Start planning your trip
ย่านร้านค้าชิโมะฟุริกินซ่า ย่านชุมชนในโตเกียวที่เชื่อมต่อจากรุ่นสู่รุ่น
ชิโมะฟุริกินซ่าในโตเกียวอยู่ห่างจากสถานี JR โคมะโกเมะประมาณ 5 นาที ตลอดถนนเส้นยาวร่วม 250 เมตรมีร้านค้าเรียงรายกันอยู่กันมาตั้งแต่ปี 1953 บรรยากาศเรโทรที่หลงเหลือแสดงถึงความพยายามในการรักษาพื้นที่นี้มารุ่นต่อรุ่น ไปคุยกับคนย่านนั้นและกินอาหารท้องถิ่นกัน!
ย่านร้านค้าชิโมะฟุริกินซ่า เมืองเก่าย่านโคมะโกเมะในโตเกียว
ย่านร้านค้าที่เรียกว่า "โชเท็นไก (Shotengai)" เป็นบริเวณที่รวบรวมร้านค้าต่างๆ เอาไว้จึงหาซื้อของใช้ในชีวิตประจำวัน อาหารและอื่นๆ ได้สะดวก
หนึ่งในนั้นคือ "ย่านการค้าชิโมะฟุริกินซ่า (Shimofuri Ginza Shotengai)" ซึ่งอยู่ใกล้สถานีโคมะโกเมะ (Komagome) สาย JR ยามาโนะเตะ (Yamanote) ย่านร้านค้าแห่งนี้มีเสน่ห์ในเรื่องการได้พบปะใกล้ชิดกับผู้คนที่เป็นมิตร หากได้แวะเวียนจนเป็นลูกค้าประจำแล้วที่แห่งนี้ก็จะเปลี่ยนไปเป็นสถานที่ที่สัมผัสได้ถึงความผูกพันระหว่างผู้คน ไม่ว่าจะเป็นคนในร้านที่จำของที่ซื้อเป็นประจำได้ หรือได้พูดคุยว่าช่วงนี้เป็นอย่างไร ไปจนถึงเรื่องสัพเพเหระ
ร้านค้าในย่านมีความหลากหลาย เช่น ร้านเนื้อที่ขายมากว่า 90 ปี ร้านเต้าหู้ที่ใช้ถั่วเหลืองภายในประเทศ 100% ร้านขายผักราคาย่อมเยาที่มีผักสดใหม่ให้เลือกครบครัน ร้านข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันและอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าร้านไหนก็เป็นร้านที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้คนในละแวกนี้
แต่ว่าการจะรักษาสภาพเช่นนี้เอาไว้จำเป็นต้องมีการร่วมแรงร่วมใจ เพราะหากไม่มีการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นแล้วกลายเป็นสังคมที่มีแต่ผู้สูงอายุ หรือจำนวนคนที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ลดน้อยลง ก็อาจจะเป็นไปได้ที่ร้านโปรดจะหายไป
คุณนากามุระ เจ้าของร้านรองเท้าในย่านร้านค้าเป็นรุ่นที่ 3 เมื่อหลายปีก่อนเขาก็ได้กลายเป็นแอดมินดูแลเว็บไซต์ทางการของย่านร้านค้าชิโมะฟุริกินซ่า
ด้วยความคิดว่า "อยากให้นักท่องเที่ยวจากแต่ละประเทศทั่วโลกและลูกค้าชาวญี่ปุ่นได้มาเพลิดเพลินกับย่านร้านค้านี้" เขาจึงตัดสินใจปรับปรุงเว็บไซต์เสียใหม่ คุณนากามุระได้ติดต่อร้านค้าแต่ละร้าน ใช้เวลาร่วม 2 เดือนในการเก็บข้อมูล ถ่ายรูปและสร้างหน้าเว็บไซต์ด้วยข้อมูลเอกลักษณ์ของร้านอย่างละเอียด พอทำแบบนี้แล้วผู้เกี่ยวข้องกับย่านร้านค้าจากทุกแห่งมั่วประเทศญี่ปุ่นต่างพากันแวะเวียนมาชมที่นี่
เรามาทำความรู้จักร้านรองเท้าของคุณนากามุระและร้านค้าแนะนำภายในย่านนี้กันนะคะ
"ร้านรองเท้า Paris Shoes" รองเท้าที่เคียงคู่ไปกับชีวิตของลูกค้า
ร้านรองเท้าเฉพาะทางนี้นอกจากจะมีรองเท้าสำหรับผู้ใหญ่แบบทั่วไปแล้ว ยังมีรองเท้าที่เหมาะกับผู้ประกอบอาชีพต่างๆ เช่น นางพยาบาล กุ๊ก แรงงานก่อสร้าง รวมถึงรองเท้าเด็กและรองเท้าสำหรับผู้สูงอายุที่ขาไม่ค่อยจะดี รวมแล้วมีมากกว่า 2,000 แบบ คุณปู่ของคุณนากามูระได้เริ่มกิจการรองเท้าสั่งตัดเมื่อ 63 ปีที่แล้ว และร้านก็ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยจนกลายมาเป็นร้านขายรองเท้าโดยเฉพาะ
ครอบครัวนากามูระที่สืบทอดกิจการนี้ทุกคนผ่านการรับรองว่ามีคุณสมบัติเป็น Shoes Fitter ที่สามารถแนะนำรองเท้าที่เหมาะกับรูปเท้าของแต่ละคนได้ จึงช่วยลูกค้าเลือกรองเท้าคู่ที่ใส่สบายและถูกใจได้อย่างเหมาะสม
"รองเท้าสมัยนี้มีสีสันและลวดลายหลากหลายกว่าตอนผมเป็นเด็กอีก น่าอิจฉาจังเลยครับ" คุณนากามุระพูดด้วยรอยยิ้ม รองเท้าบูทส์และสนีกเกอร์สำหรับเด็กที่เรียงอยู่หน้าร้านมีสีสันสดใสเป็นพิเศษจริงๆ ด้วยค่ะ
และเพราะทางร้านมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับชุมชนจึงมีรองเท้าสำหรับใส่เดินในโรงเรียนตามกฎของโรงเรียนในละแวกนี้จำหน่ายด้วย
"ผมหวังอยากให้ร้านรองเท้านี้เป็นร้านที่คอยเฝ้าดูแลและเลือกรองเท้าที่เหมาะกับแต่ละช่วงเวลาในชีวิตของลูกค้าตั้งแต่เด็ก จนจบการศึกษาออกไปสู่สังคม แต่งงานจนมีลูกหลานสืบต่อไป" คุณนากามุระกล่าว
ตามหายีนส์ไม่เหมือนใคร! ร้านเสื้อผ้าสไตล์อเมริกัน "Jeans First"
"Jeans First" คือร้านเสื้อผ้าเฉพาะทางที่มีเจ้าของร้านวัย 67 ปีผู้ชอบเสื้อผ้ายีนส์และเสื้อผ้าสไตล์อเมริกันมาตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม
คุณเจ้าของร้านบอกว่า "ทำงานนี้มาเกือบ 50 ปีแล้วและก็ใส่เสื้อผ้าที่วางขายในร้านอยู่ทุกวัน" แหม เป็นสุดยอดนายแบบเลยนะคะเนี่ย!
เสื้อผ้าที่วางขายเป็นชุดที่เห็นจากงานแสดงสินค้าและแคตตาล็อกที่ผู้ผลิตเป็นคนส่งมาให้ เจ้าของร้านเลือกชุดของแต่ละฤดูด้วยตัวเองโดยเลือกตัวที่มีลายและดีไซน์เด่นสะดุดตาเป็นหลัก ลูกค้าหลายคนของทางร้านเป็นเหล่านักบิดมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ที่ชอบเสื้อผ้าสไตล์นี้
เจ้าของร้านได้อธิบายว่านักท่องเที่ยวจากเอเชียมักจะซื้อยีนส์ยี่ห้อ "oni denim" ที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นกันเยอะ ด้วยเนื้อผ้าที่มีน้ำหนัก ลายเฉพาะตัวที่ดูเหมือนปล้องไม้ไผ่ สีสบายตาและการย้อมสีธรรมชาติเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนๆ ห้ามใจไม่อยู่เลยค่ะ
"ปังโกะยะ" ร้านขนมปังแฮนด์เมดสุดโปรดทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ถึงพื้นที่ร้านจะเล็กกะทัดรัดแต่ร้าน "ปังโกะยะ (Pankoya)" ก็ขายขนมปังถึง 70-80 ชนิดทุกวัน ไลน์สินค้าขนมปังมีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเอบิคัตสึปัง (ขนมปังไส้กุ้งสับทอด) ฟรุตส์วิปปัง (ขนมปังใส่ผลไม้และวิปครีม) เมลอนปังสำหรับอาหารเช้า และอื่นๆ จนเป็นร้านยอดนิยมขวัญใจคนในท้องถิ่น
ขนมปังแต่ละชนิดถูกอบขึ้นอย่างพิถีพิถัน มีการเปลี่ยนวิธีทำให้เข้ากับขนมปังแต่ละประเภท ยกตัวอย่างเช่นอันปัง (ขนมปังไส้ถั่วแดง) และขนมปังโฮลวีตจะใช้ยีสธรรมชาติเพื่อดึงความอร่อยและสร้างรสสัมผัสนุ่มเด้งขึ้นมา
โคโดโมะปัง (Kodomo Pan) หรือขนมปังเด็กทำจากยีสธรรมชาติชิ้นละ 30 เยนก็เป็นหนึ่งในสินค้าแนะนำ
พอเห็นชื่อแล้วเราก็คิดว่าน่าจะเป็นขนมปังสำหรับเด็ก แต่พนักงานบอกว่า "ไซส์ขนาดเล็กน่ารักดูเหมือนเด็กๆ แค่กินเข้าไปสักหนึ่งคำก็ทำให้มีความสุข เลยตั้งชื่อว่าโคโดโมะปัง" จุดเด่นของขนมปังคือเนื้อนุ่มละเอียดจนผู้ใหญ่เองก็ชอบ
สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดคือบทสนทนาของพนักงานกับลูกค้ามีความเฟรนด์ลี่มาก เมื่อลูกค้าประจำมาที่ร้าน พนักงานจะพูดทันทีว่า "เตรียมของไว้แล้วค่ะ" แล้วส่งขนมปังที่ต้องการให้ทันใด
"เป็นแค่คนชอบคุยเฉยๆ เองค่ะ" พนักงานบอกเราแบบนี้ แต่เรารู้สึกได้ว่าการให้บริการอย่างอบอุ่นเช่นนี้เองคือจุดที่มีเสน่ห์มากที่สุดของร้านปังโกะยะ
*ปัจจุบัน (มกราคม 2021) ร้านเปิดไม่แน่นอนและปิดในวันอาทิตย์
เฮียกกุโตคอฟฟี่ แบรนด์กาแฟตัวแทนของท้องถิ่น
เฮียกกุโตคอฟฟี่ (Hyakkuto Coffee) คือร้านกาแฟที่มี 2 สาขาอยู่ใกล้สถานีโคมะโกเมะ ที่ตั้งชื่อร้านว่าเฮียกกุโทเพราะเจ้าของร้านรักประเทศและวัฒนธรรมของสาธารณรัฐเช็กที่ถูกเรียกว่าเป็น "เมืองแห่งหนึ่งร้อยยอด" ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "เฮียกกุโตโนะมาจิ" จึงนำชื่อนี้มาตั้งชื่อร้าน
ภายในร้านตกแต่งภายในให้บรรยากาศแบบเรโทร สาขาที่อยู่ในย่านร้านค้าเป็นร้านที่รีโนเวทมาจากร้านเครื่องสำอาง
เมนูหลักอย่างกาแฟแฮนด์ดริปและเอสเปรสโซสามารถเทคเอาท์ ลูกค้าคนไหนที่ไม่มีเวลามานั่งค่อยๆ จิบกาแฟที่ร้านก็ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับกาแฟอร่อยๆ ได้เหมือนกัน ร้านดอกไม้กับร้านขายปลาที่อยู่ใกล้ๆ ก็เป็นลูกค้าประจำของที่นี่
เฮียกกุโตคอฟฟี่ใช้เครื่องคั่วกาแฟของ FUJI ROYAL มีจุดเด่นอยู่ที่ความหอมเต็มเปี่ยมของเมล็ดกาแฟ บาริสต้าจะคอยใช้เวลาเลือกเมล็ดกาแฟอย่างพิถีพิถันทุกเช้า เพียงจิบคำแรกก็สัมผัสได้ถึงคุณภาพของเมล็ดกาแฟ
เมนูแนะนำของผู้เขียนคือลาเต้ร้อน กลิ่นนมรสชาติเข้มข้นกับกาแฟรสกลมกล่อมคือเสน่ห์ของกาแฟแก้วนี้ค่ะ
ลาเต้ร้อน ไซส์ S (490 เยนรวมภาษี) และมัทฉะไวท์ช็อกโก้มัฟฟิน (380 เยนรวมภาษี)
นอกจากนี้ยังมีของหวานแฮนด์เมดวางจำหน่ายทุกวันแบบจำกัดจำนวนชิ้น เมนูจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลเช่นในฤดูร้อนจะเป็นเมนูส้มหวานอมเปรี้ยวแสนสดชื่น ฤดูหนาวจะเป็นเมนูช็อกโกแลต ฯลฯ
ขนมที่ได้กินในครั้งนี้คือมัทฉะไวท์ช็อกโก้มัฟฟิน เป็นขนมที่มีการรวมตัวของตัวเค้กฟูนุ่มกับกลิ่นหอมของมัทฉะและก้อนไวท์ช็อกโกแลต รสชาติที่หลากหลายนี้ทำให้อิ่มท้องเลยค่ะ
ย่านร้านค้าที่มีชีวิตประจำวันแสนอบอุ่น
ในปี 2020 ตั้งแต่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดก็ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาที่ย่านร้านค้านี้เลย แต่คนในพื้นที่ก็แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์และความคึกคักของย่านร้านค้านี้อีกครั้งท่ามกลางมาตรการห้ามออกไปข้างนอกโดยไม่มีเหตุจำเป็น
เพลงสบายๆ ที่เปิดคลอในย่านร้านค้า เสียงพูดคุยระหว่างพนักงานร้านกับลูกค้า ชีวิตประจำวันในย่านร้านค้านี้คือวัฒนธรรมแสนมีค่าที่ทุกคนช่วยกันรักษาเอาไว้ ถ้าได้เดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นก็ลองเดินทางมาที่ย่านร้านค้าชิโมะฟุริกินซ่าที่สัมผัสได้ถึงชีวิตประจำวันแสนอบอุ่นกันนะคะ
In cooperation with Shimofuri Ginza Shotengai
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง