Start planning your trip
เที่ยวชมสัตว์แบบใกล้ชิดกับวิวภูเขาไฟฟูจิชัดแจ๋วที่ฟูจิซาฟารีปาร์ค (Fuji Safari Park)
จูงเด็กๆ ไปชมและให้อาหารสัตว์ป่าแบบใกล้ชิด แถมยังได้ถ่ายรูปสวยๆ ของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่กับฉากหลังเป็น "ภูเขาไฟฟูจิ" ลูกใหญ่เต็มตา! ต้องไปที่ "ฟูจิซาฟารีปาร์ค (Fuji Safari Park)" ในจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) กันเลย!
ไปชมสัตว์กันแบบใกล้ชิดที่ ฟูจิซาฟารีปาร์ค (Fuji Safari Park) กัน!
ถ้าจะบอกว่าที่เที่ยวแบบไหนที่ได้ทั้งความสนุกและความรู้ เราก็คงนึกถึงพิพิธภัณฑ์ต่างๆ กัน แต่อย่าลืมนึกถึง "สวนสัตว์" ที่จะให้เรามีโอกาสพบสัตว์น้อยใหญ่ที่อยู่ร่วมโลกกับเราด้วยนะคะ! ยิ่งใครพาเจ้าตัวเล็กมาด้วย ก็จะได้ทั้งสนุกทั้งเรียนรู้เลย
วันนี้เราขอแนะนำสวนสัตว์ในสไตล์ซาฟารีที่เน้นให้สัตว์ได้อยู่ในสภาพใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด แต่ยังเปิดโอกาสให้เราได้ใกล้ชิดสัตว์โลกมากมาย แถมทำเลยังอยู่แถบเชิงภูเขาไฟฟูจิ ทำให้เราได้ชมทิวทัศน์สวยๆ ของภูเขาฟูจิในแต่ละฤดู เคียงคู่ไปกับชมสัตว์ด้วย
จะน่าสนุกขนาดไหน มาชมกันเลยค่ะ!
เว็บไซต์ทางการของ Fuji Safari Park
ฟูจิซาฟารีปาร์ค (Fuji Safari Park) ที่ไม่ใช่แค่ "สวนสัตว์" กับกิจกรรมสัมผัสธรรมชาติมากมาย
ฟูจิซาฟารีปาร์ค (Fuji Safari Park) คือสวนสัตว์สไตล์ซาฟารีในจังหวัดชิซุโอกะ บริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิสมชื่อ เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1980 ในพื้นที่กว้างกว่า 462 ไร่ ภายในแบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือ ซาฟารีโซน และฟุเรไอโซน (โซนสัมผัสสัตว์) ภายในมีบริการร้านอาหาร ร้านขายของฝากเพียบพร้อม และยังมีกิจกรรมน่าสนใจมากมาย จึงเป็นสถานที่เที่ยวขวัญใจครอบครัวชาวญี่ปุ่นตลอดมา
โซนซาฟารี และ "Super Jungle Bus" พบเสือสิงห์กระทิงแรดในระยะประชิด!
ในซาฟารีโซนจะเป็นบริเวณที่ปล่อยให้สัตว์ป่าอยู่กันใกล้เคียงกับธรรมชาติ สามารถเข้าชมได้โดยการขับรถของตนเอง (หรือรถเช่า) เข้าไป ใครไม่สะดวกก็มีรถบัสแบบติดกรงลวดแข็งแรงของทางสวนสัตว์ให้ใช้บริการ แถมรถของทางสวนสัตว์นั้นเราจะมีโอกาสได้ได้หาอาหารสัตว์แบบใกล้ชิดด้วยค่ะ
โซนซาฟารีนั้นยังแบ่งละเอียดออกเป็นโซนหมี โซนสิงโต โซนเสือชีตาห์ โซนเสือ โซนช้าง
ตามด้วยโซนสัตว์กินพืช เช่น ยีราฟ แรด ม้าลาย อีแลนด์ อูฐ แบล็กบัก ฯลฯ และปิดท้ายด้วยโซนสัตว์กินพืชตามภูเขา ได้แก่ ควายไบซันอเมริกัน แพะ แกะ กวางพันธุ์ต่างๆ อาทิ แกะมูฟลอน กวางแฟลโลว์ กวางวาปิติ กวางญี่ปุ่น แพะป่าหิมาลายัน เป็นต้น
บริการในสวนนั้นมีแบบจังเกิลบัส (Jungle Bus) รถบัสติดกรงหนาแน่น หน้าตาเป็นรูปสัตว์ขวัญใจเด็กๆ อย่าง เสือ สิงโต และอื่นๆ
แต่ที่อยากแนะนำคือรถบัสแบบพิเศษกว่า ซุปเปอร์จังเกิลบัส (Super Jungle Bus) ที่เป็นกรงเหล็กไปจนถึงด้านบน เปิดโอกาสให้เราได้เห็นสัตว์ปีนป่ายขึ้นมาบนรถ เราคงไม่มีโอกาสที่จะได้มองสัตว์ป่าจากมุมล่างในชีวิตเท่าไหร่นักหรอกค่ะ!
Super Jungle Bus มีค่าใช้จ่ายท่านละ 2,000 เยน ใช้เวลาประมาณ 60 นาที วิ่งวนโซนซาฟารี 1 รอบ ควรจองล่วงหน้าทางเว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น) หรือที่เคานเตอร์ประชาสัมพันธ์ในซาฟารีปาร์ค ระหว่างทางเราจะได้ทั้งชมสัตว์แบบใกล้ชิด และยังได้ให้อาหารสัตว์อย่าง หมี สิงโต อูฐ อีกด้วย
อย่างวันที่เรามานั่งรถ Super Jungle Bus กัน ก็มีคุณหมีแวะมาทักทายเราแถมยังปีนขึ้นมาบนตัวรถให้ได้ชมกันเลยค่ะ
สามารถให้อาหารสัตว์แบบใกล้ชิดได้โดยใช้ที่คีบทรงกรรไกรที่เตรียมไว้ในรถ คีบอาหารยื่นออกไปตามช่องว่างของกรง
น้องตัวเล็กที่ร่วมรถบัสคันเดียวกับเรากำลังให้อาหารน้องสิงโตตัวเล็ก
แม้แต่เด็กก็สามารถสนุกและเสริมสร้างประสบการณ์กับทัวร์ซาฟารีแบบนี้ได้
เดินป่าส่อง (กล้อง) สัตว์กันให้เต็มที่ "วอล์คกิ้งซาฟารี (Walking Safari)"
นอกจากนี้ยังมีวิธีการชมโซนซาฟารีที่น่าสนใจมากอีกวิธี คือ เส้นทางเดินธรรมชาติ วอล์คกิ้งซาฟารี ที่ให้เราได้เดินชมป่าตามธรรมชาติรอบๆ โซนซาฟารีและมีนั่งร้านให้ขึ้นไปสอดส่องดูหรือให้อาหารสัตว์ต่างๆ ในซาฟารีได้อีกด้วย
ระยะทางทั้งหมดของวอล์คกิ้งซาฟารีนั้นรวมแล้วราวๆ 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 90 - 120 นาที มีค่าเข้าเพิ่มเติม 500 เยน ควรแต่งตัวให้ทะมัดทะแมงเนื่องจากทางเดินทั้งหมดเป็นผืนป่าอุดมสมบูรณ์ริมภูเขาไฟฟูจิ มีทางลาดขึ้นลงบ้าง แต่ไม่ถึงกับเป็นการปีนเขาค่ะ
อย่างนั่งร้านตรงโซนสัตว์กินพืช เราได้เจอกับคุณยีราฟตัวสูงแวะมาทักทายพอดี
(กิจกรรมให้อาหารสัตว์ในส่วนนี้สามารถทำได้โดยมีค่าอาหารสัตว์เพิ่มเติม)
บริเวณนี้เรายังหยุดยืนชมสัตว์แต่ละชนิดได้ตามใจชอบต่างจากการนั่งรถชม จึงอยากแนะนำให้คนชอบถ่ายรูปทั้งหลายมายืนส่องกล้องกันให้เต็มที่ค่ะ ชอบสัตว์ชนิดไหน ก็ยืนรอจนกว่าจะได้รูปที่ต้องการ ในกรณีนั้นอาจจะใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมงแล้วแต่ความชอบของตากล้องเลย
อย่างภาพสิงโตด้านบนนี้ก็ได้จากการเดินชมในส่วนของวอล์คกิ้งซาฟารีนี่ล่ะค่ะ
หรืออย่างโซนช้างที่เราจะมีโอกาสชม "ช้างว่ายน้ำ" ผ่านสระกระจก ที่เราจะได้เห็นการขยับตัวว่ายน้ำต๋อมแต๋มอย่างน่ารัก ตอนนั่งรถทัวร์ชมในบริเวณซาฟารี เราอาจเห็นไม่ถนัด หรือถ่ายรูปได้ไม่ชัด
แต่หากเป็นบริเวณวอล์คกิ้งซาฟารี เราจะได้ยืนรอชมและถ่ายภาพกันเต็มๆ เลยค่ะ
(กิจกรรมช่างว่ายน้ำเป็นกิจกรรมพิเศษเฉพาะช่วงฤดูร้อนในเดือนกรกฏาคม - กันยายน)
โซนฟุเรไอ (Fureai Zone) สัมผัสสัตว์ใกล้ชิดชนิดติดตัว
"ฟุเรไอ" คำนี้แปลว่า "การสัมผัส" ค่ะ โซนนี้จึงเน้นให้เราได้พบปะสัตว์แบบเห็นกันชัดๆ ตรงหน้าหรือสัมผัสได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น คาปิบาร่า แพนด้าแดง จิงโจ้ อัลปาก้า ลีเมอร์หางแหวน และอื่นๆ แถมยังมีอาคารแมว สุนัข และกระต่าย ให้เราเข้าไปเล่นด้วยได้
ไฮไลท์ของโซนนี้ก็คือเราสามารถให้อาหารสัตว์บางชนิดได้ค่ะ มีค่าอาหารสัตว์อยู่ที่ 100 - 500 เยน (แล้วแต่สัตว์แต่ละชนิด) สัตว์บางชนิดอย่างมารา (Patagonian Mara) และคาปิบาร่า เราสามารถยื่นให้กับมือได้เลย
สัตว์บางชนิด เช่น ลีเมอร์หางแหวน จะมีข้อกำหนดเล็กน้อยว่าห้ามแตะต้องตัวหรือห้ามให้อาหารด้วยมือโดยตรงค่ะ แต่สำหรับเจ้าลีเมอร์หางแหวน บางครั้งก็เป็นฝ่ายปีนป่ายขึ้นมาทานอาหารใกล้ชิดเลยล่ะ ถึงจะจับต้องไม่ได้แต่ก็ได้เห็นเต็มๆ ตาเลยนะ
นอกจากนี้ทางซาฟารีปาร์คยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น การสัมผัสใกล้ชิดและถ่ายรูปกับลูกสิงโต เป็นต้น วันที่เราได้ไปเก็บข้อมูลก็เป็นช่วงที่มีกิจกรรมถ่ายรูปกับลูกสิงโตพอดี
ขอบอกว่าน้องน่ารักมากๆ ค่ะ เหมือนลูกแมวที่ตัวใหญ่ เนื้อแน่น ขนนุ่มเลย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของโซนฟุเรไอได้ที่นี่!
ชมสัตว์โลกน่ารักพร้อมวิวภูเขาฟูจิ! จะมีที่ไหนให้คุณได้แบบนี้!
ความโดดเด่นที่อยากชวนให้มาเที่ยวอีกอย่างก็คือ จากซาฟารีปาร์คนี้สามารถเห็นภูเขาฟูจิได้ชัดเจนมาก! หากใครมาในวันอากาศดีๆ จะสามารถชมภูเขาฟูจิได้อย่างเต็มตาเลยล่ะค่ะ
Picture courtesy of Fuji Safari Park
หลายท่านอาจจะเคยชมภูเขาฟูจิมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจากริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ จากเอ้าท์เล็ตที่โกเทมบะ จากบนชินคังเซ็น หรือจากจุดชมวิวในโตเกียว แต่จะมีสักกี่ท่านที่เคยชม ... ภูเขาไฟฟูจิกับฝูงหมี! หรือชมช้างกับยีราฟยืนเด่นหน้าภูเขาไฟฟูจิ
ที่ฟูจิซาฟารีปาร์ค เราจะได้ชมภูเขาไฟฟูจิใหญ่โตอลังการ แต่มาในแบบแปลกใหม่ เหมาะจะถ่ายรูปกลับไปอวดใครๆ
กระซิบให้อีกนิดว่า ในฤดูหนาว อากาศมักจะปลอดโปร่งมากกว่าฤดูอื่น ทำให้มีโอกาสเห็นภูเขาไฟฟูจิมากขึ้นด้วยล่ะค่ะ
สามารถชมภาพภูเขาไฟฟูจิเพิ่มเติมและเช็คจุดชมได้จากเว็บไซต์ทางการ หน้า Mt. Fuji View Point
ดื่มด่ำธรรมชาติในแต่ละฤดูทั้งซากุระ ใบไม้แดงและหิมะ
เสน่ห์ดึงดูดใจที่ไม่น่าพลาดของธรรมชาติญี่ปุ่นนั้นมีทั้งซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูในไม้ร่วง และหิมะขาวในฤดูหนาว ซึ่งเราก็สามารถสัมผัสได้ที่ซาฟารีปาร์คแห่งนี้เช่นกัน แถมเราจะได้ชมสัตว์ป่าหรือวิวภูเขาฟูจิในแต่ละฤดูกาลไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
Picture courtesy of Fuji Safari Park
ในฤดูใบไม้ผลิต้นซากุระในสวนจะผลิดอกสีชมพูสวยให้ได้ชม โดยส่วนใหญ่ในโตเกียวซากุระมักจะบานประมาณเดือนมีนาคมและหมดตอนต้นเดือนเมษายน ที่ฟูจิซาฟารีปาร์คซึ่งมีอากาศเย็นร่มรื่นจะบานช้ากว่าโตเกียวเล็กน้อยในราวๆ เดือนเมษายนซึ่งใกล้เคียงกับเทศกาลสงกรานต์ของบ้านเราพอดี! หากใครพลาดชมซากุระที่โตเกียวก็สามารถเดินทางมาชมที่นี่พร้อมสนุกกับเหล่าสัตว์ได้เลย
Picture courtesy of Fuji Safari Park
ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้รอบบริเวณซาฟารีจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงสดใส อากาศก็เย็นสบายขนาดที่คุณสิงโตยังนอนหาวเลย
Picture courtesy of Fuji Safari Park
เนื่องจากเป็นพื้นที่สูงริมภูเขาในฤดูหนาวบริเวณนี้จึงมีหิมะตกด้วย บางทีอาจตกแม้แต่ในเดือนมีนาคมเลยทีเดียว เราจะได้เห็นเหล่าสัตว์ป่าท่ามกลางหิมะขาวโพลนเหมือนอย่างเจ้าหมีในรูปที่กำลังสนุกกับการกลิ้งตัวไปบนหิมะค่ะ
ร้านค้าทั้งอาหารและของฝากก็น่ารัก!
มาเที่ยวทั้งที หลายท่านอาจจะเป็นห่วงกับอาหารและของฝาก ภายในฟูจิซาฟารีปาร์คมีร้านอาหารพร้อมเมนูหลากหลายให้เลือกค่ะ
เมนูแนะนำที่หน้าตาน่าสนใจสุดๆ ก็คือ "ข้าวแกงกะหรี่ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji Curry Rice)" ราคา 1,000 เยน ที่มีข้าวรูปภูเขาไฟฟูจิ ล้อมรอบด้วยเครื่องชิ้นโต 5 ชิ้น วางตำแหน่งแทนทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิทั้ง 5 และมีเนื้อติดกระดูกชิ้นใหญ่แทนฟูจิซาฟารีปาร์ค เมนูนี้ทั้งมีลูกเล่นที่หน้าตาแถมยังอิ่มอร่อยเต็มที่
ในร้านขายของฝาก ก็มีขายทั้งของฝากจากจังหวัดชิซุโอกะ ขนมและสินค้าของฟูจิซาฟารีปาร์คเองซึ่งน่ารักและมีเอกลักษณ์น่าซื้อ
นอกจากนี้ยังมีตุ๊กตาสัตว์หลายพันธุ์ หลากดีไซน์มากกว่า 300 ชนิดให้เลือกซื้อกลับไปเป็นที่ระลึกได้ หากเจอตุ๊กตาสัตว์ขวัญใจที่ได้สัมผัสในวันนั้นก็อย่าลืมอุ้มกลับตุ๊กตากลับไปที่บ้านกันนะคะ
วิธีเดินทางไปยังฟูจิซาฟารีปาร์ค
Picture courtesy of Fuji Safari Park
ฟูจิซาฟารีปาร์คอยู่บริเวณตีนภูเขาไฟฟูจิ ห่างจากสถานีรถไฟออกมาพอสมควร สามารถเดินทางได้ด้วยรถบัสจากสถานีมิชิมะ (Mishima) ใช้เวลาประมาณ 50 นาที สามารถนั่งรถไฟชินคันเซ็นมายังสถานีมิชิมะได้
หรือจะนั่งรถบัสจากสถานีโกเทมบะ (Gotemba) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยต้องนั่งรถบัสทางไกลจากชินจูกุมาที่สถานีโกเทมบะอีกที
แต่ถ้าเดินทางกันเป็นกลุ่มหรือมีเด็กๆ มาด้วย การนั่งรถหลายต่อหรือเปลี่ยนรถบัสอาจจะลำบากสักนิด และยังต้องคอยระวังเรื่องเวลา หากใครมีใบขับขี่สากล เราขอแนะนำให้ใช้บริการ "เช่ารถ" ค่ะ
ใครจะขับมาจากโตเกียวเลยอาจจะเหนื่อยสักหน่อย แต่ถ้ากะว่าจะขับรถเที่ยวรอบภูเขาไฟฟูจิที่อื่นๆ ด้วยก็เหมาะ ใครอยากสบายนิด แนะนำให้นั่งรถไฟมาให้ใกล้ขึ้น เช่น นั่งชินคันเซ็นมายังสถานีมิชิมะ แล้วเช่ารถจากหน้าสถานี และหากตั้งใจจะขับรถเที่ยวชมในโซนซาฟารีเอง ก็ควรสมัครประกันภัยตอนเช่ารถเอาไว้ให้พร้อมนะคะ เพราะนอกจากเรื่องอุบัติเหตุไม่คาดคิดแล้ว รถอาจเกิดรอยจากสัตว์โลกน่ารักที่มาป้วนเปี้ยนถึงข้างรถเราได้ค่ะ
นอกจากนี้ฟูจิซาฟารีปาร์คยังอยู่ห่างจากที่เที่ยวยอดนิยมอย่างทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ด้วยการขับรถแค่ราวๆ 1 ชั่วโมง จะเช่ารถข้ามวันแล้วขับไปเที่ยวพร้อมๆ กันทั้งสองที่ก็จะได้เต็มอิ่มกับภูเขาไฟฟูจิเลยทีเดียวค่ะ
สำหรับวิธีการเดินทางโดยละเอียดนั้นสามารถตวจสอบได้จากเว็บไซต์ทางการ หัวข้อ Access
เที่ยวก็สนุก ถ่ายรูปก็สวย แถมได้ความรู้ ไป "ฟูจิซาฟารีปาร์ค" กันเลย!
มาถึงญี่ปุ่นทั้งทีหลายท่านอาจจะไม่ได้คิดถึงการไปสวนสัตว์ แต่ขอบอกว่าที่ "ฟูจิซาฟารีปาร์ค" นี้ นอกจากจะมีสัตว์มากมายให้ชมอย่างใกล้ชิดต่อหน้าต่อตาแล้ว ยังมีโอกาสได้ลองสัมผัสสัตว์อีกด้วย แถมยังได้ชมธรรมชาติแบบญี่ปุ่น ไปจนถึง "ภูเขาไฟฟูจิ" เป้าหมายสำคัญในการเที่ยวญี่ปุ่นของหลายๆ ท่าน
ข้อมูลเพิ่มเติมต่างๆ สามารถดูได้จากเว็บไซต์ทางการของ Fuji Safari Park ได้ และยังมีช่องทางโซเชียลมีเดียที่ลงรูปหรือวิดีโอของสัตว์ป่าที่น่ารักน่าสนใจมากมายด้วยค่ะ
เที่ยวที่เดียวได้ครบทุกอย่างแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ทริปหน้าอย่าลืมพาเพื่อนๆ หรือพาเด็กๆ มาเที่ยวกันเลยค่ะ!
Written by Kogetsu
MATCHA photos by Chiaki Ono
Sponsored by Fuji Safari Park
Main image courtesy of Fuji Safari Park
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง