Unseen Japan สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งฤดูหนาวของเมืองมัตสึโมโตะ 2 วัน 1 คืน

โบราณสถานทางพุทธศาสนาที่งดงามตระการตา ท่องแหล่งมรดกโลกในฮิราอิซุมิ จังหวัดอิวาเตะ

บริการนี้รวมโฆษณาที่ได้รับการสนับสนุน
article thumbnail image

ฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) ในจังหวัดอิวาเตะ (Iwate) มี 5 สถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เราขอแนะนำสถานที่น่าสนใจเดินทางง่ายจากสถานีด้วยการเดินหรือรถบัส เช่น สวนสุขาวดีของวัดโมซือจิ ร่องรอยวัดคันจิไซโออิน ร่องรอยวัดมูเรียวโคอิน และวิหารทองของวัดชูซนจิ

บทความโดย

Previous experience as an editor at a women's media company in Japan. I lived in Australia for a while and joined MATCHA after returning to Japan. In charge of editing, promoting sponsored content, and creative direction. I love watching Western TV series.
more

มรดกโลกของฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) ที่ตระเวนเที่ยวได้ใน 1 วัน

平泉

แม้จะมาเยือนเป็นครั้งแรก กลับทำให้ผู้เขียนรู้สึกคิดถึงขึ้นมา ทั้งๆ ที่ฮิราอิซุมิจังหวัดอิวาเตะ (Iwate) ในภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) อยู่ห่างไกลจากคิวชู (Kyushu) บ้านเกิดของผู้เขียนมาก

จากโตเกียวนั่งรถไฟชินคันเซ็นไปยังอิจิโนะเซกิ (Ichinoseki) แล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟสายโทโฮคุ (Tohoku Main Line) นั่งต่อไปอีก 10 นาที เมื่อออกจากประตูตรวจตั๋วที่สถานีฮิราอิซุมิจะได้พบทัศนียภาพที่สดชื่นปลอดโปร่ง อีกฟากของวงเวียนเล็กๆ หน้าสถานีคือทิวเขาของเมืองโอชู (Oshu) แนวสันเขาที่ไม่ชันนักกับทิวทัศน์เชิงเขาชวนให้ผู้เขียนนึกถึงทางกลับบ้านที่บ้านเกิด จนทำให้รู้สึกปลอดโปร่งใจขึ้นมา

แต่ที่นี่ต่างกับบ้านเกิดชนบทของผู้เขียนตรงที่ฮิราอิซุมิเป็นแหล่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งมี 5 ทรัพย์สมบัติได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก วัดต่างๆ สร้างขึ้นโดยตระกูลโอชูฟูจิวาระ (Oshufujiwara) ซึ่งรุ่งเรืองมีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 12 (สมัยเฮอัน)
เมื่อเดินจากสถานีรถไฟที่มีบรรยากาศสบายๆ ไปเล็กน้อย จะพบแหล่งมรดกโลกเหล่านี้

บทความนี้ขอแนะนำการตระเวนเที่ยวแหล่งมรดกโลกของฮิราอิซุมิ
จุดหมายแรกที่ไปคือวัดโมซือจิ (Motsuji Temple) มรดกโลกที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟมากที่สุด

วัดโมซือจิ (Motsuji) ความเงียบสงบของสวนสุขาวดี

平泉

จากสถานีรถไฟไปยังวัดโมซือจิใช้เวลาราว 10 นาที เดินไปตามถนนที่มีทุ่งนาและบ้านเรือนเรียงราย หากเหลียวมองไปตามคันดินจะได้เห็นดอกไม้ข้างทางกำลังผลิดอกเบ่งบานอย่างสวยงาม

平泉

วัดโมซือจิมีชื่อเสียงเรื่องอาคารวัดวาอารามมากมายที่สร้างขึ้นในสมัยของโมโตฮิระ (Motohira) ผู้นำตระกูลรุ่น 2 และฮิเดฮิระ (Hidehira) ผู้นำตระกูลรุ่น 3
ภายในบริเวณวัดมีจุดเด่นคือวิหารหลักที่งามสง่าและสวนสุขาวดี (สวนโจโดะ - Jodo) ขนาดใหญ่

絢爛豪華な仏教史跡。岩手・平泉の世界遺産のめぐり方

สวนสุขาวดี คือ สวนที่สื่อถึงแดนสุขาวดี ("โจโดะ" ในภาษาญี่ปุ่น) ดินแดนสะอาดบริสุทธิ์ที่กล่าวถึงในพุทธศาสนา ในพระสูตร (* 1) ได้พรรณนาถึงสภาพของแดนสุขาวดีไว้ว่า "ทางทิศตะวันตกมีแดนสุขาวดีอันมีพระอมิตาภพุทธะประทับอยู่ อาคารและต้นไม้ต่างๆ ล้วนทำจากทอง เงิน และไพฑูรย์ ในสระน้ำมีดอกบัวขนาดมหึมาเบ่งบานส่งกลิ่นหอม"

จึงเชื่อได้ว่าสวนสุขาวดีแห่งนี้สร้างขึ้นตามที่กล่าวในพระสูตร มีสระน้ำหน้าวิหารที่ประดิษฐานพระอมิตาภพุทธะ และปลูกดอกบัว (* 2) สัญลักษณ์ของพุทธศาสนาซึ่งผลิดอกสวยงามโดยไม่แปดเปื้อนโคลนตม

สระน้ำของวัดโมซือจิสร้างเลียนแบบทะเล เมื่อมองผิวน้ำที่เกิดระลอกคลื่นสั่นไหวด้วยสายลมที่พัดผ่าน จิตใจก็บังเกิดความสงบ บางทีผู้คนในยุคเฮอันเองคงมาสัมผัสความเงียบสงบเช่นนี้พลางนึกถึงดินแดนสุขาวดีก็เป็นได้

* 1. พระสูตร : ในที่นี่หมายถึงอมิตาภสูตร ฉบับแปลเป็นภาษาปัจจุบันคือจุลสุขาวดียูหสูตร (Shorter Sukhavatlvyuha Sutra) ของวัดเมียวจุนจิ (Myojyunji Temple) เป็นการแปลสรุปแบบอ้างอิง
* 2. ดอกบัว : ไม่มีบันทึกว่ามีการปลูกดอกบัวในสวนสุขาวดีที่วัดโมซือจิ ปัจจุบันในสระน้ำปลูกต้นไอริสไว้ ซึ่งจะชูช่อบานสะพรั่งให้ชมตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม

ร่องรอยวัดคันจิไซโออิน (Kanjizaio-in Ato) และร่องรอยวัดมูเรียวโคอิน (Muryoko-in Ato) วัดที่งดงามตระการตาในอดีต

岩手・平泉の世界遺産。煌びやかな仏教建築を巡る旅

ถัดจากวัดโมซือจิจะเห็นบริเวณที่ดูเหมือนทุ่งหญ้า หากใครไม่รู้คงเดินผ่านไปเฉยๆ แต่ที่นี่คือร่องรอยวัดคันจิไซโออินและร่องรอยวัดมูเรียวโคอิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกที่งามสง่า

ทั้งหมดเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของช่วงศตวรรษที่ 12 กล่าวกันว่าวัดคันจิไซโออินสร้างโดยภรรยาของโมโตฮิระ หัวหน้าตระกูลโอชูฟูจิวาระรุ่นที่ 2 ส่วนวัดมูเรียวโคอินเป็นวัดที่ฮิเดฮิระ หัวหน้าตระกูลโอชูฟูจิวาระรุ่นที่ 3 สร้างขึ้นโดยใช้โฮโอโดหรือวิหารนกฟินิกส์ของวัดเบียวโดอิน (Byodo-in Temple) ในเกียวโตเป็นต้นแบบ วัดทั้งสองแห่งต่างมีสวนสุขาวดีของตนด้วย

平泉

ภาพจำลอง

วัดมูเรียวโคอินสร้างใหญ่กว่าวิหารนกฟินิกส์ของวัดเบียวโดอินเล็กน้อย ว่ากันว่าเป็นวัดงดงามมากจนน่าตะลึง

วิหารสร้างขึ้นโดยออกแบบให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกและมีเขาคินเค (Mt. Kinkei) ในละแวกใกล้ๆ เป็นฉากหลัง เพื่อให้พระอาทิตย์ตกตรงด้านหลังภูเขาพอดี เมื่อผู้มาเยี่ยมชมหันไปทางทิศตะวันตกจะนมัสการวิหาร ภูเขา และพระอาทิตย์ตกได้ในคราวเดียว

นี่เป็นการนำแนวคิดที่ว่า "ดินแดนสุขาวดีอยู่ทางตะวันตก" มาแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรม เขาคินเคก็เป็นหนึ่งในมรดกโลกด้วย น่าเสียดายที่วัดทั้งสองแห่งถูกเพลิงไหม้เสียหายจนหมด ปัจจุบันนี้เราจึงได้ชมเพียงหินที่เป็นฐานรองวิหาร

แล้วทำไมถึงมีวัดมากมายในฮิราอิซุมิ?
กุญแจไขข้อสงสัยนี้อยู่ที่วัดชูซนจิ จุดหมายต่อไปของเรา


วัดชูซนจิ (Chuson-ji Temple) ความปรารถนาถึงโลกอันสงบสุข

岩手・平泉の世界遺産。煌びやかな仏教建築を巡る旅

เดิน 20 นาทีจากร่องรอยวัดคันจิไซโออิน จะพบวัดชูซนจิที่ตั้งอยู่บนภูเขาอันเขียวขจี ซึ่งมีประวัติว่าก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 8 โดยเอนอิน (Enin) สงฆ์ที่มีสมณศักดิ์สูง จากนั้นในศตวรรษที่ 12 คิโยฮิระ (Kiyohira) ผู้นำตระกูลโอชูฟูจิวาระรุ่นแรกได้สร้างวิหารและเจดีย์ขึ้น

หลังจากคิโยฮิระสูญเสียบิดา ภรรยา และบุตรในสงครามที่ยืดเยื้อยาวนานกว่าจะได้เป็นผู้ปกครองโทโฮคุ เขาจึงปรารถนาที่จะ "สร้างโลกอันสงบสุขตามแนวคิดของพุทธศาสนา" และใช้วัดชูซนจิเป็นแกนกลางในการทำความปรารถนาดังกล่าวให้เป็นจริง

ตอนที่สร้างวัดชูซนจิ คิโยฮิระเขียนความปรารถนาของเขาทิ้งเอาไว้ว่า

岩手・平泉の世界遺産。煌びやかな仏教建築を巡る旅

“ตั้งแต่อดีตจนถึงขณะนี้ต้องมีผู้คนล้มตายในการสู้รบมากมายเพียงไร ไม่สิ ไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้น ทั้งสัตว์ นก ปลา หอย ...(ย่อ)... แม้ขณะนี้ ชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนยังถูกสังเวย ...(ย่อ)... ข้าขอให้ทุกครั้งที่เสียงระฆังดังก้องสะท้อนพิภพ ช่วยนำพาดวงวิญญาณที่เสียชีวิตโดยยังมีห่วงไปสู่ดินแดนสุขาวดีอันบริสุทธิ์ด้วยเถิด”
... จากข้อความอธิษฐานอุทิศแด่ผู้เสียชีวิต ที่ระลึกการสร้างวัดชูซนจิ (* 3)

ช่างเป็นความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวจริงๆ! โมโตฮิระ ลูกชาย และฮิเดฮิระผู้เป็นหลานชายได้สืบทอดความตั้งใจของเขาโดยสร้างวัดต่างๆ อย่างวัดโมซือจิและวัดมูเรียวโคอิน รวมทั้งอธิษฐานให้โลกที่สงบสุขปรากฏเป็นจริง

* 3. ข้อความอธิษฐานอุทิศแด่ผู้เสียชีวิต ที่ระลึกการสร้างวัดชูซนจิ อ้างอิงจาก “ข้อความอธิษฐานอุทิศแด่ผู้เสียชีวิต ที่ระลึกการสร้างวัดชูซนจิ” โดยสำนักข้อมูลมรดกโลกฮิราอิซุมิ จังหวัดอิวาเตะ

岩手・平泉の世界遺産。煌びやかな仏教建築を巡る旅

วิหารคนจิคิ (Konjikido) หรือวิหารทอง (Golden Hall) เป็นโบราณสถานที่มีชื่อเสียงที่สุดของวัด สร้างขึ้นตามคำสั่งของคิโยฮิระ ปัจจุบันวิหารทองมีวิหารอีกหลังครอบอยู่เพื่อป้องกันฝนและลมดังภาพด้านบน

นอกจากวิหารทองจะติดทองคำเปลวทั้งหลังแล้ว ภายในยังตกแต่งด้วยเครื่องประดับแวววาวอย่างงานประดับมุก งาช้าง และอัญมณี ทำให้เห็นถึงความปรารถนาอันแรงกล้าของคิโยฮิระที่จะทำดินแดนสะอาดบริสุทธิ์ในแดนสุขาวดีให้ปรากฏขึ้นอีกครั้งโดยใช้เทคนิคในสมัยนั้น

เนื่องจากมีกฎห้ามถ่ายภาพวิหารทอง ดังนั้นขอให้ไปดูของจริง ณ สถานที่จริงนะคะ

絢爛豪華な仏教史跡。岩手・平泉の世界遺産のめぐり方

ในวิหารมีโลงศพทองคำที่บรรจุศพของคิโยฮิระ โมโตฮิระ ฮิเดฮิระ และยาซุฮิระ (Yasuhira) ผู้นำของตระกูลโอชูฟูจิวาระทั้ง 4 รุ่นตั้งอยู่ และยังพบเมล็ดบัวอยู่ในโลงศพของยาซุฮิระอีกด้วย

นักวิจัยประสบความสำเร็จในการทำให้เมล็ดบัวดังกล่าวออกดอกในปี 1998 และตั้งชื่อว่าดอกบัวชูซนจิ (Chusonji Lotus) แล้วนำมาขยายพันธุ์ปลูกในสระน้ำของวัดชูซนจิ โดยทุกปีในฤดูร้อน ดอกบัวสีชมพูอ่อนนี้จะผลิดอกเบ่งบานงดงาม

ช่างน่ามหัศจรรย์ราวกับดอกบัวที่ฟื้นคืนชีวิตหลังเวลาผ่านไป 800 ปีได้ส่งสารบางอย่างถึงพวกเราที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน

ฮิราอิซุมิ ท่องเที่ยวชำระล้างจิตใจ

หากเริ่มเดินทางตอนเช้าจะสามารถตระเวนชมมรดกโลกของฮิราอิซุมิได้ในหนึ่งวัน ในบทความนี้เราแนะนำการเดินทางด้วยการเดินเท้าแล้ว แต่คุณสามารถนั่งรถบัสเวียน "รุนรุน (RunRun)" เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวแต่ละจุดได้ เหมาะกับท่านที่ต้องการใช้เวลาท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่า

เมื่อตระเวนท่องเที่ยวเสร็จ คุณจะรู้สึกเหมือนหัวใจได้รับการชำระล้างด้วยโบราณสถานทางพุทธศาสนาที่งดงามตระการตาและความปรารถนาถึงความสงบสุขของผู้คนในอดีต


All photos by Pixta

บทความโดย

Mayu

Previous experience as an editor at a women's media company in Japan. I lived in Australia for a while and joined MATCHA after returning to Japan. In charge of editing, promoting sponsored content, and creative direction. I love watching Western TV series.
more
เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง

อันดับ

ไม่พบบทความ