Start planning your trip
6 ไฮไลท์ของปราสาทวาคายามะ (Wakayama Castle) เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์และประวัติศาสตร์
ถ้าเที่ยวแถบคันไซจนครบแล้วยังไม่จุใจ อยากสัมผัสความโลคอลโดยไม่ต้องผจญกับผู้คน ขอแนะนำเมืองวาคายามะ ซึ่งสามารถนั่งรถไฟจากโอซาก้าเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง! ครั้งนี้เราจะไปปราสาทวาคายามะซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้กัน
ปราสาทวาคายามะ โครงสร้างที่หาชมได้ยากในญี่ปุ่น
ออกจากประตูทิศตะวันตกของสถานีวาคายามะ (Wakayama) รถไฟ JR แล้วตรงไป จะพบปราสาทวาคายามะอันเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดวาคายามะครับ
ประวัติความเป็นมาของปราสาทแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi *1) บัญชาให้น้องชายสร้างปราสาทนี้ขึ้นในปี 1585 ปราสาทแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานในฐานะที่พำนักของตระกูลคิชูโทคุกาวะ (Kishu Tokugawa) ซึ่งเป็นหนึ่งในโทคุกาวะโกะซังเคะ (Tokugawa Gosanke *2) ในสมัยเอโดะ ตัวปราสาทเดิมได้รับความเสียหายจากศึกสงครามในปี 1945 ตัวปราสาทในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1958
*1 : โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ... ขุนพลในยุคเซ็นโกคุที่พยายามรวบรวมญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งเดียว และเคยเป็นผู้ที่ครอบครองปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) อีกด้วย
*2 : โทคุกาวะโกะซังเคะ ... ตระกูลไดเมียวซึ่งมีตำแหน่งสูงสุดในหมู่เครือญาติของตระกูลโทคุกาวะในยุคเอโดะ
สิ่งปลูกสร้างสูงที่สุดของปราสาทวาคายามะคือเท็นชุคาคุหรือป้อมปราสาท โดยมีอาคารหลักและอาคารรองอีก 3 หลัง ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยระเบียงทางเดิน หากมองจากด้านบนลงมาก็จะเห็นเป็นรูปสี่เหลี่ยม เป็นปราสาทที่มีโครงสร้างแปลกตาอย่างที่เรียกกันว่า เร็นริตสึชิคิ เท็นชุคาคุ (Renritsushiki Tenshukaku) (ปราสาทที่มีการเชื่อมอาคารต่อกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม) นอกจากปราสาทวาคายามะแล้วในประเทศญี่ปุ่นก็มีปราสาทเพียงไม่กี่แห่งที่มีโครงสร้างเช่นนี้ เช่น ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) ปราสาทมัตสึยามะ (Matsuyama Castle) ปราสาททาคาโทริ (Takatori Castle) ใครที่ชื่นชอบปราสาทห้ามพลาดนะครับ
6 ไฮไลท์ของปราสาทวาคายามะ
เราขอแนะนำปราสาทวาคายามะให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีอะไรบ้าง รวมถึงจุดถ่ายภาพด้วยครับ
1. ป้อมปราสาท ชมวิวของวาคายามะทั้งเมือง
อยากให้มาที่ป้อมปราสาทในช่วงเย็นๆ ครับ ที่นี่เป็นจุดถ่ายภาพยอดเยี่ยมที่สามารถมองเห็นเมืองวาคายามะได้แบบ 360 องศา แล้วยังชมพระอาทิตย์ตกลงทะเลได้ด้วย
นอกจากนี้ภายในปราสาทยังมีการจัดแสดงสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับปราสาทวาคายามะ ถ้ามีเวลาก็อยากให้มาชมกันให้ได้ครับ
ที่ปราสาทวาคายามะจะมีโอโมเทนาชินินจา (Omotenashi Ninja) คอยต้อนรับอยู่บริเวณเนินทางเข้าออกที่มุ่งหน้าไปยังป้อมปราสาท และบริเวณทางเข้าออกป้อมปราสาท นินจาเหล่านี้จะคอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่นั่งรถเข็น แถมยังช่วยถ่ายภาพและบอกทางให้ด้วยครับ!
ปราสาทวาคายามะมีแผ่นพับภาษาอังกฤษ ภาษาจีน (ตัวย่อและตัวเต็ม) และภาษาเกาหลีไว้บริการด้วยนะครับ
2. สวนนิชิโนะมารุเทเอ็นและเรือนน้ำชา มุมถ่ายภาพแสนผ่อนคลาย
สวนนิชิโนะมารุเทเอ็น (Nishi no Maru Teien) เป็นสวนญี่ปุ่นกล่าวกันว่าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงต้นสมัยเอโดะ เป็นสวนที่ขึ้นชื่อในเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงาม พอเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นมากมายแวะมาเยี่ยมชม ช่วงเช้าจะมีคนไม่มากนัก ท่านที่อยากชมใบไม้เปลี่ยนสีแบบสบายๆ หรืออยากถ่ายภาพแนะนำให้ตื่นเช้าแล้วรีบมากันสักหน่อยครับ
สวนแห่งนี้มีเรือนน้ำชาซึ่งสามารถมาดื่มชาเขียวมัทฉะกับทานขนมญี่ปุ่นได้ เรือนน้ำชาเปิดทำการเวลา 9:00 - 16:30 น. ส่วนชุดชาเขียวมัทฉะกับขนมญี่ปุ่นราคา 460 เยนครับ
3. สะพานโอฮาชิโรกะ สะพานเอียงแปลกระดับโลก!?
เมื่อเข้าไปในสวนนิชิโนะมารุเทเอ็นจะพบกับสะพานโอฮาชิโรกะ (Ohashi Roka Bridge) ซึ่งเป็นสะพานลาดเอียง เนื่องจากในสมัยเอโดะนั้นจำกัดเฉพาะบางคนที่สามารถเดินข้ามสะพานนี้ได้ จึงสร้างไม่ให้ภายนอกมองเห็นด้านในได้ แต่ในปัจจุบันไม่ว่าใครก็สามารถเข้าไปด้านในได้เพียงถอดรองเท้า พื้นมีความขรุขระป้องกันลื่น แม้จะลาดชันก็ไม่เป็นปัญหา สามารถข้ามได้อย่างสบายใจครับ
4. สวนสัตว์ ที่น่าพาเด็กๆ มาเที่ยวมาก
ปราสาทวาคายามะยังมีสวนสัตว์ที่สามารถเข้าชมได้ฟรี มีสัตว์กว่า 30 ชนิดไม่ว่าจะเป็นแพะ เพนกวิน หมี หรือกวางให้ได้ชม สามารถพาเด็กๆ ไปสนุกด้วยกันได้ครับ!
5. หอประวัติศาสตร์วาคายามะ เจาะลึกเรื่องราวของปราสาทวาคายามะ
ข้างลานจอดรถบัสของปราสาทวาคายามะมีหอประวัติศาสตร์วาคายามะ (Wakayama Historical Museum) ซึ่งเราสามารถมาชมวีดิโอเสมือนจริง (Virtual Reality Video) เกี่ยวกับประวัติของปราสาทวาคายามะ หรือชมดาบ หมวกนักรบ และอื่นๆ ด้วยครับ วีดิโอมีคำบรรยายภาษาอังกฤษ รวมทั้งสิ่งของที่จัดแสดงก็มีคำบรรยายภาษาอังกฤษติดไว้เช่นกันครับ
ลองแวะมาที่นี่ก่อนจะเข้าชมปราสาทเพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ก่อนก็ดีนะครับ
นอกจากนี้ที่ปราสาทวาคายามะยังมีแอปพลิเคชันระบบเสมือนจริง (Virtual Reality) ที่ชื่อ Street Museum ให้ได้ใช้กันทางโทรศัพท์สมาร์ตโฟน สามารถดูสภาพของปราสาทในสมัยเอโดะด้วยแอปพลิเคชันระบบเสมือนจริงพร้อมกับฟังคำบรรยายได้ครับ แอปพลิเคชันนี้รองรับคำบรรยายภาษาอังกฤษด้วย
6. จุดชมวิวบนศาลาว่าการเมืองวาคายามะ ชมวิวปราสาททั้งหลัง
ถ้าอยากเห็นวิวทั้งหมดของปราสาทวาคายามะก็ต้องไปที่ จุดชมวิวบนศาลาว่าการเมืองวาคายามะ (ชั้น 14) เดินจากปราสาทไปประมาณ 20 นาทีครับ
สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของปราสาทวาคายามะทั้งหมดได้แบบนี้
ด้านข้างจุดชมวิวมีร้านอาหารจูยงไคโนเอ็น (Juuyon kai nouen หรือ The 14th-floor Farm) คุณจะทานอาหารสบายๆ ไปพร้อมกับชมวิวปราสาทได้ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านสไตล์บุฟเฟต์ที่มีอาหารกว่า 50 เมนู มีอาหารสุขภาพที่เน้นผักเป็นหลัก สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยครับ
พลาดไม่ได้กับทิวทัศน์ในฤดูกาลต่างๆ
Picture courtesy of Wakayama City
ปราสาทวาคายามะขึ้นชื่อทั้งเรื่องความสวยงามของซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี ทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูที่มาเยือนก็น่าสนใจไม่น้อยครับ
ถ้าโชคดีอาจจะได้เห็นวิวปราสาทท่ามกลางหิมะ
Picture courtesy of Wakayama City
ที่วาคายามะมีหิมะตกน้อยครั้งมาก เพียงแค่ปีละ 1 ครั้งได้ ภาพแบบนี้ดูแล้วเหมือนอยู่ในความฝันเลยทีเดียว
ไปเดินเล่นย่านการค้าในละแวกใกล้เคียงกัน
ข้ามทางแยกตรงป้ายรถบัสหน้าปราสาทวาคายามะแล้วตรงไป จะพบกับย่านการค้าบุราคุริโจ (Burakuricho) เป็นสถานที่ที่เราสามารถมาเล่นเกมซึ่งคล้ายเกมพินบอล (Pinball) เรียกว่า สมาร์ตบอล (Smartball) ได้
สองฝั่งของย่านการค้ามีซอยแคบๆ ที่เต็มไปด้วยร้านค้า มีป้ายมากมายที่เขียนด้วยภาษาญี่ปุ่น ให้ความรู้สึกเหมือนสมัยโชวะ ลองไปเที่ยวชมบรรยากาศที่นี่กันดูนะครับ
วิธีการเดินทาง
ขอแนะนำวิธีการเดินทาง 2 แบบในกรณีจะเดินทางไปยังวาคายามะหลังจากเที่ยวในโอซาก้าแล้ว
วิธีการเดินทางจากสถานีโอซาก้า (Osaka) รถไฟ JR
จากสถานีโอซาก้า (Osaka) ถึงสถานีวาคายามะ (Wakayama) รถไฟ JR :
ขึ้นรถไฟด่วน JR สายคิชูจิ (Kishuji Rapid Line) ที่ชานชาลา 1 สถานีโอซาก้า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ค่าโดยสาร 1,240 เยน
ข้อควรระวังคือต้องขึ้น ตู้โดยสาร 4 ตู้หลังของขบวนรถไฟเท่านั้นนะครับ! รถไฟ JR จากสถานีโอซาก้าที่มุ่งหน้าไปสถานีวาคายามะมีตู้โดยสารทั้งหมด 8 ตู้ แต่ตู้โดยสาร 4 ตู้หน้าจะถูกแยกออกระหว่างทางเพื่อมุ่งหน้าไปยังสนามบินนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport)
จากสถานีรถไฟถึงปราสาทวาคายามะ :
สามารถนั่งรถบัสจากสถานี JR วาคายามะได้เลยครับ ให้ขึ้นรถที่ด้านหน้าเขียนว่าหมายเลข 0 หรือหมายเลข 25 แล้วลงที่ป้ายโคเอ็นมาเอะ (Kouenmae : 公園前) ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ค่าโดยสาร 230 เยน
บนรถบัสจะไม่มีเงินทอน ตอนจ่ายเงินถ้าไม่มีเหรียญพอดีต้องใช้เครื่องแลกเงินที่อยู่ด้านหน้ารถครับ
วิธีการเดินทางจากโดทงโบริ (Dotonbori) สถานีนัมบะ (Namba)
จากสถานีนัมบะ (Namba) ถึงสถานีวาคายามะ (Wakayama) รถไฟนันไค (Nankai) :
ถ้าจะเดินทางไปยังวาคายามะหลังจากเที่ยวในย่านโดทงโบริ ขอแนะนำให้ใช้บริการรถไฟนันไคครับ! จากโดทงโบริซึ่งมีป้ายกูลิโกะตั้งอยู่นั้น ให้เดินไปทางทิศใต้ราว 15 นาทีก็จะมาถึงสถานีนัมบะ (Namba) รถไฟนันไค (Nankai)แล้ว
จากสถานีนัมบะไปยังสถานีวาคายามะใช้บริการ Limited Express Southern (Nankai Main Line) จะสะดวกที่สุด ตู้โดยสาร 4 ตู้หน้าของรถไฟเป็นที่นั่งแบบจองล่วงหน้าซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ส่วน 4 ตู้หลังเป็นที่นั่งแบบไม่ต้องจอง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 920 เยน สามารถจองที่นั่งล่วงหน้าโดยเพิ่มเงิน 510 เยน หากต้องการนั่งสบายๆ ระหว่างเดินทางก็แนะนำให้จองที่นั่งครับ
จากสถานีรถไฟถึงปราสาทวาคายามะ :
เมื่อออกจากสถานีวาคายามะของรถไฟนันไคแล้วให้ข้ามถนนและเดินตรงไปทางสะพานลอย เดินราว 10 นาทีก็จะมาถึงคลองที่ล้อมรอบด้านนอกของปราสาทวาคายามะ
เปิดประสบการณ์แปลกใหม่ที่วาคายามะ
สำหรับผู้ที่เคยไปโอซาก้าหรือเกียวโตมาแล้วหลายครั้ง น่าจะรู้สึกแปลกใหม่และสนุกไปกับการท่องเที่ยวในเมืองวาคายามะซึ่งมีบรรยากาศแตกต่างออกไปครับ! การเดินทางจากสนามบินนานาชาติคันไซก็สะดวกสบายมากๆ ครั้งหน้าลองใส่วาคายามะลงไปในตารางเที่ยวของคุณดูนะครับ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
ขอบคุณความร่วมมือจาก Wakayama Castle Facilities Planning Division, Wakayama City
「RECO〜写真をもっと楽しくするメディア〜」でフォトグラファーとして活動しています。Instagram @yuji87 https://www.instagram.com/yuji87/
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง