Start planning your trip

เพลิดเพลินกับศิลปะและงานเทศกาลที่อาโอโมริและอาคิตะซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะได้ในช่วงฤดูหนาว ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลนามาฮาเกะ สตาร์บัคส์สาขาหน้าสวนฮิโรซากิ หรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะจังหวัดอาโอโมริที่รวบรวมผลงานของโยชิโตโมะ นาระ (Yoshitomo Nara) เอาไว้ให้ชม!
จังหวัดอาโอโมริและจังหวัดอาคิตะเป็นสถานที่จัดงาน "เทศกาลอาโอโมริเนบุตะ (Aomori Nebuta Matsuri)" และ "เทศกาลอาคิตะคันโต (Akita Kanto Matsuri)" ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสองใน "สามเทศกาลใหญ่ในโทโฮคุ" ในช่วงฤดูร้อนที่จัดงานเทศกาลนั้นบรรยากาศในเมืองจะเต็มไปด้วยด้วยความคึกคักของผู้คน
แล้วฤดูหนาวของ 2 จังหวัดนี้ในความคิดของคุณเป็นแบบไหนกันล่ะ? หลายคนอาจนึกถึงภาพเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและดูเงียบเหงา แต่จริงๆ แล้วความคึกคักของจังหวัดอาโอโมริกับจังหวัดอาคิตะนั้นไม่ได้ถูกกลืนหายไปกับหิมะ แต่ยังมีศิลปะที่ส่องประกายโดดเด่นและเทศกาลที่เต็มไปด้วยความครึกครื้นรอคุณอยู่!
บทความนี้จะพาไปชมสถานที่ที่น่าไปเยือนของทั้ง 2 จังหวัด ซึ่งจะทำให้ภาพของ "ฤดูหนาว" ที่คุณเคยคิดมาตลอดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
จังหวัดอาโอโมริเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถชมผลงานศิลปะที่งดงามได้แม้ในฤดูหนาวโดยเฉพาะที่เมืองฮิโรซากิ (Hirosaki) ที่นี่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตกอย่างมาก ภายในเมืองจึงหลงเหลือสิ่งก่อสร้างสไตล์ตะวันตกมากมาย ในยุคเมจิเคยมีนักเรียนแลกเปลี่ยนและมิชชันนารีจากชาติตะวันตกอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย
นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงของอาคารสไตล์ตะวันตกยังมีปราสาทฮิโรซากิ สวนสาธารณะ หากเดินทางไปที่เมืองอาโอโมริ ก็จะพบพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สามารถชมศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของฤดูหนาวได้ ลองไปดูกันว่ามีสถานที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง
"อาคารเก่าสำนักงานใหญ่ธนาคารแห่งที่ 59" เป็นสำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งแรกที่ได้รับการสร้างขึ้นในจังหวัดอาโอโมริ อาคารแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์เรอเนสซองส์ที่ดูแข็งแรงทนทานสมกับเป็นธนาคาร และโครงสร้างของอาคารยังป้องกันอัคคีภัยได้อีกด้วย
เสาและประตูมีสีน้ำตาลเข้ม การตกแต่งภายในทำให้สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น สำนักงานที่เคยมีพนักงานธนาคารยุ่งเหยิงกับการทำงานในอดีตนั้นได้กลายเป็นที่สถานที่จัดแสดงเอกสารเชิงประวัติศาสตร์ในปัจจุบัน
เมื่อได้ลองสัมผัสเคาน์เตอร์ ก็ราวกับเห็นภาพของผู้คนที่เคยทำงานตรงนี้ในสมัยก่อนขึ้นมาเลยทีเดียว
คฤหาสน์มิชชันนารีเก่า คิวโทโอกิจุคุไกจินเคียวชิคังเคยเป็นที่พักอาจารย์ชาวต่างชาติของโรงเรียนเอกชนแห่งแรกในจังหวัดอาโอโมริ สภาพเดิมในอดีตก็ยังคงได้รับการอนุรักษ์เอาไว้จนถึงปัจจุบัน
แต่ละห้องบนชั้น 2 มีทั้งเตียงนอน ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และภาพถ่ายของเหล่าอาจารย์ในสมัยนั้นวางประดับเอาไว้ ให้ความรู้สึกราวกับว่าช่วงเวลาอันแสนสุขของเหล่าอาจารย์ที่ทุ่มเทอย่างหนักในการสอนยังคงหลงเหลืออยู่จนถึงบัดนี้
"หอสมุดเก่าเมืองฮิโระซากิ" ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างสไตล์เรอเนสซองส์ โครงสร้างของอาคารเป็นหอคอยคู่และหลังคาแปดเหลี่ยมราวกับออกมาจากเทพนิยาย
สีสันของการตกแต่งภายในก็น่ารักๆ ถ้าเดินเข้าไปและนั่งอ่านหนังสือบนเก้าอี้ไม้ ก็น่าจะทำให้เพลิดเพลินกับการอ่านมากยิ่งขึ้น เนื่องจากโต๊ะและเก้าอี้ของที่นี่ถูกใช้งานมาเป็นระยะเวลานานจึงควรใช้งานด้วยความระมัดระวังนะ!
สถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยังมีอีกหลายแห่ง แต่สถานที่ที่สามารถเข้าชมได้ยังมีไม่มากนักในปัจจุบัน แต่ด้านข้างของหอสมุดเก่าเมืองฮิโระซากิก็มี "เมืองจำลอง (Miniature Structure)" ซึ่งเป็นโมเดลขนาดจำลองในสัดส่วน 1:10 จัดแสดงอยู่ โมเดลจำลองของอาคาร 14 หลังนั้นทำให้ทิวทัศน์ที่สูญหายไปกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
บริเวณใกล้เคียงของอาคารสไตล์ตะวันตกทั้งหลายเป็นที่ตั้งของ "สวนฮิโรซากิ" ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีดอกซากุระผลิบาน และในช่วงฤดูหนาวก็จะกลายเป็นดินแดนสีขาวโพลนของหิมะ ต้นซากุระสองฟากฝั่งของคูน้ำถูกปกคลุมด้วยหิมะจนทอดกิ่งโน้มลง แลดูเหมือนกลีบของดอกซากุระที่กำลังเบ่งบานอย่างเต็มที่ เงาที่สะท้อนบนผิวน้ำก็งดงามเป็นอย่างยิ่ง
Picture courtesy of (Public corporation) Hirosaki Tourism and Convention Bureau
ป้อมปราสาทฮิโรซากิที่อยู่ภายในสวนเป็นหนึ่งใน 12 ป้อมปราสาทที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ทิวทัศน์ที่งดงามของหิมะและปราสาทเป็นความลงตัวที่สามารถชื่นชมได้เพียงช่วงระยะเวลานี้เท่านั้น
"ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ (Starbucks Coffee) สาขาหน้าสวนฮิโรซากิ" ซึ่งอยู่ใกล้กับสวนฮิโรซากินั้นเปิดอยู่ในอาคารได้รับเลือกให้เป็น "ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่มีรูปร่างของชาติ" อาคารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1917 เพื่อใช้ประโยชน์ทางการทหารในฐานะ "บ้านพักของผู้บัญชาการกองพลที่ 8"ภายในห้องยังคงมีกลิ่นอายของอดีตหลงเหลืออยู่ มีการจัดแสดงรูปถ่ายในสมัยนั้น จึงสามารถสัมผัสกับบรรยากาศในยุคไทโชได้
นอกจากนี้ตัวอาคารยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของจังหวัดอาโอโมริ อาทิ การใช้วัสดุจากไม้ "ต้นบีชญี่ปุ่น" ซึ่งมีชื่อเสียงของจังหวัดอาโอโมริ และมีการตกแต่งด้วยงานปักแบบเฉพาะของท้องถิ่น
จิบกาแฟอุ่นๆ และนั่งผ่อนคลายที่อาคารซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น เป็นการปิดทริปฤดูหนาวที่เมืองฮิโรซากิอย่างสมบูรณ์แบบ
©Yoshitomo Nara, 2005
ภายนอกของพิพิธภัณฑ์ศิลปะจังหวัดอาโอโมริมีสีขาวล้วน ราวกับเป็นผลงานศิลปะที่ถือกำเนิดมาจากหิมะ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เก็บรวบรวมผลงานของเหล่าศิลปินซึ่งมีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดอาโอโมริเอาไว้มากมาย อาทิ มุนาคาตะ ชิโค (Munakata Shiko) และนาระ โยชิโตโมะ (Nara Yoshitomo)
ผลงานของคุณนาระ "อาโอโมริอินุ (สุนัขอาโอโมริ)" ถือเป็นสัญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวหิมะจะค่อยๆ ตกทับถมบน "อาโอโมริอินุ" ที่ก้มหน้าอยู่จนมองดูเหมือนกำลังสวมหมวกอยู่เลย หมวกจากหิมะใบนี้อาจจะเป็นของขวัญที่ฤดูหนาวของโทโฮคุมอบเอาให้ก็เป็นไปได้นะคะ
เมื่อเข้าสู่หน้าหนาวลึกขึ้นไปในภูเขาของเมืองโอกะ (Oga) จังหวัดอาคิตะจะมีผู้คนเริ่มเตรียมพร้อมเพื่องานเทศกาลอย่างแข็งขัน ภายในเมืองมีแหล่งออนเซ็น และถ้าเดินทางไปที่เมืองอาคิตะจะได้เห็นทิวทัศน์ของทางรถไฟที่เป็นเอกลักษณ์ของฤดูหนาวอีกด้วย เราไปดูสถานที่ต่างๆ ในอาคิตะที่ยิ่งหนาว ก็ยิ่งคึกครื้นสู้ความหนาวเย็นกัน
ในวันสิ้นปีของทุกปีที่เมืองโอกะ จังหวัดอาคิตะจะมีการจัดพิธีกรรมพื้นบ้าน โดยมี "ปีศาจนามาฮาเกะ" ที่สวมหน้ากากและสวมเครื่องแต่งกายที่ทำด้วยฟางซึ่งเรียกว่า "เคะเดะ (Kede)" ร้องส่งเสียงดังเดินไปเยือนตามบ้านคน
นามาฮาเกะถือเป็นหนึ่งในไรโฮชิน (Raihoushin) ซึ่งหมายถึงเทพที่จะมาเยือนโลกมนุษย์ปีละครั้งในเวลาที่แน่นอน โดยนามาฮาเกะจะมาว่ากล่าวตักเตือนคนที่เกียจคร้าน หากเจ้าของบ้านต้อนรับนามาฮาเกะพร้อมเตรียมอาหารต้อนรับตามธรรมเนียมดั้งเดิม สมาชิกในบ้านนั้นก็จะมีสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัยตลอดปีใหม่
เมื่อปี 2018 วัฒนธรรม "นามาฮาเกะ" ของเมืองโอกะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดยยูเนสโก (UNESCO)
ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัด "เทศกาลนามาฮาเกะเซะโดะ" ซึ่งเป็นการจัดงานร่วมกันระหว่าง "เทศกาลไซโต (Saitosai)" และงาน "นามาฮาเกะแห่งโอกะ (Oka No Namahage)" นับเป็นเทศกาลฤดูหนาวที่มีความสำคัญในภูมิภาคนี้
งานจะถูกจัดที่ "ศาลเจ้าชินซัง (Shinzan Jinja)" ในช่วงงานเทศกาลที่ศาลเจ้าจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่ตั้งตารอคอยการมาเยือนของนามาฮาเกะ
เมื่อถึงเวลาเริ่มพิธีการจะมีการจัดแสดงการเต้นรำและการตีกลองไทโกะ หรืออื่นๆ โดยนามาฮาเกะ หลังจากชุดการแสดงจบลงก็จะเข้าสู่พิธีสำคัญ
บนภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าชินซังมีสปอตไลท์ติดตั้งไว้เพื่อสาดส่องมายังผู้ที่แต่งตัวเป็นนามาฮาเกะ 15 คน ซึ่งปรากฎตัวพร้อมกับเสียงอันกึกก้อง หลังจากนี้พวกเขาก็จะลงจากภูเขาและเดินเข้าไปในฝูงชนที่มาเยือนงานเทศกาล
นามาฮาเกะจะดื่มสาเกที่เตรียมโดยมิโกะ (หญิงรับใช้เทพเจ้า) และรับขนมโกมะโมจิ (Goma Mochi) ที่จะถวายให้กับเทพเจ้าเอาไว้ จากนั้นก็จะกลับไปยังบริเวณลึกสุดของภูเขาที่มีเทพเจ้าสถิตอยู่
หลังจากนั้น "นามาฮาเกะ" ก็จะกลับมาปรากฎตัวต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง จากที่ทำให้เด็กๆ หวาดกลัวในตอนแรกด้วยเสียงร้อง ก็จะมาเล่นด้วยกันกับเด็กๆ และถ่ายรูปร่วมกันอย่างสนุกสนาน
พลังของผู้คนและนามาฮาเกะทำให้งานเทศกาลนี้ครึกครื้น เร่าร้อนและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังไม่แพ้กับแสงเพลิงที่จุดสว่างตลอดงานเลยทีเดียว
Picture courtesy of Akita Tourism Federarion
หลังจากเข้าร่วมงานเทศกาลที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิมแล้วก็มุ่งหน้าไปต่อกันที่โอกะออนเซ็นกัน! เมืองออนเซ็นโอกะที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี มีบ่อน้ำพุร้อนที่ร้อนราวกับความมุ่งมั่นที่สัมผัสได้จากงานเทศกาล
ช่วงระยะเวลาจัดงานเทศกาล มีรถบัสที่ไปโอกะออนเซ็นให้บริการด้วย จึงสบายใจหายห่วงเรื่องการเดินทางได้แม้ถนนจะปกคลุมด้วยหิมะ
Picture courtesy of Akita Nairiku Jukantetsudo Co., Ltd
เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวบรรดาผู้ที่ชื่นชอบรถไฟจะต้องมาเยือนสายรถไฟอาคิตะไนริคุกันให้ได้ แม้หิมะจะตกลงมาปกคลุมด้านหน้าขบวนแต่รถไฟสายนี้ยังคงวิ่งไปอย่างกล้าหาญบนสะพานเหล็กสูง
Picture courtesy of Akita Nairiku Jukantetsudo Co., Ltd
รถไฟสายอาคิตะไนริคุที่วิ่งอย่างต่อเนื่องท่ามกลางหิมะดูมีเสน่ห์อย่างมาก ภาพรถไฟแล่นไปตามรางอย่างมีชีวิตชีวานั้นไม่ได้เป็นเพียงทิวทัศน์ที่งดงามเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของฤดูหนาวที่อาคิตะอีกด้วย
สำหรับคนที่อยากเที่ยวให้ทั่วอาคิตะและอาโอโมริ เราขอแนะนำให้ใช้ "JR EAST PASS (Tohoku Area)" เพื่อนคู่ใจในการเดินทางท่องเที่ยวโทโฮคุค่ะ เพียงแค่ถือพาสอันนี้ เราก็สามารถโดยสารพาหนะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชินคันเซ็น รถไฟด่วนพิเศษ รถด่วน รถไฟธรรมดา รถบัสของ JR และอื่นๆ ในภูมิภาคโทโฮคุได้ทั้งหมดแบบไม่จำกัด
วิธีการซื้อตั๋วและข้อควรระวัง อ่านเพิ่มเติมได้ใน JR EAST PASS (Tohoku Area)
*JR EAST PASS จำหน่ายสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น ชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถใช้งานได้
วันที่ 1 : พิพิธภัณฑ์ศิลปะจังหวัดอาโอโมริ เดินเล่นในเมืองอาโอโมริ พักในเมืองฮิโรซากิ
วันที่ 2 : ชมสถาปัตยกรรมเมืองฮิโรซากิ เดินเล่นในเมืองอาคิตะ จังหวัดอาคิตะ พักในเมืองอาคิตะ
วันที่ 3 : เที่ยวสถานที่ต่างๆ ตามสายอาคิตะไนริคุ 1 วัน พักในเมืองอาคิตะ
วันที่ 4 : เดินเล่นในเมืองโอกะ เทศกาลนามาฮาเกะเซะได พักในแหล่งออนเซ็นโอกะ
วันที่ 5 : เดินเล่นในแหล่งออนเซ็นโอกะ เดินทางกลับ
กำหนดการเดินทาง 5 วันนี้เป็นตัวอย่างแผนการเที่ยวที่ใช้ JR EAST PASS (Tohoku Area) ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความพึงพอใจของคุณ
โทโฮคุในฤดูหนาวเป็นช่วงที่อากาศหนาวจัด อย่าลืมรักษาความอบอุ่นของร่างกาย เตรียมอุปกรณ์กันหนาว กันลมให้พร้อมก่อนไปเที่ยว
*หากแสดง "JR EAST PASS (Tohoku Area)" จะได้รับส่วนลดสำหรับสายรถไฟอาคิตะไนริคุ
Written by Chia
Photo by MONAMI ISHII, edited by FUKA KAMATA
Sponsored by East Japan Railway Company
บทความโดย
東京に出てきて8年目です。