เมืองมุราคามิ จังหวัดนีงาตะ: ทัวร์ชมตุ๊กตาฮินะในมาชิยะ พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรม ที่เที่ยว และอาหารท้องถิ่น

นั่งรถไฟท้องถิ่นสไตล์เรโทร ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่หุบเขา โยโรเคโคคุ ชิบะ (Yoro-keikoku Ravine, Chiba)

บริการนี้รวมโฆษณาที่ได้รับการสนับสนุน
article thumbnail image

นั่งรถไฟสายท้องถิ่นสไตล์เรโทรไปเที่ยวชมธรรมชาติสวยๆ และใบไม้เปลี่ยนสี แบบไม่ไกลจากโตเกียวที่หุบเขาโยโรเคโคคุ (Yoro-keikoku Ravine) และหุบเขาสึสึโมริ โมมิจิดานิ (Tsutsumori Momijidani) จังหวัดชิบะ (Chiba)

วันที่ปรับปรุงล่าสุด :

ที่ดูใบไม้แดงใกล้โตเกียว

พูดถึงที่ดูใบไม้แดง หลายคนอาจนึกไปถึงเกียวโต ไม่ก็ตามต่างจังหวัดที่ไกลโตเกียว ที่จริงแล้วจังหวัดติดกับโตเกียวอย่างชิบะก็มีที่ดูใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ เหมือนกันนะ ที่แรกเลยก็สวนของวัดนาริตะซัง ชินโชจิ เดินทางสะดวกเพราะใกล้สนามบินนาริตะมาก นั่งรถไฟไปลงที่สถานีนาริตะของรถไฟ JR หรือเคเซ (Keisei) ก็ได้ สวนของวัดนาริตะซังกว้างใหญ่มากเหมือนไปเดินอยู่ในภูเขาจริงๆ เลย มีทั้งบ่อน้ำขนาดใหญ่ น้ำตก ต้นเมเปิล ต้นแปะก๊วย ทางเดินชมธรรมชาติให้เดินหลายเส้นทาง แถมทางเดินไปวัดก็เป็นถนนซันโดที่มีร้านอาหาร ขนม ของฝากมากมาย ได้ทั้งอิ่มท้องอิ่มตาไปพร้อมกันเลย

ส่วนครั้งนี้จะขอแนะนำอีกที่หนึ่งอยู่ใจกลางของจังหวัดชิบะเลยคือ หุบเขาโยโรเคโคคุ (Yorokeikoku Ravine) ในเขตเมืองอิชิฮาระ (Ishihara) พานั่งรถไฟท้องถิ่นสไตล์เรโทรไปยังกลางหุบเขาเพื่อเดินชมธรรมชาติและใบไม้แดงสวยๆ กันที่หุบเขาโมมิจิดานิ (Momijidani Valley)

เดินทางไปขึ้นรถไฟสายท้องถิ่น โคะมินาโตะ

การเดินทางไปยังหุบเขาโยโรเคโคคุให้นั่งรถไฟของการรถไฟโคะมินาโตะ (Kominato Railway) ซึ่งเป็นบริษัทรถไฟท้องถิ่นที่เดินรถผ่านเขตเมืองอิชิฮาระในตอนกลางของจังหวัดชิบะ เริ่มต้นที่สถานีโกะอิ (Goi) ไปสุดที่สถานีคาซุซะนากาโนะ (Kazusa-Nakano) มีสถานีทั้งหมด 18 สถานี รวมเส้นทางยาว 39.1 กิโลเมตร

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ถ้ามาจากโตเกียวก็ขึ้นรถไฟสายโซบุ (Sobu Main Line) จากสถานีอากิฮาบาระ (Akihabara) แล้วไปเปลี่ยนที่สถานีชิบะ (Chiba) เป็นรถไฟสายอุจิโบ (Uchibo Line) ลงที่สถานีโกะอิ (Goi) จากนั้นจะมีทางเชื่อมไปยังชานชาลาของรถไฟโคะมินาโตะ จากจุดนี้จะใช้พวกบัตร IC Card อย่าง SUICA หรือ PASMO ไม่ได้แล้วนะ เพราะเค้ามาแนวเรโทรจริงๆ ซื้อตั๋วกระดาษเอาเลย

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

พอลงมายังชานชาลาก็มีรถไฟมาจอดรอท่าอยู่แล้ว

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

รถไฟขบวนนี้วิ่งจากสถานีโกะอิ (Goi) ไปสุดที่สถานีโยโรเคโคคุ (Yorokeikoku) สถานีที่เราจะไปพอดี

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

เรโทรน่ารักมากจริงๆ

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

พอออกจากสถานีโกะอิไปไม่นาน วิวรอบข้างก็กลายเป็นทุ่งหญ้า เห็นยอดภูเขาไฟฟูจิด้วยนะ อยู่ด้านหลังสุดสีขาวๆ

สถานีโยโรเคโคคุ

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ใช้เวลา 1 ชั่วโมงก็มาถึงสถานีโยโรเคโคคุ ค่ารถไฟเที่ยวละ 1,250 เยน

ถ้าใครอยากได้อารมณ์หวานเย็นขึ้นไปอีกขอแนะนำให้ไปนั่งรถไฟนำเที่ยวสายซาโตยามะ โท-รกโกะ (Satoyama Torocco) จะวิ่งเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์จากสถานีคาซุซะอุชิคุ (Kazusa Ushiku) ไปสุดที่สถานีคาซุซะนากาโนะ (Kazasa Nakano) หัวขบวนจะทำเป็นรูปร่างเหมือนหัวรถจักรไอน้ำในสมัยไทโช เก้าอี้ในตู้รถไฟก็จะเป็นม้านั่งคู่ ถ้าจะนั่งรถขบวนนำเที่ยวนี้จะมีค่ารถพิเศษอีก 500 เยน

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

เนื่องในโอกาสครบรอบร้อยปีของบริษัทในเดือนพฤษภาคม ปี 2017 ตัวอาคารสถานีและอาคารอื่นๆ ที่ยังคงสภาพเดิมตั้งแต่เปิดทำการ เสาตอม่อและรางข้ามแม่น้ำต่างๆ รวม 22 รายการได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกชาติด้วยนะ อาคารสถานีโยโรเคโคคุจากไม้หลังนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น สร้างขึ้นเมื่อปี 1928

ท้องฟ้าแจ่มใสของเดือนพฤศจิกายน อากาศก็หนาวทีเดียว มีต้นเมเปิลที่ใบเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงสวยอยู่หน้าสถานีเลย

下書き【東京近郊】千葉県・養老渓谷で四季折々の美しい川辺の景色を堪能

จาก ชมธรรมชาติสี่ฤดูกาลที่ โยโรเคโคคุ จังหวัดชิบะ
มาถึงสถานีแล้วก็ขอแนะนำให้แวะไปเอาแผนที่เส้นทางเดินเที่ยวแถวนี้ที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวก่อน ออกจากสถานีปุ๊บให้มองเยื้องไปทางซ้ายจะเห็นอาคารชั้นเดียวอยู่ เข้าไปได้เลย

ไปหุบเขาใบไม้แดง สึสึโมริ โมมิจิดานิ

แผนของวันนี้คือนั่งรถบัสไปหุบเขาสึสึโมริ โมมิจิดานิ (Tsutsumori Momijidani Valley) แล้วค่อยกลับมาแถวสถานี

บัสที่นั่งนี้เป็นรถบัสสายพิเศษ Uchibo Satoyama GO วิ่งบริการเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น (ประมาณปลายตุลาคม - ต้นธันวาคม)

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ขึ้นรถรอบ 12:36 จากหน้าสถานีรถไฟ นั่งไป 8 นาทีก็ไปลงที่ป้ายสึสึโมริ โมมิจิดานิ (筒森もみじ谷) พอลงรถแล้วให้เดินตรงตามทางรถวิ่งต่อไปอีกนิดเดียวก็จะเจอถนนทางซ้ายพร้อมป้ายไม้บอกทางเข้าหุบเขาสึสึโมริ โมมิจิดานิ แถมเขียนไว้อีกว่า "ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร พยายามเดินเข้านะ" ให้กำลังใจขนาดนี้ เอ้าเดิน!

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

พอเดินเข้าด้านในไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกได้เลยว่าอากาศเย็นลงอีก รอบด้านก็เป็นผา มีต้นไม้ใหญ่ๆ เต็มไปหมด แต่อากาศดีมาก เดินมาเจอสะพานแรก ตรงรั้วกั้นถนนมีสัญลักษณ์ใบเมเปิลด้วย น่ารักจัง

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ด้านล่างเป็นธารน้ำไหล น้ำใสมาก ระหว่างทางก็มีจุดผ่านลำธารอีกหลายจุดเลยเพราะเป็นทางเดินลัดเลาะไปตามเขา

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

วันที่ไปนี่คือวันที่ 23 พฤศจิกายน ตามปกติถือว่าเป็นช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสี แต่ปี 2018 นี้เป็นปีที่ญี่ปุ่นเจอคลื่นความร้อนหนักมาก แถมอากาศหนาวช้า ทำให้ใบไม้เปลี่ยนสีทั่วประเทศช้ากว่าปกติไปหมดเลย วิวที่ได้เลยยังเป็นแดงปนเขียวซะมาก

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ถึงจะไม่แดงสะใจ แต่ก็ถือว่าสวยมากที่ได้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างนี้

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

จากทางเข้ามาถึงจุดนี้ก็เดินราวๆ 10 นาทีเองนะถือว่าไม่ทันเหนื่อยเลย ต้นไม้สูงขนาดนี้ไม่รู้อายุกี่ร้อยปีแล้ว เดินๆ ไปก็เจอคนอื่นมาเดินเล่นอยู่เหมือนกัน

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ตามทางก็มีใบไม้เปลี่ยนสีให้ดูประปราย

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

เส้นทางคดเคี้ยวไปตามเขา ส่วนใหญ่เค้าจะขับรถมากัน มีจุดจอดรถให้ด้วย แต่เราขาลุยก็เดินโลด!

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ต้นหญ้าซุซุกิ ดอกหญ้าสีขาวก็ดูโดดเด่นท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าสีอื่นๆ

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

อากาศหนาวมากจริงๆ หนาวจนเจ็บมือเลย ด้านบนนี่ก็มีชาวบ้านมาขายผักสดๆ แล้วก็มันเผาด้วย เลยต้องพึ่งความอบอุ่นจากมันเผาร้อนๆ ราคาตามขนาด อันนี้ลูกละ 300 เยน ที่เห็นนี่คือครึ่งลูกนะ อร่อย หวานมาก หวานจนนึกว่ากินมันเชื่อม!

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

แล้วก็เดินกลับทางเดิม สะพานสีแดงนี่ช่วยเสริมบรรยากาศได้มากเลย

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

กลับมาขึ้นรถบัสที่ป้ายฝั่งตรงข้ามกับที่ลง เพื่อกลับไปทางสถานีโยโรเคโคคุ

ครั้งนี้ตามแผนแรกตั้งใจว่าจะมาเดินด้านในให้เสร็จในหนึ่งชั่วโมงแล้วกลับมารอรถรอบ 13:36 แต่ขามารถติดหนักมากเพราะมีเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสีพอดี กว่าจะมาถึงที่นี่ก็ 2 โมงแล้ว เพราะงั้นเลยเปลี่ยนเป็นรอรถรอบ 15:36 ไปเลย รถมาตรงเวลาเป๊ะ

ข้ามสะพานแดงไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมบนเขา

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

แต่เราจะไม่ไปลงที่หน้าสถานีนะ ให้ลงที่ป้ายโคบุนโด อิริกุจิ (弘文洞入口 : Kobundo-iriguchi) ก่อนถึงป้ายสถานีรถไฟโยโรเคโคคุ 1 ป้าย เพราะตรงนี้คือทางเข้าของเส้นทางเดินชมธรรมชาตินากาเซะ และสะพานโค้งข้ามแม่น้ำสีแดง

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

นี่คือสะพานคันนงบาชิ (Kannon Bridge) หรือสะพานกวนอิม เป็นสะพานสำหรับข้ามไปยังวัดชุซเซะคันนงบนเขา

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

จากบนสะพานพอมองไปด้านซ้ายจะเห็นคนเดินลงไปตรงริมตลิ่งแม่น้ำด้วย เดี๋ยวเราค่อยไป ตอนนี้ขอไปวัดก่อน

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

เดินตามทางขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ไม่ถึง 5 นาทีจนถึงด้านบนสุดก็จะเจอวัดริคโคคุจิ ชุซเซะคันนง (Rikkoku-ji Temple Shusse Kannon) ที่นี่เป็นวัดที่มินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะ ผู้ก่อตั้งรัฐบาลโชกุนคามาคุระได้มาไหว้ขอพรก่อนที่จะชนะศึก

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ชาวบ้านจึงเชื่อว่าที่นี่คือที่สถิตของเทพเจ้าผู้นำมาซึ่งความโชคดี หลังจากนั้นจึงอัญเชิญเทพไปสถิตในรูปปั้นกวนอิมและเรียกขานว่าชุซเซะคันนง เจ้าแม่กวนอิมแห่งความก้าวหน้า

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ไหว้พระขอพรเสร็จก็เดินกลับลงเขามาทางเดิม สะพานนี่เห็นไกลๆ ก็ว่าเฉยๆ นะ พอมาเดินจริงนี่ชันกว่าที่คิดเยอะเลย แต่ตรงพื้นเค้าฉาบวัสดุกันลื่นแบบหยาบไว้ให้

ไปเดินเล่นริมน้ำท่ามกลางหุบเขา

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ลงจากสะพานก็เดินไปทางขวานิดเดียวจะเจอทางเดินแคบๆ ลงไปยังแม่น้ำโยโร นี่คือทางเข้าเส้นทางเดินชมธรรมชาตินากาเสะ (中瀬遊歩道 : Nakase Yuhodo Promenade) ลงมาก็จะเจอกับจุดที่เมื่อกี๊คนเค้ายืนกันเต็ม ด้านหน้าเป็นผาหน้าตัดที่สามารถเห็นชั้นหินแบ่งเป็นชั้นๆ ชัดเลย

เส้นทางชมธรรมชาติจะเริ่มจากจุดนี้เป็นต้นไป ออกเดินทางกันเลย

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

เริ่มด้วยทางข้ามแม่น้ำ ระหว่างทางจะมีทางข้ามแบบนี้หลายจุดเลย ได้อารมณ์ผจญภัยนิดๆ

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ระหว่างทางก็มีใบไม้แดงให้ดู

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ทางเดินจะเลียบไปตามแม่น้ำและเชิงเขา น้ำใสมาก อากาศบริสุทธิ์เหมือนมาฟอกปอด

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ตรงนี้คือซากอุโมงค์โคบุนโด (Kobundo-ato Remains) เกิดจากการขุดเจาะเขาเพื่อสร้างทางเบี่ยงน้ำจากแม่น้ำโยโร เดิมทีด้านบนจะมีส่วนของเขาที่เชื่อมต่อกันอยู่ แต่ถล่มลงมาในปี 1979 เลยกลายเป็นช่องเขาขาดแบบในปัจจุบัน ด้านล่างยังเห็นเศษก้อนหินที่แตกหักอยู่เลย ถ้าเดินมาถึงตรงนี้ก็ถือว่าเดินมาเกินครึ่งทางแล้ว

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้ฤดูหนาวเพราะงั้นฟ้าจะมืดเร็วมาก เลยต้องรีบเดินนิดนึง

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

มาถึงสะพานเคียวเอบาชิ แถวนี้จะมีการเปิดไฟไลท์อัพด้วยตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม (ระหว่างวันที่ 23 พ.ย. - 8 ธ.ค. 2018)

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

มองย้อนกลับไปทางที่เดินมาเมื่อกี๊ มืดจนแทบไม่เห็นทางแล้ว

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ข้ามสะพานไปก็จะเป็นอุโมงค์สองชั้น เป็นการรวมตัวกันของอุโมงค์เก่าและใหม่ความยาว 110 เมตร

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

อุโมงค์ส่วนเดิมเจาะผ่านเขาแบบเปลือยๆ ถือเป็นอีกจุดถ่ายรูปแบบเก๋ๆ เดินพ้นอุโมงค์ก็จะกลับไปยังถนนเส้นเดิมที่เราลงรถบัสมา

ใครที่ไม่มีเวลามากนักจะเลือกเข้าจากด้านนี้ก็ได้ เพราะจะอยู่ใกล้ช่องเขาขาดซากอุโมงค์โคบุนโดมากกว่า แล้วก็เดินกลับทางนี้เลยไม่ต้องไปถึงทางเข้าฝั่งริมตลิ่ง

ได้เวลากลับแล้ว

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

พลาดรถบัสที่จะกลับสถานีไป เลยตัดสินใจเดินกลับเอา ระหว่างทางพอเลยสะพานคันนงบาชิไปได้นิดเดียวก็มีไลท์อัพเล็กๆ ให้ดู ด้วยพลังแห่งแสงจันทรา ไม่ใช่! ด้วยพลังแห่งแสงสปอตไลท์เราเลยได้ชมภาพใบไม้สีเพลิงสวยๆ

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

เดินฝ่าความมืดหนึ่งป้ายรถบัส แต่ใช้เวลา 30 นาที เพราะต้องเดินอ้อมเขาไปหนึ่งลูก! ระหว่างทางก็เปิดไฟแฟลชมือถือส่องทางไปด้วย เพราะทางมืดมาก รถที่วิ่งไปมาจะได้เห็นว่ามีคนเดินอยู่ เอาเป็นว่าถ้ามืดแล้วขอแนะนำให้รอรถบัสนะเพื่อความปลอดภัย ถ้ายังสว่างก็เดินได้สบาย

ถึงแล้วสถานีโยโรเคโคคุของเรา ประดับไฟสวยเชียว แต่! รถไฟเพิ่งออกไปได้ไม่เกิน 5 นาทีนี่เอง รอไปเลยจ้าอีกชั่วโมงนึง ที่เห็นนี่คือ 5 โมงครึ่งเองนะมืดตื๋อจริงๆ

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ไหนๆ ก็มีเวลาเหลือเยอะ แล้วก็เป็นเวลาเย็นแล้วด้วยเลยแวะร้านอาหารตรงหน้าสถานีเลย

ราเม็งธรรมดา 700 เยน ปกติจะชอบกินอิเอะเค ราเม็ง ที่เป็นซุปทงคตสึโชยุรสเข้มข้น แต่นานๆ ทีได้กินโชยุราเม็งซุปแบบใสๆ รสธรรมดาอย่างนี้บ้างก็อร่อยดีนะ

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

เพื่อนสั่งสึกิมิโซบะ 700 เยนเหมือนกัน ถ้าเมนูไหนมีคำว่าสึกิมิจะหมายถึงโปะไข่ดาว อากาศหนาวๆ ได้ซดซุปร้อนๆ นี่อุ่นไปถึงข้างในเลย

เสร็จแล้วก็ไปรอรถไฟที่ชานชาลาเลย ตกรถขึ้นมานี่รอไปเลยอีก 2 ชั่วโมงนะ

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

พอรถไฟเทียบชานชาลาปุ๊บก็ได้ยินเสียงกลุ่มผู้หญิงร้องกรี๊ดกร๊าด เพราะตู้สุดท้ายของขบวนเป็นอย่างที่เห็น เห็นแล้วก็แอบกรี๊ดในใจไปด้วย จัดไฟอิลลูมิเนชั่นกันในตู้รถเลย

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

บนกระจกรถไฟก็พ่นสโนว์เป็นลาย

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ประดับกันเป็นจริงเป็นจังมาก

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ระหว่างทางตามสถานีที่ผ่านก็ประดับไฟด้วยนะ แล้วไม่ใช่แค่ติดไฟนิดๆ หน่อยๆ นะ บางสถานีนี่จัดกันอลังการมาก

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

แถมเพิ่มเลเวลความน่ารักด้วยที่จับเป็นรูปหัวใจ มีอันเดียวในตู้ อยู่ตรงหน้าที่นั่งพอดีเลย

โยโรเคโคคุ Yoro Keikoku valley ใบไม้เปลี่ยนสี ชิบะ

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเราก็กลับมายืนที่เดิมที่สถานีโกะอิ เพื่อนั่งรถไฟกลับบ้าน ถือเป็นการปิดทริปแบบประทับใจเกินความคาดหมายมาก ถึงจะเป็นบริษัทรถไฟเล็กๆ แต่ก็รู้สึกได้เลยว่าเต็มที่จริงๆ กลับกันถ้าเป็นบริษัทใหญ่ๆ อาจจะทำอะไรแบบนี้ได้ยากก็ได้

ชมใบไม้แดงท่ามกลางหุบเขาในชิบะ

การเดินทางถือว่าไม่ลำบากเท่าไหร่ ถึงจะใช้เวลานานซักหน่อยเพราะอยู่ใจกลางจังหวัดชิบะเลย แต่ก็ถือว่ามาเที่ยววันเดียวแบบไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียวได้อยู่

ใครอยากไปเที่ยวชมธรรมชาติที่ใหม่ๆ ที่ไม่ไกลจากโตเกียวก็ลองแวะมาที่หุบเขาโยโรเคโคคุได้ ถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็มีต้นซากุระ ฤดูร้อนก็มาแคมป์ปิ้ง เดินเขา ฤดูใบไม้ร่วงก็มาชมใบไม้แดง ถ้ามีเวลาเยอะกว่านี้ก็ตั้งใจจะไปชมน้ำตกสวยๆ อย่างน้ำตกอาวามาตะ (Awamata Falls) แล้วก็ชิบะเนียน (Chibanian) ร่องรอยระหว่างชั้นหินที่เชื่อว่าเกิดขึ้นในช่วงการสลับขั้วแม่เหล็กโลกครั้งสุดท้ายราว 126,000 - 770,000 ปีก่อน ถือว่ามีทั้งของแปลกของสวยให้ดูตามเส้นทางรถไฟสายโคะมินาโตะเพียบเลย

Written by

อาหารญี่ปุ่นที่ชอบที่สุดคือราเม็งทงคตสึโชยุ เข้มข้นและเค็ม! ส่วนขนมขอยกให้มิตาราชิดังโกะ เห็นที่ไหนต้องแวะซื้อตลอด ว่างๆ ก็ออกไปถ่ายรูปบ้างพอให้มีอะไรที่เรียกว่าเป็นงานอดิเรก
เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง