Start planning your trip
พิพิธภัณฑ์บ้านญี่ปุ่นโบราณ ศูนย์รวมบ้านเรือนยุคเอโดะในโอซาก้า (Osaka)
เพลิดเพลินกับบ้านเรือนในยุคเอโดะที่ขนย้ายมาจากทั่วประเทศญี่ปุ่นได้ที่ พิพิธภัณฑ์บ้านญี่ปุ่นโบราณ ในเมืองโทโยนากะ (Toyonaka) ทางตอนเหนือของโอซาก้า (Osaka) ชมเตาถ่านคามะโดะและเตาอิโรริของจริง พร้อมอิ่มใจไปกับธรรมชาติทั้งสี่ฤดูกาลของญี่ปุ่น
พิพิธภัณฑ์บ้านญี่ปุ่นโบราณ
พิพิธภัณฑ์บ้านญี่ปุ่นโบราณ (Open Air Museum of Old Japanese Farm Houses) โดดเด่นที่เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่รวมบ้านเรือนในยุคเอโดะกว่า 12 หลังจากทั่วทั้งประเทศมาไว้ที่เมืองโทโยนากะ (Toyonaka) ทางตอนเหนือของโอซาก้า (Osaka) มีผู้มาเยือนปีละ 37,000 คน ในจำนวนนั้นเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 3,100 คน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนยังไม่รู้จัก
พิพิธภัณฑ์ได้รับการดูแลรักษาด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร อีกทั้งยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และการศึกษา บางครั้งยังเป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์แบบย้อนยุคและรายการโทรทัศน์ด้วย
เมื่อเข้าประตูพิพิธภัณฑ์ไปจะเจอฝ่ายประชาสัมพันธ์ทางด้านขวา สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่นี่เลย ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ราคา 500 เยน ประตูนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่นำมาจัดแสดงด้วย เดิมเป็นประตูบ้านของตระกูลผู้ทำหน้าที่เป็นโชยะ ซึ่งเป็นชื่อตำแหน่งของผู้รับผิดชอบด้านการเมืองในหมู่บ้านสมัยก่อน ทำการรื้อถอนแล้วย้ายมาสร้างใหม่ที่นี่
เมื่อเข้าไปด้านใน จะเจอป้ายบอกทางไปด้านซ้ายและขวา ครั้งนี้เราขอเลือกไปทางซ้ายแล้วค่อยเดินวนตามเข็มนาฬิกากันค่ะ ภายในส่วนจัดแสดงนี้สามารถถ่ายรูปได้ เพียงแต่ขอความร่วมมือระมัดระวังการทำให้อาคารเสียหายและไม่รบกวนผู้มาเยี่ยมชมท่านอื่นๆ แค่นั้นค่ะ
อาคารสองหลังแรกที่เราเจอคือ "บ้านฮิวกะชิอิบะ" ทั้ง 2 หลังถูกย้ายมาจากหมู่บ้านกลางหุบเขา หมู่บ้านชิอิบะ จังหวัดมิยาซากิ หลังด้านหน้าคืออุมะยะ มีไว้สำหรับเลี้ยงม้ากับใช้เป็นยุ้งฉาง ส่วนหลังด้านในคือโอโมะยะ (อาคารที่อยู่อาศัยสำหรับครอบครัว) เนื่องจากว่าบ้านสร้างอยู่บนแนวลาดชันของภูเขา จึงมีลักษณะเป็นแนวแคบและยาว สามารถถอดรองเท้าแล้วเข้าไปชมข้างในได้
ต่อไปคือ "บ้านชินาโนะ อาคิยามะ" เป็นบ้านที่ย้ายมาจากแถวตอนเหนือของจังหวัดนากาโนะในปัจจุบัน ความพิเศษของบ้านนี้คือกำแพง ปกติเราจะเห็นบ้านที่มุงหลังคาแบบคายะบุกิ (*1) แต่บ้านหลังนี้มุงทั้งหลังคาและกำแพงบ้านด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าแปลกและหายากมากๆ
*1:คายะบุกิ...หลังคาที่มุงด้วยฟางจากพืชที่เรียกว่า คายะ นิยมใช้กันตามหมู่บ้านชาวนาของญี่ปุ่นในสมัยก่อน
เตาถ่านคามะโดะ ความร้อนจากเตาถ่านจะกระจายไปทั่วโดมะ (โถงในบ้านที่เป็นพื้นดิน ไม่ได้ปูทับด้วยไม้) ทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องทำความร้อน ช่วยสร้างความอบอุ่นให้ผ่านฤดูหนาวอันแสนโหดร้ายไปได้
บ้านหลังนี้ที่สร้างอยู่บนเนินเล็กๆ คือ "บ้านเอจิเซ็นสึรุกะ" ขนย้ายมาจากบริเวณที่เป็นจังหวัดฟุคุอิในปัจจุบัน มีเสาและคานหนาใหญ่ เป็นอาคารที่แข็งแรงเพื่อรองรับน้ำหนักของหิมะ สมกับเป็นบ้านในประเทศตอนเหนือ
วันนี้ทางอาสาสมัครได้สาธิตวิธีจุดไฟของเตาอิโรริให้เราดูด้วย บนเตาจะเห็นตะขอจิไซคากิที่เอาไว้ใช้แขวนหม้อสำหรับทำอาหาร เตาอิโรริไม่ได้มีไว้เพื่อปรุงอาหารเท่านั้น ยังทำหน้าที่อีกหลายๆ อย่าง เช่น ทำความอุ่น ให้แสงสว่าง ไล่แมลงด้วยควัน จึงเป็นสถานที่รวมตัวกันของผู้คนที่เหมาะมาก
เมื่อมองไปทางห้องรับแขกจะเห็นจ่อเลี้ยงไหมถูกแขวนไว้เป็นชั้นๆ การเพาะเลี้ยงตัวไหมก็เป็นอุตสาหกรรมหลักอย่างหนึ่งของญี่ปุ่นในอดีต
อาคาร "ห้องน้ำชาคิตะคาวะจิแห่งโอซาก้า" ในตอนนี้บางครั้งก็ถูกใช้เป็นที่จัดงานพิธีชงชาด้วย
นี่คือ "เวทีแสดงคาบุกิชาวบ้านของโชโดะชิมะ" คนในหมู่บ้านจะมารวมตัวกันอย่างคึกคักและเพลิดเพลินไปกับการแสดงคาบุกิ
ใน "บ้านเซ็ทสึโนะเสะ" มีเตาถ่านคามะโดะที่เชื่อมกันสี่เตา แต่ละเตาจะมีขนาดแตกต่างกันไปตามการใช้งาน เช่น ใช้หุงข้าว หรือใช้ต้มน้ำร้อน
เมื่อเดินใกล้จะครบรอบแล้วเราก็จะได้พบกับ "บ้านแบบกัชโชสึคุริของฮิดะชิราคาวะ" การย้ายบ้านซึ่งเคยจมอยู่ที่ก้นเขื่อนหลังนี้มาคือจุดเริ่มต้นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เลย จึงเรียกว่าเป็นอาคารที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ก็ว่าได้ ตัวบ้านมีทั้งหมด 3 ชั้น ในชั้น 2 และ 3 เอาไว้สำหรับการเพาะเลี้ยงตัวไหม
เมื่อมองจากอีกด้านจะเห็นลักษณะการก่อสร้างเป็นมุขยื่นออกมาอย่างนี้
สามารถเข้าไปชมด้านในได้ มีรองเท้าแตะกับรองเท้าฟางวาระโซริน่ารักๆ วางเตรียมไว้อยู่ด้วย รู้สึกได้ถึงความใส่ใจและความอ่อนโยนเลย ที่นี่ก็มีเตาอิโรริเหมือนกันนะ
เสน่ห์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่อาคารบ้านเรือนโบราณที่จัดแสดงเท่านั้น แต่ยังสามารถมาสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นในอดีตอันน่าโหยหาอย่างพระพุทธรูปโอจิโซซัง การทำเกษตรกรรม ธรรมชาติในสี่ฤดูกาลอย่างซากุระในฤดูใบไม้ผลิ สีเขียวชอุ่มของต้นไม้ในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และทิวทัศน์สีขาวโพลนของหิมะในฤดูหนาว การได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นในยุคสมัยที่ไม่มีทั้งไฟฟ้าและแก๊สที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และลงแรงทำทุกอย่างเองด้วยมือ น่าจะเป็นประสบการณ์ที่มีความหมายสำหรับพวกเราที่อาศัยอยู่ในยุคปัจจุบันมากทีเดียว
มีป้ายอธิบายอาคารต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ และโบรชัวร์ในภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาเกาหลี และใบปลิวภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส และภาษาสเปน
กิจกรรมที่สามารถร่วมทำได้
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วนอกจากจะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สามารถสัมผัสความเป็นอยู่ของญี่ปุ่นในยุคสมัยที่ซามูไรยังมีชีวิตอยู่ได้แล้ว ยังเคยออกรายการโทรทัศน์ในเยอรมัน ซึ่งทุกคนให้ความสนใจกับเตาอิโรริของญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่สามารถเพลิดเพลินได้แม้จะพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ เช่น การทดลองสวมใส่ชุดกิโมโน พิธีชงชา การเล่นลูกข่าง ทดลองใช้โม่หิน เป็นต้น
ทดลองสวมชุดกิโมโน : กำหนดการจนถึงเดือนกันยายน ปี 2018 ทุกวันอังคาร เวลา 10:00-15:00 ท่านละ 300 เยน / 1 ชั่วโมง
การเล่นลูกข่าง : กำหนดการตั้งแต่เดือนเมษายน - กรกฎาคม และเดือนกันยายน ทุกวันเสาร์ เวลา 13:30-15:30 เข้าร่วมฟรี อาจมีการหยุดให้บริการชั่วคราวเนื่องจากสภาพอากาศ
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาตรวจสอบจากเว็บไซต์ทางการ (ภาษาญี่ปุ่น)
คุณโคะจิมะ ผู้ที่พาเราเดินชมพิพิธภัณฑ์ในครั้งนี้ ฝากบอกมาว่า "อยากให้ทุกคนได้ลองมาเพลิดเพลินกับดอกไม้นานาพรรณทั้งสี่ฤดูกาล ธรรมชาติอันสวยงามของญี่ปุ่น บรรยากาศน่าผ่อนคลาย และวิถีชีวิตดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นกัน" ทุกคนก็ลองมาย้อนเวลากลับไปสัมผัสชีวิตชนบทแบบญี่ปุ่นด้วยกันที่ชานเมืองของโอซาก้ากันดูไหมคะ?
日本文化、特に絵画や工芸品が好き。福岡、京都、大阪、ベルギー、アメリカを経て現在は神戸在住。座右の銘は「住めば都」。
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง