำมาย่าง, นึ่ง, ทำเป็นซูชิ และทำเป็นชิเมซาบะ(※1) และยังนำมาทำเป็นปลากระป๋องอีกด้วย แม้การรับประทานแบบดิบๆ จะไม่เป็นที่นิยม แต่อย่างเช่น ปลาเซคิซาบะ หากเป็นปลาที่สดใหม่แล้วนั้น ก็มีการนำมาทำเป็นซาชิมิบ้าง ซึ่งมีความน่าสนใจตรงที่รวบรวม DHA และ EPA ไว้เยอะ
※1:ชิเมซาบะ……ปลาซาบะที่ปรุงเนื้อด้วยเกลือกับน้ำสมสายชู
เป็นกุ้งที่ทั้งตัวมีตั้งแต่สีชมพูไล่ไปจนถึงสีแดง ลักษณะเด่นคือเปลือกนิ่ม ดึงออกจากเนื้อได้ง่าย หากกินแบบดิบๆ จะสัมผัสได้ถึงรสหวานที่มาของกรดอะมิโน และประกอบไปด้วย ไกลซีนและอะลานิน เพราะความหวานนี้ ทำให้เป็นหนึ่งในอาหารทะเลที่เด็กๆ ในญี่ปุ่นนิยม
หอยฮกคิมีชื่อเป็นทางการว่าหอยอุบะ นิยมรับประทานแถวฮอกไกโดและภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (โทโฮขุ) การนำมาทำเป็นหน้าซูชิก็เป็นที่พบเห็นได้ทั่วไป ในปัจจุบัน เริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในภูมิภาคคันโตด้วย โดยส่วนใหญ่จะผ่านกรรมวิธีแช่แข็งเนื้อที่ปอกเปลือกและผ่านความร้อนแล้ว แบบดิบและยังมีเปลือกติดอยู่นั้นไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไรนัก
เป็นหอยที่นิยมนำมาใช้ทำเป็นซูชิและซาชิมิ และเป็นอาหารทะเลที่ปรากฎใน "โคะจิคิ" หนังสือบันทึกประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอีกด้วย ด้วยเนื้อสัมผัสที่เคี้ยวหนุบ จึงเป็นหอยอีกชนิดที่คนชอบรับประทานอาหารประเภทหอยถูกปาก
หอยโฮทาเตะเป็นที่ต้องการมาก ในปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงด้วย เนื่องด้วยรสหวานโดดเด่นและอุดมไปด้วยกรดอะมิโน, กลูตามินที่เป็นส่วนผสมให้รสชาติกลมกล่อม จึงเป็นอาหารทะเลที่เด็กและผู้หญิงนิยม
หอยเม่นเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นหนึ่งในสามอาหารที่เลิศรสที่สุดของญี่ปุ่น เพียงแต่ว่าของส่วนใหญ่ที่วางขายทั่วไปตามตลาดนั้น จะไม่ได้เป็นของสด แต่เป็นของที่ผ่านการแปรรูปด้วยเกลือและแอลกอฮอล์มาแล้ว
ที่ญี่ปุ่น มักกินแบบดิบๆ คือ ทำเป็นซาชิมิ, หน้าซูชิ และอุนิด้ง (ข้าวราดหน้าหอยเม่น) ลักษณะเด่นคือมีกลิ่นของเครื่องใน รสชาติเข้มข้นมาก
อิคุระ คือไข่ของปลาแซลมอนที่ได้แนะนำไปก่อนหน้านี้แล้ว กรรมวิธีการทำโดยทั่วไปคือจะไม่ผ่านความร้อน แต่หมักด้วยเกลือและโชยุแทน ที่ฮอกไกโด ในแต่ละครัวเรือนคุ้นเคยกับไข่ปลาเนื่องด้วยเป็นอาหารที่มีรสชาติแบบฤดูใบไม้ร่วง เนื้อใสๆ เป็นลูกๆ คือลักษณะพิเศษ อีกทั้งยังเป็นเมนูที่คนทั่วโลกชื่นชอบอีกด้วย
ที่นิยมใช้ทำเป็นอาหารกันอย่างแพร่หลายก็คือ โทระฟุกุ, มะฟุกุ ที่มีชื่อเสียง เป็นต้น โดยเฉพาะโทระฟุกุ เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศที่ขายกันในราคาสูง โดยหลักแล้วเป็นปลาที่รับประทานกันในภูมิภาคคันไซช่วงฤดูหนาวซึ่งเป็นฤดูกาลของมัน แต่เนื่องจากว่ามีพิษ และไม่สามารถหายพิษโดยการทำอาหารตามปกติได้ หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแล้ว จะเป็นอันตรายอย่างมาก แต่ว่าในทางกลับกัน มันก็อร่อยมากๆ โดยเฉพาะเครื่องในของปลาปักเป้า เป็นอะไรที่นักชิมส่วนใหญ่โหยหากันเลยทีเดียว ในปัจจุบันตามร้านอาหาร มีแค่คนที่มีใบอนุญาตประกอบอาหารเท่านั้นจึงจะทำปลาปักเป้าได้ ฉะนั้นจึงรับประทานได้อย่างสบายใจ
ภาพลักษณ์ของปลาคาร์ฟอาจมีไว้ชมเพื่อความสวยงาม แต่ก็ถูกนำมาใช้ทำเป็นอาหารด้วย ปลาคาร์ฟที่นำมารับประทานจะส่งออกมาจากจังหวัดฟุคุชิมะเยอะที่สุด โดยทั่วไปนำมาต้มกับผักและซอสโชยุ และนำมานึ่งให้รสหวาน บ้างยังมีการรับประทานโดยนำไปล้าง(※2) หมักกับมิโสะน้ำส้มสายชู แล้วจึงนำรับประทาน มีบางพื้นที่ที่มีคนชอบเมนูที่เรียกว่า โคอิโนะอาราอิ (ล้างปลาคาร์ฟ) ด้วย แต่เนื่องจากอาจทำให้เกิดโรคปรสิต จึงไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าไรนัก
※2……ล้าง:วิธีการปรุงให้เนื้อแน่น โดยดองซาชิมิในน้ำเย็น ทำให้เคี้ยวกรุบ
เป็นหนึ่งในอาหารจำพวกหอยที่เป็นเหมือนตัวแทนของญี่ปุ่น ตอนที่นำมารับประทานเป็นซาชิมิ อาจจะสัมผัสได้ถึงรสขม จึงขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
เป็นหอยที่รู้จักกันดีว่าเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศ สัมผัสการเคี้ยวที่หนุบหนับคือลักษณะเด่นของหอยชนิดนี้ บางภูมิภาคก็รับประทานตับเป็นอาหารรสเลิศที่หาลิ้มรสได้ยาก ในต่างประเทศก็มีการนำหอยอาวาบิตากแห้งไปทำเป็นอาหารเหมือนกัน เป็นวัตถุดิบที่นิยมใช้ทั้งในและต่างประเทศ
ปลาคิบินาโงะเป็นวัตถุดิบที่นำมารับประทานเป็นซาชิมิ เนื้อของมันมีลักษณะกึ่งใส และมีก้างเล็กๆ เยอะ แต่มีลักษณะเด่นคือส่วนที่เป็นมันมีน้อย ทั้งยังมีรสหวาน โดยทั่วไปแล้วจะใช้ขิงและโชยุ หรือมิโสะน้ำสมสายชูดับกลิ่น จากนั้นจึงนำมารับประทาน
ไม่ได้อยู่ในประเภทอาหารทะเล แต่เนื้อม้าดิบเป็นซาชิมิที่มักจะมีขายในร้านอิซาคายะที่ญี่ปุ่น มีความหมายตามชื่อ ก็คือเนื้อม้านั่นเอง เนื้อม้าจะรับประทานกับขิงและกระเทียมคล้ายๆ ยา มีรสชาติเข้มข้นกว่าซาชิมิ จึงน่าลิ้มลองมาก
การจับปลา แม้จะเป็นชนิดเดียวกัน แต่หากเขตที่จับต่างกัน รสชาติก็จะต่างกันด้วย ปลาที่รสชาติดีจะเรียกว่าเป็นปลาขึ้นชื่อ และถือว่าเป็นอาหารชั้นเลิศที่หาทานได้ยาก ในแต่ละพื้นที่ก็จะมีนักชิมคอยแนะนำอยู่แล้ว ถ้ามีโอกาสก็อย่าพลาดที่จะลิ้มลองรสชาติใหม่ๆ ซึ่งจะขอแนะนำหลายๆ ชนิดดังต่อไปนี้
ก่อนอื่น คือปลาโอมะมากุโระของจังหวัดอาโอโมริ ลักษณะเด่นคือมีรสชาติเข้มข้น และเฉดสีของเนื้อก็สวยอีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ความสดลดลง จะไม่ค่อยออกมาวางขายล่วงหน้านานเท่าไรนัก จึงมีชื่อเสียง ในปัจจุบันถือว่าเป็นมากุโระที่ขึ้นชื่อ และเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วโลก
ปลาเซคิซาบะ (มะซาบะ) นอกชายฝั่งซากาโนะเซคิ จังหวัดโออิตะ กับปลาเซคิอะจิ (มะอะจิ) นอกชายฝั่งซากาโนะเซคิ จังหวัดโออิตะก็มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน โดยทั่วไปรู้กันดีว่า ปลาอะจิ แล้วก็ปลาซาบะเป็นปลาที่อพยพถิ่นฐานไปเรื่อย แต่ปลาซาบะและปลาอะจิบริเวณซากาโนะเซคินั้น มีแนวโน้มว่าจะอาศัยอยู่ตรงเขตนั้นไปตลอด ปลาเซคิซาบะและปลาเซคิอะจิที่เติบโตบริเวณกระแสน้ำวนตรงช่องแคบโฮโยะนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับปลาอะจิและปลาซาบะของที่อื่น มีรสชาติที่ดีเลิศกว่ามาก
ปลาเคจิ แถวคาบสมุทรรชิเรโทโกะ เกาะฮอกไกโดนั้น เป็นปลาที่เบาบางจนเรียกได้ว่าเป็นปลาแซลมอนลวงตา ว่ากันว่าปริมาณที่จับขึ้นมาจากน้ำในหนึ่งปี มีแค่ประมาณ 480 ตัวเท่านั้น เนื้อติดมันมาก สภาพทั้งตัวเหมือนกับโทโระ
ไม่มีกลิ่นคาวที่เป็นลักษณะพิเศษแบบปลาซันมะ ความโดดเด่นก็คือเนื้อละลายในปากเหมือนปลาโทโระ เป็นปลาซันมะที่ทานง่าย แม้จะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทานปลาซาร์ดีนก็ตาม
ปลาซาบะมัตสึวะมักจะจับตรงคาบสมุทรมิอุระ จังหวัดคานากาวะ ส่วนท้องยื่นออกมาข้างนอก และมีลักษณะกลมๆ เนื่องจากเนื้อติดมัน ก็เลยเห็นเป็นสีชมพู จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนกับปลามะซาบะทั่วๆ ไป ว่ากันว่าช่วงหลังเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปจะเป็นช่วงที่เนื้อติดมันมากที่สุด และเนื่องจากว่าหาจับได้ยาก จึงถือว่าเป็นอาหารเลิศรสที่หาทานได้ยาก
คนญี่ปุ่นคุ้นเคยกับซาชิมิกันมาตั้งแต่วัยเด็ก ในกรณีของคนที่อยู่ต่างประเทศ มีจำนวนมากที่ไม่ถูกปากกับกลิ่นคาวของปลาและเนื้อดิบ สิ่งที่จะช่วยได้ในเวลานั้นก็คือ สึมะ ผักหรือสาหร่ายที่เสิร์ฟมาพร้อมกับซาชิมิ และเครื่องปรุงแต่งรสชาติ
การจัดตกแต่งจานซาชิมิส่วนใหญ่จะใช้หัวไชเท้า ใบโอบะ สาหร่าย และอื่นๆ ผักหรือสาหร่ายที่เสิร์ฟมาพร้อมกับซาชิมิจะเรียกว่าสึมะ สึมะจะถูกตัดแต่งอย่างสวยงามวางเรียงในจาน ทานคู่กันกับซาชิมิ
ในชั้นวางขายซาชิมิตรงมุมอาหารทะเลสดในซูเปอร์มาเก็ต เรามักจะเห็นสึมะวางตกแต่งอยู่กับซาชิมิเสมอ โดยส่วนใหญ่สึมะจะเป็นพวกหัวไชเท้าและสาหร่ายวากาเมะสด แต่บางครั้งก็ตกแต่งด้วยผักตามฤดูกาลซึ่งมีความหลากหลายมาก อาจจะมีผักอื่นๆ หญ้าป่า หรือพืชในป่า เป็นต้น
นอกจากนั้น สำหรับซาชิมิแล้ว เวลาเสิร์ฟจะมีตัวช่วยเพิ่มรสชาติ เช่น พวกวาซาบิ และขิง ที่ในต่างประเทศเป็นที่รู้จักกันดี นอกจากนั้นก็ยังมีบ๊วย, มัสตาร์ด เป็นต้น
ตรงนี้จะขอแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรับประทานซาชิมิ แม้จะพูดถึงขนาดนั้น แต่ที่จริงแล้ว ในการรับประทานก็ไม่ได้มีกฎระเบียบอะไรมาก ก่อนอื่นให้เตรียมโชยุ โดยเทลงใส่จานเล็กๆ จากนั้นก็ใช้ตะเกียบคีบซาชิมิ จิ้มกับซอสโชยุ และรับประทาน
ในต่างประเทศน่าจะงุนงงกับวิธีการรับประทานซาชิมิกับเครื่องปรุงแต่งใช่หรือไม่
วาซาบิ
ใส่วาซาบิปริมาณน้อยลงบนซาชิมิ (ขนาดเท่าเม็ดข้าวหนึ่งเม็ด) จากนั้นก็จิ้มโชยุ แล้วรับประทาน
บางคนก็ผสมวาซาบิลงในซอสโชยุ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิดทางมารยาทแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าหากใส่เยอะเกินไป ก็จะทำให้เผ็ดขึ้นจมูก และว่ากันว่ารสเผ็ดหรืออูมามิของวาซาบิจะถูกหายไป ฉะนั้นจึงอยากแนะนำให้รับประทานโดยใส่บนซาชิมิดู
หากใส่วาซาบิมากเกินไป รสเผ็ดที่มีความรุนแรงจะพุ่งขึ้นมา ทำให้น้ำตาไหล และทำให้ลิ้นชา ฉะนั้นก็ขอให้ระวังด้วย
คนที่รับประทานเผ็ดไม่เก่งและเด็กๆ ไม่ต้องฝืนใส่ก็ได้
ขิง
ซาชิมิจากเนื้อปลาอะจิ ปลาคัตสึโอะ จะเสิร์ฟพร้อมกับขิงแทนวาซาบิ วิธีการรับประทานก็เหมือนกับวาซาบิ แต่จะแยกกันกับจานโชยุที่ใส่วาซาบิลงไป ให้รับประทานโดยพยายามไม่ผสมวาซาบิกับขิงรวมกันนะ
ลองอ่านบทความนี้「สารานุกรมคำญี่ปุ่น「ยาคุมิ (วัตถุดิบโรยหน้าอาหาร)」ดูนะคะ
แสดงเป็นปริมาณที่รับประทานคนเดียวโดยใช้หน่วยกรัม(g) และดูว่ามีกี่แคลอรี่
มากุโระ/เนื้อแดง 30g 38kcal
ปลาอะจิ 25g 30kcal
หอยโฮทาเทะ 25g 24kcal
ปลาหมึก 25g 22kcal
กุ้งหวาน 3 ตัว 15g 13kcal
นอกจากที่กล่าวข้างต้น จะอธิบายถึงปริมาณวัตถุดิบที่นำมาทำเป็นซาชิมิว่ามีกี่แคลอรี่ ดังต่อไปนี้
มากุโระ/โทโระ 30g 103kcal
ปลาซันมะ 25g 78kcal
ปลาฮามาจิ 30g 77kcal
ปลาไมวาชิ 25g 54kcal
ปลาซาบะ 25g 51kcal
ปลาคินุกแซลมอน 25g 50kcal
ปลาไท 25g 49kcal
ปลาคัตสึโอะ (ล่าฤดูใบไม้ร่วง) 25g 41kcal
ปลาฮิราเมะ 25g 31kcal
ปลาซูซูก 25g 31kcal
ปลาคัตสึโอะ (ล่าฤดูใบไม้ผลิ) 25g 29kcal
หอยไทระไก 25g 25kcal
ปลาหมึกยักษ์ 25g 25kcal
หอยตลับ 5 ตัว 25g 25kcal
ปลาปักเป้า 25g 21kcal
หอยมิรุไก 25g 21kcal
ปลาคาวะฮางิ 25g 20kcal
หอยฮกคิไก 25g 18kcal
หอย อาคะไก 3 ตัว 24g 18kcal
สำหรับอาหารที่ใช้ซาชิมิ ก็จะมีสลัดซาชิมิที่ใช้ซาชิมิโรยลงบนหน้าสลัด หารับประทานได้ไม่ยากตามร้านอิซาคายะ ประโยชน์ของเมนูนี้คือสามารถทานผักควบคู่กับปลาได้ จะรับประทานกับน้ำสลัดทั่วไปก็แนะนำ แต่ว่าถ้าอยากทานแบบมีรสชาติที่เข้ากันกับซาชิมิ จะต้องเป็นน้ำสลัดที่มีรสชาติของโชยุผสม หรือไม่ก็มีกลิ่นของวาซาบิ ก็จะทำให้รับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อยมากเชียวล่ะ
อาหารที่ขึ้นชื่อมากที่สุดที่นำซาชิมิมาใช้ ก็คือซูชิ ซูชิก็มีหลายประเภท เช่น นิงิริซูชิที่วางซาชิมิไว้บนข้าวและหยิบทานเป็นคำ จิราชิซูชิที่นำข้าวมาผสมวัตถุดิบ มากิซูชิที่นำสาหร่ายมาพันข้าวกับวัตถุดิบไว้รวมกัน เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังมีกรรมวิธีที่เรียกว่า "ทะทะคิ" (การสับเป็นชิ้นเล็กๆ) อีกด้วย โดยหั่นวัตถุดิบขนาด 1~2 เซนติเมตร โรยด้วยผักและมิโสะ จากนั้นก็ใช้มีดสับๆ พลางผสมให้เข้ากัน เป็นวิธีการที่หั่นวัตถุดิบอย่างละเอียด หรืออีกวิธีคือหั่นวัตถุดิบเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า เสียบบนไม้หลายๆ ชิ้น และไปอังความร้อนจากพระอาทิตย์ โดยทั่วไปแล้ววิธีทะทะคิจะใช้ซาชิมิจากเนื้อปลาอะจิ และปลาคัตสึโอะ เป็นต้น
ไม่ใช่แค่รับประทานเป็นซาชิมิอย่างเดียวเท่านั้น เราสามารถเพลิดเพลินกับอาหารทะเลได้อีกจากการคิดค้นวิธีการจัดการ
ช่วงสุดท้าย จะขออธิบายเกี่ยวกับสถานที่ที่หาซาชิมิรับประทานได้ที่ญี่ปุ่น ที่แรกที่หาง่ายที่สุดก็คือ ร้านซูชิ
โดยทั่วไปแล้ว จะมีวางขายในร้านซูชิ แต่ไม่ใช่ร้านซูชิสายพาน (ไคเท็นซูชิ) แต่เป็นร้านซูชิที่มีเคาน์เตอร์บริการ จึงจะสามารถสั่งซาชิมิได้ เนื่องจากคนที่จัดการหั่นซาชิมิอยู่ตรงหน้า เราจึงสามารถดูตอนเขาหั่นได้ด้วย ถ้ามีโอกาสได้ไปร้านซูชิ ก็อย่าลืมออเดอร์ดูนะ
นอกจากนั้น ในร้านอาหารญี่ปุ่นบางที่ก็มีรายการซาชิมิระบุอยู่ในเมนูอาหาร กรณีนี้ให้ออเดอร์เมนูกับพนักงานของร้านได้เลย ซาชิมิที่เสิร์ฟมาในจานเล็ก หรือรวมมิตรซาชิมิ ก็ล้วนแล้วแต่น่าลิ้มลองรสชาติทั้งนั้น
อีกทั้ง ในร้านอิซาคายะที่เราดื่มสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ก็สามารถออเดอร์ซาชิมิได้เช่นเดียวกัน
「อาคะกาคิ」ที่อาซากุสะ ร้านที่มีชิเมะซาบะและเหล้าญี่ปุ่นแสนอร่อย
เพียงเดินจากสถานีรถไฟ ชินบาชิ 2 นาที จะเจอกับร้านข้าวหน้าปลาดิบ「SAKANATEI」มื้อกลางวันที่สดและอร่อย
ราคาซาชิมิ ถ้ารับประทานประมาณ 2 คนที่ร้านอิซาคายะ สนนราคาจะอยู่ที่ประมาณ 500〜1,200 เยนขึ้นอยู่กับอาหารที่สั่ง ถ้าเป็นร้านอาหารไฮคลาสจะอยู่ที่ประมาณ 800〜1,600 เยน
หากอยากรับประทานซาชิมิหลายๆ แบบ หรือทาน 3-4 คน จะมีแบบ "รวมมิตร" ที่มีซาชิมิ 3〜5 ประเภทรวมกันในจานเดียว ราคาประมาณ 1,000〜1500 เยน ร้านอาหารไฮคลาสจะราคาประมาณ 2,000〜3,500 เยน
ไปกินซาชิมิที่ญี่ปุ่นกันไหม!
- ค้นหาและซื้อตั๋วรถไฟกับกิจกรรมต่างๆ ที่ KLOOK
- ซื้อตั๋วเจอาร์พาสประเภทต่างๆ ที่ KLOOK
- ค้นหาและจองที่พักกับ Booking.com
บทความโดย
日本への訪日外国人の方が、もっと増えますように!