Start planning your trip
ถึงโตเกียวแล้วเที่ยวเลย! แผนเที่ยว 1 วันใกล้สนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport, Tokyo)
มาเที่ยวทั้งทีอย่าให้เสียเวลา ขอแนะนำแผนเที่ยวสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นใกล้สนามบินฮาเนดะตั้งแต่วันแรก ครบทั้งไหว้พระที่วัดดัง เดินช้อปปิ้งของอร่อย ชมพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ ทานอาหารขึ้นชื่อ ตบท้ายด้วยแช่ออนเซ็นให้สบายตัว
ถึงญี่ปุ่นวันแรกอย่าเพิ่งนึกว่าต้องเข้าโรงแรมไปวางกระเป๋าเท่านั้น เพราะเราสามารถออกเที่ยวจากสนามบินเลยก็ได้! ขอเสนอแผนเที่ยวจากสนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) สัมผัสวัฒนธรรมและความเป็นญี่ปุ่นเต็มๆ ในหนึ่งวันแบบไม่ต้องรีบร้อน
เริ่มจากไหว้พระขอพรที่วัดคาวาซากิไดชิ ชมพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีโตชิบา ทานเกี๊ยวซ่าแบบมีปีกที่ร้านต้นตำรับในเมืองคามาตะ ปิดท้ายด้วยแช่ออนเซ็นเข้าซาวน่าลมร้อนโรริวที่เฮวะจิมะออนเซ็น
ออกเดินทางด้วยรถไฟเคคิว (Keikyu)
การเดินทางจากสนามบินฮาเนดะเราจะใช้บริการรถไฟเคคิว (Keikyu) ซึ่งมีขบวนที่วิ่งตรงไปถึงสถานีชินากาวะและสถานีอาซากุสะด้วย แถมตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2019 ที่ผ่านมาทางเคคิวยังลดค่าโดยสารระหว่างสถานีชินากาวะและสนามบินฮาเนดะเหลือแค่เที่ยวละ 300 เยน จะไปจะกลับก็ 300 เยนคุ้มสุดๆ
ถ้าต้องการซื้อบัตรเติมเงิน PASMO สอบถามเรื่องที่เที่ยว วิธีเดินทาง จองที่พัก ไปจนถึงแลกเงินก็สามารถมาติดต่อได้ที่เคาน์เตอร์ Keikyu Tourist Information Center ตรงหน้าทางเข้าสถานี ได้ข้อมูลครบแล้วก็มาออกเดินทางกันเลย
ไหว้พระขอพรให้พ้นภัยที่วัดคาวาซากิไดชิ
8:05 สถานีสนามบินฮาเนดะเทอร์มินอล 3 (Haneda Airport Terminal 3) → สถานีเคคิวคาวาซากิ (Keikyu Kawasaki) → 8:28 สถานีคาวาซากิไดชิ (Kawasaki Daishi)
เมื่อออกจากสถานีให้มองหาเสาประตูของถนนโอโมเตะซันโดแบบในรูป แล้วเดินตามทางไปประมาณ 8 นาทีก็ถึง
ก่อนจะถึงวัดคาวาซากิไดชิ เราจะผ่านถนนนากามิเซะที่มีร้านค้ามากมาย ระหว่างที่เดินดูของไปก็อาจจะได้ยินเสียงต๊อกต๊อกดังเป็นจังหวะ นั่นคือเสียงตัดลูกอมที่เค้าทำกันสดๆ ตรงหน้าร้านเลย ร้านเก่าแก่บางร้านเริ่มกิจการมาตั้งแต่สมัยเมจิเมื่อ 100 กว่าปีมาแล้ว ดังเรื่องลูกอมที่ผสมสมุนไพรช่วยให้ชุ่มคอ เรียกว่าเป็นต้นตำรับของยาอมแก้เจ็บคอในปัจจุบันก็ได้
ของกินขึ้นชื่อของแถวนี้คือคุซุโมจิ (Kuzumochi) ขนมโมจิเนื้อนุ่มเหมือนเยลลีหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ราดด้วยน้ำเชื่อมจากน้ำตาลทรายแดง โรยผงถั่วคินาโกะ หอมทั้งกลิ่นน้ำเชื่อมทั้งคินาโกะ จะนั่งทานในร้านก็ได้หรือซื้อกลับเป็นของฝากก็ดี ของกินอื่นๆ ก็มีให้เลือกอีกเยอะ เช่น เซ็มเบ้หลากรส ขนมมันจูสารพัดไส้ และอามะสาเก เหล้าหวานอุ่นๆ
เดินตรงมาจนสุดก็จะเข้ามายังพื้นที่ด้านในของวัดคาวาซากิไดชิ (Kawasaki Daishi Heikenji Temple) ด้านหน้าคืออุโบสถหลัก ด้านซ้ายคือเจดีย์แปดเหลี่ยมห้าชั้น แต่ก่อนอื่นไปล้างมือกันที่บ่อชำระล้างตรงด้านขวากันก่อน
ภายในอุโบสถหลักประดิษฐานพระยาคุโยเกะโคโบไดชิ ผู้มีอำนาจปัดเป่าภัยและปีศาจร้าย เลยมีผู้คนมาไหว้ขอพรกันเนืองแน่นทุกวัน โดยเฉพาะช่วงคืนวันสิ้นปีและปีใหม่ถึงวันที่ 3 มกราคม ที่มีผู้คนมาเยือนถึง 3,120,000 คนเลยทีเดียว ผู้เขียนก็เคยมาด้วยครั้งนึงเหมือนกัน ได้ฟังเสียงระฆังสิ้นปีด้วย
ภายในบริเวณวัดยังมีพระพุทธรูปและวิหารอีกหลายแห่ง หลังจากไหว้ขอพรเสร็จก็สามารถแวะซื้อเครื่องรางช่วยขจัดภัยและเสี่ยงเซียมซีได้
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์โตชิบา เทคโนโลยีจากอดีตสู่อนาคต
11:00 สถานีคาวาซากิไดชิ (Kawasaki Daishi) → 11:06 สถานีเคคิวคาวาซากิ (Keikyu Kawasaki)
Picture courtesy of Toshiba Science Museum
พูดถึงเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีแล้วประเทศญี่ปุ่นไม่เป็นรองใครแน่นอน ถ้าเอาของใกล้ตัวที่สุดก็คงไม่พ้นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยทำให้ชีวิตเราสบายขึ้น และหนึ่งในแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าแก่ของญี่ปุ่นก็คือ โตชิบา (Toshiba)
ขอแนะนำ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์โตชิบา (Toshiba Science Museum) ในเมืองคาวาซากิ เดินจากสถานีเคคิวคาวาซากิประมาณ 10 นาที อยู่ติดกับห้าง LAZONA เลย
เครื่องเล่นนาโนไรเดอร์ และโชว์วิทยาศาสตร์ / Picture courtesy of Toshiba Science Museum
ส่วนจัดแสดงแบ่งเป็นโซนต่างๆ เช่น โซนโลกอนาคต (Future Zone) แสดงเกี่ยวกับพลังงานสำหรับอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามป้ายจัดแสดงส่วนใหญ่มีคำอธิบายภาษาอังกฤษให้ด้วย ไม่ใช่แค่เดินดูอย่างเดียวนะยังมีแบบจำลองการสร้างพลังงานไฟฟ้าเป็นเกมให้เล่นแข่งกัน สนุกและได้ความรู้ไปในคราวเดียว นาโนไรเดอร์ (Nano Rider) ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำหรับให้ความรู้เรื่องเทคโนโลยีนาโนในรูปแบบของเกม
ที่ Science Stage จะมีโชว์การทดลองเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ให้ชมทุกวัน เช่น ทำไมถึงเกิดไฟฟ้าสถิตย์ การหักเหของแสงทำให้สิ่งของดูเหมือนหายไป หรือการทดลองแช่สิ่งของในไนโตรเจนเหลวที่เย็นขนาด -196 องศาเซลเซียส เนื้อหาของโชว์จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ลองสอบถามเวลาโชว์และเนื้อหาของโชว์จากเจ้าหน้าที่ก่อนได้
แต่ส่วนที่ชอบมากเป็นการส่วนตัวคือ โซนประวัติศาสตร์ (History Zone) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก Founder's Room แสดงเรื่องราวและผลงานประดิษฐ์ของสองผู้ก่อตั้งโตชิบา ทานากะ ฮิซาชิเกะ (Tanaka Hisashige) และ ฟุจิโอกะ อิจิซุเกะ (Fujioka Ichisuke) เช่นนาฬิกาหมื่นปี และ ตุ๊กตากล มีหลอดไฟแบบไส้ที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกอายุร่วม 130 ปีด้วย
ส่วนถัดไปคือ The First of Their Kind รวบรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าของโตชิบาที่ผลิตในประเทศได้เป็นครั้งแรก เช่นเครื่องซักผ้า ตู้เย็น และเครื่องดูดฝุ่นแบบในรูป บางชิ้นก็ถือเป็นครั้งแรกของโลกด้วยซ้ำ เช่น คอมพิวเตอร์แลบท็อปรุ่นแรกของโลก
เชื่อว่าโซนประวัติศาสตร์นี้น่าจะถูกใจผู้ใหญ่หลายคน ส่วนเด็กๆ ก็น่าจะชอบเล่นกันตรงโซนโลกอนาคต ถือว่ามาสนุกแถมได้ความรู้พร้อมกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เสร็จแล้วถ้าอยากจะเดินเล่นที่ LAZONA ก็ได้นะแต่ขอให้เก็บท้องไว้ก่อนเพราะมื้อเที่ยงจะพาไปกินของอร่อยที่คามาตะ
ทานเกี๊ยวซ่ามีปีกแบบต้นตำรับของร้านหนีห่าว คามาตะ
12:51 สถานีเคคิวคาวาซากิ (Keikyu Kawasaki) → 12:54 สถานีเคคิวคามาตะ (Keikyu Kamata)
เขยิบจากคาวาซากิมาที่เมืองติดกัน คามาตะ (Kamata) ผู้เขียนเคยอยู่ที่คามาตะเกือบ 4 ปี ขอเรียกว่าถิ่นเก่าเลย ของกินขึ้นชื่อของคามาตะคือเกี๊ยวซ่า และไม่ใช่เกี๊ยวซ่าธรรมดา เพราะที่นี่คือต้นกำเนิดเกี๊ยวซ่าแบบมีปีกเป็นแผ่นบางๆ พอกัดแล้วก็กรอบแตกในปาก แถมหน้าตาน่ากินอีกต่างหาก
หนีห่าว (Nihao) คือหนึ่งในร้านอาหารจีนผู้เป็นต้นตำรับเกี๊ยวซ่าแบบมีปีก ร้านตั้งอยู่ใกล้สถานีเคคิวคามาตะ ตรงนี้จะมีทั้งสาขาใหญ่และสาขาย่อย วันนี้เรามากันที่สาขาย่อย หนีห่าว เบ็กคัง
ถ้ามากันหลายคนก็เลือกสั่งกับข้าวหลายๆ อย่างมากินด้วยกัน แต่ถ้ามาคนเดียวขอแนะนำเมนูแบบเซ็ตที่มีให้เลือกเยอะเลย ขอแปลให้ข้างล่างนี้แล้วกัน
เมนูเซ็ต
1. เกี๊ยวซ่า 5 ชิ้น+ข้าวผัด 800 เยน
2. เกี๊ยวซ่า 5 ชิ้น+ข้าวผัด+ราเม็ง 1,100 เยน
3. เกี๊ยวซ่า 5 ชิ้น+ราเม็ง 750 เยน
4. เซ็ตเกี๊ยวซ่า (เกี๊ยวซ่าทอด 5 ชิ้น+เกี๊ยวต้ม 5 ชิ้น+ข้าวสวย) 750 เยน
5. ข้าวผัด+ราเม็ง 850 เยน
6. ข้าวราดหน้า+เกี๊ยวซ่า 5 ชิ้น 900 เยน
เมนูเซ็ตกับข้าว (มาพร้อมข้าวสวย ซุป และผักดอง)
1. เต้าหู้มาโบโทฟุ 650 เยน
2. ผัดผัก 650 เยน
3. ไก่ผัดเปรี้ยวหวาน 700 เยน
4. ไก่ผัดพริกสไตล์เสฉวน 700 เยน
5. มะเขือม่วงผัดหมูสับ 750 เยน
6. หมูผัดกะหล่ำสไตล์เสฉวน 750 เยน
7. กุ้งผัดซอสพริก 950 เยน
สำหรับเมนูเซ็ตกับข้าว 7 เมนูนี่สามารถสั่งเพิ่มเกี๊ยวซ่า 5 ชิ้นได้ในราคา 250 เยนด้วย (ราคาปกติ 300 เยน) ครั้งนี้ที่สั่งคือเซ็ตกับข้าวหมายเลข 4 ไก่ผัดพริกสไตล์เสฉวน แน่นอนว่าต้องเพิ่มเกี๊ยวซ่าด้วย!
เกี๊ยวซ่าแบบมีปีก 5 ชิ้นแบบร้อนๆ ถูกยกมาเสิร์ฟก่อนเลย
ไส้ในเป็นหมูสามชั้นสับผสมกับต้นหอมและผักกาดขาว แป้งด้านนอกนุ่มหนึบ ด้านที่เกรียมกระทะก็หอมกรอบ กินเปล่าๆ ได้โดยไม่ต้องจิ้มซอส แค่ได้กินเกี๊ยวซ่าที่นี่ก็คุ้มแล้วที่มาถึงคามาตะ
อิ่มท้องกันแล้วขอพาไปพักผ่อนช่วงบ่ายกันแบบสบายๆ ที่ออนเซ็นธรรมชาติดีกว่า
แช่ออนเซ็นธรรมชาติ เฮวะจิมะออนเซ็น
14:11 สถานีเคคิวคามาตะ (Keikyu Kamata) → 14:15 สถานีเฮวะจิมะ (Heiwajima)
พอออกจากสถานีเฮวะจิมะ (Heiwajima) ให้เลี้ยวซ้ายจะเจอถนนใหญ่แล้วเลี้ยวซ้ายอีกที เดินไปนิดเดียวจะเจอกับป้ายรถบัสหมายเลข 3 รอขึ้นรถที่วิ่งไป BIGFUN หรือ BOAT RACE HEIWAJIMA ราคาเที่ยวละ 100 เยน (ถ้าเป็นวันที่มีแข่งเรือเร็ว BOAT RACE จะมีรถบัสรับส่งฟรีวิ่งด้วย)
นั่งรถบัสประมาณ 5 นาทีก็จะมาถึง BIGFUN HEIWAJIMA ลงรถแล้วเดินตรงไปนิดเดียวจะเจอบันไดเลื่อนทางซ้ายมือ ขึ้นไปด้านบนชั้น 2 แล้วจะเห็นทางเข้าอาคารแบบในรูปล่างซ้าย เข้าประตูไปปุ๊บก็เจอกับ เฮวะจิมะออนเซ็น (Natural Hot Spring Heiwajima)
ที่นี่ใช้ระบบคิดเงินทีหลัง เพราะงั้นเมื่อมาถึงแล้วให้เลือกแพลนก่อนว่าต้องการแบบไหน ที่สั้นที่สุดคือ Hayayu Plan สำหรับแช่น้ำ 1 ชั่วโมง มีผ้าเช็ดตัวให้ยืมฟรีในราคาคนละ 1,280 เยน แพลนนี้มีเฉพาะวันจันทร์-ศุกร์
แต่วันนี้เรามีเวลาเหลือเฟือเพราะงั้นขอแนะนำ Relax Plan สามารถใช้บริการภายในออนเซ็นได้ 7 ชั่วโมง มีผ้าเช็ดตัวและชุดให้เปลี่ยนด้วย ผู้ใหญ่ราคาคนละ 2,000 เยน (ดูรายละเอียดราคาและบริการอื่นได้ที่ เว็บไซต์ทางการ) ขอแนะนำให้เพิ่มอีก 500 เยนเพื่อใช้บริการโซนซาวน่าหินร้อน (Ganban-yoku Stone Sauna)
พอเลือกแพลนเสร็จก็จะได้รับถุงใส่เสื้อผ้าและกุญแจล็อกเกอร์ เสื้อกางเกงชุดสีฟ้าคือชุดสำหรับใส่ทั่วไปเวลาออกมานั่งเล่น ส่วนชุดสีน้ำตาลคือชุดสำหรับใส่เข้าโซนซาวน่าหินร้อน ใครไม่ได้ใส่ชุดนี้ก็จะเข้าไปโซนนั้นไม่ได้ กุญแจล็อกเกอร์จะมีบาร์โค้ดด้วยเพื่อใช้เวลาซื้อเครื่องดื่มเย็นหรือซื้ออาหาร แล้วค่อยไปจ่ายเงินเวลาออกทีเดียว ไม่ต้องพกเงินสด
Komorebi ห้องซาวน่าหินร้อนรวมชายหญิง / Picture courtesy of Natural Hot Spring Heiwajima
น้ำออนเซ็นของที่นี่มีส่วนผสมของโซเดียมคลอไรด์เข้มข้น มีฤทธิ์ด่างอ่อนๆ ไม่ระคายผิว และช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้นาน เชื่อว่าดีต่ออาการเจ็บกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อต่อ ปวดไหล่ โรคผิวหนังอักเสบ ฯลฯ บ่อออนเซ็นใหญ่แล้วก็มีหลายบ่อมาก แช่ได้แบบสบายๆ เลย แต่ไฮไลท์ของครั้งนี้ขอเน้นไปที่ซาวน่าหินร้อนแบบในรูปข้างบนนี้ ก่อนเข้ามาโซนนี้อย่าลืมเปลี่ยนเป็นชุดสีน้ำตาลก่อนนะ แล้วในถุงผ้าจะมีผ้าขนหนูผืนใหญ่สำหรับปูนอนด้วย
ที่เห็นเป็นกระเบื้องสีดำ สีเขียว แบ่งเป็นช่องๆ บนพื้นนั่นคือหินชนิดต่างๆ กัน และยังเด่นตรงที่มี 2 ชั้นด้วย แต่อย่างที่รู้กันว่าอากาศร้อนจะลอยขึ้นข้างบน เพราะงั้นบนชั้น 2 จะร้อนกว่าข้างล่าง ขึ้นไปได้แป๊บเดียวก็ขอยอมแพ้ กลับลงมานอนข้างล่างดีกว่า ตรงนี้เอาหนังสือการ์ตูนที่เค้ามีไว้ให้กว่าหมื่นเล่มเข้ามาอ่านได้ด้วย
Hana ห้องซาวน่าหินร้อนสำหรับผู้หญิง / Picture courtesy of Natural Hot Spring Heiwajima
สำหรับสาวๆ จะใช้ห้องรวมชายหญิงแบบในรูปเมื่อกี๊หรือจะไปใช้ห้องพิเศษสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะก็ได้อีก บรรยากาศสวยเก๋สุดๆ แต่ผู้เขียนเข้าไปดูไม่ได้ไง คุณผู้หญิงทั้งหลายก็ลองเข้าไปใช้บริการกันดูนะ
ห้องซาวน่าไอร้อนโรริว / Picture courtesy of Natural Hot Spring Heiwajima
และที่ขอนำเสนอสุดๆ เพราะตอนนี้กำลังฮิตมากในญี่ปุ่นคือ โรริว (Loyly) ซาวน่าสไตล์ฟินแลนด์ที่ราดน้ำบนหินร้อนเพื่อให้เกิดไอน้ำ ของที่เฮวะจิมะออนเซ็นจะใช้น้ำผสมน้ำมันอโรมาด้วย แล้วพนักงานจะเข้ามาพัดลมร้อนให้ลูกค้าทีละคน ทีแรกก็ใช้ผ้าขนหนูนี่แหละ แต่ครั้งหลังสุดจะเปลี่ยนไปใช้พัดยักษ์แทน บอกเลยว่าหน้าร้อนเมืองไทยยังต้องขอยอมแพ้ ไม่เคยเหงื่อออกเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
การอบซาวน่าไอร้อนนี้เค้าบอกว่าช่วยเพิ่มการเผาผลาญและช่วยขับของเสียจากร่างกาย ผลเป็นยังไงไม่รู้ รู้แต่ว่าพอออกมาแล้วสบายตัวสุดๆ กลับไปล้างตัวในห้องอาบน้ำแล้วแช่ออนเซ็นอีกที สบายเหมือนได้เกิดใหม่ เสร็จแล้วก็ออกมานั่งเล่นอ่านหนังสือการ์ตูนหรือไปนอนงีบบนเตียงเอนที่ห้องเลานจ์ ถ้าหิวก็มีโซนร้านอาหาร มีโซบะ อุด้ง ราเม็ง ให้ทาน
หลังจากพักผ่อนเต็มที่แล้วก็เปลี่ยนชุดกลับ เอาเสื้อผ้า ผ้าขนหนูเก็บใส่ถุงแล้วเอาไปคืนที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าพร้อมกับกุญแจล็อกเกอร์ แล้วพนักงานจะคิดเงินรวมทั้งหมดให้ ขากลับก็ไปขึ้นรถบัสไปสถานีเฮวะจิมะเหมือนเดิมเพื่อนั่งรถไฟไปยังที่พักหรือจะไปเที่ยวต่อก็ตามสะดวก
สำหรับใครที่มาถึงสนามบินตอนเช้ามืดหรืออยากมาแช่ก่อนกลับไปขึ้นเครื่องที่สนามบินฮาเนดะตอนดึก ลองเข้าไปดูรายละเอียดคอร์สพิเศษที่มีรถบัสรับส่งตรงไปยังสนามบินฮาเนดะได้ที่เว็บไซต์ทางการ
เที่ยวครบทุกสไตล์ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงญี่ปุ่น
มาถึงญี่ปุ่นวันแรกก็เที่ยวได้แบบไม่ให้เสียเวลา แถมเดินทางสะดวกด้วยรถไฟเคคิวตั้งแต่สนามบินฮาเนดะ หรือจะเปลี่ยนเอาไปใช้เป็นแผนเที่ยวสำหรับวันสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับไทยก็ได้
สรุปการเดินทาง
สนามบินฮาเนดะ → วัดคาวาซากิไดชิ → พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์โตชิบา → เกี๊ยวซ่าร้านหนีห่าว → ออนเซ็นธรรมชาติ เฮวะจิมะออนเซ็น
ค่าใช้จ่าย
ค่าเดินทาง : 821 เยน
ค่าอาหารและขนม : 2,340 เยน
ค่าบริการออนเซ็น : 2,500 เยน
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 5,661 เยน
ถ้าอยากเที่ยวให้ไกลออกไปอีกนิด ทางเคคิวยังมีตั๋วรถไฟพร้อมคูปองพิเศษอย่าง Hayama Joshitabi Kippu สำหรับเที่ยวแถวฮายามะ และ Misaki Maguro Kippu สำหรับไปทานซูชิอร่อยๆ ดูวิวสวยของแหลมมิอุระ ส่วนการเดินทางจากสนามบินฮาเนดะ ที่เที่ยวในโตเกียว คาวาซากิและโยโกฮาม่า สามารถดูได้จากเว็บไซต์ภาษาอังกฤษ http://www.haneda-tokyo-access.com/en/
Supported by Keikyu Corporation International Tourism
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
* ค่าโดยสารรถไฟในบทความนี้จ่ายผ่านบัตรเติมเงิน IC Card ซึ่งราคาจะต่างกับการซื้อตั๋วทีละครั้งที่สถานี
เที่ยวชมศิลปะและธรรมชาติ ถ่ายรูปเล่น
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง