Start planning your trip
กินเนื้อย่างแบบฉายเดี่ยวไม่ต้องง้อใคร ที่ร้าน Misono เดินแค่ 2 นาทีจากสถานี Ikebukuro
อยากกินเนื้อวากิว อยากกินเนื้อย่างยากินิคุ (Yakinikuku) แต่ว่าไม่กล้าเข้าร้านเนื้อย่างคนเดียว อยากกินเนื้อหลายๆ แบบแต่ก็กลัวสั่งมาแล้วกินไม่หมด ปัญหาเหล่าจะไม่เกิดขึ้นถ้ามาที่ร้านเนื้อย่างยากินิคุกินคนเดียว Misono ติดกับสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro)
ทำไมต้องไปกินร้านเนื้อย่างสำหรับคนเดียว
เสียงย่างดังฉ่าฉ่า น้ำจากเนื้อที่หยดติ๋งๆ ลงกระทะ ความหวานจากเนื้อที่ยิ่งเคี้ยวยิ่งกระจายไปทั่วปาก ใครที่มาญี่ปุ่นก็คงต้องอยากจะลิ้มลองเนื้อย่างวากิว
แต่ว่าครั้นจะให้เดินเข้าร้านเนื้อย่างยากินิคุไปกินคนเดียวก็รู้สึกแปลกๆ แถมมาจานนึงไม่น้อย ทำให้กินได้ไม่กี่อย่าง ทั้งเยอะทั้งต้องสนสายตาคนรอบข้างอีก
จะมีไหมนะ ร้านที่เลือกเนื้อส่วนที่อยากกินได้ตามใจ จะกินเมื่อไหร่ก็ไปได้เลยไม่ต้องหาเพื่อน ไม่ต้องสนใจสายตาใคร แถมราคาประหยัด
มีครับ! ที่โตเกียว กับย่านที่ครึกครื้นอยู่เสมออย่างอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) ร้านเนื้อย่างกินคนเดียวที่เดินจากสถานีอิเคะบุคุโระแค่ 2 นาที
ร้านเนื้อย่างสำหรับคนเดียว "Misono"
Hitori Yakiniku Misono เป็นร้านเนื้อย่างยากินิคุ ที่เปิดมาเพื่อเอาใจลูกค้าที่อยากจะไปทานเนื้อย่างคนเดียว
บรรยากาศภายในร้านเหมือนจำลองมาจากร้านซูชิเลยครับ มีแค่ที่นั่งแบบเคาน์เตอร์เท่านั้น
แต่ละที่นั่งจะมีเตาย่างมาให้ 1 เตา เพื่อใช้งานแค่คนเดียว และยังเว้นระยะห่างระหว่างเก้าอี้ข้างๆ เพื่อจะได้ใจจดใจจ่อกับการย่างเนื้อตรงหน้าได้อย่างเต็มที่ ร้านนี้ก็มีลูกค้าที่เป็นผู้หญิงอยู่เยอะเหมือนกันนะครับ
ที่บริเวณตู้กระจกด้านหน้าจะมีเนื้อวางเรียงรายราวกับตู้ซาชิมิของร้านซูชิก็ไม่ปาน
ที่ร้าน Misono มีเนื้อส่วนต่างๆ ให้เลือกถึง 55 ชนิด จะเลือกสั่งทีละ 1 ชิ้นก็ยังได้ครับ เพราะที่ร้านได้เหมาวัววากิว A5 ทีละ 1 ตัว ทำให้ได้เนื้อที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม
ครั้งนี้ เราลองสั่งชุดยอดนิยม Omakase (ตามใจพ่อครัว) ครับ
เซตยอดนิยมราคา 3,000 เยน
รูปนี้เป็นชุด Omakase แบบเซตรวมมิตร (ราคารวมภาษี 3,000 เยน) ถ้าใครที่เพิ่งมาครั้งแรกหรือไม่รู้จะเลือกกินอะไรเพราะมีให้เลือกเยอะเหลือเกิน ผมขอแนะนำชุดนี้เลยครับ
มีตั้งแต่ส่วนเนื้อแดงจนไปถึงส่วนติดมัน รวม 12 ชนิด มีเนื้อส่วนหายากที่เรียกว่า Misuji หรือเสือร้องไห้ และ Zabuton หรือเนื้อส่วนสันคอ รวมมาให้ลิ้มลองด้วย
ซึ่งเนื้อที่รวมมาภายในเซ็ทนี้ หากไปแยกสั่งทีละชิ้น รวมๆ แล้วจะตกประมาณ 3,300 เยน สั่งเป็นเซ็ทแบบนี้คุ้มกว่าครับ แถมร้านทั่วๆ ไป จะได้เนื้อหลายส่วนขนาดนี้ในราคา 3,000 เยนนี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ บอกได้เต็มปากเลยว่าร้านนี้คุ้มแน่นอนสำหรับคอเนื้อย่าง
ก่อนอื่นเรามาวอร์มเตากันก่อน โดยการจุดเตาและนำไขมันวัวมาทาให้ทั่วจนฉ่ำก็เป็นอันเสร็จ ส่วนถ้าใครเป็นมือใหม่หรือไม่เคยมาก่อนก็สามารถสอบถามกับพนักงาน ให้มาช่วยสอนได้
เริ่มจากเนื้อติดมันฉ่ำๆ ไปเนื้อแดงหวานๆ
เตาทั้งเตาเป็นของเราอยู่แล้ว เพราะงั้นอยากย่างแบบไหน จะค่อยๆ ย่างทีละชิ้น ทีละหลายชิ้น ก็ตามสบายเลยครับ
เนื้อสดใหม่และนุ่มมาก ต่อให้ย่างแบบ Medium-rare เหลือเนื้อสีแดงตรงกลางก็ไม่มีปัญหาครับ
หรือถ้าใครชอบเกรียมๆ ย่างทั้งสองด้านจนสุกเกรียมได้ที่ ก็อร่อยกับรสชาติของเนื้อได้เหมือนกัน
ความสุกของเนื้อก็ตามชอบ ส่วนถ้าใครไม่รู้จะย่างสุกแค่ไหนถึงจะอร่อย ก็ถามกับพนักงานได้เลยครับ
เนื้อนุ่มๆ ที่มีมันแทรกเป็นลายสวยทั้งชิ้นแนะนำให้จิ้มซอส (ด้านซ้าย) ส่วนเนื้อแดงแน่นๆ ก็จิ้มเกลือหิมาลัย (ตรงกลาง) และน้ำมะนาว (ด้านขวา) กว่าจะได้ซอสกับเกลือในถ้วยนี้มา ทางร้านเลือกแล้วเลือกอีกจากกว่า 100 ชนิดเลยนะครับ
ชิ้นนี้เป็นเนื้อส่วนที่ว่ากันว่าดีที่สุด อร่อยที่สุด เนื้อสันนอก Sirloin นั่นเอง เอาไปเคล้ากับซอสให้ทั่วแล้วเข้าปากเลยครับ นุ่มมาก มันฉ่ำกระจายไปทั่วปากกันเลยทีเดียว
ส่วนชิ้นนี้คือ ทัน หรือลิ้นนั่นเอง กรุบๆ สู้ฟัน ยิ่งเคี้ยวความอร่อยยิ่งออกมา เคี้ยวไปมีความสุขไป เนื้อส่วนนี้ก็ต้องจิ้มกับเกลือและน้ำมะนาวที่เปรี้ยว ให้รสของลิ้นวัวนั้นโดดเด่นขึ้นไปอีก
และชิ้นนี้เป็นเนื้อส่วน Katashin เป็นเนื้อสันคอส่วนบนสุด ในวัวหนึ่งตัวจะมีส่วนนี้แค่เพียงประมาณไม่กี่ร้อยกรัมเท่านั้น เป็นส่วนที่หายาก ผสมผสานกันอย่างพอดีระหว่างเนื้อแดงและไขมัน ทำให้ลิ้มรสชาติของเนื้อวัวได้อย่างเต็มที่
เนื้อ 12 แบบในปริมาณเทียบเท่าเนื้อย่างทั่วไปสำหรับ 2 ท่าน
เซ็ทรวมที่สั่งมานั้นจะมีน้ำหนักรวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 180 กรัม ซึ่งโดยปกติถ้าเป็นร้านเนื้อย่างทั่วไปจะเสิร์ฟเนื้อส่วนเสือร้องไห้ประมาณ 90 กรัมต่อลูกค้า 1 คน นั่นหมายความว่าเนื้อเซ็ทนี้เสิร์ฟเนื้อตั้ง 12 ชนิดในปริมาณเทียบเท่า 2 คนรับประทานนั่นเอง
ถ้าใครคิดว่ายังไม่พอ ก็สามารถสั่งเพิ่มอีกได้ตามใจชอบ หรือถ้าอยากจะสั่งเนื้อแบบรวมๆ อย่างนี้ ทางร้านยังมีเซตอื่นๆ อีกหลายราคาอย่าง เซต 2,000 เยน (เนื้อประมาณ 8 ชนิด) หรือเซต 4,000 เยน (เนื้อประมาณ 15 ชนิด) ปริมาณและชนิดของเนื้อจะแปรผันตามราคาครับ
เนื้อที่พร้อมให้สั่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน ส่วนไหนที่มีจะแขวนเอาไว้บนกำแะงอย่างในรูป เหมือนกับร้านซูชิเลยครับ
เนื้อส่วนที่ถูกที่สุดของวากิวนั้นเป็นเนื้อแถวสีข้าง เรียกว่าเนื้อแฟลงเค่น (Flanken フランケン) สนนราคาที่ 80 เยนต่อ 1 ชิ้นเท่านั้น ในทางกลับกันเนื้อส่วนที่มีราคาแพงที่สุดนั้นเรียกว่าเนื้อชาโตบริอัน (Chateaubriand シャトーブリアン) สนนราคาที่ 600 เยนต่อ 1 ชิ้น
* เนื้อในเซตรวมนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน อาจจะมีเนื้อที่ไม่เหมือนกับในบทความนี้
* หากเป็นกรณีที่ร้านคนแน่น จะจำกัดการให้บริการ 1 ท่าน 90 นาที
เมนูมีหลายภาษา
มีการจัดเตรียมเมนูภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เอาไว้ให้ลูกค้าต่างชาติ ที่รับประกันว่าคุณจะไม่พลาดของอร่อยแม้จะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก
ส่วนด้านนี้มีแต่ภาษาญี่ปุ่น เป็นรูปภาพส่วนต่างๆ ของเนื้อแต่ละชนิดเขียนไว้อย่างละเอียด
ถ้าหากกินๆ อยู่แล้วสงสัยว่าชิ้นที่ย่างอยู่คืออะไรก็เพียงแค่ถามพนักงานว่า kono nikuwa dono bu-i desuka? หรือแปลว่า ชิ้นนี้คือส่วนไหน พนักงานก็จะชี้บนรูปบอกให้ครับ
พนักงานเป็นกันเองมาก
ผู้ช่วยผู้จัดการ คุณ Nishioka
อย่างหนึ่งที่ทำให้ร้าน "Misono" ได้รับความนิยมก็คือการต้อนรับลูกค้าอย่างอบอุ่น
"ต่อให้เป็นลูกค้าต่างชาติ ผมเองก็จะพยายามสื่อสารด้วยอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าภาษาอังกฤษผมจะไม่ได้เรื่องก็เถอะ" ผู้ช่วยผู้จัดการ คุณ Nishioka ให้สัมภาษณ์ไปหัวเราะไป
"ผมว่าปกติแล้วร้านเนื้อย่างทั่วๆ ไปมักจะไม่ค่อยคุยกับลูกค้าหรอกครับ แต่ที่ร้านเราผมว่าน่าจะเป็นกรณีพิเศษ แต่ก็มีบางกรณีอย่างเช่น เราเห็นว่าลูกค้าสนุกกับการกินเนื้อย่างคนเดียว เราก็จะไม่เข้าไปพูดคุยเพื่อให้เสียบรรยากาศครับ"
เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่มาญี่ปุ่นทีไรก็ต้องแวะมากินที่ร้านนี้ เพราะชอบบรรยากาศของร้านด้วยครับ
เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าอยากกินเนื้อวากิวอย่างที่ชอบ หรือเมื่อไหร่ที่รู้สึกอยากจะไปดื่มเหล้ากับเนื้อย่างอร่อยๆ คนเดียว หรือเมื่อไหร่ที่อยากจะหาคนคุยด้วยระหว่างที่กินข้าวไปด้วย ขอให้นึกถึงร้าน "Misono" ร้านเนื้อย่างที่มาคนเดียวก็ได้ที่อิเคะบุคุโระแห่งนี้เลยครับ
ความร่วมมือในการเก็บข้อมูลโดย : Hitori Yakiniku Misono
MATCHA Editer.
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง