แนะนำแหล่งท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง และเก็บสตรอเบอร์รี่ยอดนิยมระหว่างโตเกียว-สนามบินนาริตะ
ระหว่างสนามบินนาริตะ - โตเกียว ยังมีเอาท์เล็ทมอลล์ ช้อปปิ้งมอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และไร่เก็บสตรอเบอร์รี่ยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ในครั้งนี้เราขอแนะนำที่เที่ยวน่าแวะสำหรับขามาหรือขากลับทริปเที่ยวญี่ปุ่นและวิธีการเดินทางกันค่ะ
ท่องเที่ยวได้ทั้งวันที่เดินทางมาถึง และวันเดินทางกลับ!
ขอแนะนำ "ชิบะ" จังหวัดที่ตั้งอยู่ระหว่างโตเกียว และ สนามบินนาริตะ
ผู้เขียนเชื่อว่ามีผู้คนไม่น้อยเลยที่วางแผนใช้บริการสนามบินนาริตะ (Narita Airport) เป็นประตูด่านแรกและด่านสุดท้ายในการเที่ยวประเทศญี่ปุ่น โดยสนามบินนาริตะตั้งอยู่ใน "จังหวัดชิบะ" ติดกับโตเกียว
จังหวัดชิบะเต็มไปด้วยเสน่ห์มากมายไม่ว่าจะเป็นแหล่งชมวิวติดทะเล, อาหารทะเล, รถไฟชมวิวชนบทสไตล์ญี่ปุ่น, แหล่งเก็บผลไม้ และช้อปปิ้งมอลล์ยอดนิยม นอกจากนี้ก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับสเตย์ทัวร์ 3 ชั่วโมงสำหรับตระเวนเที่ยวพิพิธภัณฑ์และวัดเก่าแก่บริเวณโดยรอบสนามบินได้ด้วย
ในครั้งนี้เราจะมานำเสนอแหล่งท่องเที่ยวแนะนำรอบเมืองชิบะที่น่าแวะสำหรับขามาและขากลับไปยังสนามบินนาริตะกันค่ะ!
สำหรับข้อมูลวิธีการเดินทางในครั้งนี้ เราใส่ให้ทั้งการเดินทางมาจากสนามบินนาริตะและสถานีโตเกียว (Tokyo Station) มีระบุเอาไว้ อย่าลืมเช็คก่อนเที่ยวกันนะ!
สารบัญ :
1. ดราก้อนฟาร์ม (Dragon Farm) ไร่เก็บสตรอเบอร์รี่ยอดนิยมใกล้โตเกียวห้ามพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาช่วงเช้า!
2. แวะช้อปปิ้งของฝากก่อนกลับประเทศกันเถอะ! กับเอาท์เล็ทมอลล์และอิออนมอลล์ที่มาคุฮาริ
3. ตระเวนเที่ยวศาลเจ้าและปราสาทรอบเมืองชิบะสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น
4. บริการตู้ล็อคเกอร์หยอดเหรียญในสถานีรถไฟและบริการขนส่งสัมภาระสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระขนาดใหญ่
ดราก้อนฟาร์ม (Dragon Farm) ไร่เก็บสตรอเบอร์รี่ยอดนิยมใกล้โตเกียว ห้ามพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาช่วงเช้า!
ที่นี่ตั้งอยู่ห่างจากสนามบินนาริตะหรือสถานี JR โตเกียวประมาณนั่งรถไฟและเดินเท้ารวมกันประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ไร่เก็บสตรอเบอร์รี่ "ดราก้อนฟาร์ม (Dragon Farm)" แห่งนี้เป็นสวนผลไม้เพื่อการท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่บนทำเลทองซึ่งเหมาะกับการแวะมาเที่ยวระหว่างเดินทางไปยังสนามบินนาริตะสุดๆ
เพลิดเพลินกับสตรอเบอร์รี่หวานฉ่ำแสนอร่อยกว่า 17 สายพันธุ์
ที่ดราก้อนฟาร์ม!
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ไร่แห่งนี้ได้รับความนิยมอยู่ที่เราสามารถลิ้มลองสตรอเบอร์รี่หวานฉ่ำแสนอร่อยของญี่ปุ่นได้สูงสุดถึง 17 สายพันธุ์เลยนี่แหละ ราคาบุฟเฟ่ต์ 30 นาทีสำหรับผู้ใหญ่ 2,000 เยน / ท่าน
ไร่เก็บสตรอเบอร์รี่ดราก้อนฟาร์มรองรับทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย!
เนื่องจากดราก้อนฟาร์มรองรับทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย นักท่องเที่ยวที่ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นจึงสามารถใช้บริการได้อย่างสบายใจหายห่วงแน่นอน
สตรอเบอร์รี่ที่สามารถเก็บได้ต่อวันมีจำนวนจำกัด ถ้ามาเที่ยวตอนกลางวันบางทีก็ไม่เหลือสตรอเบอร์รี่ให้เก็บแล้ว นอกจากนี้ก็ยังต้องเตรียมใจกับปัญหาคนแน่นตั้งแต่เช้าและปิดเคาน์เตอร์รับรองก่อนเวลาจริงด้วย
สำหรับใครที่ยังไง๊...ยังไงก็อยากมาเก็บสตรอเบอร์รี่กันให้ได้ ขอแนะนำให้สมัครแพ็คเกจจองล่วงหน้าช่วงบ่ายวันเสาร์ที่เปิดให้เข้าเก็บสตรอเบอร์รี่ได้ในราคาบวกเพิ่มจากปกติ 1,000 เยนเลยค่ะ โดยสามารถปรึกษาเรื่องแพ็คเกจจองล่วงหน้านี้ได้ผ่านช่องทางอีเมล แน่นอนว่าส่งเมลคุยเป็นภาษาอังกฤษได้นะจ๊ะ
หลังจบกิจกรรมเก็บสตรอเบอร์รี่ 30 นาทีแล้วก็ยังมีการแจกมันหวานต้ม 1 ซีกไปเลยฟรีๆ สำหรับทุกท่านด้วย บอกเลยว่ามันหวานนับเป็นของทานเล่นขึ้นชื่อของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ รสชาติหวานอร่อยไม่ต่างจากขนมหวานดีๆ นี่เอง
กิจกรรมเก็บสตรอเบอร์รี่เปิดให้เข้าร่วมกันได้ระหว่างเดือนมกราคม - เดือนพฤษภาคม ส่วนช่วงเดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคมจะเป็นกิจกรรมเก็บบลูเบอร์รี่แทน แต่ไม่ต้องเป็นห่วง...เพราะว่าบลูเบอร์รี่เองก็ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติหวานอร่อยไม่แพ้กันเลยล่ะค่ะ
การเดินทาง :
นั่งรถไฟจากสนามบินนาริตะหรือสถานีโตเกียวไปยังหรือสถานีสึกะ (JR Tsuga Station) แล้วนั่งแท็กซี่ต่อโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
หรือเปลี่ยนขบวนเป็น Chiba Urban Monorail (ที่มุ่งหน้าไปยัง Chishirodai) ที่สถานีสึกะแล้วเดินเท้าต่อมาถึงสถานีจิชิโระไดคิตะ (Chishirodai-Kita Station) โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที สำหรับเส้นทางสามารถเข้าไปดูได้จากเว็บไซต์หลัก
ในกรณีที่เช่ารถหรือนั่งแท็กซี่มาจากสนามบินนาริตะจะใช้เวลาประมาณ 35 นาที (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)
ราคา : เด็กอายุตั้งแต่ 6 ปีเป็นต้นไป 2,000 เยน, เด็กอายุ 4 - 6 ปี 1,500 เยน, เด็กอายุตั้งแต่ 3 ปีลงไป 500 เยน
*ระหว่างเดือนเมษายน - เดือนพฤษภาคมมีช่วงลดราคา สามารถดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์หลัก
การจอง : 043-235-3788 และ email : dragonfarmcs@gmail.com
*จองล่วงหน้าสำหรับหมู่คณะ หากมาเพียงไม่กี่คนสามารถมาที่สวนได้โดยไม่ต้องจอง
แวะช้อปปิ้งของฝากก่อนกลับประเทศกัน!
ทั้งเอาท์เล็ทมอลล์และอิออนมอลล์ที่มาคุฮาริ
ที่นี่ตั้งอยู่ห่างจากสนามบินนาริตะประมาณนั่งรถบัสด่วน 30 นาทีหรือนั่งรถไฟ 1 ชั่วโมง ถ้าจะนั่งรถไฟมาจากสถานี JR โตเกียวจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที บริเวณโดยรอบสถานีไคฮิมมาคุฮาริ (JR Kaihimmakuhari Station) เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งแนะนำสำหรับใครที่กำลังมองหาของฝากราคาสุดคุ้ม
เนื่องจากเราสามารถเดินเท้าจากดราก้อนฟาร์มต่อด้วยนั่งรถไฟมาถึงสถานีไคฮิมมาคุฮาริได้โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น จึงขอแนะนำให้แวะมาเที่ยวที่นี่ด้วยเลยค่ะ
แหล่งช้อปปิ้งแนะนำประจำจังหวัดชิบะ 1
"อิออนมอลล์ มาคุฮาริ ชินโทะชิน" ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
อิออนมอลล์ มาคุฮาริ ชินโทะชิน (AEON Mall Makuhari Shintoshin) เป็นช้อปปิ้งมอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ภายในมีร้านค้ามากกว่า 300 ร้านไม่ว่าจะเป็นร้านค้าแฟชั่น ร้านเครื่องสำอาง ร้านอาหาร ร้านสินค้าจุกจิก และอื่นๆ อีกเพียบ! แถมยังเต็มไปด้วยร้านค้าปลอดภาษีให้ได้ช้อปปิ้งกันในราคาสุดคุ้มด้วยนะ
เราสามารถนั่งรถบัสประจำทางจากป้ายรถบัสหมายเลข 3 ของบัสเทอมินอลตรงสถานี JR ไคฮิมมาคุฮาริประตูฝั่งเหนือมาถึงได้โดยใช้เวลาประมาณ 8 นาที แถมมีรถบัสวิ่งให้บริการทุก 10 นาทีอีกต่างหาก สะดวกสุดๆ
ที่นี่มีร้านเครื่องสำอางและร้านจำหน่ายสินค้าความงามมากกว่า 10 ร้านเลยทีเดียว จึงบอกเลยว่ามีสินค้าครบครันสมใจแน่นอน เช่น ในร้าน "Cosmême" มีเครื่องสำอางทั้งแบรนด์ในประเทศและต่างประเทศให้ทดลองใช้อย่างอิสระและเลือกซื้อมากกว่า 30 แบรนด์ รวมถึงแบรนด์ญี่ปุ่นยอดนิยมอย่าง "THREE" "shu uemura" และอื่นๆ อีกเพียบ!
ส่วนที่ร้าน "FANCL" นอกจากจะมีจำหน่ายเครื่องสำอางและอาหารเสริมตามภาพด้านบนแล้วก็ยังมีบริการเช็คสภาพผิวและบริการแนะนำวิธีดูแลผิวที่เหมาะกับแต่ละท่านอีกด้วย
เอื้อเฟื้อภาพข้าวหน้าปลาดิบ : คานาซาว่า ไมมนยะ
ร้านอาหารมีทั้งในโซนฟู้ดคอร์ท โซนร้านอาหาร และคาเฟ่ รวมแล้วมากกว่า 60 ร้าน โดยเราจะได้ลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นหลากหลายแบบ เช่น ร้าน "คานาซาว่า ไมมนยะ (Kanazawamaimonya)" ที่เสิร์ฟเมนูข้าวหน้าปลาดิบชั้นเลิศให้ได้ลิ้มลอง
บริเวณโซนจำหน่ายอาหารในไฮเปอร์มาร์เก็ต "AEON STYLE" เต็มไปด้วยขนมมากมายหลายแบบเหมาะกับการแวะมาช้อปปิ้งของฝากก่อนกลับประเทศสุดๆ ! เท่านั้นยังไม่พอ เพราะว่าที่นี่ยังมีเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและของใช้ในชีวิตประจำวันให้เลือกซื้ออย่างครบครัน พร้อมบริการคืนภาษีอีกต่างหาก...สุดยอด!
การเดินทาง :
นั่งรถไฟจากสนามบินนาริตะหรือสถานี JR โตเกียวไปยังสถานี JR ไคฮิมมาคุฮาริ (JR Kaihimmakuhari Station) แล้วนั่งรถบัสจากป้ายรถบัสหมายเลข 3 ของท่ารถบัสประตูฝั่งเหนือ สถานีไคฮิมมาคุฮาริมาประมาณ 8 นาที
หรือนั่งรถบัสจากสถานีมาคุฮาริฮงโก (JR Makuharihongo Station) ของสาย JR หรือสาย Keisei Narita Airport มาประมาณ 20 นาที
สามารถดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์หลัก
ในกรณีที่เช่ารถหรือนั่งแท็กซี่มาจากสนามบินนาริตะจะใช้เวลาประมาณ 35 นาที (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)
แหล่งช้อปปิ้งแนะนำประจำจังหวัดชิบะ 2
มิตซุย เอาท์เล็ทพาร์ค มาคุฮาริ แหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์ญี่ปุ่นและต่างประเทศในราคาสุดคุ้ม
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Mitsui Outlet Park Makuhari
มิตซุย เอาท์เล็ทพาร์ค มาคุฮาริ (Mitsui Outlet Park Makuhari) ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าสถานี JR ไคฮิมมาคุฮาริแห่งนี้เป็นหนึ่งในเอาท์เล็ทมอลล์ใกล้โตเกียวที่เดินทางสะดวกที่สุดเลยก็ว่าได้ นอกจากสินค้าจะมีราคาถูกสไตล์เอาท์เล็ทแล้วก็ยังเต็มไปด้วยร้านค้าที่รองรับบริการปลอดภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมาย (จำเป็นต้องแสดงพาสปอร์ต) ทำให้เราสามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งได้ในราคาสุดคุ้ม
ภายในมอลล์ประกอบด้วยร้านค้ากว่า 137 ร้าน รวมถึงร้านค้าแบรนด์แฟชั่นยอดนิยม เช่น "COACH" (*1) เป็นต้น
นอกจากนี้ก็ยังเต็มไปด้วยร้านจำหน่ายสินค้ายอดนิยมสำหรับคุณผู้ชายมากมาย เช่น "SEIKO OUTLET" ( *2) ผู้ผลิตนาฬิกาชื่อดัง เป็นต้น
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ "มิตซุย เอาท์เล็ทพาร์ค มาคุฮาริ" สามารถเข้าไปดูได้จากบทความจากสนามบินนาริตะแค่ 40 นาที! ไปช็อปปิ้งที่ "มิตซุย เอาท์เล็ทพาร์ค มาคุฮาริ"
*1, 2 : "COACH" ตั้งอยู่บนชั้น 1 A-SITE ส่วน "SEIKO OUTLET" ตั้งอยู่บนชั้น 1 B-SITE ของมิตซุย เอาท์เล็ทพาร์ค มาคุฮาริ
การเดินทาง :
นั่งรถไฟจากสนามบินนาริตะหรือสถานี JR โตเกียวไปยังสถานี JR ไคฮิมมาคุฮาริ (JR Kaihimmakuhari Station) แล้วเดินต่อประมาณ 1 นาที
ในกรณีที่เช่ารถ นั่งรถบัส หรือนั่งแท็กซี่มาจากสนามบินนาริตะจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)
ตระเวนเที่ยวศาลเจ้าและปราสาท รอบเมืองชิบะ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Chiba Urban Monorail
เมืองชิบะ เป็นอำเภอเมืองของจังหวัดชิบะ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของสนามบินนาริตะ โดยเราสามารถเดินทางจากสนามบินนาริตะและสถานี JR โตเกียวได้โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที
ที่นี่มี รถไฟฟ้าโมโนเรลเมืองชิบะ (Chiba Urban Monorail) รถไฟรางเดี่ยวแบบแขวนที่ยาวที่สุดในโลกที่น่าภาคภูมิใจ วิ่งให้บริการภายในเมือง และยังผ่านสถานที่ที่สามารถสัมผัสประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมสไตล์ญี่ปุ่นด้วย
แหล่งสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น 1
ศาลเจ้าชิบะที่มีแหล่ง Power Spot เพียบ!
ศาลเจ้าชิบะ (Chiba Shrine) แห่งนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานมากกว่า 1,000 ปี ตั้งอยู่ห่างจากสถานีชิบะ (Chiba Station) ด้วยการเดินประมาณ 10 นาที โดยเป็นศาลเจ้าที่สักการะบูชาเทพเจ้าดาวเหนือผู้ดูแลชีวิตผู้คนและยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครมากมาย
หนึ่งในเอกลักษณ์ของที่นี่ก็คือศาลเจ้าชินโตหลายชั้นแห่งแรกของญี่ปุ่นนี่แหละ โดยมีการตั้งจุดสักการะเอาไว้ทั้งบนชั้น 1 และชั้น 2 เพื่อให้สามารถรองรับผู้คนที่เดินทางมากสักการะได้ครั้งละมากๆ นั่นเอง
เมื่อสักการะกันเสร็จแล้วก็อย่าลืมตระเวน Power Spot รับพลังภายในศาลเจ้ากันด้วยเนอะ บริเวณติดกับอาคารศาลเจ้าเป็นที่ตั้งของ "เอ็นจุโนะอิ" น้ำพุซึ่งว่ากันว่าดื่มแล้วจะมีอายุยืนยาว
ที่ตั้งอยู่ติดกับ "เอ็นจุโนะอิ" คือโขดหินรูปเต่า "คาเมะอิวะ" ว่ากันว่าถ้าเอามือลูบแล้วจะมีโชคลาภมาเยือนด้วยนะ...
นอกจากนี้ก็ยังเป็นที่ตั้งของศาล "ชิบะเท็นจิน" ซึ่งสักการะบูชาเทพเจ้าแห่งการศึกษาและมีหิน "โอจิคาระอิชิ" หินซึ่งว่ากันว่าถ้าได้สัมผัสจะช่วยให้ความรักสมหวังด้วย
การเดินทาง :
นั่งรถไฟด่วนแบบ Rapid จากสนามบินนาริตะหรือสถานี JR โตเกียวไปยังสถานี JR ชิบะ (JR Chiba Station) แล้วเดินต่ออีก 10 นาทีหรือเดินจากสถานีชิบะสาย Keisei (Keisei Chiba Station) มาประมาณ 10 นาที
ในกรณีที่เช่ารถ นั่งรถบัส หรือนั่งแท็กซี่มาจากสนามบินนาริตะจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)
แหล่งสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น 2
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านประจำเมืองชิบะ (ปราสาทชิบะ) สถานที่ถ่ายรูปที่ระลึกยอดนิยม!
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านประจำเมืองชิบะ (Chiba City Folk Museum : ปราสาทชิบะ) คือ พิพิธภัณฑ์ทรงปราสาทที่ตั้งอยู่ห่างจากสถานีเคนโจมาเอะ (Kencho-mae Station) ของ Chiba Urban Monorail ด้วยการเดินประมาณ 13 นาที เป็นจุดถ่ายรูปที่ระลึกยอดนิยม และจะคึกคักไปด้วยผู้คนมากมายในช่วงซากุระบาน
ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งของต่างๆ เช่น ชุดเกราะ และที่สำคัญก็คือเข้าชมฟรีไปเลยจ้า...
บริเวณใกล้กับพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านประจำเมืองชิบะเป็นที่ตั้งของ คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น อิโนะฮานะเท (Inohanatei) ที่มีห้องน้ำชาแบบญี่ปุ่นในตัว (จำเป็นต้องจองล่วงหน้า)
เอื้อเฟื้อภาพโดย : ศูนย์วิจัยพื้นที่สีเขียวทสึกาฮาระ
"อิโนะฮานะดังโกะ" เมนูขึ้นชื่อประจำจังหวัดชิบะมีจำหน่ายภายใน "อิโนะฮานะเท" บอกเลยว่าดังโกะหวานนุ่มลิ้นและถั่วลิสงต้มเกลือมีรสชาติเข้ากันสุดๆ
การเดินทาง :
นั่งรถไฟจากสนามบินนาริตะหรือสถานี JR โตเกียวไปยังสถานี JR ฮอนชิบะ (JR Hon-Chiba Station) หรือเปลี่ยนขบวนที่สถานี JR ชิบะไปยังสถานีเคนโจมาเอะ (Kencho-mae Station) ของ Chiba Urban Monorail แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที
หรือจากป้ายรถบัสหมายเลข 7 ของบัสเทอมินอลด้านหน้าสถานี JR ชิบะ นั่งรถบัสเคเซ (Keisei Bus) ที่มุ่งหน้าไปยัง Chiba University Hospital หรือ Minamiyahagi มาลงป้าย "Folk Museum & Chiba Prefectural Cultural Hall"
ในกรณีที่เช่ารถหรือนั่งแท็กซี่มาจากสนามบินนาริตะจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที (อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร)
บริการตู้ล็อคเกอร์หยอดเหรียญในสถานีรถไฟและบริการขนส่งสัมภาระสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระขนาดใหญ่
สำหรับใครที่อยากแวะช้อปปิ้งหรือท่องเที่ยวระหว่างเดินทางน่าจะมีปัญหาเรื่องกระเป๋าเดินทางหนักๆ กันอย่างแน่นอน แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ...เพราะว่าปัญหานี้แก้ได้ง่ายๆ โดยการใช้บริการตู้ล็อคเกอร์หยอดเหรียญภายในสถานีรถไฟหรือบริการขนส่งสัมภาระไปยังโรงแรมจากสนามบินนาริตะ
ใครอยากเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวแบบแวะระหว่างทางจากสนามบิน ก็ลองใช้บริการขนส่งสัมภาระกันดูนะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ :
4 คอร์สทรานซิท & สเตย์ทัวร์ของสนามบินนาริตะ "นาริตะซัน, เมืองชิบะยามะ, เมืองทะโคะ, เมืองซากาเอะ"
(รอบนอกโตเกียว) นั่งรถไฟสไตล์ย้อนยุคเที่ยวรอบชิบะ!
(รอบนอกโตเกียว) รวมของอร่อยของชิบะ สุดพิเศษเฉพาะที่นี่เท่านั้น!
จากสนามบินนาริตะแค่ 40 นาที! ไปช็อปปิ้งที่ "มิตซุย เอาท์เล็ทพาร์ค มาคุฮาริ"
Photo by Miho Yamaki
Sponsored by Narita International Airport Promotion Association
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง