Start planning your trip
12 สถานที่เที่ยวแนะนำในไซตามะ! ตั้งแต่ที่เที่ยวประจำจังหวัดจนถึงที่เที่ยวลับ
ไซตามะเป็นจังหวัดที่เหมาะกับการเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียว บทความนี้ขอแนะนำที่เที่ยวซึ่งทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็สนุกได้ อย่างธีมพาร์คและพิพิธภัณฑ์รถไฟที่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็ก รวมถึงที่เที่ยวที่ได้สัมผัสธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และประวัติศาสตร์ที่หาไม่ได้ในโตเกียว
ไซตามะ (Saitama) จังหวัดท่องเที่ยวใกล้โตเกียว
จังหวัดไซตามะอยู่ติดกับโตเกียว การจัดอันดับจังหวัดที่น่าสนใจใน 47 จังหวัดของญี่ปุ่น ไซตามะมักอยู่ในอันดับท้ายๆ
แต่จริงๆ แล้ว จังหวัดไซตามะมีสถานที่เที่ยวเยี่ยมๆ มากมายที่หลายคนยังไม่รู้
บทความนี้ บรรณาธิการ MATCHA ซึ่งอาศัยอยู่ในไซตามะมานาน จะแนะนำที่เที่ยวเด่นๆ ทั้งหมดในไซตามะ ตั้งแต่ที่เที่ยวประจำจังหวัดไปจนถึงที่เที่ยวลับด้วย
สารบัญ:
1. ที่เที่ยวประจำจังหวัดไซตามะ
2. ที่เที่ยวลับในไซตามะ
3. ของอร่อยแนะนำในไซตามะ
4. บทส่งท้าย
ค้นหาและจองโรงแรมในจังหวัดไซตามะกับ Booking.com
เที่ยวไซตามะและแถบคันโตด้วยบัตร Tokyo Wide Area Pass (สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ)
ที่เที่ยวประจำจังหวัดไซตามะ
คาวาโกเอะ (Kawagoe) เอโดะน้อย
คาวาโกเอะซึ่งขับรถจากอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) มาได้แค่ 30 นาที จากมีทิวทัศน์เมืองเก่าที่ทำให้นึกถึงสมัยเอโดะ (ปี 1603 - 1868) จึงได้รับการเรียกขานว่า ลิตเติ้ลเอโดะหรือเอโดะน้อย มีโทคิโนะคาเนะ (Toki no Kane) หอระฆังซึ่งสร้างเมื่อ 300 ปีก่อน เป็นสัญลักษณ์ของคาวาโกเอะ
นอกจากอาคารสไตล์ญี่ปุ่นแล้ว คาวาโกเอะยังมีอาคารสไตล์ตะวันตกที่สร้างขึ้นในช่วงสมัยเมจิ (ปี 1868 - 1912) และสมัยไทโช (ปี 1912 - 1926) ตั้งเรียงรายอยู่ด้วย ดังนั้น เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของที่นี่ ขอแนะนำให้สวมชุดกิโมโนหรือชุดยูกาตะเดินเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ กัน
ร้านเช่าชุดกิโมโนในคาวาโกเอะมีชุดหลากหลายที่เข้ากับทิวทัศน์เมืองย้อนยุค มาสัมผัสความรู้สึกย้อนเวลาที่คาวาโกเอะที่เป็นเอโดะน้อยกัน
Toki no Kane
ที่อยู่: 15-7 Saiwaicho, Kawagoe, Saitama
เว็บไซต์ทางการ: https://koedo.or.jp/en/spot_001/
พื้นที่นากาโทโระในจิจิบุ (Nagatoro / Chichibu Area)
Picture courtesy of Chichibu City Tourism Division
พื้นที่นากาโทโระในเมืองจิจิบุสามารถนั่งรถไฟด่วนตรงจากสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro Station) รถไฟเซบุ (Seibu Railway) สายอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro Line) มาได้ในเวลาราว 1 ชั่วโมงครึ่ง
พื้นที่นากาโทโระในจิจิบุนี้ล้อมรอบด้วยธรรมชาติที่สวยงาม สามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งปี เช่น ชมดอกซากุระและดอกชิบะซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ว่ายน้ำและตั้งแคมป์ในฤดูร้อน ชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และชมแท่งน้ำแข็งย้อยในฤดูหนาว
งานเทศกาลดังที่ผู้คนรู้จักกันมาที่สุดงานหนึ่งในจิจิบุคือ จิจิบุโยมัตสึริหรือเทศกาลยามค่ำคืนในจิจิบุ (Chichibu Night Festival)/a> ซึ่งจัดขึ้นที่ศาลเจ้าจิจิบุ (Chichibu Shrine) ทุกเดือนธันวาคม ดาชิ (ขบวนรถแห่ในงานเทศกาล) อันยิ่งใหญ่ตระการตา ทำให้งานเทศกาลมีชีวิตชีวาน่าประทับใจยิ่ง ยังมีการจุดดอกไม้ไฟขนาดมหึมา ยิ่งทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนในฤดูหนาวสว่างไสวงดงามสุดๆ
Chichibu Shrine
ที่อยู่: 1-3 Banba-machi, Chichibu, Saitama
เว็บไซต์ทางการ: https://www.chichibu-jinja.or.jp/
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
Tove Jansson Akebono Children's Forest Park
Tove Jansson Akebono Children's Forest Park เดินทางจากโตเกียวมาแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง เป็นสวนสาธารณะที่สร้างตามโลกแห่งจิตนาการของตูเว ยานซอน (Tove Jansson) นักเขียนชาวฟินแลนด์ผู้สร้างสรรค์นิทานเด็กเรื่องมูมิน (Moomin)
ภายในสวนที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์มีอาคารเหมือนในเทพนิยายตั้งกระจายอยู่ ทำให้รู้สึกราวกับเข้าไปในหุบเขามูมินจริงๆ
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเที่ยว ดังนั้น แวะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ส่องประกายระยิบระยับสีทองยามต้องแสงอาทิตย์ ราวกับอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ของเทพนิยายกัน
Tove Jansson Akebono Children's Forest Park
ที่อยู่: 893-1 Asu, Hanno, Saitama
เว็บไซต์ทางการ: https://www.city.hanno.lg.jp/section/akebono_en/akebono_en.html
Moominvalley Park and metsä village (มูมินวัลเลย์พาร์คและหมู่บ้านเมตซ่า)
© Moomin Characters™
Moominvalley Park and metsä village ในเมืองฮันโนะ (Hanno) จังหวัดไซตามะ เป็นธีมพาร์คมูมินแห่งแรกในเอเชีย
ภายในมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น เข้า Moomintalo คฤหาสน์มูมินซึ่งสร้างเลียนแบบบ้านที่ครอบครัวมูมินอาศัยอยู่ ชมการแสดงของตัวการ์ตูนต่างๆ และซื้อสินค้าที่ร้านจำหน่ายของที่ระลึก
ขับรถจาก Tove Jansson Akebono Children's Forest Park มาแค่ 20 นาทีเดิง ดังนั้น ก็ไปเที่ยว 2 ที่พร้อมกันได้เลย
Moominvalley Park and metsä village
ที่อยู่: 327-6 Miyazawa, Hanno, Saitama
เว็บไซต์ทางการ: https://metsa-hanno.com/en/
พิพิธภัณฑ์โอมิยะบอนไซ (Omiya Bonsai Art Museum)
courtesy of PIXTA
พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอมิยะบอนไซเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะบอนไซแห่งแรกของโลกซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลญี่ปุ่น ภายในอาคารเป็นแกลเลอรีคอลเลกชันบอนไซที่ผู้ชมจะได้เรียนรู้วิธีการชื่นชมบอนไซ มีสวนบอนไซกลางแจ้งให้เพลิดเพลินกับบอนไซมากมายราว 60 ต้น ซึ่งบางต้นมีอายุมากกว่า 100 ปีด้วย
เมื่อเดินจากพิพิธภัณฑ์นี้ไปราว 5 นาที จะมีหมู่บ้านโอมิยะบอนไซ (Omiya Bonsai Village) ซึ่งประกอบด้วยสวนบอนไซ 6 แห่ง
กล่าวกันว่า ที่นี่เป็นจุดท่องเที่ยวที่เรียกกันว่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของบอนไซ สร้างขึ้นหลังเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่คันโตเมื่อปี 1923 เมื่อศิลปินสร้างสรรค์บอนไซซึ่งอาศัยอยู่ที่เซ็นดากิ ( Sendagi) ในเขตบุงเคียว (Bunkyo) ของโตเกียวได้ย้ายมาที่เมืองโอมิยะ (Omiya) ท่านที่ชื่นชอบบอนไซต้องไม่พลาดแวะมาเที่ยว 2 แห่งนี้นะ
Omiya Bonsai Art Museum
ที่อยู่: 2-24-3 Torocho, Kita, Saitama, Saitama
เว็บไซต์ทางการ: https://www.bonsai-art-museum.jp/en/
ทางระบายน้ำรอบนอกเมืองหลวงโดยกระทรวงคมนาคม (Metropolitan Area Outer Underground Discharge Channel)
ทางระบายน้ำรอบนอกเมืองหลวงโดยกระทรวงคมนาคมซึ่งได้รับการเรียกขานว่า “วิหารใต้ดิน” เป็นสถานที่ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
ภาพของท่อกักเก็บน้ำขนาดใหญ่สูงหลายสิบเมตรเรียงกันเป็นแถว มองแล้วชวนให้นึกถึงเสาของวิหาร
ที่เที่ยวซึ่งมีมนต์ขลังแห่งนี้มีทัวร์เข้าชมพร้อมไกด์ด้วย เพราะเป็นจุดเที่ยวที่มักใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ จึงมีแฟนหนังจำนวนมากมาเที่ยวชมกัน
Metropolitan Area Outer Underground Discharge Channel
ที่อยู่: 720 Kamikanezaki, Kasukabe, Saitama
เว็บไซต์ทางการ: https://gaikaku.jp/#
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
พิพิธภัณฑ์รถไฟ (The Railway Museum)
ผู้ชื่นชอบรถไฟห้ามพลาดเลย! พิพิธภัณฑ์รถไฟในโอมิยะ (Omiya) จังหวัดไซตามะ เป็นที่เที่ยวซึ่งจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์รถไฟของญี่ปุ่นผ่านการชมนิทรรศการต่างๆ
ภายในพิพิธภัณฑ์มีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น เครื่องจำลองการขับรถไฟชินคันเซ็นและรถราง ทุกคนทั้งเด็กเล็กไปจนถึงผู้ใหญ่สามารถสนุกกันได้ตลอดทั้งวันเลย
The Railway Museum
ที่อยู่: 3-47 Ohnaricho, Omiya, Saitama, Saitama
เว็บไซต์ทางการ: https://www.railway-museum.jp/e/
คาโดคาวะ มูซาชิโนะมิวเซียม (Kadokawa Culture Museum)
คาโดคาวะ มูซาชิโนะมิวเซียมเปิดให้บริการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2020 อยู่ใกล้กับสถานีฮิกาชิ-โทโกโรซาวะ (Higashi-Tokorozawa) เป็นที่เที่ยวซึ่งรวม 3 อาคารทางวัฒนธรรมขนาดใหญ่ ได้แก่ ห้องสมุด หอศิลป์ และพิพิธภัณฑ์สถานไว้ด้วยกันในอาคารเดียว
ด้านนอกอาคารมิวเซียมดูเหมือนโขดหินก้อนใหญ่ซึ่งได้รับความสนใจในโลกโซเชียลอย่างมากนี้ ออกแบบโดยคุมะ เคนโกะ สถาปนิกชื่อดังระดับโลก
Kadokawa Culture Museum
ที่อยู่: 3-31-3 Wada, Higashi-Tokorozawa, Tokorozawa, Saitama
เว็บไซต์ทางการ: https://kadcul.com/en
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
ที่เที่ยวลับในไซตามะ
จอห์นสันทาวน์ (JOHNSON TOWN )
จากสถานีอิรุมาชิ (Irumashi Station) รถไฟเซบุ (Seibu Railway) สายอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro Line) เดินไปราว 18 นาที จะพบ JOHNSON TOWN ย่านพักอาศัยซึ่งสร้างในรูปแบบสไตล์อเมริกัน
JOHNSON TOWN มีภูมิทัศน์ซึ่งชวนให้นึกถึงชานเมืองอเมริกา มีคาเฟ่ ร้านขายของเบ็ดเตล็ดของอเมริกา และร้านอาหารที่สามารถเพลิดเพลินกับแฮมเบอร์เกอร์ ข้าวกุ้งกระเทียม และอาหารอื่นๆ ด้วย
ที่นี่จึงเป็นสถานที่ซึ่งสามารถสัมผัสวัฒนธรรมอเมริกันได้แบบสบายๆ ที่ไซตามะโดยไม่ต้องบินไปถึงอเมริกา
JOHNSON TOWN
ที่อยู่: 1-6-1 Higashi-machi, Iruma, Saitama
เว็บไซต์ทางการ: https://johnson-town.com/
สวนลาเวนเดอร์ เซ็นเน็นโนะโซโนะ (Sennen no Sono Lavender Field)
แม้ในญี่ปุ่น ฮอกไกโดจะมีชื่อเสียงเรื่องดอกลาเวนเดอร์ แต่รันซังมาจิ (Ranzan-machi) ในจังหวัดไซตามะก็มีทุ่งลาเวนเดอร์ที่สวยงาม ชื่อ “สวนลาเวนเดอร์ เซ็นเน็นโนะโซโนะ” เช่นกัน
ที่นี่เป็นสวนลาเวนเดอร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่ราว 8 เฮกตาร์ มีดอกลาเวนเดอร์ราว 50,000 ต้นจะบานสะพรั่งในเดือนมิถุนายนของทุกปี นอกจากดอกลาเวนเดอร์สีม่วงซึ่งเป็นสีมาตรฐาน ที่นี่ยังมีดอกลาเวนเดอร์สีขาวงดงามละเมียดด้วย
นอกจากการชมดอกไม้สวยๆ ยังสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมเก็บดอกลาเวนเดอร์ ลิ้มรสเครื่องดื่มและอาหารที่ทำจากดอกลาเวนเดอร์ และเลือกซื้อสินค้าเกี่ยวกับดอกลาเวนเดอร์ได้ด้วย
เป็นที่เที่ยวอีกแห่งที่ต้องแวะไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียวกัน
Sennen no Sono Lavender Field
ที่อยู่: 2326 Kamagata, Oaza, Ranzan-machi, Hiki, Saitama
เว็บไซต์ทางการ: https://www.ranzan-kanko.jp/lavenderfestival
วัดเฮรินจิ (Heirinji Temple)
วัดเฮรินจิตั้งอยู่ในเมืองนิอิซะ (Niiza) จังหวัดไซตามะ ซึ่งอยู่ใกล้โตเกียวมาก เป็นที่เที่ยวซึ่งสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีอันสวยงามในฤดูใบไม้ร่วง
ในบริเวณวัดมีป่าขนาด 43 เฮกตาร์ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติแห่งชาติ สามารถเดินเล่นเพลิดเพลินกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ได้
เมื่อเทียบกับจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีใจกลางเมืองแล้ว ที่นี่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านน้อยกว่า จึงเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงความแออัด แต่เนื่องจากเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม จึงขอให้เที่ยวชมโดยไม่ส่งเสียงดังกันด้วยนะ สำหรับข้อพึงระวังอื่นๆ สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ทางการ
Heirinji Temple
ที่อยู่: 3-1-1 Nobidome, Niiza, Saitama
เว็บไซต์ทางการ: https://www.heirinji.or.jp/
สถานีวาโกชิ (Wakoshi Station)
จังหวัดไซตามะซึ่งอยู่ติดกับโตเกียว สถานีวาโกชิซึ่งมีรถไฟ 3 สายให้บริการ เป็นพื้นที่ซึ่งสะดวกมากในการเดินทางไปยังโตเกียว
ด้านนอกสถานีมีโทโยโกะอินน์ (Toyoko Inn) และซุเปอร์โฮเต็ล (Super Hotel) โรงแรมที่สามารถเข้าพักได้ในราคาย่อมเยา รวมถึงซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าต่างๆ ทำให้ที่นี่เหมะเป็นฐานเริ่มต้นในการเที่ยวโตเกียวมากๆ ด้วย
นอกจากนี้ เมืองวาโกะ (Wako) ยังเป็นที่ตั้งของสถาบันวิจัยฟิสิกส์และเคมี RIKEN ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยทางวิชาการของญี่ปุ่นที่ค้นพบธาตุใหม่ๆ แห่งแรกในเอเชีย
Wakoshi Station
ที่อยู่: 4 Honcho, Wako, Saitama
การเดินทาง: สถานีวาโกชิ (Wakoshi Station) รถไฟโทบุ (Tobu Railway) สายโทโจ (Tojo Line) หรือรถไฟโตเกียวเมโทร (Tokyo Metro) สายฟุคุโทชิน / สายยุราคุโจ (Fukutoshin Line / Yurakucho Line)
เว็บไซต์ทางการ: https://www.tokyometro.jp/lang_th/station/wakoshi/index.html
ของอร่อยแนะนำในไซตามะ
อุนาจู (Unaju) ของอร่อยขึ้นชื่อในคาวาโกเอะ
ในสมัยเอโดะซึ่งชาวบ้านถูกห้ามไม่ให้รับประทานเนื้อสัตว์อย่างเนื้อหมู เนื้อวัว ดังนั้น อุนางิ (ปลาไหลญี่ปุ่น) ที่จับได้ในแม่น้ำต่างๆ เช่น แม่น้ำอิรุมะ (Iruma river) และแม่น้ำอาระ (Ara river) จึงถือเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญในสมัยนั้น ว่ากันว่า อุนางิโนะคาบายากิ (Unagi no Kabayaki) ซึ่งเป็นปลาไหลญี่ปุ่นย่างราดซอสสุดอร่อย จึงได้รับความนิยมแพร่หลายในหมู่ชาวบ้านทั่วไป
จากนั้น อุนาจูซึ่งเป็นข้าวหน้าปลาไหลย่างที่นำอุนางิโนะคาบายากิจัดเรียงบนข้างที่บรรจุในกล่อง ก็ได้กลายเป็นของอร่อยขึ้นชื่อของคาวาโกเอะ ปัจจุบัน เมืองคาวาโกเอะมีร้านอุนาจูเก่าแก่กว่า 100 ปีหลายร้านให้ลิ้มลองกัน
วาราจิคัตสึด้ง (Waraji Katsudon) อาหารอร่อยชื่อดังของจิจิบุ
courtesy of PIXTA
วาราจิคัตสึด้ง อาหารอร่อยขึ้นชื่อในท้องถิ่นของจิจิบุ (Chichibu) เป็นข้าวหน้าทงคัตสึ (หมูทอด) 2 ชิ้น
เป็นอาหารที่ใช้ทงคัตสึชิ้นบางและใหญ่จุ่มลงในซอสรสหวานและเผ็ดเล็กน้อย ชื่อ "วาราจิคัตสึด้ง" มาจากลักษณะของทงคัตสึชิ้นใหญ่ 2 ชิ้นที่ดูเหมือนวาราจิ (รองเท้าแตะฟางของญี่ปุ่น)
เมืองจิจิบุมีร้านจำหน่ายวาราจิคัตสึด้งหลายแห่งซึ่งรังสรรค์เมนูที่ต่างกันในแต่ละร้านด้วย ดังนั้นถ้ามาเที่ยวจิจิบุ ต้องลองชิมหลายๆ ร้านเปรียบเทียบกันดูนะ
บทส่งท้าย
จังหวัดไซตามะมีสถานที่เที่ยวหลายแห่งซึ่งสามารถสัมผัสธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และประวัติศาสตร์อันยาวนานที่หาไม่ได้ในโตเกียว
นอกจากที่เที่ยวซึ่งแนะนำในบทความนี้ จังหวัดไซตามะยังมีแหล่งชอปปิงมากมาย อย่างชอปปิงมอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
มาเที่ยวโตเกียวครั้งต่อไป ลองแวะไปเที่ยวเมืองไซตามะแบบไปเช้าเย็นกลับกัน
ค้นหาและจองโรงแรมในจังหวัดไซตามะกับ Booking.com
เที่ยวไซตามะและแถบคันโตด้วยบัตร Tokyo Wide Area Pass (สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ)
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง