Start planning your trip
เทศกาลดอกไม้ไฟ สัญลักษณ์แห่งฤดูร้อนของญี่ปุ่น
ฤดูร้อนเรียกได้ว่าเป็นฤดูแห่งเทศกาลของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะไปเมืองไหนจังหวัดไนก็ต้องมีงานเทศกาลให้เราได้ชม หนึ่งในนั้นคือเทศกาลดอกไม้ไฟ หรือ ฮานาบิ มาดูที่มาและวิธีเตรียมตัวไปสนุกกับเทศกาลดอกไม้ไฟของญี่ปุ่นกัน
ทุกปีในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม - สิงหาคมของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะไปที่ไหนเราจะได้เห็นได้ยินข่าวเกี่ยวกับดอกไม้ไฟกันตลอด งานเทศกาลดอกไม้ไฟถือเป็นเทศกาลประจำฤดูร้อนของญี่ปุ่นเลย คำว่าดอกไม้ไฟในภาษาญี่ปุ่นคือคำว่า ฮานาบิ (Hanabi : 花火) ฮานะ แปลว่า ดอกไม้, บิ แปลว่า ไฟ ความหมายก็ตามตัวเลยคือ ดอกไม้ไฟ หรือ ไฟที่เป็นรูปดอกไม้
มาาดูกันว่าชาวญี่ปุ่นเค้าสนุกกับงานเทศกาลดอกไม้ไฟกันยังไง
ต้นกำเนิดของเทศกาลดอกไม้ไฟ
เอื้อเฟื้อภาพโดย : เขตไทโต
มีเรื่องเล่าหลากหลายเกี่ยวกับต้นกำเนิดของดอกไม้ไฟในญี่ปุ่น เรื่องที่ดูมีความเป็นไปได้มากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของโทกุกาวะ อิเอยาสุ โชกุนคนแรกของญี่ปุ่น ได้รับดอกไม้ไฟเป็นของกำนัลจากพระเจ้าเจมส์ที่หนึ่งแห่งอังกฤษ และพ่อค้าชาวจีน ในช่วงราวปี 1613
หลังจากดอกไม้ไฟเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น กลุ่มขุนนางและผู้มียศฐาในเมืองเอโดะ หรือโตเกียวในปัจจุบัน ก็มักจะมารวมตัวกันดูดอกไม้ไฟบริเวณริมแม่น้ำสุมิดะ
จุดเริ่มต้นของเทศกาลดอกไม้ไฟคือปี 1733 โทกุกาว่า โยชิมุเนะ โชกุนตระกูลโทกุกาว่ารุ่นที่ 8 ได้มีบัญชาให้จัดเทศกาล Suijinsai บูชาเทพแห่งสายน้ำ โดยเรียกว่า "งานเทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำเรียวโกคุ" เพื่อเป็นการอุทิศให้แก่วิญญาณของเหล่าผู้เสียชีวิตและขจัดปัดเป่าภัยร้าย และได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเทศกาลดอกไม้ไฟแม่น้ำสุมิดะในปัจจุบัน ซึ่งจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนทุกปี เมืองอื่นๆ ก็ริเริ่มจัดงานเทศกาลดอกไม้ไฟเป็นของตัวเองทั่วประเทศญี่ปุ่น
เทศกาลดอกไม้ไฟของญี่ปุ่นมีอะไรดี
งานดอกไม้ไฟส่วนใหญ่ทั่วโลกจะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษ แต่ที่ญี่ปุ่นเรียกได้ว่าจัดขึ้นเพื่อความบันเทิงจริงๆ ไม่ต่างจากการไปดูดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิเลย เหมือนเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้มีความสุขกับเพื่อนหรือคนรัก นั่งกินนั่งดื่ม นั่งคุยกันไปพลางชมดอกไม้ที่สว่างไสวอยู่บนฟ้า
ความแตกต่างอีกอย่างคือระยะเวลาในการจุดดอกไม้ไฟ ถ้าเป็นงานใหญ่ๆ อาจจะใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมงเลย งานเล็กๆ ก็จะใช้เวลาน้อยกว่า
ดอกไม้ไฟแบบต่างๆ
ดอกไม้ไฟส่วนใหญ่ในประเทศอื่นๆ จะถูกบรรจุในเปลือกทรงกระบอก เมื่อถูกจุดดอกไม้ไฟจะแตกออกเป็นสายยาวเหมือนน้ำพุ แต่ดอกไม้ไฟของญี่ปุ่นจะถูกบรรจุในเปลือกทรงกลม ทำให้เวลาแตกออกจะเป็นรูปทรงกลมมากกว่า
หลังๆ มาดอกไม้ไฟก็ถูกพัฒนามากขึ้น จนทำให้มีดอกไม้ไฟรูปต่างๆ อย่างหัวใจ หน้าตัวการ์ตูน สีสันก็หลากหลาย สวยงามมาก
ร้านค้าในงานเทศกาล
เช่นเดียวกับงานเทศกาลอื่นๆ ในญี่ปุ่น จะมีร้านค้าแผงลอยขายอาหาร ขนม ของเล่น มาตั้งเรียงรายอยู่ในบริเวณใกล้สถานที่จัดงาน จะซื้อไปนั่งทานในจุดชมดอกไม้ไฟก็ได้ หรือจะหาที่ยืนดูใกล้ๆ ร้านค้าเพื่อจะได้สัมผัสกับบรรยากาศครึกครื้นไปด้วยก็ได้
ความแตกต่างระหว่างที่นั่งแบบฟรี กับที่นั่งแบบเสียเงิน
งานเทศกาลดอกไม้ไฟส่วนใหญ่ แค่หาที่ว่างๆ แล้วเอาเสื่อไปปูเราสามารถชมได้ฟรีๆ แต่ก็ต้องแลกกับการมาจองที่นั่งแต่เนิ่นๆ หลายชั่วโมงก่อนงานเริ่ม เพราะอย่างนี้งานใหญ่ๆ บางงานจึงมีที่นั่งพิเศษไว้ให้ ถึงจะมีค่าใช้จ่าย แต่ก็รับประกันได้ว่าเราจะได้ที่นั่งในจุดที่สามารถชมดอกไม้ไฟได้อย่างเต็มที่แน่นอน
นอกจากที่นั่งในพื้นที่จัดงานแล้ว ตึกสูงใกล้ที่จัดงานบางแห่งก็ยังมีขายตั๋วสำหรับชมดอกไม้ไฟบนดาดฟ้าด้วย น่าเสียดายตรงที่ส่วนใหญ่ต้องจองล่วงหน้าและมักจะมีแต่ภาษาญี่ปุ่น
พกอะไรติดตัวไปดูดอกไม้ไฟดี
ถ้าแค่อยากดูดอกไม้ไฟเฉยๆ ก็พกเครื่องดื่มกับขนมเล็กน้อยมาแล้วไปหาที่ยืนดูเลยก็ได้ แต่ถ้าอยากจะไปหาที่นั่งดูสบายๆ ก็แนะนำให้พกแผ่นพลาสติกปูรองนั่งมาด้วย
เอาจริงๆ แล้วเราไม่ต้องเตรียมอะไรไปเลยก็ได้ เพราะสามารถไปหาซื้อขนม เครื่องดื่ม แผ่นพลาสติกปูรองนั่งได้ตามร้านสะดวกซื้อแถวที่จัดงานได้ แต่อย่างที่บอกไปว่าคนอาจจะเยอะ และต้องรอคิวจ่ายเงินนานหน่อย
แต่งตัวแบบไหนดี
การจะไปดูดอกไม้ไฟไม่จำเป็นต้องใส่ชุดแบบไหนเป็นพิเศษ แต่ที่อยากจะแนะนำให้ลองคือการสวมชุดยูกาตะ ถ้ามีชุดยูกาตะอยู่แล้วแต่ไม่รู้จะใส่เมื่อไหร่ งานเทศกาลดอกไม้ไฟกับเทศกาลในฤดูร้อนนี่แหละโอกาสเหมาะเลย ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร มีทั้งร้านค้าที่ขายและให้เช่าชุดอยู่หลายที่เลย
ชาวญี่ปุ่นหลายคนก็รู้สึกดีใจที่เห็นชาวต่างชาติสนใจในวัฒนธรรมของพวกเขา เดินๆ ไปเราอาจจะเจอคุณป้าเดินเข้ามาชมว่าสวยจังเลย หรืออาจจะเดินเข้ามาช่วยผูกสายโอบิคาดเอวให้ใหม่หรือช่วยจัดชุดของเราให้เข้าที่เข้าทางด้วยก็ได้
ถ้าไม่สวยชุดยูกาตะ ก็ขอแนะนำเป็นชุดธรรมดาเนื้อผ้าบางใส่สบาย เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นก็ได้ รองเท้าที่ใส่สบายเดินสะดวก เพราะเราอาจจะต้องเดินไปจุดจัดงานหรือจุดนั่งชมที่ห่างจากสถานีพอสมควร ถ้าจะให้ดีอาจจะพกเสื้อทับบางๆ ไปด้วย เพราะถึงอากาศจะร้อน แต่พอตกกลางคืนอากาศก็อาจจะเย็นขึ้นมาได้ โดยเฉพาะถ้าไปใกล้แม่น้ำหรือทะเล
รถไฟคนแน่นกับโรงแรมเต็ม
ถ้าวางแผนจะไปหาที่พักใกล้ๆ กับสถานที่จัดงาน ขอให้วางแผนหาที่พักล่วงหน้านานหลายเดือนสักหน่อย เพราะหลายคนก็เลือกที่จะค้างคืนแทนที่จะต้องเดินทางกลับหลังเลิกงาน
ถ้าจะเดินทางกลับด้วยรถไฟ ก็ขอให้เตรียมพบกับรถไฟที่แน่นมากได้เลย ถ้าพอมีเวลาขอแนะนำให้นั่งรอต่อไปซักพักให้คนซาก่อนค่อยกลับ หรือเดินไปยังสถานีรถไฟที่ห่างออกไปอีกหน่อยแทน
5 งานเทศกาลดอกไม้ไฟชื่อดังในญี่ปุ่น
ถ้าได้มาญี่ปุ่นในช่วงฤดูร้อน ลองหาโอกาสไปชมเทศกาลดอกไม้ไฟกันดูได้ จะเป็นงานตามเมืองต่างๆ หรืองานชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง 5 งานนี้ก็ได้
1. Adachi Fireworks (โตเกียว) : 21 กรกฎาคม 2018
2. Tenjin Matsuri Hono Fireworks (โอซาก้า) : 24-25 กรกฎาคม 2018
3. Sumida River Fireworks (โตเกียว) : 28 กรกฎาคม 2018
4. Naniwa Yodo River Fireworks (โอซาก้า) : 4 สิงหาคม 2018
5. Edogawa Fireworks (โตเกียว) : 4 สิงหาคม 2018
มาสนุกกับเทศกาลดอกไม้ไฟแสนอลังการของญี่ปุ่นกัน
ลองสวมชุดยูกาตะแล้วมาชมเทศกาลดอกไม้ไฟแสนสวยและอลังการ ตัวแทนแห่งฤดูร้อนของญี่ปุ่นกัน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง