5 แหล่งถ่ายรูปวิวสุดสวยลงโซเชียล แบบไปเช้า-เย็นกลับจากโตเกียว & สนามบินนาริตะ!

บริการนี้รวมโฆษณาที่ได้รับการสนับสนุน
article thumbnail image

ขอแนะนำ 5 จุดในจังหวัดชิบะที่แสนจะน่าเที่ยว น่าถ่ายรูปแชร์ลงโซเชียลให้คนอิจฉาเล่นไม่ว่าจะเป็นทุ่งดอกไม้ โบราณสถาน และจุดชมวิวติดทะเลเห็นภูเขาไฟฟูจิ แถมเดินทางง่าย ไปเช้า-เย็นกลับจากโตเกียวหรือสนามบินนาริตะกันได้เลย

วันที่ปรับปรุงล่าสุด :

แหล่งชมวิวสุดสวยแบบไปเช้า-เย็นกลับจากโตเกียวและสนามบินนาริตะไว้แชร์ลงโซเชียล!

เพื่อนๆ ที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นตัดสินใจกันได้รึยังเอ่ย ... ว่าอยากไปทำอะไรที่ไหนบ้าง?

ผู้เขียนเชื่อว่าหลายท่านจะต้องเลือกใช้บริการสนามบินนาริตะทั้งขาไป-กลับทริปเที่ยวญี่ปุ่นกันอย่างแน่นอน ความจริงแล้วในจังหวัดชิบะซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามบินนาริตะนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์มากมายไม่ว่าจะเป็นช้อปปิ้งมอลล์ยอดนิยมและสวนเก็บผลไม้ ไปกินอาหารทะเลอร่อยๆ และรถไฟชมวิวชนบทสไตล์ญี่ปุ่น

ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำแหล่งถ่ายรูปวิวสุดงามน่าแชร์ลงโซเชียล ที่พวกเราสามารถไปได้ง่ายๆ แบบไปเช้า-เย็นกลับจากโตเกียวหรือสนามบินนาริตะกันค่ะ

สารบัญ :

1. จุดที่ 1 มาเธอร์ฟาร์ม (Mother Farm) แหล่งถ่ายรูปทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่และสัตว์สุดแปลก
2. จุดที่ 2 ภูเขาโนโคกิริ (Mount Nokogiri) แหล่งชมวิวสุดงามของหน้าผาสูงชันและพระพุทธรูปหินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
3. จุดที่ 3 แหลมฟุตสึ (Cape Futtsu) แหล่งชมวิวภูเขาไฟฟูจิเหนือท้องทะเล
4. จุดที่ 4 หุบเขาโยโรเคโคขุ (Yoro Keikoku) แหล่งดื่มด่ำความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีและป่าไม้อันเขียวขจี
5. จุดที่ 5 น้ำตกโนมิโสะ (Nomizo Falls) แหล่งชมแสงสะท้อนรูปหัวใจสุดอัศจรรย์บนผิวน้ำ
6. ใช้บริการขนส่งสัมภาระขนาดใหญ่ไปยังสนามบินนาริตะกันเถอะ!

จุดที่ 1 มาเธอร์ฟาร์ม (Mother Farm)
แหล่งถ่ายรูปทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่และสัตว์สุดแปลก

สนุกกับการถ่ายรูปท่ามกลางทุ่งดอกไม้น่าแชร์ลงโซเชียล!

マザー牧場

เอื้อเฟื้อภาพโดย : Mother Farm

"มาเธอร์ฟาร์ม" ที่ตั้งอยู่ภายในเมืองฟุตสึ จังหวัดชิบะห่างจากสนามบินนาริตะ (Narita Airport) และสถานีโตเกียว (JR Tokyo Station) ประมาณนั่งรถไฟและรถบัสรวมกัน 2 – 3 ชั่วโมง ฟาร์มแห่งนี้เป็นฟาร์มเพื่อการท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อจากวิวทุ่งดอกไม้อันแสนสวยงาม

โดยไฮไลท์ยอดนิยมเป็นพิเศษก็จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากดอกนาโนะฮานะกว่า 3,500,000 ต้นที่บานสะพรั่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - เดือนเมษายนนั่นเอง

マザー牧場

เอื้อเฟื้อภาพโดย : Mother Farm

นอกจากนี้ระหว่างเดือนพฤษภาคม – เดือนกันยายน ทั่วทั้งเนินเขาจะปกคลุมไปด้วยสีชมพูของ "โมโมะอิโระโทอิกิ" ดอกไม้ที่ปรับปรุงสายพันธุ์มาจากดอกพีทูเนีย ถ้าใครได้มาถ่ายรูปท่ามกลางทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่แห่งนี้จะต้องเป็นที่ฮือฮาในโซเชียลอย่างแน่นอน!

มาถ่ายรูปกับเหล่าอัลปากาและแกะกันเถอะ!

マザー牧場

วัวสก็อตติชไฮแลนด์ เอื้อเฟื้อภาพโดย : Mother Farm

ภายใน "มาเธอร์ฟาร์ม" เต็มไปด้วยสัตว์แปลกๆ มากมาย บอกเลยว่าเราจะได้พบกับเจ้าวัวสก็อตติชไฮแลนด์ตามภาพด้านบนในโซนรอบนอกโตเกียวได้เฉพาะที่ "มาเธอร์ฟาร์ม" แห่งนี้เท่านั้น!

สำหรับใครที่เข้าร่วม “ทัวร์มาเธอร์ฟาร์ม” จะได้นั่งรถลากโดยรถแทรกเตอร์ (Tractor Train) แล่นไปตามถนน ตระเวนชมโซนเฉพาะภายในสวน และจะได้พบกับสัตว์สุดแปลกหายากเหล่านี้กันอย่างแน่นอน

สำหรับเจ้าวัวสก็อตติชไฮแลนด์สามารถชมได้เฉพาะจากบนรถลากเท่านั้นก็จริง แต่สัตว์ตัวอื่นๆ อย่างอัลปากาและแกะนั้นสามารถให้อาหารและถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิดเลยล่ะค่ะ!

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทัวร์สามารถเข้าไปดูได้จากเว็บไซต์หลักของมาเธอร์ฟาร์ม

สนุกได้ทั้งวันเพราะมีกระทั่งสวนสนุกภายในฟาร์ม!

マザー牧場

นอกจากนี้ ภายใน "มาเธอร์ฟาร์ม" ยังมีสวนสนุกให้ได้เล่นกันตลอดทั้งวันไม่มีเบื่อ ส่วนของกินขอแนะนำให้ลองเมนูเด็ด เจงกิสข่าน (*1) ราดซอสโฮมเมด และซอฟท์ครีมกันดูให้ได้ค่ะ

ที่นี่มีจำหน่ายคุกกี้รูปน้องวัวสุดน่ารัก ไส้กรอกผลิตในโรงงานของมาเธอร์ฟาร์ม และอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งน่าลองซื้อกลับไปเป็นของฝากสุดๆ

*1 : เจงกิสข่าน...เมนูอาหารปิ้งย่างทำด้วยเนื้อแกะ

การเดินทาง :
นั่งรถบัสจากสถานีคิมิตสึ (Kimitsu) สาย JR อุจิโบ (Uchibo) มาประมาณ 30 - 40 นาทีหรือนั่งรถบัสจากสถานีซานูกิมาจิ (JR Sanukimachi) สาย JR อุจิโบ มาประมาณ 25 นาที
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้จากเว็บไซต์หลัก
ในกรณีที่เช่ารถหรือนั่งแท็กซี่มาจากสนามบินนาริตะจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)
ค่าเข้าชม : 1,500 เยน *เด็กอายุ 4 - 12 ปี 800 เยน

จุดที่ 2 ภูเขาโนโคกิริ (Mount Nokogiri)
แหล่งชมวิวสุดงามของหน้าผาสูงชันและพระพุทธรูปหินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

มรดกทางพุทธศาสนาขนาดใหญ่บนหินผา ควรค่าแก่การไปชมให้ได้สักครั้งในชีวิต!

鋸山

ถ้าดูภาพด้านบนก็จะเห็นพระพุทธรูปหินแกะสลักบนหินผาสูง ขอบอกว่าสูงกว่า 30 เมตรเลยทีเดียว ยิ่งใหญ่ตระการตามาก

"ภูเขาโนโคกิริ" ตั้งอยู่ห่างจากสถานี JR โตเกียวโดยรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมงและห่างจากสนามบินนาริตะโดยรถไฟ 3 ชั่วโมง ที่แห่งนี้เคยเป็นเหมืองหินมาก่อน ในปัจจุบันที่นี่ก็ยังคงหลงเหลือมรดกทางพุทธศาสนาอันงดงามให้ได้ชมกันมากมาย เช่น รูปเจ้าแม่กวนอิม "เฮียคุชาคุคันนอน" ที่อยู่ในภาพด้านบน เป็นต้น

鋸山

หนึ่งในมรดกขึ้นชื่อของที่นี่อีกสิ่งคือพระพุทธรูปพระพุทธเจ้าไภษัชยคุรุ “ยาคุชิรุริโคเนียวไร” ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 นี่แหละ โดยเป็นพระพุทธรูปหินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วยความสูงกว่า 31 เมตร

鋸山

นอกจากนี้ บริเวณทางเดินบนภูเขาโนโคกิริก็ยังมีกลุ่มพระพุทธรูปหินตั้งอยู่ทุกหนทุกแห่ง พระพุทธรูปหินรวมกว่า 1553 องค์เหล่านี้เรียกว่า “เซ็งโกะเฮียคุราคัง” หมายถึง "พระอรหันต์พันรูป"

พระพุทธรูปหินแต่ละองค์มีสีหน้าท่าทางแตกต่างกันออกไปถึงขนาดว่ากันว่าในบรรดาพระอรหันต์พันรูปนั้นจะต้องมีพระพุทธรูปหินสักองค์ที่มีใบหน้าเหมือนกับเราเลยทีเดียว แบบนี้ต้องลองแวะมาค้นหาพระพุทธรูปหินที่หน้าเหมือนตัวเองแล้วถ่ายรูปเพื่อเป็นสิริมงคล แถมยังแชร์ลงโซเชียลได้ด้วยนะ

ร่วมมือกับเพื่อนถ่ายวิวสุดเด็ดบนหน้าผากับจุด “จิโกกุโนโซกิ” !

鋸山

แหล่งชมวิวสุดงามของภูเขาโนโคกิริที่ขึ้นชื่อไม่แพ้พระพุทธรูปหินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นก็คือจุด "จิโกกุโนโซกิ" ที่ตั้งอยู่บริเวณยอดเขานั่นเอง บอกเลยว่าถ้าใครได้ไปยืนบนโขดหินที่ยื่นออกไปบนหน้าผาจะได้สัมผัสความรู้สึกราวกับลอยอยู่บนท้องฟ้าเลยทีเดียว คำว่า "จิโกกุโนโซกิ" แปลตรงตัวว่า "แอบมองนรก" แต่วิวนั้นสวยงามราวกับสวรรค์เลยทีเดียวล่ะ ต้องไปลอง!

และที่จุดพักที่ห่างไปเล็กน้อยสามารถถ่ายรูปหน้าผาและวิวคู่กันเหมือนกับภาพด้านบนได้ด้วย ถ้าใครอยากได้ภาพวิว “จิโกกุโนโซกิ” ก็ขอแนะนำให้มากันตั้งแต่ 2 ท่านขึ้นไปแล้วให้คนหนึ่งขึ้นไปยืนโพส ส่วนอีกคนหนึ่งถ่ายรูปให้ตรงจุดพักก็จะได้รูปสวยๆ กลับไปลงเฟสให้เพื่อนๆ อิจฉากันแล้วล่ะค่ะ

鋸山

จาก "จิโกกุโนโซกิ" สามารถชมวิวทะเลแบบมุมกว้างได้ด้วย แถมในวันที่อากาศแจ่มใสยังมองเห็นภูเขาไฟฟูจิอีกต่างหาก

แต่กว่าจะมาถึงไฮไลท์ของภูเขาโนโคกิริก็ต้องเดินขึ้นเขามาพอสมควร จึงขอแนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบเดินง่ายและเสื้อผ้าคล่องตัวพร้อมพกน้ำดื่มมาด้วยจะดีที่สุด

แต่ถ้าใช้บริการกระเช้าก็สามารถเดินทางมาถึงบริเวณใกล้กับ "จิโกกุโนโซกิ" ได้อย่างง่ายดาย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้จากเว็บไซต์หลักของกระเช้าภูเขาโนโคกิริ

การเดินทาง :
เดินมาจากสถานีฮามาคานายะ (Hamakanaya) 15 นาทีหรือจากสถานีโฮตะ (Hota) สาย JR อุจิโบ (Uchibo) ใช้เวลา 45 นาที
*กระเช้าลอยฟ้าเดินจากสถานีฮามาคานายะประมาณ 8 นาที
ในกรณีที่เช่ารถหรือนั่งแท็กซี่มาจากสนามบินนาริตะจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)
ค่าเข้าชม : 600 เยน *เด็กอายุ 4 - 12 ปี 400 เยน ในกรณีที่มาโดยรถยนต์จำเป็นต้องจ่ายค่าที่จอดรถเพิ่มเติม

จุดที่ 3 แหลมฟุตสึ (Cape Futtsu)
แหล่งชมวิวภูเขาไฟฟูจิเหนือท้องทะเล

แหล่งชมวิวภูเขาไฟฟูจิสุดงามที่ไม่ค่อยมีใครรู้!

富津岬

เอื้อเฟื้อภาพโดย : เมืองฟุตสึ

จังหวัดชิบะนั้นตั้งประจันหน้ากับภูเขาไฟฟูจิ โดยมีอ่าวโตเกียวกั้นอยู่ตรงกลาง จึงเต็มไปด้วยแหล่งชมวิวภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) แบบมีทะเลเป็นฉากหน้าสุดงามมากมาย

"แหลมฟุตสึ" ตั้งอยู่ห่างจากสถานี JR โตเกียวด้วยรถไฟ ต่อรถบัส และเดินรวมเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งและห่างจากสนามบินนาริตะประมาณ 3 ชั่วโมง สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งชมทัศนียภาพอันงดงามที่ได้รับเลือกจากกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม และการท่องเที่ยวให้เป็น 1 ใน "100 จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิ" ของภูมิภาคคันโต (โตเกียวและ 6 จังหวัดข้างเคียง)

ในวันที่อากาศแจ่มใสจะเห็นภูเขาไฟฟูจิลอยขึ้นมาด้านหลังเกาะเทียมบนท้องทะเล ขอแนะนำให้เดินทางมาชมในช่วงเดือนตุลาคม - เดือนเมษายนจะสวยเป็นพิเศษเลยล่ะค่ะ

"แหลมฟุตสึ" แหล่งชมวิวสุดงามที่ไม่ค่อยมีใครรู้แตกต่างจากบริเวณโดยรอบภูเขาไฟฟูจิที่คึกคักไปด้วยผู้คนมากมายแห่งนี้ จึงเป็นแหล่งถ่ายรูปที่สามารถถ่ายได้หลายมุมจุใจมาก แบบนี้ต้องเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ ของวิวภูเขาไฟฟูจิที่นี่ไปลงโซเชียลเจ๋งๆ สักใบกันแล้วล่ะค่ะ!

富津岬

“หอสังเกตการณ์อนุสรณ์ 100 ปีเมจิ (Meiji Centennial observation tower)” จุดชมวิวสูงประมาณ 22 เมตรบนแหลมฟุตสึแห่งนี้มีดีไซน์สุดเอกลักษณ์สไตล์ศิลปะร่วมสมัย หลังจากถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิบนจุดชมวิวจนจุใจแล้วก็อย่าลืมเก็บภาพหอสังเกตการณ์กลับไปเป็นที่ระลึกกันด้วยเนอะ

การเดินทาง :
นั่งรถไฟไปลงสถานีอาโอโฮริ (Aohori) สาย JR อุจิโบ (Uchibo) แล้วนั่งรถบัสที่มุ่งหน้าไปยัง Futtsu Park มาลงป้ายสุดท้าย หลังจากนั้นก็เดินต่ออีกประมาณ 20 นาที
ในกรณีที่เช่ารถหรือนั่งแท็กซี่มาจากสนามบินนาริตะจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสูง 56 เมตรตั้งอยู่ใกล้ๆ นี่เอง!

東京湾観音

บริเวณใกล้กับแหลมฟุตสึเป็นที่ตั้งของ "โตเกียววันคันนง (Tokyo Wan Kannon)" รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสูง 56 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดโดยการขึ้นเขาประมาณ 2 กิโลเมตร สำหรับใครที่ไม่ไหวก็สามารถชมความยิ่งใหญ่จากบริเวณใกล้กับแหลมฟุตสึเอาก็ได้เหมือนกัน

แต่ถ้าใครมีโอกาสได้เดินทางมาชมโตเกียววันคันนงก็ขอแนะนำให้จ่ายเงินเพื่อเข้าชมภายในรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมดูค่ะ จากบนจุดชมวิวตรงส่วนหน้าแขนเราจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามซึ่งได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิของคันโตเหมือนกับแหลมฟุตสึเลยทีเดียว (*2)

*2 : โตเกียววันคันนงจะปิดบำรุงรักษาระหว่างเดือนพฤษภาคม - เดือนธันวาคม 2018 ไม่สามารถเข้าชมได้ภายในช่วงนี้

การเดินทาง :
ห่างจากสถานีซานูกิมาจิ (JR Sanukimachi) สาย JR อุจิโบ (Uchibo) ประมาณ 2 กิโลเมตร
ในกรณีที่เช่ารถหรือนั่งแท็กซี่มาจากสนามบินนาริตะจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)

จุดที่ 4 หุบเขาโยโรเคโคขุ (Yoro Keikoku)
แหล่งดื่มด่ำความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีและป่าไม้อันเขียวขจี

เก็บภาพความประทับใจของธรรมชาติสไตล์ญี่ปุ่นที่หุบเขาโยโรเคโคขุกันให้จุใจ!

養老渓谷

เอื้อเฟื้อภาพโดย : สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเมืองโอตากิ

หุบเขาโยโรเคโคขุ” ตั้งอยู่ห่างจากสถานี JR โตเกียวด้วยรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง – 3 ชั่วโมงและห่างจากสนามบินนาริตะโดยรถไฟประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง สถานที่แห่งนี้นับเป็นแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีขึ้นชื่อเลยก็ว่าได้ค่ะ

ภายในหุบเขาโยโรเคโคขุนั้นเต็มไปด้วยแหล่งชมวิวสุดงาม โดยหนึ่งในนั้นก็คือรอบๆ น้ำตกอาวามาตะ (Awamata Falls) ที่บริเวณทางเดินชมธรรมชาติเลียบหุบเขาจะปกคลุมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม

ใครอยากเคลิบเคลิ้มไปกับใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามก็ต้องแวะมาที่ “หุบเขาโยโรเคโคขุ” แหล่งดื่มด่ำกับความงดงามทางธรรมชาติสไตล์ญี่ปุ่นแห่งนี้กันเลย

養老渓谷

เอื้อเฟื้อภาพโดย : สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเมืองโอตากิ

นอกจากนี้ก็ยังเต็มไปด้วยแหล่งชมวิวสุดงามห้ามพลาดอีกมากมาย เช่น โคบุนโดอาโตะ (Kobundo-ato) หรือ "ร่องรอยอุโมงค์โคบุนโด" เป็นต้น สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้จากบทความชมธรรมชาติสี่ฤดูกาลที่ "โยโรเคโคขุ" จ.ชิบะ (น้ำตก ดอกไม้ และใบไม้เปลี่ยนสี)

การเดินทาง :
จากสถานีคาซุซะนากาโนะ (Kazusa Nakano) ของรถไฟ Kominato Railway หรือรถไฟ Isumi Railway นั่งรถบัสทันโช (Tansho Bus) มาลงป้าย "อาวามาตะ โนะ ทากิ (Awamata no Taki)"
ในกรณีที่เช่ารถหรือนั่งแท็กซี่มาจากสนามบินนาริตะจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)

ชมทุ่งดอกนาโนะฮานะแสนกว้างใหญ่จากรถไฟโคมินาโตะ (Kominato Railway) รอบหุบเขาโยโรเคโคขุ!

養老渓谷

เอื้อเฟื้อภาพโดย : สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเมืองอิจิฮาระ

"รถไฟโคมินาโตะ" ที่นั่งตอนไปยังหุบเขาโยโรเคโคขุเป็นขบวนรถไฟที่สามารถนั่งชมทุ่งดอกไม้นาโนะฮานะอันกว้างใหญ่จากหน้าต่างและสถานีรถไฟตลอดสองฟากฝั่งได้ในช่วงปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนพฤษภาคม

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ (รอบนอกโตเกียว) นั่งรถไฟสไตล์ย้อนยุคเที่ยวรอบจ.ชิบะ!

จุดที่ 5 น้ำตกโนมิโสะ (Nomizo Falls)
ชมแสงสะท้อนรูปหัวใจสุดอัศจรรย์บนผิวน้ำ

เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามน่าพิศวงที่รายล้อมไปด้วยป่าไม้สวยงาม!

濃溝の滝

เอื้อเฟื้อภาพโดย : เมืองคิมิตสึ

เพื่อนๆ ลองดูภาพด้านบนว่าแสงที่สาดส่องลงมาดูเหมือนกับรูปหัวใจเลยใช่มั้ยเอ่ย?

โดยสถานที่ที่สามารถชมทัศนียภาพสุดงามแบบนี้ได้มีเฉพาะที่ "น้ำตกโนมิโสะ" ที่ตั้งอยู่ในเมืองคิมิตสึ จังหวัดชิบะ ห่างจากสถานี JR โตเกียวและสนามบินนาริตะด้วยการนั่งรถไฟและแท็กซี่ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง – 3 ชั่วโมง ช่วงเช้าตรู่ของวันที่อากาศแจ่มใสในเดือนมีนาคมและเดือนกันยายนจะมีแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในถ้ำจนกลายเป็นผลงานศิลปะจากแสงสว่างสุดงามแบบนี้เลย

ถ้าสภาพอากาศ ฤดูกาล และวันเวลาไม่เป๊ะจริงก็ไม่มีทางถ่ายรูปสุดยอดแบบนี้ได้ ทำให้มีผู้ชื่นชอบการถ่ายรูปเดินทางมารอถ่ายรูปตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อหวังเพียงจะได้ถ่ายรูปเด็ดๆ ในจังหวะนี้ไปลงโซเชียลกันเพียบเลยทีเดียว

濃溝の滝

เอื้อเฟื้อภาพโดย : เมืองคิมิตสึ

แต่ในช่วงเวลาอื่นนอกจากเดือนมีนาคมและเดือนกันยายน น้ำตกโนมิโสะก็ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอันน่าพิศวงรายล้อมไปด้วยป่าไม้อันงดงามเช่นกันนะ

濃溝の滝

เอื้อเฟื้อภาพโดย : เมืองคิมิตสึ

บริเวณใกล้กับน้ำตกจะมีทางเดินชมธรรมชาติ ถ้าใครได้มาในช่วงเดือนพฤษภาคม จะได้มาเดินเล่นท่ามกลางป่าไม้ที่เพิ่งแตกใบใหม่อันเขียวขจี เป็นอะไรที่สดชื่นสุดๆ

น้ำตกโนมิโสะตั้งอยู่ค่อนข้างห่างจากสถานีรถไฟ สำหรับใครที่เดินทางมาด้วยรถสาธารณะขอแนะนำให้นั่งแชร์แท็กซี่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเมืองคิมิตสึเลยค่ะ

การเดินทาง :
จากสถานีคาสึสะ-คาเมยามะ (Kazusa-Kameyama) สาย JR คุรุริ (Kururi) นั่งดีมานด์แท็กซี่ (แชร์แท็กซี่) หรือรถเช่า
สำหรับวิธีใช้งานดีมานด์แท็กซี่ สอบถามทางเบอร์สำนักงานดีมานด์คิมิตสึ DAISHINTO Inc. (0439-27-3188) รองรับเฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ราคา 500 เยน
ในกรณีที่เช่ารถหรือนั่งแท็กซี่มาจากสนามบินนาริตะจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)

ใช้บริการขนส่งสัมภาระขนาดใหญ่ไปยังสนามบินนาริตะกันเถอะ!

การเดินทางไปเที่ยวชมแหล่งชมวิวสุดงามแบบไปเช้าเย็นกลับตลอด 1 วันพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่เป็นอะไรที่เหนื่อยและลำบากไม่ใช่น้อย สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาเรื่องสัมภาระอยู่ก็ขอแนะนำให้ใช้บริการตู้ล็อคเกอร์หยอดเหรียญภายในสถานีรถไฟหรือบริการขนส่งสัมภาระไปยังสนามบินนาริตะจากสถานีโตเกียว สถานีชินจุกุ และอื่นๆ เลยค่ะ

เอาล่ะ เคลียร์ตัวให้เบาแล้วออกเดินทางไปพร้อมกับกล้องตัวโปรดกันดีกว่า! ^^

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ :

4 คอร์สทรานซิท & สเตย์ทัวร์ของสนามบินนาริตะ (นาริตะซัน เมืองชิบะยามะ เมืองทะโคะ เมืองซากาเอะ)
(รอบนอกโตเกียว) นั่งรถไฟสไตล์ย้อนยุคเที่ยวรอบจ.ชิบะ!
(รอบนอกโตเกียว) รวมของอร่อยแห่งจ.ชิบะสุดพิเศษเฉพาะที่นี่เท่านั้น!

Photo by Miho Yamaki 
Sponsored by Narita International Airport Promotion Association

Written by

Avatar

MATCHA-PR

Tokyo, Japan

บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน

เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง