Start planning your trip
ประกันสุขภาพในญี่ปุ่นที่ควรรู้ไว้ ทั้งวิธีสมัคร ยกเลิก และค่าประกัน
ญี่ปุ่นมีประกันสุขภาพที่ชาวต่างชาติก็สมัครได้หากมีเงื่อนไขครบ บทความนี้จะรวมและอธิบายทั้งประกันสุขภาพแห่งชาติและประกันสังคม ในเรื่องเงื่อนไข วิธีสมัคร วิธียกเลิก ส่วนลดสำหรับนักเรียน
ไปรู้จักกับระบบประกันสุขภาพของญี่ปุ่นกัน!
Photo by Pixta
หากเกิดไม่สบายหรือบาดเจ็บตอนอยู่ต่างประเทศจะทำอย่างไรดี?
ประกันสุขภาพจะช่วยผ่อนคลายความกังวลให้เราได้ค่ะ สำหรับผู้ที่มาอยู่อาศัยในญี่ปุ่นนั้นมีประกันสุขภาพแบบต่างๆ ที่เราสามารถสมัครได้ด้วย จะมีอะไรบ้าง ไปเช็ครายละเอียดเพื่อประโยชน์ของคุณเองกันเลย!
สารบัญ
- 1. ประเภทของประกันสุขภาพในญี่ปุ่นและ "ประกันสุขภาพแห่งชาติ"
- 2. วิธีสมัครและยกเลิกประกันประกันสุขภาพแห่งชาติ
- 3. ค่าประกัน ส่วนลดสำหรับนักเรียน ประกันสังคม และอื่นๆ
ประเภทของประกันสุขภาพในญี่ปุ่น
ประเภทประกัน | |
ประกันสุขภาพแห่งชาติ | ผู้ที่ไม่ได้เข้าประกันสังคม ชาวต่างชาติในญี่ปุ่นซึ่งผ่านเกณฑ์ที่กำหนด |
ประกันสังคม | ผู้ที่ทำงานบริษัท หรือผู้ที่ทำงานพิเศษและผ่านเกณฑ์ที่กำหนด |
ญี่ปุ่นมีระบบ "ประกันสุขภาพถ้วนหน้า" หมายถึงประชาชนทุกคนมีหน้าที่ในการเข้าร่วมประกันการักษาพยาบาลของรัฐ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างไร้ความกังวล
เมื่อก่อนญี่ปุ่นเคยมีปัญหาสังคมว่ามีประชากรเพียง 1/3 เท่านั้นที่มีประกันแบบต่างๆ แต่ในปี 1958 มีการออกกฏหมายการประกันสุขภาพแห่งชาติได้สำเร็จ ในตอนนี้ขอเพียงถือบัตรประกันสุขภาพใบเดียวในมือ ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ในญี่ปุ่น ก็สามารถเข้ารับการรักษาในแบบเดียวกัน ด้วยค่าใช้จ่ายเท่ากันได้
ระบบประกันสุขภาพของญี่ปุ่นนั้นได้รับการยอมรับจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) ในปี 2000 ว่าเป็นระบบประกันสุขภาพอันดับหนึ่งของโลก เรียกได้ว่าเป็นระบบอันน่าภาคภูมิใจในฐานะที่เป็นประเทศที่ประชากรมีอายุยืนยาวระดับโลกเลยทีเดียว
ระบบประกันสุขภาพของญี่ปุ่นนั้นแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ "ประกันสุขภาพแห่งชาติ (National Health Insurance หรือ โคคุมินโฮเค็ง - 国民健康保険)" และ "ประกันสังคม (Social Insurance หรือ ชะไกโฮเค็ง - 社会保険)" ซึ่งพอจะสรุปง่ายๆ ได้ว่า ประกันสังคมมีไว้สำหรับคนทำงาน และประกันสุขภาพแห่งชาติมีไว้สำหรับคนกลุ่มอื่นๆ ประกันทั้ง 2 แบบนี้ไม่จำกัดเพียงแค่คนญี่ปุ่นเท่านั้น หากเป็นคนต่างชาติที่อยู่ญี่ปุ่นในระยะยาวก็สามารถทำได้ด้วย
เรามาดูรายละเอียดกันดีกว่าว่าประกันแต่ละประเภทใครสามารถทำได้ ทำได้อย่างไร มีข้อดีอย่างไรค่ะ
ประกันสุขภาพแห่งชาติญี่ปุ่น
Photo by Pixta
ประกันสุขภาพแห่งชาตินั้นดำเนินการโดยส่วนการปกครองท้องถิ่น (เช่นระดับจังหวัด เมือง เขต) โดยนำค่าประกันที่ผู้เข้าร่วมจ่ายทุกเดือนมาช่วยออกค่ารักษาและอื่นๆที่จำเป็นเมื่อมีผู้เจ็บป่วย เป็นการลดภาระทางการเงินของผู้เข้าร่วมประกัน
ค่าใช้จ่ายที่ใช้ประกันได้ | ค่าใช้จ่ายที่ใช้ประกันไม่ได้ |
- การักษาพยาบาลทั่วไป (ต้องจ่ายเองเพียง 30%) - ค่าอาหารระหว่างนอนโรงพยาบาล (ส่วนหนึ่ง) |
- ตรวจสุขภาพ - วัคซีนป้องกันโรค - การตั้งครรภ์และคลอดตามปกติ - ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเมื่อค้างโรงพยาบาลในห้องเดี่ยว - ศัลยกรรมเพื่อความงาม - การจัดฟัน |
เมื่อเข้าร่วมประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้แสดงบัตรเมื่อเข้ารับการรักษา ค่ารักษาพยาบาลที่ต้องจ่ายจะเหลือแค่ 30% เท่านั้น นอกจากนี้หากต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล จะได้รับช่วยเหลือค่าอาหารส่วนหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิเหล่านี้อีกด้วย
ส่วนค่ารักษาพยาบาลที่ต้องรับผิดชอบเองนั้นจะแตกต่างไปตามอายุและรายได้
หากไม่เข้าร่วมประกัน เมื่อเจ็บป่วยจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด และไม่ใช่ว่าการรักษาทุกอย่างจะครอบคลุมในประกัน แต่มีบางรายการที่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองเต็มจำนวน เช่น ในตารางด้านบน ก่อนเข้ารับการรักษา ควรสอบถามกับโรงพยาบาลว่าวิธีการรักษาครอบคลุมในประกันสุขภาพหรือไม่ค่ะ
ผู้มีสิทธิทำประกันสุขภาพแห่งชาติ
Photo by Pixta
ผู้มีสิทธิ์ทำประกันสุขภาพแห่งชาติคือคนทั่วไปนอกเหนือจากผู้ที่ทำประกันสังคมหรือได้รับสวัสดิการความช่วยเหลือสาธารณะ (Public Assistance - 生活保護) แล้ว
สำหรับชาวต่างชาติ หากมาอยู่ญี่ปุ่นระยะยาว มีรายชื่อในทะเบียนบ้าน และไม่ได้เข้าร่วมประกันสังคม ก็สามารถทำประกันสุขภาพแห่งชาติได้เช่นกัน
ชาวต่างชาติที่ทำประกันสุขภาพแห่งชาติได้ | ชาวต่างชาติที่ทำประกันสุขภาพแห่งชาติไม่ได้ |
- เจ้าของธุรกิจ ฟรีแลนซ์ พนักงานพาร์ทไทม์ต่างๆ ซึ่งไม่ได้ทำประกันสังคม - นักเรียนต่างชาติ - ผู้อยู่อาศัยนานกว่า 3 เดือนเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกจากการท่องเที่ยว |
- ผู้ที่ทำประกันสังคมอยู่แล้ว - ผู้ที่ได้รับอนุญาตอยู่อาศัยน้อยกว่า3 เดือน - ผู้ถือวีซ่า "ระยะสั้น (temporary visitor)" หรือ "วีซ่าการทูต (diplomat)" - ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไป |
สำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 75 ปีเป็นต้นไปจะได้เข้าระบบรักษาพยาบาลผู้สูงอายุ (Latter-Stage Elderly Healthcare System - 後期高齢者医療制度) แทน จึงไม่ต้องทำประกันสุขภาพแห่งชาติค่ะ
สำหรับผู้ที่พึ่งมาถึงประเทศญี่ปุ่น หากวีซ่ามีอายุมากกว่า 3 เดือน สามารถไปทำประกันสุขภาพแห่งชาติได้เลยโดยไม่ต้องรอให้อยู่ครบ 3เดือนก่อน
สำหรับผู้ที่ถือวีซ่าดังต่อไปนี้
แม้จะได้รับวีซ่าต่ำกว่า 3 เดือน แต่หากมีเหตุผลอันสมควรว่าจะต้องอยู่ในญี่ปุ่นนานกว่านั้น สามารถทำประกันสุขภาพแห่งชาติได้เช่นกัน โดยจะดูเป็นกรณีไป
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำประกันสุขภาพแห่งชาติได้ ขอแนะนำให้ทำประกันสำหรับการอยู่อาศัยในต่างประเทศจากประเทศของตนเองก่อนมาค่ะ
วิธีการสมัครประกันสุขภาพ
Photo by Pixta
สำหรับการสมัครประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้ไปทำเรื่องภายใน 14 วันหลังจากเข้าประเทศ การสมัครประกันสุขภาพแห่งชาติสามารถทำได้ตั้งแต่วันที่เข้าประเทศญี่ปุ่นเลย
ถึงทำเรื่องไม่ทัน อย่างไรก็ตามจะต้องจ่ายค่าประกันย้อนหลังจนถึงส่วนของเดือนที่เข้าประเทศญี่ปุ่นด้วย สามารถสมัครประกันสุขภาพแห่งชาติได้ที่ที่ว่าการเขต/เมืองที่เรามีชื่อในทะเบียนบ้าน โดยเตรียมเอกสารตามด้านล่างนี้ไปยังเคานเตอร์บริการเรื่องประกันสุขภาพแห่งชาติ
เอกสารที่จำเป็น |
- บัตรประจำตัวชาวต่างชาติ (ไซริวการ์ด) และพาสปอร์ต - บัตรมายนัมเบอร์ หรือบัตรแจ้งหมายเลขมายนัมเบอร์ (通知カード) |
หลังจากสมัครเสร็จจะได้รับบัตรประกันสุขภาพ (NHI Card หรือ 国民健康保険被保険者証) โดยไปรับที่ที่ว่าการหรือทางไปรษณีย์
แต่หากย้ายบ้านขึ้นมา จะต้องไปทำเรื่องภายใน 14 วันหลังจากย้ายบ้านที่ที่ทำว่าการเขต/เมืองที่ย้ายไป ซึ่งตามปกติก็ต้องไปทำเรื่องย้ายที่อยู่อยู่แล้ว แนะนำให้ทำพร้อมกันไปเลย
วิธีการยกเลิกประกัน
หากต้องย้ายบ้านไปเมืองอื่น หรือจะสมัครประกันสังคมแทน หรือจะย้ายออกจากญี่ปุ่น จะต้องไปดำเนินเรื่องยกเลิกประกันที่ว่าการเขตที่อยู่ในตอนนั้น หรือจะทำเรื่องและส่งบัตรคืนทางไปรษณีย์ก็ได้
เอกสารที่จำเป็นในการยกเลิก |
- บัตรประจำตัวชาวต่างชาติ (ไซริวการ์ด) และพาสปอร์ต |
หากจะเปลี่ยนไปสมัครประกันสังคม อย่าลืมพกบัตรประกันสุขภาพที่ได้จากที่ทำงานไปตอนไปทำเรื่องยกเลิกด้วยนะคะ
โดยการยกเลิกจะต้องทำภายใน 14 วันหลังจากการออกนอกประเทศ การย้ายบ้าน หรือหลังทำเรื่องประกันสังคมของบริษัทสำเร็จ
สำหรับใครที่อยู่ญี่ปุ่นนานกว่า 1 ปี ตอนกลับประเทศตนเองจะต้องทำเรื่องย้ายไปต่างประเทศที่ที่ว่าการเขตด้วย หลังจากออกนอกประเทศญี่ปุ่นไปแล้วหากยังมีชื่อในทะเบียนบ้าน อาจถูกเรียกเก็บค่าประกันสุขภาพแห่งชาติได้ แล้วจะกลายเป็นว่าเรามีหนี้สินในญี่ปุ่นไปค่ะ
ค่าประกัน
Photo by Pixta
ค่าประกันจะเริ่มคิดตั้งแต่เดือนที่เข้าประเทศญี่ปุ่น ส่วนค่าประกันจะคำนวณในเดือนถัดไปหลังจากที่ดำเนินเรื่องทำประกันเรียบร้อยแล้ว
ค่าประกันและกำหนดวันชำระเงินจะระบุในใบเรียกเก็บเงินค่าประกันที่จะส่งไปทางไปรษณีย์ หากชำระเงินช้ากว่ากำหนดจะมีค่าปรับด้วย เพราะฉะนั้นระมัดระวังจ่ายให้ตรงเวลากันนะ
ค่าประกันจะแตกต่างกันไปตามเมืองที่อยู่ รวมถึงรายได้ของปีก่อนและจำนวนคนในครอบครัวด้วย ค่าประกันจึงอาจแตกต่างกันไปทุกปี
ค่าประกันในปีแรกที่มาญี่ปุ่น เนื่องจากไม่มีรายได้ในญี่ปุ่นจากปีก่อนมาคำนวณ จึงได้จ่ายแค่ค่าพื้นฐานก่อน ตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไปจะนำเอารายได้จากปีก่อนหน้ามาคำนวณด้วย และหากมีผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแลและเข้าร่วมประกันสุขภาพแห่งชาติเพิ่มขึ้น เช่น คู่สมรสหรือบุตร ค่าประกันจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนคนด้วย
ส่วนลดสำหรับนักเรียนต่างชาติ
สำหรับผู้ที่ไม่มีรายได้ในปีก่อนหน้า เช่น ยังเป็นนักเรียน จะได้รับส่วนลดค่าประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งแต่ละเมืองจะลดไม่เท่ากัน
วิธีการยื่นขอส่วนลดและเอกสารที่ต้องใช้นั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละเมืองเช่นเดียวกัน แนะนำให้ไปสอบถามที่ที่ว่าการเขตหรือเมืองที่อาศัยก่อนค่ะ
การชำระเงินค่าประกันต้องทำด้วยตนเอง โดยนำใบเรียกเก็บเงินที่ส่งมาทางไปรษณีย์ไปจ่ายยังธนาคารหรือที่ว่าการเขต สำหรับบางเมืองที่ใบเรียกเก็บเงินค่าประกันสุขภาพมีบาร์โค้ดอยู่ จะสามารถไปชำระที่ร้านสะดวกซื้อต่างๆ ได้ด้วย สำหรับธนาคารนั้นจะใช้วิธีการโอนเงินจ่ายก็ได้
ระบบประกันสุขภาพระยะยาว (สำหรับผู้มีอายุ 40-64 ปี)
Photo by Pixta
นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังมี ระบบประกันสุขภาพระยะยาว (Long-term care insurance system - 介護保険制度) เป็นประกันที่ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลด้านการพยาบาล
ผู้ที่อายุ 40 - 64 ปีจะต้องจ่ายค่าประกันสุขภาพระยะยาวเพิ่มไปจากค่าประกันสุขภาพแห่งชาติ สำหรับผู้อายุมากกว่า 65 ปี จะหักจ่ายอัตโนมัติจากบำนาญ (เน็นคิง - Nenkin)
ค่าประกันจะแตกต่างไปตามเมืองที่อยู่และรายได้
ประกันสังคม
Photo by Pixta
ประกันสังคม (Social Insurance - ชะไกโฮเค็ง - 社会保険) บริหารงานโดยองค์กรประกันสุขภาพแห่งชาติ (Japan Health Insurance Association) บริษัทจะเข้าร่วมในองค์กร และพนักงานบริษัทจะชำระค่าประกันผ่านบริษัทที่ทำงานอยู่
ผู้ที่เข้าร่วมประกันนี้ได้แก่ ข้าราชการ พนักงานบริษัท ครอบครัวของผู้เข้าร่วมประกัน รวมถึงพนักงานทำงานพิเศษ (พาร์ทไทม์หรือไบต์) ที่เข้าเกณฑ์
ประโยชน์หลักของการทำประกันสังคมนั้นเหมือนกับประกันสุขภาพแห่งชาติ
เมื่อเจ็บป่วยไปโรงพยาบาลและแสดงบัตรประกันสุขภาพ ค่ารักษาพยาบาลที่ต้องจ่ายจะเหลือเพียง 30% ส่วนเงินช่วยเหลือสำหรับการคลอดบุตรจะได้รับ 420,000 เยนเท่ากับที่ได้จากประกันสุขภาพแห่งชาติ
แต่วิธีการสมัครประกันและวิธียกเลิกนั้นจะแตกต่างไปจากประกันสุขภาพแห่งชาติ
วิธีการสมัครและยกเลิกประกันสังคม
การสมัครประกันสังคม บริษัทที่ทำงานจะเป็นผู้ดำเนินการสมัครให้ เราไม่ต้องเดินทางไปทำเอกสารใดๆ เอง บัตรประกันสุขภาพก็จะได้รับจากบริษัทเช่นกัน เมื่อลาออกและต้องยกเลิกประกันสังคม ให้คืนบัตรประกันสุขภาพแก่บริษัท
ค่าประกัน
ค่าประกันจะเรียกเก็บจากพนักงานและบริษัทฝ่ายละ 50% ค่าประกันจะคำนวณจากรายได้ในเดือนเมษายน - มิถุนายน วิธีการชำระเงินจะหักจากค่าแรงโดยอัตโนมัติ เราจึงไม่ต้องไปจ่ายเองด้วย
ในช่วงอายุ 40 - 64 ปี จะถูกเรียกเก็บค่าประกันสุขภาพระยะยาวเพิ่มเติมไปแบบเดียวกับประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยบริษัทจะรับภาระค่าประกันสุขภาพระยะยาว 50% เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ หากมีจำนวนผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแล เช่น บุตรหรือคู่สมรส เพิ่มขึ้น ในกรณีของประกันสุขภาพแห่งชาติ จะมีค่าประกันเพิ่มขึ้น แต่หากเป็นประกันสังคม เงินค่าประกันจะไม่เปลี่ยนแปลง เรียกว่าประกันสังคมมีค่าใช้จ่ายถูกกว่านั่นเอง
ประกันบำนาญ
ระบบประกันสังคมนั้นนอกจากจะครอบคลุมประกันสุขภาพแล้ว ยังรวมไปถึงประกันบำนาญ (Employee’s Pension Insurance - 厚生年金保険)
บำนาญ (เน็นคิง) คือระบบประกันสำหรับการใช้ชีวิต การเจ็บป่วย หรือการเสียชีวิตในวัยชรา ผู้ที่อาศัยในญี่ปุ่นอายุ 20 - 59 ปีจะต้องเข้าระบบบำนาญแห่งชาติ (National Pension - 国民年金)
ทำประกันเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ไร้กังวล!
Photo by Pixta
หากบาดเจ็บหรือล้มป่วยขึ้นมาจะทำอย่างไร? หรือถ้าค่ารักษาพยาบาลแพงกว่าที่คิดขึ้นมาล่ะ?
ญี่ปุ่นมีระบบประกันการรักษาพยาบาลที่จะช่วยผ่อนคลายความกังวลเหล่านั้น ญี่ปุ่นมีสุภาษิตว่า "หากเตรียมตัวพร้อมก็ไม่มีอะไรให้กังวล"
มาเตรียมความพร้อมในชีวิตด้วยการทำประกันเอาไว้ เพื่อให้ใช้ชีวิตในญี่ปุ่นอย่างหมดห่วงกันดีกว่าค่ะ!
Main image by Pixta
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง