Start planning your trip

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีของภูมิภาคโทโฮคุ อีสานของญี่ปุ่น ที่นี่จะเริ่มเปลี่ยนสีเร็วกว่าแถบโตเกียวและโอซาก้า แต่ละจุดสวยๆ ทั้งนั้น
โทโฮคุ (Tohoku) ความหมายของคำนี้คือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นชื่อเรียกโดยรวมของ 6 จังหวัดทางตอนเหนือของญี่ปุ่น มีชื่อเสียงเรื่องธรรมชาติแสนสวยถึงขนาดได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกก็มี เช่น กลุ่มเทือกเขาชิราคามิซันจิ (Shirakami-Sanchi) ในจังหวัดอาโอโมริ และ เมืองฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) ในจังหวัดอิวาเตะ
ช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสีในภูมิภาคโทโฮคุอาจจะแตกต่างกันไปบ้างตามพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงกลางตุลาคม - ปลายพฤศจิกายน เร็วกว่าโตเกียวราวครึ่งเดือน
ครั้งนี้เราขอแนะนำที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ตามจุดท่องเที่ยวเด่นๆ แบ่งตามความสนใจ เช่น อยากช้อปปิ้งด้วยก็ให้เลือกไปถนนโจเซ็นจิโดริ หรือถ้ามาแนวธรรมชาติก็ให้ไปทะเลสาบโทวาดะ ไม่ก็ลำธารโออิราเซะเคริว
คลิกที่ชื่อสถานที่เพื่อเลื่อนไปอ่านรายละเอียดได้เลย
สถานที่ | ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี |
1.โจเซ็นจิโดริ (เมืองเซ็นได มิยากิ) | กลางพฤศจิกายน |
2.วัดเอ็นซืออิง (เมืองมัตสึชิมะ มิยากิ) | ปลายตุลาคม - ปลายพฤศจิกายน |
3.หุบเขานารุโคะเคียว (มิยากิ) | กลางตุลาคม - ต้นพฤศจิกายน |
4.ฮิราอิซุมิ (อิวาเตะ) | ต้นพฤศจิกายน - กลางพฤศจิกายน |
5.โออิราเซะเคริว (อาโอโมริ) | ปลายตุลาคม - ต้นพฤศจิกายน |
6.ทะเลสาบโทวาดะ (อาโอโมริ) | ปลายตุลาคม - ต้นพฤศจิกายน |
7.คาคุโนะดาเตะ (อาคิตะ) | ปลายตุลาคม - ต้นพฤศจิกายน |
8.หุบเขาดาคิกาเอริ (อาคิตะ) | ปลายตุลาคม - ต้นพฤศจิกายน |
9.วัดยามะเดระ (ยามากาตะ) | ปลายตุลาคม - ต้นพฤศจิกายน |
10.บึง 5 สี โกะชิกินูมะ (ฟุกุชิมะ) | ปลายตุลาคม - ต้นพฤศจิกายน |
Picture courtesy of Sendai Tourism, Convention and International Association
ถนนโจเซ็นจิโดริ (Josenji-dori) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเซ็นได (Sendai) ประตูสุ่ภูมิภาคโทโฮคุ กลางถนนทำเป็นทางเดินที่มีต้นเคยากิเรียงขนาบสองฝั่งยาวร่วม 700 เมตร ระหว่างเดินชมใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้มก็แวะนั่งพักตามม้านั่งข้างทางได้
สองฝั่งถนนมีแกลอรี่ศิลปะและคาเฟ่เก๋ๆ ถ้าเดินเลี้ยวเข้าถนนโคคุบุนโจโดริ (Kokubuncho-dori) ก็จะเป็นย่านร้านกินดื่ม ในละแวกนี้ก็มีที่พักแบบเกสต์เฮาส์ให้เลือกพักเยอะ เหมาะจะใช้เป็นจุดตั้งต้นสำหรับเดินทางไปเที่ยวที่อื่นรอบๆ ด้วย
Photo by Pixta
มัตสึชิมะ (Matsushima) เมืองร้อยเกาะที่มีวิวแสนสวย นั่งรถไฟจากสถานีเซ็นไดมาแค่ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดังของมัตสึชิมะคือที่วัดเอ็นซืออิง (Entsuin Temple) ภายในมีสวนญี่ปุ่นถึง 4 สวนที่ประดับประดาไปด้วยใบไม้สีแดงและสีเหลืองสวยงาม
อยากแนะนำให้มาในช่วงกลางคืนด้วยเพราะจะมีไลท์อัพ เปิดไฟประดับในสวนรวมถึงสถานที่เที่ยวอื่นๆ ด้วย ในช่วงนั้นจะมีการแสดงดนตรีทั้งเครื่องดนตรีญี่ปุ่นอย่างกลองไทโกะ และเครื่องดนตรีสากลอย่างกีตาร์และไวโอลินด้วย
ช่วงเวลาจัดกิจกรรมไลท์อัพยาวประมาณ 1 เดือนตั้งแต่ปลายตุลาคม - พฤศจิกายน
สะพานโอฟุคาซาวะ (Ofukazawa Bridge) Photo by Pixta
นั่งรถไฟหรือรถบัสจากสถานีเซ็นไดไปประมาณ 2 ชั่วโมงจะได้พบกับ หุบเขานารุโคะเคียว (Naruko Gorge) ที่มีใบไม้เปลี่ยนสีปกคลุมไปทั่วร่องเขาที่ลึกร่วม 100 เมตร สามารถแวะไปทานอาหาร หาซื้อของฝาก และดูวิวของหุบเขาได้จากจุดชมวิวของนารุโคะเคียวเรสต์เฮาส์ (Narukokyo Rest House) หรือจะเดินไปตามเส้นทางเดินชมธรรมชาติโอฟุคาซาวะ (Ofukazawa Promenade) ระยะทางประมาณ 2.2 กิโลเมตรก็ได้
หลังจากตระเวนชมใบไม้เปลี่ยนสีกันเสร็จก็อย่าลืมแวะมาแช่น้ำร้อนให้สบายตัวกันที่เมืองออนเซ็นนารุโกะ ซึ่งมีน้ำแร่ออนเซ็นถึง 9 ประเภทจากทั้งหมด 11 ประเภทที่เจอในญี่ปุ่น
หอไตร วัดชูซนจิ Photo by Pixta
เมืองฮิราอิซุมิ (Hiraizumi) มีพุทธศาสนสถานที่อ้างอิงตามความเชื่อของนิกายสุขาวดีอยู่หลายแห่ง และ 5 แห่งในนั้นก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมด้วย เช่น วัดชูซนจิ และ วัดโมซือจิ
วัดชูซนจิ (Chuson-ji Temple) มีวิหารเก่าแก่อยู่หลายหลัง เช่น วิหารทองคนจิคิโด (Konjikido Golden Hall) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1124 และ เคียวโซ หอไตรสร้างจากไม้ที่ดูเรียบง่ายท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี
ส่วนผู้ที่ชื่นชอบสวนญี่ปุ่นขอแนะนำให้ไปยัง วัดโมซือจิ (Motsu-ji Temple) ที่นี่มีสวนโจโดะ สวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมของยุคเฮอันที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ รอบสระน้ำโออิซุมิที่กว้างถึง 180 เมตรได้
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงยังมีพิธีและกิจกรรมพิเศษมากมาย เช่น การเปิดวิหารหลักให้เข้าชมในช่วงเดือนตุลาคม เทศกาลอากิโนะฟูจิวาระ ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน มีการแสดงรำและดนตรีดั้งเดิมให้ชม
Picture courtesy of Aomori Tourism and Convention Association
ธารน้ำโออิราเซะเคริว (Oirase Keiryu) เป็นธารน้ำธรรมชาติที่ไหลจากทะเลสาบโทวาดะ (Lake Towada) ในจังหวัดอาโอโมริ ตลอดสองฝั่งลำธารยาว 14 กิโลเมตรคือธรรมชาติแสนสมบูรณ์ที่จะถูกย้อมด้วยสีเหลืองแดงของใบไม้เปลี่ยนสี มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติยาวตลอดลำธารให้เดินสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางเสียงน้ำไหล
ระหว่างทางมีจุดถ่ายรูปสวยๆ หลายจุด เช่น อาชูร่า โนะ นากาเระ จุดที่กระแสน้ำไหลผ่านโขดหินอย่างเชี่ยวกรากดูมีพลัง และ คุโมะอิ โนะ ทาคิ น้ำตกสูงแสนสวย
Photo by Pixta
ทะเลสาบโทวาดะ (Lake Towada) ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ระหว่างจังหวัดอาโอโมริและอาคิตะ คาดว่าเกิดจากการถล่มของชั้นหินจากโพรงแม็กม่าใต้ดินราว 20,000 ปีก่อน
การเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ทะเลสาบโทวาดะมีหลายวิธีมาก จะมาเดินรอบๆ ทะเลสาบ ไปจุดชมวิว ขึ้นเรือล่องทะเลสาบชมเทือกเขารอบๆ หรือใช้บริการทัวร์เรือแคนู พายเรือแคนูชมวิวจากบนผืนน้ำก็ได้
Photo by Pixta
คาคุโนะดาเตะ (Kakunodate) เมืองรอบปราสาทที่รุ่งเรืองมากในช่วงปี ค.ศ. 1620 ตั้งอยู่ในเขตเมืองเซ็มโบคุ จังหวัดอาคิตะ ในยุคนั้นเมืองจะถูกแยกเป็นฝั่งเหนือสำหรับนักรบซามูไรอาศัยและฝั่งใต้สำหรับเหล่าพ่อค้า
ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ใบไม้สีแดงเหลืองตัดกับกำแพงสีดำของบ้านพักซามูไรเก่าดูสวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเดินชมถ่ายรูปสวยๆ กันมาก
Picture courtesy of Tazawako Kakunodate Tourism Association
เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศแบบญี่ปุ่นโบราณมากขึ้น ขอแนะนำให้มาเช่าชุดกิโมโนได้ที่บ้านพักซามูไรเก่าอาโอยากิเกะ (Aoyagi Samurai Manor Museum) หรือเรียวกังในละแวกใกล้เคียง แล้วก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปที่ระลึกกันให้เต็มที่ไปเลย
Picture courtesy of Picture courtesy of Tazawako Kakunodate Tourism Association
หุบเขาดาคิกาเอริเคโคคุ (Dakigaeri Gorge) เป็นพื้นที่ป่าดึกดำบรรพ์ที่มีธารน้ำใสไหลยาวร่วม 10 กิโลเมตร คำว่า "ดาคิกาเอริ" ของชื่อหุบเขาแปลว่า โอบแล้วกลับตัว ว่ากันว่าเพราะสมัยก่อนเส้นทางเดินเขาที่นี่แคบชันมากจนเวลาที่เดินสวนทาง จะต้องโอบกอดกันแล้วค่อยๆ กลับตัวถึงจะผ่านไปได้นั่นเอง
แต่ปัจจุบันนี้มีเส้นทางเดินเขาให้เดินชมธรรมชาติสวยๆ ได้อย่างสบาย ตั้งอยู่ในเมืองเซ็มโบคุเหมือนกับคาคุโนะดาเตะ มาทั้งทีก็แวะมาเที่ยวพร้อมกันทั้งสองที่ได้
วัดยามะเดระ (Yamadera) เป็นชื่อเรียกที่คนคุ้นเคยกันของวัดโฮชุซัง ริตชาคุจิ ประกอบด้วยกลุ่มวิหารหลายหลังบนเขา มีวิหารที่สร้างบนหน้าผาด้วย การจะเข้าไปยังโอคุโนะอิน วิหารชั้นในสุดของวัดจะต้องเดินขึ้นบันไดถึง 1,015 ขั้น ไม่ต่างจากมาปีนเขาเลยทีเดียว
Picture courtesy of Yamadera Tourism Association
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ขอแนะนำ วิหารโกะไดโด (Godaido) ที่ตั้งอยู่เหนือผาหินจนดูเหมือนวิหารพุ่งทะลุออกมาจากหน้าผายังไงยังงั้น จากนชานวิหารจะเห็นวิวใบไม้เปลี่ยนสีของเทือกเขารอบด้านได้อย่างเต็มตา ถ้าจะมาที่นี่อย่าลืมใส่รองเท้าที่สวมสบายเดินสะดวกกันนะ
แถมอีกที่คือใกล้ๆ ทางขึ้นเขาเข้าวัดจะมีศาลเจ้าฮิเอะ (Hie Shrine) อยากให้แวะมาชมใบไม้สีเหลืองอร่ามของต้นแปะก๊วยอายุกว่า 1,000 ปีของที่นี่ด้วย
Photo by Pixta
บึง 5 สี โกะชิกินุมะ (Goshikinuma Ponds) เป็นชื่อเรียกรวมของกลุ่มบึงน้ำในจังหวัดฟุกุชิมะที่เกิดขึ้นหลังการปะทุของภูเขาไฟบันไดซังในปีค.ศ. 1888 ผืนน้ำจะดูเป็นสีเขียวอมฟ้าหลากหลายเฉดขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวันและฤดูกาลต่างๆ ยิ่งมีสีแดงเหลืองของใบไม้เปลี่ยนสีเข้ามาอีกยิ่งเพิ่มความงามอีกเท่าตัว
บึงบิชามง บึงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีเรือพายให้เช่าชมความงามของวิวสวยๆ จากบนผืนน้ำ หรือจะไปเดินเล่นบนเส้นทางชมธรรมชาติ ใช้ระยะเวลาเดินประมาณ 1 - 1 ชั่วโมงครึ่งก็ครบรอบ
พูดถึงที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ของญี่ปุ่นหลายคนคงนึกถึงเกียวโตหรือนิกโก้ที่มีจุดชมกลางเมือง แต่ที่ภูมภาคโทโฮคุทุกคนจะได้มาชมใบไม้เปลี่ยนสีท่ามกลางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ทริปญี่ปุ่นครั้งหน้าลองมาเยือนภูมิภาคโทโฮคุกันนะ
Main image by Pixta
ผู้เขียนบทความต้นฉบับ : Eri Okubo
บทความโดย
นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก