ไปรู้จักสาเกชั้นยอดและโรงผลิตสาเกรางวัลเหรียญทอง 6 ปีซ้อนที่ฟุกุชิมะ! (Fukushima)

บริการนี้รวมโฆษณาที่ได้รับการสนับสนุน
article thumbnail image

รู้ไหมว่าจังหวัดฟุกุชิมะเป็นดินแดนแห่งสาเก! การันตีด้วยจำนวนโรงผลิตสาเกรางวัลเหรียญทองมากที่สุดในญี่ปุ่นถึง 6 ปีซ้อน! เราจะพาไปเยี่ยมชม 3 โรงสาเกอันโดดเด่น มีทั้งโรงสาเกเจ้าของเหรียญทอง 11 ปีซ้อน โรงสาเกผู้ผลิตสาเกหายาก และโรงสาเกที่เน้นความปลอดภัย

วันที่ปรับปรุงล่าสุด :

เสน่ห์ของสาเกญี่ปุ่นจากฟุกุชิมะ จังหวัดที่มีโรงเหล้าเหรียญทองเยอะที่สุดถึง 6 ปีซ้อน!

福島日本酒

ในแต่ละปีจะมีการจัดงานประกวดสาเกญี่ปุ่นจากทั่วประเทศขึ้นหนึ่งครั้ง ชื่อว่า งานประกวดสุดยอดสาเกระดับประเทศ (Annual Japan Sake Awards)

โรงผลิตสาเกทั่วญี่ปุ่นกว่า 800 โรงจะนำสาเกญี่ปุ่นที่ตนภาคภูมิใจที่สุดมาส่งประกวดในงานที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปี

สาเกซึ่งเป็นที่จับตามองในช่วงหลายปีมานี้คือสาเกญี่ปุ่นจากฟุกุชิมะ เพราะเป็นจังหวัดที่ได้รับรางวัลเหรียญทองระดับประเทศมากที่สุดถึง 6 ปีซ้อนตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2018 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลย

เพื่อค้นหาคำตอบว่าเหตุใดถึงได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่อง เราจึงไปเยี่ยมชมโรงผลิตสาเก 3 แห่งที่ได้รับรางวัลเหรียญทองในปี 2018 และสิ่งที่ผู้ผลิตที่นั่นบอกกับเราก็เป็นคำพูดที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว!

"เป้าหมายไม่ใช่การทำสาเกที่โดดเด่นเป็นตัวชูโรง แต่เป็นสาเกตัวประกอบที่ไม่รบกวนรสชาติอาหารครับ"

ช่างเป็นคำพูดที่ถ่อมตัว แต่นี่ล่ะคือสาเกที่ครองใจผู้ที่ได้ดื่ม เรามาลองค้นหาเสน่ห์อันล้ำลึกของสาเกจากฟุกุชิมะกันดีกว่า

1. คกเค็นชุโซ (Kokkenshuzou) ในมินามิไอซุ (Minamiaizu)
ความเอาใจใส่ในการผลิตนำมาซึ่งเหรียญทอง 11 ปีซ้อน!

福島日本酒

เวลา 8:30 ยามเช้าอันหนาวเหน็บในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนซึ่งเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวเต็มตัว ชายทั้งหลายกำลังสร้างสรรค์ผลงานภายใต้ไอน้ำสีขาวหนาทึบที่ลอยคลุ้ง

สถานที่ที่เรามาเยือนเป็นแห่งแรกคือโรงผลิตสาเก คกเค็นชุโซ (Kokken Shuzou) สาเก คกเค็น (Kokken) ซึ่งผลิตขึ้นที่นี่ได้รับรางวัลเหรียญทองจากงานประกวดสุดยอดสาเกระดับประเทศต่อเนื่องกันถึง 11 ปี (2008 - 2018)

จะเรียกว่าเป็นโรงผลิตสาเกที่เป็นหน้าเป็นตาของฟุกุชิมะเลยก็ได้

ว่าแต่สาเกญี่ปุ่นนั้นมีวิธีการผลิตอย่างไร? คราวนี้เราได้รับอนุญาตเป็นพิเศษให้เข้าชม "ชุโซ" หรือก็คือโรงผลิตสาเกญี่ปุ่นด้วย มาดูวิธีการผลิตสาเกของคกเค็นชุโซกัน!

ใช้ข้าวที่ปลูกขึ้นเพื่อการหมักสาเก

福島日本酒

กระบวนการในวันแรกจะเริ่มตั้งแต่การนึ่งข้าว

福島日本酒

สาเกญี่ปุ่นเป็นเหล้าที่ผลิตจากข้าว แต่ไม่ได้ใช้ข้าวที่ทานกันตามปกติ จะใช้ข้าวเฉพาะที่เรียกว่า ซากาไม ซึ่งหมักขึ้นง่าย เหมาะกับการผลิตสาเก

福島日本酒

ข้าวที่นึ่งแล้วจะนำไปพักในเครื่องระบายความร้อนให้เย็นตัวลง จากนั้นจึงโรยเชื้อหมักโคจิ (*1) ลงไป อุณหภูมิของข้าวในขั้นตอนนี้เป็นเรื่องสำคัญ จะเย็นเกินไปหรือร้อนเกินไปไม่ได้

*1 : เชื้อหมักโคจิ ... จุลชีพชนิดหนึ่งที่ว่ากันมีเฉพาะในโลกแถบตะวันออกเท่านั้น นำมาใช้ในการหมักโชยุ มิโซะ และสาเกตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในวัฒนธรรมการกินของชาวญี่ปุ่น

กระบวนการต้องวัดกันที่ความเร็ว!

福島日本酒

เมื่อกะอุณหภูมิได้พอเหมาะแล้ว ก็ตักข้าวใส่ถุงผ้าอย่างรวดเร็วแล้วรีบนำไปยังห้องหมักที่เรียกว่าโคจิมุโระทันที

จากนี้จะเป็นขั้นตอนในการทำให้เชื้อหมักโคจิเติบโตเพิ่มจำนวน ดังนั้นการรักษาอุณหภูมิในห้องให้เหมาะสมต่อการเพิ่มจำนวนของเชื้อจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ปล่อยให้เชื้อโคจิเพิ่มจำนวนขึ้นในโคจิมุโระ 2-3 วันก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้

福島日本酒

อีกขั้นตอนหนึ่งที่ดำเนินการไปพร้อมกันคือการผลิตหัวเชื้อสาเก โดยนำยีสต์ จุลินทรีย์แลคติก โคจิ และน้ำใส่ลงในแทงก์ขนาดเล็กเพื่อให้เกิดการหมัก หัวเชื้อจะมีหน้าที่ทำให้การหมักในขั้นตอนต่อไปเป็นไปอย่างราบรื่น

หมักไว้ 1 เดือนก็เป็นอันเสร็จ!

福島日本酒

ใกล้จะถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว! ซึ่งก็คือการนำหัวเชื้อจากขั้นตอนที่แล้ว ข้าวที่หมักไว้ โคจิ และน้ำ ไปใส่ในแทงก์ขนาดใหญ่แล้วปล่อยให้เกิดกระบวนการหมักบ่มขึ้น

หากใส่ทั้งหมดลงไปพร้อมกันทีเดียวการหมักจะเกิดขึ้นได้ยาก จึงมีเคล็ดลับว่าต้องแบ่งใส่เป็น 3 ส่วน ส่วนผสมในขั้นตอนนี้จะถูกเรียกว่าโมโรมิ (Moromi)

福島日本酒

ภายในโรงหมักตอนนี้ก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของสาเกแล้ว ระหว่างนั้นก็จะมีการมาคนเป็นครั้งคราวเพื่อปรับอุณหภูมิไปด้วย เป็นการบ่มเพื่อให้ได้สาเกรสดี

กระบวนนี้จะถูกปล่อยให้หมักอย่างช้าๆ ราว 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน เมื่อคั้นโมโรมิออกมาก็จะได้เป็นสาเกญี่ปุ่น!

ถ้าน้ำรสชาติดี สาเกก็อร่อย

福島日本酒

โรงงานคกเค็นชุโซตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีชื่อว่ามินามิไอซุของจังหวัดฟุกุชิมะ แถบนี้จะหนาวจัดและมีหิมะตกหนักในฤดูหนาว

คกเค็นชุโซใช้น้ำจากหิมะละลายในการผลิตสาเก

คุณโฮโซอิ โนบุฮิโระ ประธานบริษัทคกเค็นชุโซ บอกกับเราว่า "น้ำอ่อนเวลาดื่มจะให้สัมผัสนุ่มลิ้น พอเอามาใช้ทำสาเกก็ทำให้สาเกมีรสชาติกลมกล่อมครับ"

福島日本酒

คกเค็น เป็นสาเกคุณภาพสูงที่ผลิตขึ้นจากน้ำสะอาดในมินามิไอซุ

เมื่อลองชิม สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งขึ้นจมูก จากนั้นก็เป็นรสสัมผัสละมุนลิ้นของน้ำจากหิมะละลาย ตามมาด้วยรสชาติสดชื่นที่กรุ่นอยู่ในปาก ก่อนจะจางหายไป

福島日本酒

คุณโฮโซอิ ประธานบริษัท ที่ด้านหน้าประตูทางเข้าโรงผลิตสาเก คกเค็นชุโซ

"สิ่งที่ผมอยากทำคือสาเกที่เหมือนกับ 'คัปปะเอบิเซ็น' น่ะครับ" คุณโฮโซอิกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ

"คัปปะเอบิเซ็น" คือขนมยอดฮิตของญี่ปุ่นซึ่งมีสโลแกนว่า "หยุดไม่ได้ ยั้งไม่ไหว"

ดื่มเท่าไรก็ไม่พอ ดื่มเท่าไรก็ไม่เบื่อ

แม้แต่ในวันนี้ไอน้ำที่ก่อกำเนิดสาเกญี่ปุ่น "คกเค็น" ก็ยังคงลอยกรุ่นขึ้นจากโรงผลิตสาเก คกเค็นชุโซ

การเดินทาง : เดินจากสถานีไอซุทาจิมะ (Aizu-Tajima Station) รถไฟไอซุ (Aizu Railway) 5 นาที
*ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมโรงผลิตสาเก แต่มีร้านค้าขายสาเกอยู่

2. ชิเกะชุโซเท็น (Shike Shuzoten) ในอิวากิ (Iwaki)
สาเกท้องถิ่นน่าดื่มในอิวากิ

福島日本酒

สถานที่ถัดไปที่อยากแนะนำคือชิเกะชุโซเท็น (Shike Shuzoten) เป็นโรงผลิตสาเกหายาก มาตะเบ (Matabe) ซึ่งแทบไม่ปรากฏให้เห็นที่อื่นนอกจังหวัดฟุกุชิมะ

มาตะเบ ได้รับรางวัลเหรียญทองจากงานประกวดสุดยอดสาเกระดับประเทศถึง 15 ครั้งเป็นเครื่องการันตีคุณภาพ และมีอัตราการบริโภคในแถบอิวากิอันเป็นที่ตั้งของโรงผลิตสูงถึง 95% เลยทีเดียว

เรียกได้ว่าเป็นสาเกที่ได้รับความชื่นชอบจากผู้คนท้องถิ่น จึงแทบไม่มีวางขายที่อื่นนอกจากในแถบอิวากิ แม้แต่ในจังหวัดฟุกุชิมะเองก็แทบหาไม่ได้เช่นกัน

กรรมวิธีการผลิตที่ไม่เคยเปลี่ยนของโรงผลิตสาเกเก่าแก่

福島日本酒

เมื่อมาถึงก็จะพบกับประตูรั้วที่ดูมั่นคงภูมิฐาน อาคารหลังนี้ผ่านการบูรณะซ่อมแซมมาหลายครั้ง แต่ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นโรงผลิตสาเกมาตลอดร่วม 100 ปี

ชิเกะชุโซเท็นตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีชื่อว่าอิวากิของจังหวัดฟุกุชิมะ ที่อิวากินี้ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเลยมีสภาพภูมิอากาศค่อนข้างอบอุ่น ต่างจากแถบมินามิไอซุของคกเค็นชุโซที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปด้านในและมีหิมะตกหนัก

ด้วยเป็นพื้นที่ที่ยากต่อการผลิตสาเก นอกจากโรงผลิตสาเก ชิเกะชุโซเท็นแล้วเลยมีโรงผลิตสาเกอีกเพียง 2 แห่งเท่านั้น

福島日本酒

โรงผลิตสาเก ชิเกะชุโซเท็นก่อตั้งในปี 1845 ผลิตสาเกในอิวากิมานานกว่า 170 ปีแล้ว

ภายในโรงผลิตสาเกยังมีลูกรอกไม้ที่เคยใช้สำหรับยกของขึ้นไปบนชั้น 2 อยู่ เห็นแล้วยิ่งรู้สึกได้ถึงความเก่าแก่

福島日本酒

แถบอิวากิมีอุณหภูมิร้อนหนาวแตกต่างกันมาก จึงต้องมีการควบคุมอุณหภูมิอย่างใกล้ชิด

ช่วงปลายปีจนถึงฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาสำหรับการผลิตสาเก ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตสาเกที่เรียกกันว่าโทจิจะเดินทางมาจากจังหวัดอิวาเตะเพื่อพักอาศัยและทุ่มเทให้กับการผลิตสาเกอยู่ที่นี่ราวครึ่งปี

福島日本酒

ในวันที่เราเดินทางมาเก็บข้อมูล หัวเชื้อสาเกกำลังมีฟองผุดขึ้นมาราวกับมีชีวิต กลิ่นหอมราวกับกลิ่นผลไม้ของสาเกก็อบอวลไปทั่ว

สาเกมาตะเบ ของชิเกะชุโซมีจุดเด่นเรื่องรสชาติสดชื่น เพราะอิวากิตั้งอยู่ใกล้ทะเล ผู้คนที่นี่เลยชื่นชอบรสชาติสดชื่นที่เข้ากันกับอาหารทะเล

คุณชิเกะ ฮิซาโอะ ประธานบริษัทชิเกะชุโซเท็น บอกว่า "ถ้าใส่ลูกแพร์ที่เก็บเกี่ยวในอิวากิลงไปก็จะอร่อยแบบแซงเกรีย (ไวน์พันช์) ครับ"

พอลองดื่มดูก็พบว่ามีกลิ่นหอมแบบผลไม้แต่ก็ไม่หวานจนเกินไป ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นมากๆ จนไม่อยากหยุดเลย

福島日本酒

ประกาศนียบัตรที่เรียงรายเต็มกำแพง

ทั้งที่อร่อยขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ขยายตลาดไปทั่วประเทศล่ะ?

ผมถามด้วยความสงสัย คุณชิเกะก็ยิ้มเฝื่อนพร้อมตอบว่า "ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องแบบนั้นเท่าไหร่ครับ" ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ความอร่อยของสาเกก็ทำให้มีแฟนๆ จากทั่วประเทศสั่งซื้อเข้ามาไม่ขาด รวมไปถึงเหล่านักแสดงชื่อดังด้วย

"ผมไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่ผลิตสาเกอย่างอย่างเต็มที่ครับ" คุณชิเกะกล่าวไว้

มาตะเบ เป็นสาเกที่แทบหาซื้อจากที่อื่นไม่ได้นอกจากในแถบอิวากิ ถ้าได้ลองดื่มสักครั้งจะเข้าใจความรู้สึกของคนในท้องที่ที่อยากจะเก็บสาเกแสนอร่อยนี้ไว้ในเมืองแน่นอนครับ

ลองมาที่อิวากิเพื่อลิ้มรสกันให้ได้นะครับ

*โรงเหล้านี้ไม่มีหน้าร้าน ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม

3. วาตานาเบะชุโซฮนเท็น (Watanabe Shuzo Honten) ในโคริยามะ (Koriyama)
สาเกที่ดื่มได้ทุกวันได้อย่างสบายใจ

福島日本酒

สาเกญี่ปุ่นจากฟุกุชิมะนั้นสามารถดื่มได้อย่างไม่ต้องกังวล ผู้ที่สามารถยืนยันเรื่องนั้นได้คือคุณวาตานาเบะ ยาซุฮิโระ จากวาตานาเบะชุโซฮนเท็น (Watanabe Shuzo Honten)

ยืนยันความปลอดภัยได้ด้วยตัวเลข

福島日本酒

คุณวาตานาเบะจัดทำเอกสารขึ้นด้วยตัวเองและนำไปอธิบายให้กับเกษตรกร

ในปี 2011 ตอนที่เกิดภัยพิบัติขึ้นกับโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิ คุณวาตานาเบะทำงานให้กับสมาคมผู้ผลิตสาเกจังหวัดฟุกุชิมะ โดยรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลการจัดหาข้าวสำหรับทำสาเกให้กับโรงผลิตสาเกแต่ละแห่ง

"ก่อนอื่นก็ต้องแนบตัวเลขเพื่อยืนยันถึงความปลอดภัย" โดยเริ่มการสำรวจโรงผลิตสาเก 3 แห่งในฟุกุชิมะทันที หลังจากนั้นราว 10 วันหลังเกิดเหตุจึงมีการรายงานว่าผลที่ได้เป็นตัวเลขที่ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

คุณวาตานาเบะเรียนเอกปฐพีวิทยาในระดับมหาวิทยาลัย จึงทราบถึงผลกระทบของสารกัมมันตรังสีที่มีต่อดินและพืชผลทางการเกษตรเป็นอย่างดี ทำให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

มาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด

福島日本酒

จากนั้นคุณวาตานาเบะก็คิดว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถผลิตข้าวที่ปลอดภัยได้

สิ่งสำคัญในการผลิตสาเกญี่ปุ่นคือข้าว หลังเกิดภัยพิบัติ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในฟุกุชิมะเกิดความกังวลเป็นอย่างมากว่าธาตุซีเซียมซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสีจะติดมาในข้าวหรือไม่

ในตอนนั้น คุณวาตานาเบะสนใจประเด็นที่ว่าธาตุซีเซียมมีคุณสมบัติทางเคมีคล้ายคลึงกับธาตุโพแทสเซียมที่ใช้ในปุ๋ย จึงค้นพบว่า "หากใช้ปุ๋ยโพแทสเซียมก็จะสามารถยับยั้งการดูดซึมซีเซียมได้"

คุณวาตานาเบะจึงขอให้เกษตรกรในฟุกุชิมะใช้ปุ๋ยโพแทสเซียม ข้าวที่ปลูกได้จึงไม่พบสารกัมมันตรังสีเกินค่ามาตรฐาน แน่นอนว่าในสาเกที่ผลิตจากข้าวเหล่านั้นก็ตรวจไม่พบเช่นกัน

ปัจจุบัน มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารทั่วไป (รวมถึงเหล้าสาเก) ที่ญี่ปุ่นได้กำหนดไว้คือต้องมีไอโซโทปกัมมันตรังสีของธาตุซีเซียมต่ำกว่า 100 เบคเคอเรลต่อ 1 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเข้มงวดมากเมื่อเทียบกับมาตรฐาน EU (1,250 เบคเคอเรล/กิโลกรัม) และมาตรฐานอเมริกา (1,200 เบคเคอเรล/กิโลกรัม)

แต่สาเกจากฟุกุชิมะได้กำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดยิ่งขึ้นไปอีก เป็น 1 ใน 10 ของมาตรฐานความปลอดภัยที่ญี่ปุ่นกำหนด หรือก็คือ "10 เบคเคอเรลต่อ 1 กิโลกรัม" และนับตั้งแต่เกิดภัยพิบัติจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เคยพบค่าที่สูงกว่าค่ามาตรฐานเลย

การผลิตสาเก "ที่ไม่ทำให้เมา"

福島日本酒

สาเกญี่ปุ่นที่คุณวาตานาเบะเป็นผู้ผลิตคือ ยูกิโคะมาจิ (Yuki Komachi) ซึ่งใช้ข้าวท้องถิ่นฟุกุชิมะมากกว่า 95%

福島日本酒

คุณวาตานาเบะบอกว่าการผลิตสาเกก็เหมือนการเลี้ยงดูเด็ก พอรู้ว่าอุณหภูมิในแทงก์ใส่โมโรมิลดลงต่ำ ต่อให้เป็นช่วงกลางดึกก็ต้องรีบตื่น วิ่งเอาผ้ามาพันเพื่อให้ความอบอุ่น

"ผมคิดว่าสาเกที่ผลิตขึ้นด้วยวิธีการแบบนี้มีจิตใจของผู้ผลิตอยู่ในนั้นด้วยครับ" คุณวาตานาเบะกล่าวเอาไว้

ยูกิโคะมาจิ ซึ่งผลิตขึ้นด้วยความรักนั้น ดื่มเข้าไปเพียงคำเดียว ความอร่อยก็แทรกซึมไปทั่วทั้งร่าง เป็นเรื่องน่าแปลกที่ต่อให้มากก็ไม่มีอาการเมาค้างให้กังวลใจ

คุณวาตานาเบะบอกว่า "เป้าหมายคือการผลิตสาเกที่ไม่ทำให้เมาครับ" เห็นว่าเป็นผลลัพธ์จากประสบการณ์และการใช้สูตรคณิตศาสตร์คำนวณเพื่อผลิตสาเกที่ร่างกายย่อยได้ง่ายค่ะ แต่เขาก็กล่าวไว้เช่นกันว่า "สูตรทางคณิตศาสตร์เป็นความลับทางการค้าครับ"

จนถึงวันนี้ คุณวาตานาเบะก็ยังคงเสาะแสวงหารสชาติที่เอร็ดอร่อยและความปลอดภัยบนพื้นฐานของทฤษฎีอันละเอียดอ่อนค่ะ

*โรงเหล้านี้ไม่มีหน้าร้าน ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม

สาเกญี่ปุ่นจากฟุกุชิมะ อร่อยจนต้องทึ่ง!

福島日本酒

"สาเกจากฟุกุชิมะมีความน่าประหลาดใจอยู่ครับ อย่างแรกก็คือความอร่อยที่จิบนิดเดียวก็สัมผัสได้ อีกอย่างคือถ้าได้ลองดื่มสาเกหลายๆ แบบ จะยิ่งประหลาดใจว่าสาเกจากจังหวัดเดียวกัน แค่ต่างท้องที่ต่างโรงผลิต ก็ทำให้มีเอกลักษณ์และความอร่อยที่ต่างกันได้ถึงขนาดนี้" (คุณวาตานาเบะ จากวาตานาเบะชุโซฮนเท็น)

ฟุกุชิมะเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น สภาพแวดล้อมและเงื่อนไขในการผลิตสาเกจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

การที่มีโรงเหล้าได้รับรางวัลเป็นจำนวนมากที่สุดติดต่อกันถึง 6 ปีก็น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าโรงผลิตในแต่ละท้องที่สามารถผลิตสาเกคุณภาพดีออกมาได้

ในช่วงท้ายของการเก็บข้อมูลในคราวนี้ คุณโฮโซอิจากคกเค็นชุโซได้กล่าวไว้ว่า "ไม่ต้องเล่าเรื่องของพวกเราหรอกครับ กรุณาเล่าเรื่องสาเกของฟุกุชิมะเถอะ เล่าถึงความอร่อยของสาเกญี่ปุ่นจากฟุกุชิมะ"

ไม่ว่าจะถ่อมตัวอย่างไร ความอร่อยก็เป็นตัวพิสูจน์ให้เห็นแล้วครับ ถ้ามีโอกาสขอเชิญมาชิมสุดยอดสาเกญี่ปุ่นที่ฟุกุชิมะกันให้ได้นะครับ

Photos by Eri Tashiro
In cooperation with Kokken Brewery Co.,Ltd., Shikeshuzoten General Partnership, Watanabe Shuzohonten Co.,Ltd.
Sponsored by Ministry of Economy, Trade and Industry

raw output

raw output

Written by

Avatar

MATCHA-PR

Tokyo, Japan

บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน

เนื้อหาในบทความนี้อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลในช่วงเวลาที่เขียนบทความ อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรายละเอียดสินค้า บริการ ราคาในภายหลังได้ กรุณาตรวจสอบกับสถานที่นั้นอีกครั้งก่อนการไปใช้บริการ
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง