เมืองมุราคามิ จังหวัดนีงาตะ: ทัวร์ชมตุ๊กตาฮินะในมาชิยะ พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรม ที่เที่ยว และอาหารท้องถิ่น

ไกด์แนะนำชาบูชาบูแบบจัดเต็ม! ราคา วิธีทาน วัตถุดิบ และร้านอาหาร

บริการนี้รวมโฆษณาที่ได้รับการสนับสนุน
article thumbnail image

บทความแนะนำ “ชาบูชาบู” เมนูหม้อไฟญี่ปุ่นแบบใช้ตะเกียบคีบเนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาสไลซ์บางลงไปจิ้มจุ่มในน้ำร้อนเดือดๆรับประทาน ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำวัตถุดิบ, วิธีทานชาบูชาบู, ราคามาตรฐานในญี่ปุ่น และร้านอาหารกันค่ะ

วันที่ปรับปรุงล่าสุด :

ชาบูชาบู

【完成】しゃぶしゃぶ

ชาบูชาบู คือ เมนูหม้อไฟญี่ปุ่น

รับประทานโดยใช้ตะเกียบคีบเนื้อวัวสไลซ์บางลงจิ้มจุ่มกับน้ำซุปภายในหม้อให้วัตถุดิบพอสุกแล้วนำขึ้นมาจิ้มกับซอสพอนสึหรือซอสงา โดยในปัจจุบันมีทั้ง “บูตะชาบู” ที่ใช้เนื้อหมูและชาบูชาบูเนื้อปลาโดยเฉพาะ โดยทั่วไปแล้วคนญี่ปุ่นนิยมรับประทานคู่กับเห็ดหรือผัก เช่น ผักกาดขาว เป็นต้น

ประวัติความเป็นมาของชาบูชาบู

ว่ากันว่าแต่เดิมแล้วชาบูชาบูเป็นเมนูหม้อไฟที่เผยแพร่มาจากประเทศจีน ส่วนชาบูชาบูที่รับประทานกันในปัจจุบันเป็นเมนูที่พัฒนาขึ้นมาโดยผู้จัดการร้านสุเอฮิโระ (Suehiro) ในเอราคุโจ จ.โอซาก้าในปี 1952 ในปัจจุบันมีร้านชาบูชาบูเกิดขึ้นมามากมายหลายแห่ง แถมยังนิยมรับประทานกันในครัวเรือนอีกด้วย

เราสามารถหาทานเมนูชาบูชาบูได้ตามร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่น, ร้านชาบูชาบูโดยเฉพาะ และร้านอาหารหม้อไฟ แถมยังมีร้านแฟรนไชส์ชาบูชาบูที่สามารถทานชาบูชาบูได้ในราคาไม่แพงด้วยนะเออ... นอกจากนี้ บางร้านก็ยังมีบริการบุฟเฟ่ต์ชาบูชาบูให้เราสามารถสั่งเนื้อและผักได้อย่างไม่จำกัดภายในระยะเวลาที่กำหนดในราคาเดียวอีกต่างหาก

ในครั้งนี้เราก็ได้รวบรวมข้อมูลพื้นฐานสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเมนูชาบูชาบูมาไว้ที่นี่แล้วล่ะค่ะ เอ้า มาดูกันเลยดีกว่า~

สารบัญ:

1.สูตรชาบูชาบู
2.วิธีทำและวิธีการรับประทานชาบูชาบู
3.ประเภทของเนื้อสัตว์ที่ใช้ในเมนูชาบูชาบู
4.ชาบูชาบูประเภทอื่นๆที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์
5.วัตถุดิบอื่นๆของชาบูชาบู
6.ประเภทของซอสชาบูชาบู
7.ธรรมเนียมปิดท้ายเมนูชาบูชาบู
8.ราคาของชาบูชาบู
9.ร้านชาบูชาบู

สูตรชาบูชาบู

【完成】しゃぶしゃぶ

วิธีทำชาบูชาบูค่อนข้างเรียบง่ายและไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เยอะ

ส่วนอุปกรณ์ที่จำเป็นแบ่งได้เป็น 3 ประเภทด้วยกันประกอบด้วยวัตถุดิบ, น้ำซุปดาชิ และซอส / น้ำจิ้ม เพียงแค่เตรียมสิ่งเหล่านี้ให้ครบก็จบแล้วล่ะค่ะ ง่ายมั้ยเอ่ย?

・น้ำซุปดาชิ

ในกรณีที่ต้องการใช้น้ำซุปดาชิสาหร่ายคอมบุให้ใส่น้ำลงไปในหม้อดินหรือหม้อชาบูชาบูและใส่สาหร่ายคอมบุลงไปต้มเพื่อสกัดเป็นน้ำซุปดาชิ หลังจากนั้นก็คีบสาหร่ายคอมบุออกก่อนน้ำเดือด
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับน้ำซุปดาชิสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「สารานุกรมคำญี่ปุ่น「ดาชิ และ ซึยุ」

・วัตถุดิบ

เนื้อสัตว์สไลซ์บาง เช่น เนื้อวัวหรือเนื้อหมู ส่วนชาบูชาบูปลานิยมใช้เนื้อปลาสไลซ์บางกว่าซาชิมิ เช่น ปลาสำลีญี่ปุ่นและปลาคัมปาจิ เป็นต้น ในญี่ปุ่นมีจำหน่ายเนื้อสัตว์สำหรับทำชาบูชาบูเป็นแพ็คตามซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยนะเออ... นอกจากนี้ก็ยังนิยมใช้ผักกาดขาว, ต้นหอม, ผักกาดแก้ว, เห็ดหอม, เห็ดเข็มทอง, เห็ดชิเมจิ, ตั้งโอ๋ และเต้าหู้ด้วย

・ซอส / น้ำจิ้ม

ซอสพอนสึ คู่กับ ผักหรือเครื่องเทศ (เช่น ต้นหอม, หัวไชเท้าฝาน, โมมิจิโอโรชิ) และซอสงา

วิธีทำและวิธีการรับประทานชาบูชาบู

ในกรณีที่ไปทานตามร้านอาหาร ลูกค้าจะต้องใช้ตะเกียบคีบวัตถุดิบลงไปจิ้มจุ่มในน้ำร้อนด้วยตัวเอง ดังนั้น เดี๋ยวเราจะมาแนะนำวิธีทำและวิธีการรับประทานชาบูชาบูสำหรับใครที่เพิ่งเคยไปทานชาบูชาบูตามร้านอาหารเป็นครั้งแรกเพื่อไม่ให้งงกันค่ะ ^^

【完成】しゃぶしゃぶ

1. ต้มน้ำซุปดาชิในหม้อจนร้อนดี

ก่อนอื่น เรามาต้มน้ำซุปดาชิกันก่อนเลยดีกว่า เมื่อจุดแก๊สเตาไฟแล้วก็รอจนน้ำซุปดาชิในหม้อร้อนดี โดยระวังอย่าปรับไฟให้ร้อนจนเดือด

2. ใช้ตะเกียบคีบเนื้อสัตว์ลงไปจิ้มจุ่มกับน้ำซุปดาชิในหม้อ

ต่อไปให้ใช้ตะเกียบคีบเนื้อสัตว์ลงไปจิ้มจุ่มในน้ำซุปดาชิร้อนๆให้พอสุก โดยมีเทคนิคอยู่ที่การใช้ตะเกียบคีบเนื้อสัตว์ลงไปจุ่มน้ำร้อนทั้งอย่างนั้นเลย

ตอนที่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อลงไปจุ่มกับน้ำซุปดาชิในหม้อให้สะบัดซ้าย-ขวาเบาๆไปด้วย โดยคนญี่ปุ่นเรียกวิธีการรับประทานแบบนี้ว่า “ชาบูชาบู” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมนูนั่นเอง แต่ควรระวังเอาไว้นิดนึงว่าถ้าเกิดจุ่มเนื้อในน้ำซุปนานจนเกินไปอาจทำให้เนื้อแข็งไม่อร่อยได้ ดังนั้น เมื่อเนื้อเปลี่ยนสีแล้วให้รีบนำขึ้นมาจากน้ำร้อนทันที

3. จิ้มซอส / น้ำจิ้มรับประทาน

โดยทั่วไปแล้วนิยมรับประทานคู่กับซอสพอนสึและซอสงา แต่ก็ไม่ได้มีการกำหนดเป็นแบบแผนตายตัวอะไร บางร้านก็เสิร์ฟคู่กับซอสมากมายหลายแบบให้เพลิดเพลินกับรสชาติแปลกใหม่กันอย่างจุใจ

อื่นๆ

ส่วนผักจะใส่ลงในหม้อในปริมาณพอดีๆเพื่อให้เหลือพื้นที่เอาไว้จิ้มจุ่มเนื้อด้วย หลังจากเริ่มร้อนดีแล้วก็สามารถคีบขึ้นมารับประทานได้ตามใจชอบเลย คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานไปด้วยและค่อยๆเติมลงในหม้อเรื่อยๆโดยไม่ใส่ตู้มเดียวลงในหม้อหมดเลย

นอกจากนี้ หลังจากใส่เนื้อสัตว์ลงในหม้อแล้วน้ำซุปจะเริ่มมีฟองหรือคราบตะกอนขึ้นมาให้เห็น ดังนั้น เพียงแค่ตักตะกอนเหล่านี้ออกไป เราก็จะสามารถอิ่มอร่อยกับชาบูชาบูได้โดยไม่เสียรสชาติแล้วล่ะค่ะ โดยเฉพาะเนื้อวัวนี่ตัวที่ทำให้เกิดคราบเลย ยังไงเวลาทานเนื้อวัวก็ระวังกันด้วยเนอะ

ข้างต้นเป็นเพียงวิธีการรับประทานชาบูชาบูขั้นพื้นฐานเท่านั้น สำหรับรายละเอียดสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「รู้หรือยัง! 「วิธีกินชาบูชาบู」

ประเภทของเนื้อสัตว์ที่ใช้ในเมนูชาบูชาบู

เนื้อวัว

เนื้อวัวนับเป็นวัตถุดิบพื้นที่ของชาบูชาบูเลยทีเดียว ตามร้านอาหารหรูส่วนใหญ่มักใช้เนื้อวัวญี่ปุ่นชั้นเลิศ เช่น เนื้อวัวดำญี่ปุ่น เป็นต้น

เนื้อหมู

ชาบูชาบูเนื้อหมูนับเป็นเมนูที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีอย่างแน่นอน โดยเรียกกันว่า “บูตะชาบู” บอกเลยว่ารสชาติเข้ากับซอสพอนสึและซอสงาได้อย่างยอดเยี่ยมสุดๆ!

เนื้อไก่

ส่วนร้านที่จำหน่ายเมนูชาบูชาบูเนื้อไก่ก็มีไม่น้อยเลย โดยเป็นวัตถุดิบที่มีรสชาติเบาๆทานง่ายที่สุดในบรรดาเนื้อสัตว์ทั้งหมด

ชาบูชาบูประเภทอื่นๆที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์

ในปัจจุบันเริ่มมีสูตรและเมนูชาบูชาบูอื่นๆนอกจากเนื้อสัตว์ขึ้นมาให้เห็นกันบ้างแล้ว

1. ชาบูชาบูพืชหัว

【完成】しゃぶしゃぶ

ชาบูชาบูที่ใช้วัตถุดิบหลักเป็นผัก เช่น หัวไชเท้า, แครอท และผักกาดแก้ว เป็นต้น โดยทางร้านจะหั่นผักกาดแก้วเป็นขนาดประมาณเนื้อสัตว์ ส่วนแครอทและหัวไชเท้าจะสไลซ์เป็นแผ่นบางด้วยมีด

2. ชาบูชาบูเนื้อปลา

【完成】しゃぶしゃぶ

ชาบูชาบูที่ใช้วัตถุดิบเป็นเนื้อปลาสำหรับทำซาชิมิแต่สไลซ์บางกว่าซาชิมิ โดยมีทั้งชาบูชาบูปลาสำลี, ปลาคัมปาจิ และปลาไท นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูชาบูชาบูสุดแปลกที่ใช้ปูและปลาหมึกยักษ์อีกด้วย

วิธีการรับประทาน

วิธีการรับประทานก็ง่ายๆเพียงแค่ใช้ตะเกียบคีบผักลงไปจิ้มจุ่มกับน้ำซุปในหม้อแล้วสะบัดไปมาเบาๆเหมือนกับเนื้อสัตว์ ส่วนจะลวกนานแค่ไหนก็ตามความชอบของแต่ละคนเลยจ้า... เนื่องจากปลาเป็นวัตถุดิบสดใหม่ที่สามารถทานเป็นซาชิมิได้ จึงลวกแค่ผิวพอเปลี่ยนสีก็สามารถรับประทานได้แล้ว ส่วนระดับความสุกแนะนำก็คือ “แบบแรร์ (สุกน้อย)” นั่นเอง

วัตถุดิบอื่นๆของชาบูชาบู

1. ผักกาดขาว

ผักกาดขาวเมื่อได้รับความร้อนแล้วจะมีรสหวานอร่อยเชียวล่ะค่ะ จึงนับเป็นวัตถุดิบที่ขาดไม่ได้ในเมนูหม้อไฟเลยก็ว่าได้

2. ต้นหอม

ต้นหอมสีขาวแกนอวบเมื่อได้รับความร้อนแล้วจะมีรสสัมผัสนุ่มและชุ่มฉ่ำอร่อยมาก ส่วนต้นหอมสีเขียวแกนบางก็สามารถใช้ทำชาบูชาบูได้เหมือนกัน โดยมีเอกลักษณ์อยู่ที่ความหวานและรสสัมผัสกรึบๆเคี้ยวมัน

3. ผักน้ำญี่ปุ่น

ผักแสนอร่อยรสสัมผัสกรึบๆเล็กน้อย โดยรสสัมผัสกรึบๆนี้ถึงแม้จะโดนความร้อนก็ยังคงหลงเหลืออยู่

4. เห็ด

การใส่เห็ดลงในน้ำซุปทำให้น้ำซุปดาชิมีรสชาติเข้มข้นและอร่อยมากขึ้น นอกจากนี้ เห็ดที่ซึมซับน้ำซุปดาชิมาด้วยก็จะมีรสชาติอร่อยมากเช่นเดียวกัน โดยคนญี่ปุ่นนิยมรับประทานเป็นเห็ดเข็มทอง, เห็ดชิเมจิ, เห็ดหอม และเห็ดออเรนจิ

5. เต้าหู้

เต้าหู้ร้อนจะมีรสสัมผัสนุ่มลิ้นมากกว่าเต้าหู้แบบปกติ โดยเป็นวัตถุดิบที่ขาดไม่ได้ในเมนูหม้อไฟเช่นเดียวกัน

6. กุยช่าย

ผักที่มีกลิ่นคล้ายกระเทียมและให้พละกำลังสูงมาก เนื่องจากความร้อนผ่านได้ง่าย ดังนั้น เมื่อใช้ตะเกียบคีบลงไปจิ้มจุ่มกับน้ำซุปดาชิจนเริ่มงอตัวนิ่มแล้วก็สามารถนำขึ้นมารับประทานได้เลย

7. คุซุคิริ, มาโลนี่

เส้นที่ทำมาจากแป้งสตาร์ช เมื่อโดนความร้อนจะกลายเป็นสีใส โดยนำไปจิ้มกับซอส / น้ำจิ้มรับประทาน เอกลักษณ์ของมันอยู่ที่รสสัมผัสนุ่มลื่นปรื๊ดๆเลยนี่แหละ เนื่องจากถ้าเกิดโดนความร้อนมากจนเกินไปอาจละลายได้ จึงควรระวังให้ดี

8. โมจิสไลซ์สำหรับชาบูชาบู

โมจิสไลซ์เป็นแผ่นบาง โดยใช้ตะเกียบคีบลงไปจิ้มจุ่มในหม้อรับประทานเหมือนกับเนื้อสัตว์ทั่วไป เนื่องจากความร้อนผ่านได้ง่าย ยังไงก็ระวังอย่าลวกนานเกินไปด้วยเนอะ

ประเภทของซอสชาบูชาบู

【完成】しゃぶしゃぶ

1. ซอสพอนสึ

ซอสผสมส้มคาโบสุและโชยุดาชิ กลิ่นหอมของคาโบสุผลไม้ตระกูลส้มนั้นมีสรรพคุณช่วยเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี โดยนิยมรับประทานคู่กับชาบูชาบูเนื้อปลา แต่แน่นอนว่าชาบูชาบูเนื้อหมู-วัว-ไก่ก็มีรสชาติเข้ากันได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับซอสพอนสึสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「日本のことば事典「ポン酢」

2. โอโรชิดาเระ

ซอสพอนสึผสมหัวไชเท้าฝาน โดยมีรสชาติเข้ากับชาบูชาบูเนื้อปลาได้อย่างยอดเยี่ยม

3. โชกะโชยุดาเระ

ซอสโชยุดาชิผสมขิงฝานรสเผ็ดจี๊ดจ๊าด โดยรสชาติเข้ากับเนื้อวัว-หมู-ไก่และเนื้อปลาทั้งหมดเลย

4. ซอสงา

โชยุดาชิผสมซอสงา บอกเลยว่าใช้จิ้มผักรับประทานได้รสหวานอร่อยสุดๆ

5. โกมะมิโซะดาเระ

ซอสงาผสมมิโซะ (เต้าเจี้ยว) โดยนิยมใช้จิ้มเนื้อหมูรับประทาน

6. ซอสบ๊วย

ซอสบ๊วยมีรสชาติเข้ากับผักได้เป็นอย่างดี โดยทำให้เราสามารถทานเนื้อสัตว์น้ำมันเยิ้มอย่างเนื้อหมูได้ในรสชาติเบาๆมากขึ้น รสเปรี้ยวของบ๊วยแห้งบอกเลยว่าได้ลองสักครั้งจะติดใจ!

7. ซอสอื่นๆตามใจชอบ

ซอสที่เกิดจากการผสมผักหรือเครื่องเทศที่ชอบเข้ากับน้ำจิ้มที่ชอบ โดยเราสามารถทำซอสสไตล์ตัวเองขึ้นมาได้อย่างอิสระไม่ว่าจะเป็นหอมใหญ่ฝาน, กระเทียม หรือน้ำมันงารสเผ็ด

ธรรมเนียมปิดท้ายเมนูชาบูชาบู

【完成】しゃぶしゃぶ

เมื่อทานเนื้อและผักจนหมดหม้อแล้วก็จะเหลือน้ำซุปดาชิก้นหม้อ เราสามารถเพลิดเพลินกับเมนูตามใจชอบจากน้ำซุปที่สกัดมาจากเนื้อสัตว์และผักรสเลิศอย่างเต็มที่ได้ด้วยนะเออ...โดยคนญี่ปุ่นเรียกกันว่า “ชิเมะ”

ไม่เพียงแค่เมนูชาบูชาบูเท่านั้น แต่หลังจากทานเมนูหม้อไฟแล้วห้ามพลาด “ชิเมะ” นี้เด็ดขาด! เพราะว่าใครก็ไม่อยากทิ้งน้ำซุปดาชิรสเลิศให้เสียเปล่าใช่มั้ยล่ะคะ? ^^

1. โอจิยะ

เมนูที่ใส่ข้าวลงในน้ำซุปดาชิที่เหลืออยู่และต้มให้ร้อนใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยเรียกกันว่า “โซซุย” เมื่อต้มจนร้อนได้ที่แล้วถ้าเกิดใส่ไข่ดิบหรือชีสลงไปเป็นท็อปปิ้งก็จะยิ่งอร่อยขึ้นกว่าเดิมอีก

2. ราเม็ง

“ราเม็ง” คือ เมนูเส้นที่นิยมรับประทานกันมากที่สุดในญี่ปุ่น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เส้นราเม็งจะกลายเป็นหนึ่งใน “ชิเมะ” ขึ้นชื่อของเมนูหม้อไฟตามไปด้วย เนื่องจากเส้นราเม็งมีรสชาติเข้ากับน้ำซุปดาชิทุกแบบจึงขอแนะนำเลยค่ะ ^^

3. อุด้ง

อุด้ง ที่ซึมซับน้ำซุปดาชิรสเลิศก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดยขอแนะนำเป็นพิเศษในช่วงหน้าหนาว

ราคาของชาบูชาบู

ร้านชาบูชาบูส่วนใหญ่แล้วมักจะเสิร์ฟเป็นเมนูคอร์สซะมากกว่า โดยเสิร์ฟคู่กับอาหารจานเล็กอีก 2 – 3 อย่างในราคาประมาณ 6,000 เยนสำหรับ 1 คน ส่วนเมนูคอร์สเนื้อวัวญี่ปุ่นจะบวกราคาไปอีกประมาณ 1,500 เยน

ร้านชาบูชาบูราคาถูกส่วนใหญ่จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 4,000 เยนสำหรับ 1 คน โดยมักจะเป็นเมนูชาบูชาบูเดี่ยวๆแบบไม่ใช่คอร์ส

อ่านเพิ่มเติมได้ที่:

ค่าอาหารเฉลี่ยต่อวันระหว่างเที่ยวญี่ปุ่น (ร้านสะดวกซื้อ,ร้านอาหาร,ร้านซูชิ)

ร้านชาบูชาบู

【完成】しゃぶしゃぶ

Shabusen (ชาบูเซ็น)

ที่นี่มีทั้งเมนูภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน และภาษาไทย โดยมี “ชิเมะ” เป็นเมนูราเม็งรสเลิศจากน้ำซุปดาชิก้นหม้อ สำหรับรายละเอียดของร้านสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「อิ่มอร่อยไปกับชาบูร้อนๆสดจากเตาที่เสริฟให้ถึงหน้าท่าน ทานคู่กับข้าวต้มถั่วแดง

Nabezo (นาเบะโซ)

ร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูชาบูและสุกี้ยากี้ที่มีเมนูภาษาอังกฤษด้วย เราสามารถลิ้มลองชาบูชาบูเนื้อไก่และชาบูชาบูลิ้นวัวสุดแปลกได้ที่นี่เลย นอกจากสาขาชินจุกุแล้วก็ยังมีสาขาแห่งอื่นๆด้วยนะจ๊ะ... สำหรับรายละเอียดสามารถเข้าไปดูได้จาก เว็บไซต์หลัก

ที่อยู่:Rainbow bijjiru 7F, 3 Chome-5-4 Shinjuku, Shinjuku-ku, Tōkyō-to
วิธีการเดินทาง:เดินจาก Shinjuku-sanchōme Station 3 นาที
เวลาทำการ:[วันจันทร์~วันศุกร์] 11:30~15:00 น. 17:00~23:00 น. (L.O 22:30 น.), [วันเสาร์・วันอาทิตย์・วันหยุดนักขัตฤกษ์] 11:30~23:00 น. (L.O 22:30 น.)
วันหยุด:วันปีใหม่
ช่วงราคา:บุฟเฟ่ต์ 100 นาที 2,500 – 5,900 เยน
เบอร์โทรศัพท์:03-5362-7792 สำหรับสอบถาม 050-5570-4837 สำหรับจองโต๊ะ
เว็บไซต์หลัก:http://nabe-zo.com/

Suehirohonten (สุเอฮิโระฮอนเต็น)

ร้านชาบูชาบูในโอซาก้าอายุกว่า 60 ปีที่ใช้เนื้อวัวดำญี่ปุ่นเป็นวัตถุดิบทำชาบูชาบู โดยมีเสน่ห์อยู่ที่อาคารเก่าแก่และมีห้องส่วนตัวด้วยนี่แหละ ทำให้เราสามารถอิ่มอร่อยกับชาบูชาบูได้อย่างชิลล์ๆ แถมยังมีเมนูมื้อกลางวันด้วย

ที่อยู่:1 Chome-11-11 Sonezakishinchi, Kita-ku, Ōsaka-shi, Ōsaka-fu
วิธีการเดินทาง:เดินจาก JR Tozai Line「Kitashinchi Station」ทางออก 11 – 41 ประมาณ 1 นาที, เดินจาก JR Osaka Station 8 นาที และเดินจาก Subway Midosuji Line「Umeda Station」10 นาที
เวลาทำการ:กลางวัน 11:30~14:00 น. (L.O. 13:30 น.) ดินเนอร์ 17:00~22:00 น. (L.O. 21:00 น.)
วันหยุด:วันอาทิตย์, 31 ธันวาคม, 1-3 มกราคม
ราคาเฉลี่ย:10,000 เยน (ราคาเฉลี่ยโดยทั่วไป) 8,000 เยน (ราคาเฉลี่ยของงานเลี้ยง) 2,000 เยน (ราคาเฉลี่ยของมื้อกลางวัน)
เบอร์โทรศัพท์:06-6341-1638
เว็บไซต์หลัก:http://www.e-suehiro.com/

On-Yasai (ออนยาไซ)

ร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูชาบูราคาไม่แพงที่มีสาขาทั่วญี่ปุ่น ทำให้หาร้านง่ายมาก แถมยังมีน้ำซุปและน้ำจิ้มให้เลือกมากมายหลายแบบอีกต่างหาก เราจึงสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติแปลกใหม่ได้ไม่มีเบื่อ

สาขา:อาซากุสะ, อุเอโนะ, กินซ่า, ชินจุกุ และ ชิบุย่า
ช่วงราคา:3,000〜4,000 เยน
เว็บไซต์หลัก:http://www.onyasai.com/cgi-bin/shp/shopsearch.cgi?hsearch=tokyo

Hanasakajisan Restaurant (ฮานาซากาจีซัง) ชาบูชาบูฮาลาล

【完成】しゃぶしゃぶ

ร้านที่สามารถลิ้มลองชาบูชาบูเนื้อวัวญี่ปุ่นฮาลาลได้ในโตเกียวมีเพียงที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น ที่นี่จึงกลายเป็นร้านยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวและชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นไปโดยปริยาย

สำหรับรายละเอียดของร้านสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「ชิบุย่า “ฮานะสะกะจิซัน” ร้านชาบุชาบุที่สามารถทานเนื้อฮาลาลได้

ที่อยู่:Sakuraya Building B1F, 3-22 Sakuragaokachō, Shibuya-ku, Tōkyō-to
เวลาทำการ:วันจันทร์ - วันศุกร์ กลางวัน 11:30~15:00 น. / ดินเนอร์ 17:00~0:00 น.ของวันถัดไป
สถานีที่ใกล้ที่สุด:JR「Shibuya Station」
วิธีการเดินทาง:เดินจาก JR「Shibuya Station」ประตูฝั่งตะวันตก 3 นาที
ช่วงราคา:4,000~5,000 เยน
เบอร์โทรศัพท์:03-3496-7777
เว็บไซต์หลัก:http://hanasakaji-san.jp/halal/

Written by

日本への訪日外国人の方が、もっと増えますように!

เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง

อันดับ

ไม่พบบทความ