Start planning your trip
"พิพิธภัณฑ์อุปกรณ์ช่างไม้ ทาเคนากะ" ณ โกเบ สัมผัสประวัติศาสตร์และเทคนิคสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่น พร้อมทดลองทำงานช่างไม้แสนสนุก!
พิพิธภัณฑ์อุปกรณ์ช่างไม้ทาเคนากะ (Takenaka Carpentry Tools Museum) ที่โกเบแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งเดียวในญี่ปุ่นที่สามารถสัมผัสกับเทคนิคด้านสถาปัตยกรรมของอาคารไม้ นักท่องเที่ยวชื่นชอบสถาปัตยกรรม ดีไซน์ และศิลปะ จะได้ทั้งสัมผัสและดมกลิ่นของจริงด้วย!!
สัมผัสวัฒนธรรมด้านสถาปัตยกรรมอาคารไม้แบบเฉพาะของญี่ปุ่นที่ "พิพิธภัณฑ์อุปกรณ์ช่างไม้ทาเคนากะ"
พื้นที่ 70% ของประเทศญี่ปุ่นคือป่า ทำให้คนญี่ปุ่นมีความเกี่ยวข้องกันต้นไม้อย่างลึกซึ้งมาตั้งแต่สมัยโบราณ "ที่อยู่อาศัย" ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ก็มักสร้างจากไม้เป็นหลัก
ที่ญี่ปุ่นเรียกช่างฝีมือที่คอยซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนว่า "ไดคุ (Daiku)" ที่ "พิพิธภัณฑ์อุปกรณ์ช่างไม้ ทาเคนากะ" (Takenaka Carpentry Tools Museum) หรือชื่อญี่ปุ่นคือ Takenaka Daiku Dougu Kan ในโกเบแห่งนี้ คุณจะได้สัมผัสกับเทคนิคของช่างฝีมือที่เป็นไดคุชื่อดัง และประวัติศาสตร์ของเครื่องมือต่างๆ ผ่านทางการตกแต่งภายใน งานนิทรรศการ และเวิร์คช็อปต่างๆ
ที่นี่ยังมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมาเยี่ยมชมปีละประมาณ 2,000 คน เนื่องจากข้อมูลที่เผยแพร่กันแบบทั้งปากต่อปากและในอินเตอร์เน็ต
สำหรับบทความนี้ ขอแนะนำกิจกรรม 5 อย่างที่คุณจะเพลิดเพลินได้ที่ "พิพิธภัณฑ์งานไม้ทาเคนากะ"
1. ชมสถาปัตยกรรมและสวนญี่ปุ่น!
อาคารแห่งนี้ทำจากคอนกรีตเสริมเหล็กที่แข็งแรง สูง 1 ชั้น และมีชั้นใต้ดิน 2 ชั้น แต่ใช้ไม้ประกอบในการก่อสร้างอย่างมาก จนราวกับดีไซน์ของอาคารแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม
อีกฝั่งหนึ่งของสวนที่อยู่ด้านใน มีสวนญี่ปุ่นที่จัดขึ้นโดยวิธีชัคเค (Shakkei *1) ซึ่งก็คือวิวของภูเขาร็อคโครอต้อนรับคุณอยู่
*1 ชัคเค (Shakkei) คือรูปแบบการจัดสวนญี่ปุ่น เป็นวิธีการนำวิวของเทือกเขาหรือภูเขาสวยๆ มาเป็นวิวด้านหลังหรือด้านข้างของสวนญี่ปุ่น
วันที่ไปเก็บข้อมูลเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูใบร่วงพอดี เป็นช่วงที่ใบเมเปิ้ลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง นี่ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเทคนิคการปลูกต้นไม้และสวนญี่ปุ่น
2. ค้นพบความงามของการตกแต่งภายใน!
พอเดินผ่านประตูทางเข้าที่ทำจากไม้ของต้นเกาลัด ก็จ่ายค่าบริการที่ประชาสัมพันธ์ โดยค่าเข้าชมนั้นจะอยู่ที่ ผู้ใหญ่ราคา 500 เยน ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป 200 เยน นักเรียนมัธยมปลายและนักศึกษามหาวิทยาลัย 300 เยน เด็กตั้งแต่นักเรียนมัธยมต้นลงไปใช้บริการฟรี ราคาทั้งหมดรวมภาษีแล้ว
ด้านในมีล็อคเกอร์สำหรับฝากของด้วย คุณจึงเดินชมภายในอาคารแบบมือเปล่าได้สบายๆ แต่ที่นี่รวมไปถึงร้านค้าของพิพิธภัณฑ์นั้นไม่สามารถใช้บัตรเครดิตชำระเงินได้ค่ะ
บันไดที่เชื่อมต่อระหว่างห้องนิทรรศการของชั้นใต้ดินชั้น 1 และชั้น 2 มีกำแพงลายขวางที่อยู่ทางขวาของรูปด้านบน กำแพงนี้สร้างขึ้นโดยเทคนิคดั้งเดิมที่เรียกว่า "ซึจิคาเบะ เคสุริดาชิ (Tsuchikabe Kezuridashi)" ซึ่งแปลว่าการแกะสลักกำแพงดิน
ใต้บันไดมีมุมพักผ่อนซึ่งมีมีเก้าอี้สุดเก๋วางอยู่ อยากจะนั่งพักตรงนี้สักหน่อยก็ย่อมได้
ภายในมีสวนที่สร้างขึ้นเพื่อรับแสงอาทิตย์จากภายนอก ทำให้แม้ว่าจะเป็นชั้นใต้ดินก็มีแสงสว่างส่องถึง คุณจะสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของเทคนิคและความใส่ใจอย่างละเอียดที่มีต่อการออกแบบและการก่อสร้าง
3. ชมนิทรรศการไปพร้อมๆ กับชมจุดเด่นและกลิ่นหอมของไม้
ขอแนะนำไฮไลท์หลายๆ อย่างของนิทรรศการที่นี่กันหน่อยค่ะ
รูปนี้คือแบบจำลองมาจาก "คุมิโมโนะ (Kumimono)" ซึ่งหมายถึงส่วนที่เชื่อมต่อหลังคากับเขา มาจากของจริงภายในโบสถ์ที่วัดโทโชไดจิ อันมีชื่อว่า "โทโชไดจิ คนโด (Toushoudaiji Kondou)" ที่จังหวัดนารา
แบบจำลองนี้ใหญ่มากขนาดครอบคลุมตั้งแต่ชั้นใต้ดินชั้น 1 ถึง ชั้น 2 เลยทีเดียว
ชั้นใต้ดินชั้น 2 มีการแนะนำคุณสมบัติของไม้ต่างๆ ที่มุม "ใช้ประโยชน์จากไม้" ลองพิจารณาความต่างของสี ลายไม้ และกลิ่นดูได้ตรงนี้
ประตูบานเลื่อน (โชจิ) ทำขึ้นโดยใช้เทคนิคดั้งเดิมที่เรียกว่า "คุมิโกะ (Kumiko)" จัดแสดงอยู่ที่มุม "ความงามดั้งเดิมของญี่ปุ่น"
ประตูนี้ใช้ประโยชน์จากสีของไม้สรรสร้างลายที่งดงามขึ้น โดยไม่ได้ใช้ตะปูหรือกาวเลย พอแสงแดดสาดส่องเข้ามาจะทำให้เกิดเงาที่งดงามเกินบรรยาย
สุมิสึโบะ (sumitsubo) ที่ตั้งอยู่ในมุม "เครื่องมือและงานฝีมือ" คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตีเส้นบนวัสดุไม้หรือแผ่นไม้ด้วยหมึก
จุดที่มีสัญลักษณ์รูปมือ "Feel free to touch" แบบนี้คุณสามารถลองสัมผัสของจริงดูได้เลย
นอกจากนี้ ยังมีมุมที่แนะนำประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมหรืออุปกรณ์ที่สรรค์ส้ร้างโดยไดคุชื่อดังทั้งหมดรวม 7 มุม สามารถถ่ายรูปสำหรับเพื่อเก็บไว้ดูเองได้
4. เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปสนุกๆ ได้ด้วย!
ที่ชั้นใต้ดินชั้น 2 มีเวิร์คช็อปที่ชื่อว่า "งานไม้เล็กๆ (Chokotto Mokkou)" จัดขึ้นในวันพุธ วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10:00 - 12:00 และ 13:00 - 16:00 (อาจงดเว้นหากมีการจัดอีเวนท์อื่นๆ)
ตัวต่อไม้ คือสิ่งที่จะได้ลองทำจากการอบรมที่ให้คุณใช้เลื่อยฉลุที่มีใบมีดละเอียดทำให้เป็นรูปร่างขึ้น (ใช้เวลา 30-60 นาที ราคา 500 เยนรวมภาษี)
เวิร์คช็อป "ไข่ไม้ภูเขาร็อคโค" ที่ใช้กระดาษทรายขัดชิ้นส่วนของไม้รูปไข่ เด็กเล็กๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้ (ราคา 200 เยน รวมภาษี)
การบรรยายมีแค่ภาษาญี่ปุ่นก็จริง แต่การบรรยายด้วยคำพูดไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ ก็เลยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมกิจกรรมมากมาย สำหรับการเข้าร่วม ไม่ต้องจองล่วงหน้าก็จริง แต่ก็มักจะเต็มเพราะเป็นที่นิยมมาก จึงขอแนะนำให้มาเที่ยวชมในช่วงเช้า จะได้มีโอกาสสมัครเข้าร่วมเสียแต่เนิ่นๆ
นอกจากการอบรมที่มีประจำ ยังมีเวิร์คช็อปอื่นๆ อีกมากมาย เช่น คอร์สประจำฤดู หรือเวิร์คช็อปสำหรับผู้ใหญ่ หากมีวันและเวลาสักหน่อยล่ะก็ ขอเชิญทุกท่านมาเข้าร่วมสนุกแถมได้ประสบการณ์กันดีกว่า สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่
5. ซื้อของที่ระลึกในร้านค้าของพิพิธภัณฑ์!
ร้านค้าของพิพิธภัณฑ์ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ ประชาสัมพันธ์ชั้น 1 มีขนาดเล็กก็จริง แต่มีสินค้าแปลกๆ ที่เกี่ยวกับไม้มากมาย นอกจากนั้นยังมีหนังสือรายละเอียดนิทรรศการประจำและนิทรรศการพิเศษอีกด้วย
สำหรับภาพด้านบน ที่ห้อยมือถือด้านบน และพวงกุญแจด้านล่างทั้งหมดราคาชิ้นละ 870 เยน รวมภาษี ทำขึ้นเป็นรูปอุปกรณ์ที่ใช้ในงานไม้ จากซ้ายมือคือ กบไสไม้ ค้อนไม้ และเลื่อย
กบเหลาดินสอซึ่งทำจากไม้หลากหลายชนิดที่มีลายและสีต่างๆ กัน ราคา 650 เยน รวมภาษี
ไข่จากไม้ที่มีลายไม้งดงามมีชื่อน่ารักๆ ไว้ว่า "ของขวัญจากนกในป่า" (Mori no Tori tachi kara no Okurimono) ราคาขึ้นอยู่กับวัสดุ ไม้เอ็นจุ (Sophora japonica) และไม้ซากุระราคา 1,200 เยนรวมภาษี ส่วนชนิดอื่นๆ อีก 8 ชนิด ราคา 1,100 เยน รวมภาษี
ถ้าได้ลองหยิบมันขึ้นมาถือดู จะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและนุ่มเนียนของไม้ได้
นอกจากสินค้าที่ทำจากไม้แล้ว มีผู้ที่ซื้อผ้าเช็ดเอนกประสงค์ (เทะนุกุย) เป็นของที่ระลึกหลายคนเหมือนกัน ลายบนผ้าออกแบบโดยการเขียนชนิดพันธุ์ไม้ที่แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ เช่น สึเกะ (Tsuge) สึกะ (Tsuga) เป็นตัวอักษรคันจิและฮิรางานะ
สีขาวราคา 1,000 รวมภาษี ส่วนสีน้ำเงินราคา 1,100 เยนรวมภาษี นอกจากนี้ยังมีดินสอ โปสการ์ดภาพ ที่มีน้ำหนักเบาไม่เทอะทะ เหมาะกับสำหรับเป็นของที่ระลึกอย่างมาก
สิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
โดยมากแล้วมีการระบุหัวข้อเป็นภาษาอังกฤษ และในบางจุดที่จำเป็นก็มีระบุเป็นภาษาเกาหลี และภาษาจีนด้วย
สำหรับคำอธิบายโดยละเอียดมีเฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ที่เห็นจากภาพด้านบน นั้นคือบริการให้ยืมแท็บเล็ตหรือไอโฟนเพื่ออธิบายนิทรรศการเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาเกาหลี และภาษาจีน ใครสนใจ สามารถติดต่อสอบถามที่ประชาสัมพันธ์ได้เลยค่ะ
นิทรรศการที่ไม่เหมือนใคร และสถาปัตยกรรมอันงดงาม รวมถึงมีการจัดการอำนวยความสะดวกหลายภาษา ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาบอกว่าปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวจากประมาณ 50 ประเทศมาเยือนเลยทีเดียวล่ะ
ในวันที่ผู้เขียนเข้าไปเก็บข้อมูล มีนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสมากันเป็นครอบครัวด้วย พอถามเกี่ยวกับความเห็นจากผู้หญิงที่อยู่ซ้ายมือของรูป เขาบอกว่า "รู้สึกได้ถึงปรัชญาและแนวความคิดที่อยู่เบื้องหลังงานนิทรรศการได้อย่างชัดเจน"
พิพิธภัณฑ์อุปกรณ์ช่างไม้ทาเคนากะค่อยๆ เป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวเรื่อยๆ ในฐานะที่เป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งผู้เข้าชมสามารถสนุกสนานผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าได้ หากคุณมาเที่ยวโกเบ ก็ขอเชิญให้แวะมาที่นี่กันดูนะคะ!
ผู้ให้ความร่วมมือในการเก็บข้อมูล : พิพิธภัณฑ์งานไม้ทาเคนากะ
日本文化、特に絵画や工芸品が好き。福岡、京都、大阪、ベルギー、アメリカを経て現在は神戸在住。座右の銘は「住めば都」。
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง