ตะลุยกินทั่วคุมาโมโตะ อาณาจักรแห่งอาหาร! ท่องเมืองยามาโตะ มินามิอาโซะ และมินามาตะ
จังหวัดคุมาโมโตะโด่งดังว่าเป็นอาณาจักรแห่งอาหาร ในครั้งนี้ขอพาไปตะลุยกินที่ 3 เมืองได้แก่ ยามาโตะ มินามิอาโซะ และมินามาตะ มาจิบชาฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่น กินวากิวอาคาอุชิของขึ้นชื่อและผักออแกนิคที่มั่นใจในคุณภาพ ท้ายบทความยังมีให้ลุ้นรับของรางวัลด้วยนะ!
จังหวัดคุมาโมโตะ (Kumamoto) อยู่ใจกลางภูมิภาคคิวชู (Kyushu) เป็นที่ตั้งของภูเขาอาโซะ หนึ่งในแอ่งภูเขาไฟอันยิ่งใหญ่ที่หาได้ยากระดับโลก จึงได้รับการเรียกขานว่าเป็น "ดินแดนแห่งไฟ"
แหล่งน้ำผุดอันอุดมไปด้วยแร่ธาตุก็ทำให้ที่นี่ได้รับชื่อว่า "นครแห่งน้ำ" ด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์และความใส่ใจทุ่มเทจากเหล่าเกษตรกร จึงมีผักออร์แกนิกสดๆ วัววากิวอาคาอุชิ ปลาแม่น้ำ และอาหารอร่อยมากมาย จนทำให้ช่วงนี้คุมาโมโตะมีชื่อเสียงมากขึ้นในฐานะ "อาณาจักรแห่งอาหาร"
ครั้งนี้ผู้เขียนได้เข้าร่วมกิจกรรมทัวร์ทดลองตะลุยกินของอร่อยใน 3 เมืองได้แก่ เมืองยามาโตะ (Yamato) เมืองมินามิอาโซะ (Minamiaso) และเมืองมินามาตะ (Minamata) มีโอกาสได้ลิ้มลองอาหารอร่อยด้วยวัตถุดิบสดใหม่จากฟาร์มส่งตรงถึงโต๊ะอาหารแบบ Farm to table ด้วย ส่วนอย่างอื่นจะมีอะไรอีกบ้างเดี๋ยวมาดูพร้อมๆ กันเลย
วันนี้เราเดินทางด้วยรถบัส โดยมาเริ่มต้นกันที่บัสเทอร์มินัลภายในช้อปปิ้งมอลล์ SAKURA MACHI Kumamoto ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปี 2019 ด้านในมีร้านค้าถึง 149 ร้าน จบทัวร์แล้วก็มาช้อปปิ้งและหาของหวานทานกันต่อได้เลย บนดาดฟ้ามีสวนซากุระมาจิการ์เด้นที่มองเห็นปราสาทคุมาโมโตะด้วย
บนรถบัสมีแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ เครื่องเพิ่มความชื้นและระบบถ่ายเทอากาศครบครันเพื่อความปลอดภัยในการโดยสารค่ะ
วันเดย์ทริปโดยรถบัส ทริปตะลุยกินอาหารคุมาโมโตะถึงแหล่งผลิตแบบฟูลคอร์ส
รายละเอียดทัวร์ในครั้งต่อๆ ไปอาจมีการเปลี่ยนแปลง
สารบัญ
1. ทริปเกษตรอินทรีย์และชิมของอร่อย : ปัจจุบันและอนาคตของเมืองยามาโตะ
2. ทริปตระเวนกินอาหารเลิศรสและชมวิวสวย : พรจากสายน้ำแห่งเมืองมินามิอาโซะ
3. ทริปลิ้มรสอาหารทะเลและจิบชาฝรั่ง : ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งเอเชีย เมืองมินามาตะ
1. ทริปเกษตรอินทรีย์และชิมของอร่อย : ปัจจุบันและอนาคตของเมืองยามาโตะ
เมืองยามาโตะ (Yamato) อยู่ทางใต้ของภูเขาไฟอาโซะ เมืองแห่งนี้มีปัจจัยที่เหมาะสมกับการทำเกษตรอินทรีย์ (การเกษตรที่ไม่ใช่สารและปุ๋ยเคมี) อย่างครบถ้วนทั้งดินที่เกิดจากลาวาและเถ้าถ่านเมื่อตอนที่ภูเขาไฟระเบิด สภาพอากาศเย็น และความต่างของอุณหภูมิช่วงกลางวันกับกลางคืน รวมถึงน้ำที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ
เมืองนี้เริ่มทำเกษตรอินทรีย์มานานกว่า 40 ปีแล้ว และปัจจุบันเป็นเมืองชั้นนำด้านเกษตรอินทรีย์อันดับต้นของญี่ปุ่น ทัวร์แรกที่จะพาไปนี้ไม่เพียงแค่ได้ลิ้มรสผักออร์แกนิกของเมืองยามาโตะเท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมและการเกษตรของบริเวณนี้ด้วย
แพลนเที่ยว : ศูนย์ท่องเที่ยวและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมยามาโตะบุงคะโนะโมริ → ฟาร์มออร์แกนิก YASKI FARM→ สะพานหินซือจุนเคียว → ร้านอาหารนาคาฮาตะฟาร์ม → เก็บสตรอเบอร์รี่
ชมไฮไลท์งานเทศกาลฮัซซาคุมัตสึริที่ยามาโตะบุงคะโนะโมริ
เมืองยามาโตะโจจะจัดเทศกาลฮัซซาคุมัตสึริ (Hassaku Matsuri) ในเดือนกันยายนของทุกปีเพื่อขอพรให้พืชพรรณออกผลเก็บเกี่ยวได้ดีงาม เทศกาลที่มีประวัติยาวนานถึง 250 ปีนี้มีไฮไลท์คือรถแห่ที่เรียกว่า โอสึคุริมง (Ootsukurimon)
โอสึคุริมงทำมาจากวัสดุธรรมชาติเช่น เปลือกไม้ ไม้ไผ่ ลูกโอ้ค ฟาง และอื่นๆ ผู้คนในเมืองใช้เวลาทั้งปีในการเก็บสะสมวัสดุและใช้เวลาทำโอสึคุริมงราว 40 วันเลยทีเดียว
โอสึคุริมงมักทำจากเปลือกไม้และไม้ไผ่แข็งๆ แบบไม่ย้อมสีและทำออกมาเป็นรูปคนหรือสัตว์อย่างใส่ใจในรายละเอียดจนดูทรงพลังราวกับจะออกโลดแล่นเคลื่อนไหวได้เองผ
หลังจบเทศกาลแล้วโอสึคุริมงจะถูกเก็บไว้ที่ศูนย์ท่องเที่ยวและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมยามาโตะบุงคะโนะโมริ (Yamato Bunka no Mori) ถึงจะมาเยือนเมืองนี้นอกช่วงเทศกาลก็ยังมาชมโอสึคุริมงที่เรียกได้ว่าเป็นศิลปะ 3 มิติของพื้นที่นี้ได้
เรียนรู้เสน่ห์ของเกษตรอินทรีย์ที่ YASKI FARM
วัยรุ่นส่วนใหญ่ในเมืองยามาโตะมีส่วนร่วมกับเกษตรอินทรีย์ คุณโทริโกเอะ (Torigoe) ผู้บริหาร YASKI FARM ก็เป็นหนึ่งในนั้น เขากับเพื่อนร่วมกันฟื้นฟูเรือกสวนไร่นาที่รกร้างให้กลับมามีชีวิตด้วยเกษตรอินทรีย์
คุณโทริโกเอะยังเป็นนักดนตรีคอยบอกเล่าเสน่ห์ของเกษตรอินทรีย์ผ่านบทเพลงด้วย
YASKI FARM ยังเป็นฟาร์มที่อยู่ร่วมกับสัตว์ต่างๆ ขณะที่หมูป่าและกวางมากินผลผลิตภายในฟาร์ม ในทางกลับกันฟาร์มก็ได้ปุ๋ยจากมูลของสัตว์เหล่านั้น รวมไปถึงมูลม้า และมูลวัว
ดินของฟาร์มแต่เดิมก็อุดมไปด้วยแร่ธาตุทั้งเหล็ก แคลเซียม สังกะสีและอื่นๆ อยู่แล้วแต่คุณโทริโกเอะก็ใช้โปรแกรมวิเคราะห์ดินเพื่อปรับปรุงดินให้ดียิ่งขึ้น ใช้ปลูกผักออร์แกนิกอร่อยๆ เต็มไปด้วยสารอาหารต่อไป
หลังจากฟังเรื่องราวของเกษตรอินทรีย์จากคุณโทริโกเอะแล้วก็ได้เวลาทำกิจกรรมเก็บแครอท ตอนผู้เขียนไปเก็บข้อมูลยังเป็นช่วงฤดูหนาว แครอทจะสะสมปริมาณน้ำตาลเอาไว้เพื่อต่อสู้กับความหนาวเย็นจึงทำให้มีรสชาติหวานอร่อย
ซือจุนเคียว สะพานส่งน้ำทรงโค้งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
สถานที่ห้ามพลาดของเมืองยามาโตะคือสะพานซือจุนเคียว (Tsujunkyo Bridge) สะพานแห่งนี้เป็นที่ภาคภูมิใจว่าเป็นสะพานส่งน้ำทรงโค้งขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นโดยมีความยาว 75.6 เมตร ความสูง 20.2 เมตรและยังได้รับการลงทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติด้วย
สะพานซือจุนเคียวถูกสร้างขึ้นในยุคเอโดะเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ ถ้าโชคดีก็จะได้เห็นการระบายน้ำที่น่าตื่นตาใจด้วยค่ะ
ลิ้มรสของดีเมืองยามาโตะที่ร้านอาหารในเรือนเพาะชำ
ไฮไลท์ของทริปนี้คืออาหารท้องถิ่นเมืองยามาโตะแบบฟูลคอร์สเสิร์ฟโดย ยามาโตะเดชิกะ (Yamatodeshika)
ยามาโตะเดชิกะ คือบริษัทที่เกษตรกรและเชฟวัยหนุ่มสาวในเมืองยามาโตะร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่เสน่ห์ของเมืองยามาโตะโจ ความหมายของ "ยามาโตะเดชิกะ" ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า "ที่เมืองยามาโตะเท่านั้น"
วันนี้สวนสตรอเบอร์รี่นาคาฮาตะฟาร์ม (Nakahata Farm) เปิดร้านอาหารขึ้นในเรือนเพาะชำ ผู้ร่วมทัวร์จึงได้ดื่มด่ำกับความอุดมสมบูรณ์จากสวนและภูเขาของเมืองยามาโตะอย่างเต็มที่ค่ะ
กินข้าวกับผู้ผลิตอย่างใกล้ชิดแบบ Farm To Table
เมื่อเข้าไปในเรือนเพาะชำแล้ว สายตาเราไปหยุดอยู่ที่โต๊ะเก้าอี้ที่ทำจากฟางและไม้ เสียงที่ได้ยินตามมาคือเสียงทำอาหารและดนตรีแจ๊ส บรรยากาศดูมีความดิบปนโรแมนติก
หลังจากนั้นเกษตรผู้ผลิตวัตถุดิบและเชฟก็นำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ พร้อมอธิบายถึงจุดเด่นของวัตถุดิบรวมถึงวิธีปรุงอาหารให้ผู้ร่วมทัวร์ฟัง
อาหารจานหลักเลือกได้ระหว่างเมนูอาหารป่าหรือเมนูปลา อาหารป่าคือไส้กรอกหมูป่าที่จับได้ในเมือง ส่วนเมนูปลาจะเป็นปลายามาเมะ (ปลาในกลุ่มปลาแซลมอน) ที่เลี้ยงในเมืองยามาโตะนำมาย่างเกลือ ปลายามาเมะที่ประเทศไต้หวันถือว่าเป็นปลาที่ได้รับความสำคัญและยกย่องให้เป็นปลาสมบัติชาติเลยนะคะ
ไส้กรอกหมูป่าใช้เนื้อติดมันรสเข้มข้นอมหวานหน่อยๆ รสสัมผัสเด้งสู้ฟัน เครื่องเทศรสชาติไม่จัดจ้านแต่ก็ไม่มีกลิ่นสาบเลยสักนิด
เชฟผู้เคยไปเรียนที่อิตาลี่ได้เล่าถึงอาหารป่าที่ตนเองได้พบเจอในยุโรปว่าอาหารป่าของเมืองนี้แตกต่างจากของยุโรป หมูป่าของเมืองยามาโตะไม่จำเป็นต้องกำจัดกลิ่นสาบเลย
ส่วนปลายามาเมะมีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อนุ่มฟู เครื่องในก็ทำความสะอาดมาอย่างดี รสชาติอ่อนแต่แทรกด้วยความหวานจึงทำให้รสชาตินี้ก็เป็นรสที่ลืมไม่ลงเลย
จิราชิซูชิที่ใส่ปลาแซลมอนซากุระมาซุ (Sakura Masu) ซึ่งเป็นผลผลิตของเมืองยามาโตะก็เป็นอีกจานหนึ่งที่ดูเพลินตา ปลาแซลมอนซากุระมาซุเป็นพันธุ์หนึ่งของปลายามาเมะซึ่งอาศัยอยู่ในเขตอากาศหนาวของประเทศญี่ปุ่น และยังถือว่าเป็นปลาชั้นสูงด้วย แต่บริษัทในเมืองยามาโตะประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ในจังหวัดคุมาโมโตะทั้งที่เป็นเมืองเขตร้อนทางทิศใต้ของญี่ปุ่น
เนื้อปลาแซลมอนซากุระมาซุแล่และรมควันมานิดหน่อย ด้านบนโรยด้วยผงพริกเรดเปปเปอร์ออร์แกนิกทำให้เนื้อปลาถูกย้อมเป็นสีชมพูอ่อนๆ มีไข่ปลาแซลมอนซากุระมาซุสีส้มโรยมาอย่างเต็มที่เหมือนกัน
ไข่ปลาแซลมอนซากุระมาซุต่างจากไข่ปลาแซลมอนตรงที่มีความเด้งสู้ฟันกับรสอมหวานมีระดับ วัตถุดิบที่ดูเหมือนอัญมณีเหล่านี้วางอยู่บนข้าวพันธุ์ฮิโนะฮิคาริ (Hinohikari) ซึ่งปลูกโดยใช้วิธีเกษตรอินทรีย์เป็ดไล่ทุ่ง
นอกจากนี้ยังมีเมนูมังสวิรัติเช่น ครอกเก้ที่ทำมาจากถั่วล้วนๆ และซุปแครอท เมนูผักจะนำผักผลไม้ออร์แกนิกมาปรุงโดยเลือกใช้วิธีที่จะดึงจุดเด่นของผักผลไม้นั้นออกมา
กินบุฟเฟ่ต์สตอร์เบอร์รี่เป็นของหวานที่นาคาฮาตะฟาร์ม
เมนูปิดท้ายของมื้อฟูลคอร์สก็คือของหวานค่ะ เราไปยังสวนสตรอเบอร์รี่ของนาคาฮาตะฟาร์มเพื่อไปเก็บสตรอเบอร์รี่กันต่อ
ถึงท้องจะแน่นแล้วก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะก่อนที่จะไปเก็บสตรอเบอร์รี่จะมีการเลคเชอร์ความรู้ทั่วไปของสตรอเบอร์รี่ การทดสอบวัดปริมาณน้ำตาลในผล และวิธีการปลูกให้เราได้เรียนรู้กันก่อนค่ะ
สวนนาคาฮาตะฟาร์มที่สะอาดและสว่างแห่งนี้ปลูกสตรอเบอร์รี่ทั้งหมด 4 พันธุ์ได้แก่ พันธุ์โคอิมิโนริ (Koiminori) ที่มีรสเปรี้ยวและรสหวานบาลานซ์กันกำลังดี พันธุ์ยูเบะนิ (Yubeni) รสหวานชื่นใจ พันธุ์เบนิฮปเปะ (Benihoppe) ที่มีกลิ่นหอมมาก และพันธุ์ยตสึโบชิ (Yotsuboshi) ซึ่งเป็นพันธุ์หายาก เรามีเวลาทานกันแบบบุฟเฟ่ต์ 20 นาที
ได้เก็บสตรอเบอร์รี่กินสดๆ ที่สวนแบบเต็มอื่มอย่างนี้ทำให้มีความสุขมากๆ เลยค่ะ
*รายละเอียดอาหารและวัตถุดิบอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับฤดูกาลและช่วงเวลา
ทัวร์เมืองยามาโตะ จังหวัดคุมาโมโตะ
ใครที่สนใจเที่ยวเมืองยามาโตะขอแนะนำให้ลองเข้าร่วมทัวร์กันนะคะ เราจะได้ลิ้มลองของอร่อยจากป่าเขาและลำธาร ได้ลองเก็บผักออร์แกนิกและเก็บสตรอเบอร์รี่ทานแบบบุฟเฟต์ด้วย
ทัวร์เมืองยามาโตะ จากบัสเทอร์มินัล SAKURA MACHI Kumamoto
เก็บผักปลอดสารและทานสตรอเบอร์รี่แบบบุฟเฟ่ต์
2. ทริปตระเวนกินอาหารเลิศรสและชมวิวสวย : พรจากสายน้ำแห่งเมืองมินามิอาโซะ
ความลับความอร่อยของน้ำในจังหวัดคุมาโมโตะคือชั้นดินบริเวณเมืองอาโซะ น้ำฝนจะไหลซึมลึกลงไปในชั้นดินที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ผ่านการกรองตามชั้นดิน ผุดออกมาเป็นน้ำใสสะอาด
ทัวร์ที่สองที่จะไปคือเมืองมินามิอาโซะ (Minamiaso) เมืองที่ภูมิใจในน้ำใสสะอาดและอร่อย เราจะพาไปเที่ยวสถานที่เสริมดวง แล้วไปกินเมนูวากิวอาคาอุชิของดังของจังหวัดคุมาโมโตะกันค่ะ
แพลนเที่ยว : สถานที่เสริมดวง สวนโทริโนะโคซุกะ → แหล่งต้นน้ำชิราคาวะ → ร้านอาหารมินะอาโซะ มารุเด็น → จุดพักรถอาโซะโบ โนะ ซาโตะ คุกิโนะ
สวนโทริโนะโคซุกะ สถานที่เสริมดวงของนักเรียนเตรียมสอบ
สถานที่แรกที่ไปคือสถานที่เสริมดวง สวนโทริโนะโคซุกะ (Torinokozuka Park) สวนแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันว่ามี หินเม็นโนะอิชิ (Men no ishi) ถูกหนีบอยู่ระหว่างช่องว่างของผาหินและไม่หล่นลงมาเป็นหมื่นปีแล้ว
หินนี้ถูกเรียกว่า "หินไม่ตก" นักเรียนเตรียมสอบทั้งหลายจึงถือเคล็ดมาขอพรกันที่นี่เพื่อจะได้ไม่สอบตก
เป็นที่น่าเสียดายเพราะหินเม็นโนะอิชิได้ร่วงตกลงไปแล้วจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในจังหวัดคุมาโมโตะเมื่อปี 2016 แต่ปัจจุบันช่องว่างตรงหินผากลับกลายเป็นรูปแมวและทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก
ถึงหินจะตกลงไปแล้วแต่ก็ยังมีนักเรียนเตรียมสอบมาขอพรกันไม่ขาด เพราะถือว่าหินที่ตกไปแล้วก็คือตัวตายตัวแทนของตน คราวนี้ตัวเองก็ไม่ตกแน่นอน
ทางสวนสาธารณะได้สร้างรูปจำลองขนาดเล็กของหินเมงโนะอิชิก่อนที่จะตกลงมา ด้านหลังจำลองนั้นเราจะมองเห็นภูเขาที่มีช่องว่างรูปแมวบนซึ่งในอดีตเคยมีหินเมงโนะอิชิอยู่ตรงนั้น มองดูแล้วราวกับแมว (เนโกะ) ตัวหนึ่งกำลังนั่งมองยอดเขาเนโกะดาเคะซึ่งเป็นหนึ่งในห้ายอดเขาอาโซะ (*1)
ปัจจุบันมีคนมาเที่ยวที่สวนเพื่อเก็บภาพนี้ผ่านกล้องของตนเองมากกว่าตอนก่อนเกิดแผ่นดินไหวเสียอีก
*1 : ห้ายอดเขาอาโซะ ... ชื่อรวมของ 5 ยอดเขาที่รวมกันเป็นภูเขาอาโซะ ได้แก่ ยอดเขาเนโกะดาเคะ (Nekodake) ยอดเขาทาคะดาเคะ (Takadake) ยอดเขานาคาดาเคะ (Nakadake) ยอดเขาเอโบชิดาเคะ (Eboshidake) และยอดเขาคิชิมะดาเคะ (Kishimadake)
ต้นน้ำชิราคาวะและศาลเจ้าชิราคาวะโยชิมิ หนึ่งในร้อยแหล่งน้ำชื่อดัง
สถานที่ต่อไปคือ ศาลเจ้าชิราคาวะโยชิมิ (Shirakawayoshimi Shrine) ภายในศาลเจ้ามีแหล่งต้นน้ำชิราคาวะ (Shirakawa Suigen) ซึ่งเป็นหน้าเป็นตาของเมืองมานามิอาโซะ
ต้นน้ำนี้ถือเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่โบราณโดยเชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคภัย ทำให้อายุยืน ไม่แก่ไม่เฒ่า ภายในศาลเจ้ามีบริเวณมีเทพเจ้าให้สักการะได้แก่ เทพผู้ปกปักษ์ต้นน้ำชิราคาวะ เทพมังกรคุนิทัตสึไดเมียวจิน (Kunitatsu Daimyojin) และเทพีแห่งน้ำ มิตซึฮะโนเมะโนะคามิ (Mitsuhanome no Kami)
ต้นน้ำชิราคาวะได้รับเลือกจากกระทรวงสิ่งแวดล้อมให้เป็นหนึ่งใน 100 แหล่งน้ำชื่อดัง อุณหภูมิน้ำแห่งนี้อยู่ที่ประมาณ 14 องศาและใสสะอาดจนมองเห็นก้นบ่อ สีของน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มและอ่อนขึ้นอยู่กับความลึกของบ่อเกิดเป็นภาพที่น่ามหัศจรรย์
ถ้าแวะซื้อขวดน้ำที่ร้านขายของฝากข้างต้นน้ำก่อนเข้าไปชม เราจะสามารถนำน้ำชื่อดังนี้กลับไปดื่มได้นะคะ
สนับสนุนเมืองอาโซะหลังแผ่นดินไหวที่ร้านมินะอาโซะ มารุเด็น
จุดพักทานอาหารกลางวันของวันนี้คือ มินะอาโซะ มารุเด็น (Minaaso Maruden) ร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังที่ใช้เนื้อวัววากิวอาคาอุชิ
เดิมทีร้านอยู่ตรงสะพานอาโซะโอฮาชิ (Aso Ohashi Bridge) แต่ได้พังทลายลงไปจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่คุมาโมโตะ ก่อนจะเริ่มต้นกิจการใหม่ด้วยการเปิดร้านแกงกะหรี่แบบเคลื่อนที่บนรถในปี 2017 แกงกะหรี่อร่อยจนเป็นที่นิยมของคนในพื้นที่
3 ปีให้หลังจากเกิดแผ่นดินไหวในปี 2020 คุณมาซุดะผู้เป็นเชฟและเจ้าของร้านจึงเปิดมินะอาโซะ มารุเด็นขึ้นมา เป็นการเริ่มสร้างตำนานบทใหม่
ร้านนี้แม้แต่วันธรรมดาก็มีลูกค้าเต็มร้านจึงต้องจองล่วงหน้าก่อน
วัวพันธุ์อาคาอุชิทนต่อทั้งความร้อนและความหนาวเย็น จึงเหมาะที่จะนำมาเลี้ยงแบบปล่อยในทุ่งบริเวณอาโซะ หากเปรียบเทียบกับเนื้อวัวขนดำพันธุ์คุโรเกะวากิวซึ่งเป็นที่นิยมในประเทศญี่ปุ่นแล้ว เนื้อวากิวอาคาอุชิมีจุดเด่นอยู่ที่มีเนื้อแดงเยอะกว่า ภายในเนื้อมีกรดทอรีนอยู่มากซึ่งมีผลช่วยเรื่องการทำงานของตับและควบคุมความดันโลหิต
ออเดิร์ฟคือแฮมอาคาอุชิที่ใช้เวลาบ่ม 2 อาทิตย์ในอุณหภูมิต่ำแบบสุญญากาศ พอตักเข้าปากแล้วก็สัมผัสได้ถึงความหวานของไขมันที่ถูกดึงขึ้นมาด้วยความเค็มที่กำลังดี รสสัมผัสก็เด่นไม่แพ้กัน
อาหารจานหลักเป็นวากิวอาคาอุชิย่างถ่าน เนื้อย่างด้วยถ่านผสมปั้นทรงกลมเรียกว่ามาเมะตันจึงทำให้เนื้อด้านนอกเกรียมกำลังดี ส่วนเนื้อด้านในเป็นสีชมพูสวย ทุกคำที่กัดลงไปน้ำภายในเนื้อก็จะซึมออกมาอย่างชุ่มฉ่ำอร่อยมาก กินคู่กับข้าวอาคิเกะชิคิ (Akigeshiki) ปลูกในเมืองอาโซะนำไปหุงในหม้อดิน
มื้อนี้ปรุงรสอย่างเรียบง่ายเพื่อให้เราได้ลิ้มรสวัตถุดิบคุณภาพดีของเมืองอาโซะ
นอกจากวากิวอาคาอุชิแล้วยังมีเมนูอื่นอีก เช่น ปลาเรนโบว์เทราต์ (Niji Masu) รมควันราดด้วยโชยุใสไร้สีที่พัฒนาโดยผู้ผลิตโชยุในจังหวัดคุมาโมโตะ เสิร์ฟคู่กับเยลลี่ใสทำจากน้ำในเมืองอาโซะทำให้ได้เพลินไปกับรสชาติและรสสัมผัสที่แปลกใหม่
นอกจากนี้ยังมีซุปอิตาเลียนที่เคี่ยวจากผักในท้องถิ่น พาสต้าไวท์ซอสอิตาเลียนที่ใช้นมวัวที่เลี้ยงในเมืองอาโซะและเมนูอื่นๆ มากมาย ส่วนใครที่ไม่กินเนื้อก็มีเมนูซีฟู้ดเตรียมไว้ด้วยนะคะ
ไม่ว่าจานไหนพอกินแล้วก็ยิ้มแก้มปริขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นอาหารที่ราวกับมีเวทมนตร์จริงๆ
*รายละเอียดอาหารและวัตถุดิบอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับฤดูกาลและช่วงเวลา
ทัวร์เมืองมินามิอาโซะ จังหวัดคุมาโมโตะ
ใครที่สนใจเที่ยวเมืองอาโซะและชิมวากิวอาคาอุชิ ขอแนะนำให้เข้าร่วมทัวร์ออนไลน์กันเลย เซ็ตสเต็กวากิวอาคาอุชิจะถูกจัดส่งให้ถึงบ้านคุณ มีวิดิโอสอนขั้นตอนการทำอาหารด้วยนะคะ!
วันจัดกิจกรรมจะมีการอัพเดตให้ทราบอีกครั้ง
ดื่มนมวัวชื่อดังที่จุดพักรถอาโซะโบโนะซาโตะ คุกิโนะ
อีกหนึ่งของอร่อยห้ามพลาดที่เมืองอาโซะคือนมวัวสดใหม่ เรามาซื้อนมวัวและผลผลิตทางการเกษตรของเมืองนี้ได้ที่จุดพักรถอาโซะโบโนะซาโตะ คุกิโนะ (Michi no Eki Asobo no Sato Kugino)
นมวัวอาโซะเป็นนมวัวชนิดแรกของประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัลสามดาว Superior Taste Award จาก International Taste Institute ที่จะมอบให้กับอาหารและเครื่องดื่มรสชาติดีเยี่ยมเท่านั้น
ที่จุดพักรถมีนมหลายแบบให้เลือกตั้งแต่ระดับดื่มง่ายไปจนถึงเข้มข้น มาลองชิมตามหารสที่ชอบดูนะคะ
3. ทริปลิ้มรสอาหารทะเลและจิบชาฝรั่ง : ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งเอเชีย เมืองมินามาตะ
เมืองมินามาตะ (Minamata) อยู่ทางใต้สุดของจังหวัดคุมาโมโตะ เป็นพื้นที่ล้อมรอบด้วยทะเลและมีวิวทิวทัศน์สวยงาม ทางเมืองทุ่มเทกับการปกป้องสภาพแวดล้อม ทำให้ที่นี่มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และมีอาหารทะเลสดใหม่เป็นของขึ้นชื่อ
ทัวร์ที่สามคือทัวร์ตระเวนทั่วเมืองมินามาตะค่ะ
แพลนเที่ยว : หอยนางรมโคอิจิ → อาหารกลางวันที่สึรุโนะยะ → กิจกรรมเก็บใบชาและชิมชาที่ไร่ชาอามาโนะ
หอยนางรมโคอิจิที่มีเฉพาะช่วงฤดูหนาว
Picture courtesy of H.I.S
ที่เกาะโคอิจิ (Koiji Island) บนทะเลชิรานุอิ ทะเลในเมืองมินามาตะมีการเพาะเลี้ยงหอยนางรมโคอิจิ อยู่ หอยนางรมโคอิจิที่เหล่าชาวประมงมินามาตะเลี้ยงด้วยน้ำทะเลใสสะอาดนี้ถึงตัวจะเล็กแต่มีรสชาติที่เข้มข้นมาก สามารถหากินได้ที่ร้านหอยนางรมในจุดพักรถเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น
ทัวร์ออนไลน์เมืองมินามาตะและเมืองอาชิคิตะ (Ashikita) จังหวัดคุมาโมโตะ
ใครที่สนใจเที่ยวเมืองมินามาตะและอาชิคิตะ เราขอแนะนำให้เข้าร่วมทัวร์ออนไลน์กันนะคะ เซ็ตข้าวอบสเปนปาเอญ่าใส่หอยนางรมโคอิจิและอื่นๆ กับซุปสูตรพิเศษจากเซฟจะถูกจัดส่งตรงถึงบ้านคุณเลย พร้อมวิธีทำข้าวอบสเปนทางออนไลน์ด้วยนะ (บริการส่งอาหารถึงบ้านของทัวร์ออนไลน์นี้ สำหรับผู้เข้าร่วมที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น)
วันจัดกิจกรรมจะอัพเดตทางเว็บไซต์เรื่อยๆ
ทัวร์ออนไลน์เมืองมินามาตะและเมืองอาชิคิตะ
เซ็ตข้าวอบสเปนหอยนางรมโคอิจิกับซุปสูตรพิเศษส่งตรงถึงบ้านคุณ
ทานอาหารจากเชฟชื่อดังที่เรียวกังกลางเขา สึรุโนะยะ
Pictures courtesy of H.I.S
จุดทานอาหารเที่ยงคือออนเซ็นเรียวกังกลางเขา เรือนรับรองยุโนะสึรุ สึรุโนะยะ (Tsurunoya) ตัวอาคารออกแบบโดยคุณมิโทโอกะ เอจิ (Mitooka Eiji) นักออกแบบเชิงอุตสาหกรรมระดับโลก มีความกลมกลืนไปกับวิวทิวทัศน์ที่แวดล้อม และยังได้ยินเสียงร้องของนกและจั๊กจั่นจากบริเวณรอบๆ ด้วย
อาหารของที่นี้ใช้วัตถุดิบเกรดดีที่สุดที่ผลิตในเมืองมินามาตะและควบคุมตรวจสอบโดยเชฟอิเดะ หัวหน้าห้องอาหารบนรถไฟนำเที่ยวฮิซัตสึ ออเรนจ์ เรลเวย์ (Hisatsu Orange Railway) ของบริษัทรถไฟ JR คิวชู
*รายละเอียดอาหารและวัตถุดิบอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับฤดูกาลและช่วงเวลา
จิบชาฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่นที่ไร่ชาอามาโนะ
Picture courtesy of H.I.S
เมืองมินามาตะที่มีภูมิอากาศอบอุ่นแบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนี้มีการปลูกชาอยู่บริเวณระหว่างภูเขาด้วย ในช่วงปี 1956 เกิดมลพิษและโรคมินามาตะทำให้ความนิยมของชามินามาตะลดลงไป แต่ทางเมืองได้ลงแรงกับการรักษาและฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ภูเขาที่สวยงาม ไร่ชา และน้ำที่ใสสะอาดจึงฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง
Pictures courtesy of H.I.S
ปัจจุบันที่เมืองมินามาตะมีการผลิตชาฝรั่งที่ทำมาจากใบชาเขียวหรือชาฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่นอยู่มาก คุณอามาโนะเจ้าของไร่ชาอามาโนะ (Amano Seichaen) ที่ทัวร์พามาชม เริ่มปลูกชาแบบไม่ใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมี รวมถึงผลิตชาฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 1979
คุณอามาโนะเป็นหนึ่งในสี่เทพผู้เชี่ยวชาญการผลิตชาฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่นแบบปลอดสารพิษที่คุมาโมโตะ เขาเล่าให้ฟังว่าที่ร้านมีวิธีผลิตชาฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่นคุณภาพสูงและอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างไร
ในทัวร์มีกิจกรรมเก็บใบชาและชิมชาฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่นด้วย รสชาติของชาฝรั่งสไตล์ญี่ปุ่นนั้นดื่มง่าย ฝาดน้อยกว่าชาฝรั่งสไตล์อังกฤษ
เที่ยวและสัมผัสลักษณะพื้นที่ ผู้คนและวัฒนธรรมของคุมาโมโตะอย่างเต็มอิ่ม
ทัวร์ทั้ง 3 ทริปได้พาเราไปพบกับเสน่ห์ของคุมาโมโตะทั้ง 3 แบบตามสมญาดินแดนแห่งไฟ นครแห่งน้ำและอาณาจักรแห่งอาหาร หากใครสนใจ มาติดตามข่าวสารกัน เมื่อทัวร์เปิดรับสมัครครั้งหน้าจะได้เข้าร่วมไปสัมผัสพื้นที่ ผู้คนและวัฒนธรรมของคุมาโมโตะให้เต็มอิ่มนะคะ
วันเดย์ทริปโดยรถบัส ตะลุยกินอาหารคุมาโมโตะถึงแหล่งผลิตแบบฟูลคอร์ส
Written by Lin
Sponsored by Kumamoto Prefectural Tourism Federation
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง