Start planning your trip
【โตเกียว】โมจิทอดเอาใจชาวมังสวิรัติร้าน “สึกิโตะเซมเบ้” ของขึ้นชื่อประจำคัตสึชิกะ
“สึกิโตะเซมเบ้” คือ ร้านจำหน่ายโมจิทอดขึ้นชื่อในหมู่ผู้คนท้องถิ่นซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสถานีอาโอโตะในเขตคัตสึชิกะของโตเกียวประมาณเดินเท้า 5 นาที ไหนใครอยากมาลิ้มลองโมจิทอดยอดนิยมถึงขนาดมีผู้คนยอมลงทุนถ่อมาซื้อจากที่ไกลๆกันบ้างเอ่ย?
“Sugitosembei (สึกิโตะเซมเบ้)” ร้านเก่าแก่อายุกว่า 90 ปี
“Keisei Electric Railway” คือ ระบบขนส่งสาธารณะยอดนิยมที่วิ่งให้บริการระหว่างสนามบินนาริตะ – โตเกียว บริเวณ Aoto Station ซึ่งมีผู้ใช้บริการมากมายแห่งนี้เป็นที่ตั้งของร้าน “Sugitosembei (สึกิโตะเซมเบ้)” โดยวิธีการเดินทางก็ง่ายแสนง่ายเพียงแค่เดินจากย่านร้านค้าสุดคึกคักด้านหน้าสถานีรถไฟไปประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว
ที่มาของชื่อ “สึกิโตะเซมเบ้” ก็มาจากเมืองสึกิโตะในจ.ไซตามะซึ่งเป็นบ้านเกิดของบรรพบุรุษรุ่นก่อนนี่แหละ ที่นี่เป็นร้านค้าเก่าแก่อายุกว่า 90 ปี ในช่วงแรกเคยเป็นร้านค้าที่ตั้งอยู่ในโซนยตสึกิก่อนถึงสถานีอาโอโตะ 2 ป้าย
แต่ภายหลังก็ตัดสินใจย้ายทำเลเพื่อหนีเพลิงไหม้จากสงครามโลกครั้งที่ 2 มายังโลเคชั่นปัจจุบันซึ่งห่างจากสถานีอาโอโตะประมาณเดินเท้า 5 นาที หลังจากนั้น ร้าน “สึกิโตะเซมเบ้” ก็ตั้งรกรากอยู่ที่นี่มาโดยตลอดและกลายเป็นร้านค้าในดวงใจของผู้คนท้องถิ่นและแฟนๆเซมเบ้มากมายทั้วประเทศ
ชมวิธีการทำ “โมจิทอด” สุดพิถีพิถันของร้านค้าเก่าแก่!
“สึกิโตะเซมเบ้” แห่งนี้มีโรงงานผลิตอยู่ด้านหลังร้าน โดยมีเชฟคอยทำโมจิทอดอย่างพิถีพิถันภายในโรงงาน
อาเกคาคิโมจิ คือ โมจิสไลซ์ซึ่งทำมาจากข้าวเหนียวทอดด้วยน้ำมัน “อาเกคาคิโมจิ” จึงหมายถึง เซมเบ้ แผ่นหนานั่นเอง เนื่องจากโมจิทอดของร้านสึกิโตะเซมเบ้ผ่านการทอดด้วยน้ำมันอุณหภูมิสูง จึงมีเอกลักษณ์อยู่ที่มีความแห้งดีและรสสัมผัสกรุบกรอบเคี้ยวเพลินนี่แหละ แม้กระทั่งในญี่ปุ่นเองยังมีแฟนๆผู้ชื่นชอบรสสัมผัสแบบนี้อยู่มากมายเลยทีเดียว
วิธีทำ 1. นึ่งข้าวเหนียว (ข้าวโมจิ)
ทางร้านไม่หุงข้าวเหนียวญี่ปุ่น แต่จะใช้วิธีการนึ่งแทนเพื่อเพิ่มรสชาติและความหวานของข้าวเหนียว ในวันนี้ทางโรงงานก็อยู่ในช่วงขั้นตอนการนึ่งพอดี
วิธีทำ 2. ทำโมจิ สไลซ์เป็นแผ่น และนำไปตากแห้ง
หลังจากนั้นก็ตำข้าวเหนียวนึ่งเพื่อทำเป็นโมจิ สไลซ์เป็นแผ่น วางบนตะแกรง และนำไปตากให้แห้ง ขั้นตอนการตากแห้งใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว เนื่องจากสภาพของโมจิตากแห้งขึ้นอยู่กับฤดูกาลและสภาพอากาศ ดังนั้น ถ้าเกิดไม่ใช่เชฟมืออาชีพก็ไม่รู้ระยะเวลาที่เหมาะสมอย่างแน่นอน
วิธีทำ 3. ทอดโมจิตากแห้งในน้ำมันสลัด
นำโมจิที่ตากแห้งดีแล้วไปทอดในน้ำมันสลัดอุณหภูมิสูง ส่วนการคำนวณเรื่องระยะเวลาการทอดและสภาพที่เหมาะสมของโมจิทอดก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจจากประสบการณ์ของเชฟเช่นเดียวกัน
วิธีทำ 4. ราดโชยุลงบนโมจิทอด
จากนั้นก็ราดโชยุลงบนโมจิทอดสดใหม่อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ราดโชยุ โมจิทอดร้อนๆก็ส่งเสียงชู่ๆจากปฏิกิริยาเวลาน้ำเจอกับความร้อน ว่ากันว่ายิ่งปรุงรสระหว่างที่โมจิทอดกำลังร้อนๆจนส่งเสียงชู่ๆมากเท่าไหร่ก็ยิ่งช่วยให้รสชาติอร่อยมากขึ้นเท่านั้น
เครื่องปรุงรสที่ใช้ในการทำโมจิทอดรสโชยุมีเฉพาะ “โชยุ” อย่างเดียวล้วนๆ ในปัจจุบัน ร้านค้าบางแห่งก็ปรุงรสเซมเบ้ด้วย ดาชิโชยุ ซึ่งทำมาจากน้ำซุปดาชิปลา เช่น ปลาโอแห้ง เป็นต้น แต่สำหรับ ร้านสึกิโตะเซมเบ้แห่งนี้ใช้เฉพาะ “โชยุ” อย่างเดียวเท่านั้น! ส่วนวัตถุดิบก็มีเฉพาะแป้งข้าวเหนียว, น้ำมันสลัด และโชยุ จึงเป็น รสชาติที่แม้แต่ชาวมังสวิรัติก็สามารถรับประทานได้อย่างสบายใจหายห่วง
วิธีทำ 5. พักโมจิทอดจนเย็นลงและนำไปแพ็คใส่ถุงก็ถือเป็นอันเสร็จ
หลังจากนั้น เชฟก็จะใช้พัดลมเป่าไล่ความร้อนเพื่อพักให้โมจิทอดเย็นตัวลง หลังเย็นดีแล้วก็จะนำไปแพ็คใส่ถุงต่อไป เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ น่าเสียดายที่โดยปกติแล้วทางโรงงานไม่ได้เปิดให้เยี่ยมชมกระบวนการผลิต แต่ถึงยังไงเราก็ยังสามารถแอบส่องบรรยากาศการทำโมจิทอดภายในโรงงานได้จากหน้าร้านอยู่ดี
ข่าวดีสำหรับใครที่อยากลิ้มลองโมจิทอดเสร็จใหม่ๆ! อิ่มอร่อยไปกับโมจิทอดร้อนๆในราคาเพียง 40 เยน / ชิ้น
สึกิโตะเซมเบ้เป็นร้านที่ทำโมจิทอดโดยตรงภายในโรงงานตามที่ได้เห็นกันไปแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ใครหลายคนจะ อยากลิ้มลองโมจิทอดสดใหม่กันแบบร้อนๆ กันใช่มั้ยเอ่ย? บอกเลยว่าทางร้านเปิดให้เราสามารถ ซื้อเซมเบ้ทอดสดใหม่กำลังร้อนๆได้ในราคาเพียง 40 เยน / ชิ้น (รวมภาษี) เท่านั้น เฉพาะในช่วงเช้าของวันธรรมดา
ถึงแม้ว่าพนักงานร้านจะไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ก็ตาม แต่เพียงแค่จำคำว่า あげたて (อาเกทาเตะ : ทอดสดใหม่) เอาไปพูดพร้อมกับชูนิ้วแสดงจำนวนที่ต้องการ ก็เข้าใจกันแล้วล่ะค่ะ
เปิดให้ลองชิมได้ในช่วงเช้าเอาใจลูกค้า! แต่อย่าเผลอไปหยิบโมจิที่ตั้งเรียงรายอยู่ภายในร้านมากินซะล่ะ!
โมจิทอดที่ตั้งเอาไว้ภายในร้านแบบนี้ดูเหมือนกับเป็นสินค้าสำหรับทดลองชิมก็จริง แต่ความจริงแล้วทางร้านนำมาวางพักเอาไว้ให้เย็นเฉยๆ เนื่องจากภายในโรงงานเรียงรายไปด้วยโมจิทอดเต็มไปหมดจนแทบไม่มีที่วางแล้ว จึงต้องเอาออกมาวางภายในร้านแบบนี้นี่เอง ยังไงเพื่อนๆก็อย่าเผลอเข้าใจผิดหยิบทานกันนะจ๊ะ...
สำหรับใครที่ต้องการทดลองชิมก็สามารถขอจากพนักงานร้านได้เฉพาะใน ช่วงเช้า เท่านั้น โดยการพูดขอลองชิมก็แนะนำคำว่า ししょく (ชิโชขุ : ทดลองชิม) พร้อมกับชูนิ้วแสดงจำนวนที่ต้องการ เลยค่ะ โอ้โห~ มาช่วงเช้านี่มันคุ้มจริงๆนะเนี่ย...
สินค้าแนะนำอันดับ 1 ของทางร้าน! “รสเค็ม” ถูกใจผู้คนทุกประเทศอย่างแน่นอน
รสชาติยอดนิยมอันดับ 1 ของทางร้าน “สึกิโตะเซมเบ้” ก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “รสโชยุ” นั่นเอง แต่ “คุณโอริฮาระ” เจ้าของร้านแนะนำว่า สำหรับชาวต่างชาติขอแนะนำเป็นรสเค็มจะดีที่สุด แน่นอนว่ารสเค็มก็ใช้วัตถุดิบเฉพาะ ข้าวเหนียว, น้ำมันสลัด และเกลือ เช่นเดียวกัน รสสัมผัสกรุบกรอบเบาๆของรสเค็มให้ความรู้สึกราวกับกำลังทาน มันฝรั่งทอดกรอบ อยู่เลยทีเดียว ขอรับรองว่าแม้กระทั่งคนไม่ชอบโชยุก็จะต้องติดใจกันอย่างแน่นอน! “อาเกคาคิโมจิ รสเค็ม” 400 เยน / ถุง (รวมภาษี)
อย่าลืมซื้อ “โมจิทอด” ในดวงใจของผู้คนมากมายกลับไปเป็นของฝากกันด้วยนะจ๊ะ!
เพียงแค่ได้เดินชมบรรยากาศภายในร้านสไตล์ “ร้านเซมเบ้ทอดภายในย่านเมืองเก่าของโตเกียว” ก็เพลินแล้ว~ ลองสั่งโมจิทอดสดใหม่ร้อนๆมาสักชิ้นแล้วเดินไปกินไปพลางชมบรรยากาศภายในเมืองหรือว่าจะซื้อกลับไปเป็นของฝากด้วยก็ไม่เลว
เนื่องจากสถานีอาโอโตะของรถไฟสายเคเซมีรถไฟด่วนพิเศษไปถึงสถานีสนามบินนาริตะได้แบบรวดเดียวถึง จึงเหมาะกับการแวะมาช้อปปิ้งเซมเบ้ก่อนกลับประเทศสุดๆ หลังลิ้มลองกันแล้วอาจติดใจกันโดยไม่รู้ตัว จึงขอแนะนำให้ซื้อตุนกลับไปเยอะๆเหมือนกับผู้คนท้องถิ่นเลยค่ะ ^^
Webライター。東京都葛飾区在住。実家の最寄り駅である京都駅近辺や、葛飾区の魅力ある場所を見つけてご紹介したいと思います。現在の趣味はゲームアプリで世界中の人とUNOをすること!
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง