สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำในอิบารากิ สัมผัสกับประเพณีญี่ปุ่นและวัฒนธรรมใหม่

11 แหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีในเกียวโต 2020 (Kyoto)

บริการนี้รวมโฆษณาที่ได้รับการสนับสนุน
article thumbnail image

เมืองหลวงเก่าอย่างเกียวโตถือเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอันดับหนึ่งในแถบคันไซเลยนะครับ เราเลยขอแนะนำ 11 สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีเด่นๆ มาให้เป็นตัวเลือก เตรียมใส่ไว้ในแผนเที่ยวกันได้เลย

วันที่ปรับปรุงล่าสุด :

ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เมืองหลวงเก่า เกียวโต

ในเมืองหลวงเก่าเกียวโตมีวัดวาอารามเก่าแก่หลายแห่ง เป็นทั้งที่่ท่องเที่ยวที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวรวมถึงจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดังด้วย เพราะโอกาสที่จะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีคู่กับสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ เลย

ช่วงเวลาที่เหมาะจะมาดูใบไม้เปลี่ยนสีที่เกียวโตคือประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม ในครั้งนี้ขอคัดเลือกสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีในเกียวโตมาให้ดูกัน 11 แห่ง

สารบัญ

คลิกที่ชื่อสถานที่เพื่อเลื่อนไปอ่านรายละเอียดได้เลย

สถานที่ ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี
1. วัดคิตาโนะเท็นมังกู (Kitano Tenmangu) ปลายพฤศจิกายน - ต้นธันวาคม
2. วัดโคไดจิ (Kodai-ji Temple) กลางพฤศจิกายน - ต้นธันวาคม
3. ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine) กลาง - ปลายพฤศจิกายน
4. เอคันโด (Eikando) กลาง - ปลายพฤศจิกายน
5. วัดโทฟุกุจิ (Tofuku-ji Temple) ปลายพฤศจิกายน - ต้นธันวาคม
6. วัดชิองอิน (Chionin) กลางพฤศจิกายน - ต้นธันวาคม
7. สวนเกียวโต เกียวเอ็น (Kyoto Gyoen) ปลายพฤศจิกายน - กลางธันวาคม
8. สวนฮาคุริวเอ็น (Hakuryuen) กลาง - ปลายพฤศจิกายน
9. วัดรุริโคอิน (Rurikoin) ต้น - ปลายพฤศจิกายน
10. เขาอาราชิยามะ (Arashiyama) ปลายพฤศจิกายน - ต้นธันวาคม
11. ถนนสายปรัชญา (The Philosopher's Walk) กลาง - ปลายพฤศจิกายน

แผนที่แสดงตำแหน่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี

11 แหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีในเกียวโต 2018 (Kyoto)

1. ศาลเจ้าคิตาโนะเท็นมังกู (Kitano Tenman-gu Shrine)

Picture courtesy of Kitano Tenman-gu Shrine

ศาลเจ้าคิตาโนะเท็มมังกู (Kitano Tenman-gu Shrine) ที่เกียวโตนี้เป็นศาลเจ้าหลักของศาลเจ้าในสาขาเท็มมังกูกว่า 1 หมื่นแห่งทั่วประเทศ เป็นสถานที่สักการะ ซุกาวาระ โนะ มิจิซาเนะ กวีและนักการศึกษาในสมัยเฮอันที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งวิชาการ จึงมีนักเรียนและผู้ที่จะเข้าสอบมาไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก

สถานที่เด่นๆ ในศาลเจ้าได้แก่ โมมิจิเอ็น (Momiji-en) มีต้นเมเปิลญี่ปุ่นกว่า 300 ต้นเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำ วิวของสะพานอุกุอิซุบาชิ (Uguisubashi Bridge) สีแดงชาดล้อไปกับสีแดงของใบไม้ จากนั้นก็แวะไปนั่งพักพลางทานขนมญี่ปุ่นและน้ำชาญี่ปุ่นที่ร้านน้ำชาไบโคเค็น (Baikoken) ที่อยู่ไม่ไกล

ภายในบริเวณจะมีทางให้เดินเล่น พอใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีจะมีการประดับไฟไลท์อัพในตอนกลางคืนด้วย ตรงสวนโมมิจิเอ็นจะเปิดให้เข้าในช่วงปลายเดือนตุลาคม - ต้นเดือนธันวาคม ส่วนไลท์อัพจะจัดในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนธันวาคม

ศาลเจ้าคิตาโนะเท็นมังกู (Kitano Tenman-gu Shrine)
การเดินทาง : จากสถานีคิตาโนะ ฮาคุไบโจ (Kitano-Hakubaicho) รถไฟสายเคฟุกุ (Keifuku Line) เดินประมาณ 5 นาที หรือจากสถานีเกียวโต (Kyoto) ของ JR นั่งรถบัสสาย 50 หรือ 101 ไปลงที่ป้ายคิตาโนะเท็มมังกูทาเอะ (Kitano Tenman-gu mae) (35 นาที 230 เยน)
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก 500 เยน
เวลา : สำนักงาน 9:00 - 17:00 / ไลท์อัพตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดิน - 20:00
เว็บไซต์ : http://kitanotenmangu.or.jp/top_en.php


↑ กลับไปที่สารบัญ

2. วัดโคไดจิ (Kodai-ji Temple)

Picture courtesy of Kodai-ji Temple

วัดโคไดจิ (Kodai-ji Temple) มีชื่อเสียงมากเรื่องการประดับไฟไลท์อัพในแต่ละฤดู กำหนดการช่วงฤดูใบไม้ร่วงคือกลางเดือนตุลาคม - ต้นเดือนธันวาคม

ในช่วงนั้นภาพของเหล่าใบไม้แดงที่ถูกแสงไฟสาดส่องจะสะท้อนลงไปยังผิวน้ำของบ่อน้ำกะเรียวจิ (Garyochi) ราวกับกระจก ในปี 2017 ก็มีการแสดง Projection mapping บนสวนหินฮะชินเท (Hashintei)

หลังจากมาชมวัดโคไดจิแล้ว ก็สามารถแวะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่วัดเค็นนินจิ (Kennin-ji Temple) วัดนิกายเซนที่เก่าแก่ที่สุดในเกียวโตที่อยู่ใกล้ๆ กันได้อีก

วัดโคไดจิ (Kodai-ji Temple)
การเดินทาง : เดินจากสถานีกิองชิโจ (Gion-Shijo) รถไฟสายเคฮัง (Keihan) ประมาณ 15 นาที
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 600 เยน นักเรียนมัธยม 250 เยน
เวลา : 9:00 - 17:30 (เข้าได้ภายใน 17:00) / ไลท์อัพตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดิน - 22:00 (เข้าได้ภายใน 21:30)
เว็บไซต์ : http://www.kodaiji.com/e_index.html

↑ กลับไปที่สารบัญ

3. ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine)

Picture courtesy of Kifune Shrine ©Yasuhiro Imamiya

ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine) เป็นที่สถิตของเทพเจ้าผู้มีหน้าที่ดูแลการจ่ายน้ำ ที่ชาวเกียวโตเคารพบูชาในฐานะผู้คุ้มครองแหล่งน้ำของเกียวโตมาตั้งแต่อดีต ในตอนนี้กำลังได้รับความสนใจในฐานะของเทพแห่งการผูกสัมพันธ์ด้วย

สถานที่เด่นๆ คือโคมไฟสีแดงที่เรียงเป็นแนวตามทางเดินสู่ศาลสักการะ โคมไฟสีแดงชาดโดดเด่นตัดกับธรรมชาติรอบข้าง เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็ช่วยขับสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีให้สวยงามขึ้นไปอีก ช่วงต้น - ปลายเดือนพฤศจิกายนจะมีการประดับไฟไลท์อัพ ทำให้บรรยากาศในศาลเจ้าดูสวยงามอย่างน่าพิศวง

ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine)
การเดินทาง : จากสถานีคิบุเนะกุจิ (Kibuneguchi) รถไฟสายเอซัง (Eizan Line) นั่งรถบัส Kyoto Bus ไปลงที่ป้ายคิฟุเนะ (Kifune) (5 นาที 160 เยน) เดินต่อประมาณ 5 นาที
เวลา : 1 พ.ค. - 30 พ.ย. 6:00 - 20:00 / 1 ธ.ค. - 30 เม.ย. 6:00-18:00 จะปิดช้าลงในช่วงที่มีการไลท์อัพ
เว็บไซต์ : http://kifunejinja.jp/index.html

↑ กลับไปที่สารบัญ

4. เอคันโด (Eikando)

Picture courtesy of Eikando

เอคันโด (Eikando) หรืออีกชื่อคือ วัดเซ็นรินจิ (Zenrinji) ได้รับการขนามนามตั้งแต่อดีตว่า เอคันโดแห่งโมมิจิ (เอคันโดแห่งใบไม้เปลี่ยนสี) ทั้งยังปรากฎอยู่ใน โคคินวากะชู หนังสือรวมบทเพลงญี่ปุ่นโบราณของยุคเฮอัน เป็นการยืนยันชื่อเสียงเรื่องความงามของใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่

ต้นเมเปิลกว่า 3,000 ต้นช่วยแต่งแต้มสีสันสดใสไปทั่วทุกพื้นที่อันกว้างใหญ่ของวัด ต้นเมเปิลอิวากากิที่ถูกปลูกขึ้นบนทางลาดใกล้อุโบสถและทางเดินนั้นถือเป็นของที่หาดูที่อื่นไม่ได้นอกจากที่นี่เลยครับ

จะมีการประดับไฟไลท์อัพตอนกลางคืนในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน - ต้นธันวาคม

เอคันโด (Eikando)
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟเกียวโต ให้ขึ้นรถบัสสาย 5 ลงที่ป้าย Nanzenji / Eikandomichi (35 นาที 230 เยน) เดินต่อ 3 นาที
ค่าเข้าชมช่วงไลท์อัพ : 600 เยน
เวลา : 9:00 - 17:00 (เข้าได้ภายใน 16:00) / ช่วงมีไลท์อัพ 17:30 - 21:00 (เข้าได้ภายใน 20:30)
เว็บไซต์ : http://www.eikando.or.jp/English/index_eng.html/

↑ กลับไปที่สารบัญ

5. วัดโทฟุกุจิ (Tofuku-ji Temple)

Picture courtesy of Tofuku-ji Temple

ท่ามกลางต้นเมเปิลกว่า 2,000 ต้นที่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้ม แดง คือกะรัน (กลุ่มอาคารหลักของวัด) ขนาดใหญ่ที่สุดในเกียวโตของวัดโทฟุกุจิ (Tofuku-ji Temple) ยามที่เดินบนสะพานซือเท็นเคียวที่เชื่อมระหว่างอุโบสถหลักฮนโดกับไคซันโด จะรู้สึกเหมือนกับได้เดินอยู่บนกลุ่มใบไม้เปลี่ยนสีเลย

สามารถเข้าร่วมกิจกรรมนั่งสมาธิได้ทุกเช้าวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 6:30 น. หลังจากนั่งสมาธิแล้วก็ไปชมใบไม้เปลี่ยนสีกันต่อได้เลย

วัดโทฟุกุจิ (Tofuku-ji Temple)
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟโทฟุกุจิ (Tofukuji) เดินประมาณ 10 นาที
ค่าเข้า : สะพานซือเท็นเคียว-ไคซันโด ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็กนักเรียนประถม-มัธยม 300 เยน
เวลา : เม.ย. - สิ้นเดือน ต.ค. 9:00 - 16:00, พ.ย. - ต้น ธ.ค. 8:30 - 16:00, ต้น ธ.ค. - สิ้นเดือน มี.ค. 9:00 - 15:30
เว็บไซต์ : http://www.tofukuji.jp/

↑ กลับไปที่สารบัญ

6. วัดชิองอิน (Chionin)

Picture courtesy of Chionin

วัดชิองอิน (Chionin) เป็นวัดหลักของพุทธศาสนาสายโจโด ส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธนิกายมหายาน มีสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติมากมายเช่น ประตูซันมง ประตูสองชั้นที่สร้างจากไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และ มิเอโด อุโบสถหลักที่สักการะ โฮเน็น โชนิน ผู้สร้างวัดและเจ้าอาวาสรูปแรก

อีกหนึ่งสิ่งที่ได้รับความสนใจจากผู้คนคือระฆังข้ามปีขนาดใหญ่ สูง 3.3 เมตร หนักร่วม 70 ตัน ต้องมีพระสงฆ์ถึง 17 รูปในการตีระฆังในคืนวันสิ้นปี

จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีคือสวน ยูเซ็นเอ็น (Yuzen-en Garden) และ สวนโฮโจ (Hojo Garden) ที่อยู่ใกล้กับประตูซันมง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2019 จะมีการประดับไฟไลท์อัพตอนกลางคืนด้วย สวยงามไม่แพ้กันทั้งกลางวันและกลางคืน

วัดชิองอิน (Chionin)
การเดินทาง : เดินจากสถานีฮิกาชิยามะ (Higashiyama) รถไฟใต้ดินสายโทไซ (Tozai Line) ประมาณ 5 นาที
ค่าเข้า : Yuzenen ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน, Hojoteien ผู้ใหญ่ 400 เยน, เด็ก 200 เยน, บัตรชุดเข้าทั้งสองที่ ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 250 เยน
เวลา : 9:00 - 16:30(เข้าได้ภายใน16:00)
เว็บไซต์ : http://www.chion-in.or.jp/index.php

↑ กลับไปที่สารบัญ

7. สวนเกียวโต เกียวเอ็น (Kyoto Gyoen)

Picture courtesy of National Gardens Association Kyoto Gyoen, Ministry of the Environment

สวนเกียวโต เกียวเอ็น (Kyoto Gyoen) สวนขนาดใหญ่ความกว้าง 400 ไร่ เดิมเคยเป็นที่ตั้งคฤหาสน์ของเหล่าผู้มียศสูงศักดิ์ จึงยังคงมีอาคารบ้านเรือนและสวนญี่ปุ่นหลงเหลืออยู่ให้ได้สัมผัสบรรยากาศของวันวาน

ต้นไม้ใหญ่ส่วนมากมีอายุเกิน 100 ร้อยปี ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะมีต้นเคยากิ (ต้นเซลโคว่า) และต้นแปะก๊วยที่เปลี่ยนสีสันของสวนให้สดใสสวยงาม เหมาะสำหรับคนที่อยากมาเดินเล่นสบายๆ ชมใบไม้เปลี่ยนสี

สวนเกียวโต เกียวเอ็น (Kyoto Gyoen)
การเดินทาง : ลงรถไฟที่สถานีมารุตะมาจิ (Marutamachi) หรือสถานีอิมาเดะกาวะ (Imadegawa) ของรถไฟใต้ดินสายคาราซุมะ (Karasuma Line) แล้วเดินต่อประมาณ 3 นาที
เว็บไซต์ : https://www.env.go.jp/garden/kyotogyoen/english/index.html

↑ กลับไปที่สารบัญ

8. สวนฮาคุริวเอ็น (Hakuryuen)

จาก "สุดยอดสวนในเกียวโตที่เปิดให้เข้าได้แค่วันละ 100 คนซึ่งมีแต่แฟนพันธุ์แท้เท่านั้นที่รู้"

สวนฮาคุริวเอ็น (Hakuryuen) ถือเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่พิเศษมาก เพราะจะเปิดให้เข้าเป็นช่วงเวลา สำหรับช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะเปิดให้เข้าเพียงวันละ 100 คนเท่านั้น

ความงามของมอสสีเขียวตัดกับใบไม้สีเหลืองแดงเป็นความสวยงามที่ทำให้ทุกคนอยากมาชม ตั๋วเข้าชมจะเริ่มจำหน่ายเวลา 9:00 น. ที่สถานี Demachiyanagi ของรถไฟสาย Eizan เท่านั้น ไม่มีขายที่สวนนะ และตั๋วที่ขายจะเป็นเฉพาะของวันนั้น ไม่มีการขายตั๋วล่วงหน้า ถ้าจะไปแนะนำให้รีบไปเข้าแถวรอตั้งแต่เช้า

สวนฮาคุริวเอ็น (Hakuryuen)
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสายเคฮัง (Keihan Line) หรือสายเอซัง (Eizan Line) จากสถานีเดมาจิยานางิ (Demachiyanagi) ไปลงที่สถานีนิโนะเซะ (Ninose) (25 นาที 380 เยน) เดินต่อประมาณ 7 นาที
ค่าเข้าชม : เดือนตุลาคม 1,300 เยน เดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 1,600 เยน
เว็บไซต์ : http://hakuryuen.com/


↑ กลับไปที่สารบัญ

9. วัดรุริโคอิน (Rurikoin)

จาก "รุริโคอิน ใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามราวศิลปะ รอเราอยู่ที่เกียวโต"

สวนรุริโนะนิวะ (Ruri no niwa) ที่ปกคลุมไปด้วยพรมสีเขียวขจีจากต้นมอส และสวนกะริวโนะนิวะ (Garyu no niwa) สวนหินและบ่อน้ำที่จำลองภาพของมังกรที่บินขึ้นไปสู่สวรรค์ ทั้งสองแห่ง ถือเป็นจุดเด่นของวัดรุริโคอิน (Rurikoin) และวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่ดูได้หลากมุมจากห้องชาโชอินก็งดงามมาก

โดยเฉพาะวิวของใบไม้เปลี่ยนสีที่สะท้อนบนพื้นขัดเงาสีดำบนระเบียงของชั้น 2 ที่ดูราวกับเป็นภาพศิลปะยังไงยังงั้น กำหนดการเปิดให้เข้าชมจะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม - เดือนธันวาคม

วัดรุริโคอิน (Rurikoin)
การเดินทาง : จากสถานียาเซะฮิเอซังกุจิ (Yase-Hieizanguchi) ของรถไฟเอซัง (Eizan Electric Railway) เดินประมาณ 5 นาที
ค่าเข้าชมช่วงใบไม้เปลี่ยนสี : ผู้ใหญ่ 2,000  เยน นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไปถ้าแสดงบัตรนักเรียน 1,000 เยน เด็กถึงระดับประถมเข้าฟรี


↑ กลับไปที่สารบัญ

10. เขาอาราชิยามะ (Arashiyama)

Picture courtesy of ©Kyoto Media Support Center

บริเวณเขาอาราชิยามะ (Arashiyama) เป็นที่เที่ยวที่มาได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะซากุระในฤดูใบไม้ผลิหรือป่าไม้ร่มรื่นสีเขียวขจีในฤดูร้อน รวมถึงจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงด้วย เริ่มจากสะพานโทเก็ตสึเคียวที่มีเขาอาราชิยามะเป็นฉากหลัง วัดเท็นริวจิ หนึ่งในมรดกโลก และเจดีย์ทะโฮโตสูง 12 เมตร

อีกหนึ่งวิธีแนะนำสำหรับเที่ยวบริเวณนี้คือไปนั่งรถไฟสาย Sagano Torokko (Sagano Romantic Train) เพื่อชมวิวใบไม้เปลี่ยนสี

เขาอาราชิยามะ สถานีรถไฟ Saga-Arashiyama
การเดินทาง : นั่งรถไฟจากสถานีเกียวโต (Kyoto) สายซากาโนะ (Sagano Line) 15นาที 240 เยน มาลงที่มาลงที่สถานีซากะอาราชิยามะ (Saga-Arashiyama)

↑ กลับไปที่สารบัญ

11. ถนนสายปรัชญา (The Philosopher's Walk)

Picture courtesy of ©Kyoto Media Support Center

ทางเดินริมคลองส่งน้ำที่ทอดยาวกว่า 1.5 กิโลเมตรจากวัดเงินกิงคาคุจิ ไปทางเอคันโดและวัดนันเซ็นจิ คือถนนสายปรัชญา (The Philosopher's Walk)

เป็นทั้งจุดชมซากุระในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อใบไม้เปลี่ยนสีร่วงโรยจนหมดต้น พื้นถนนทั้งเส้นก็ยังคงถูกแต่งแต้มไปด้วยสีเหลืองแดงของใบไม้ ใช้เส้นทางนี้เพื่อเดินชมวัดต่างๆ และใบไม้เปลี่ยนสีไปพร้อมๆ กันได้

ถนนสายปรัชญา (The Philosopher's Walk)
การเดินทาง : จากหน้าสถานีเกียวโต (Kyoto) ขึ้นรถบัสสาย 100 (ปลายทาง Ginkaku-ji) ลงที่ป้ายกิงคาคุจิมาเอะ (Ginkakuji-mae) (40 นาที 230 เยน) เดินต่อประมาณ 3 นาที


↑ กลับไปที่สารบัญ

ชมใบไม้แดงในเกียวโต

การจะมาเที่ยวเกียวโตในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอาจจะต้องวางแผนกันนิดหนึ่ง นอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีใบไม้เปลี่ยนสีก็มีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมาเยือนมากเป็นพิเศษ แนะนำให้ไปที่เที่ยวดังๆ ตั้งแต่เช้า พอเที่ยงก็ค่อยแวะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีตามที่ต่างๆ ในบทความนี้กันนะครับ


ผู้เขียนบทความต้นฉบับ : takagi

Written by

นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก

เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง

อันดับ