เสน่ห์ที่เที่ยวแบบใหม่ๆ ไปชม 3 โรงหมักสาเกและไวน์ในยามากาตะ (Yamagata)
หากสนใจวัฒนธรรมการดื่มของญี่ปุ่นล่ะก็ต้องไปยามากาตะ! ในจังหวัดยามากาตะแหล่งปลูกข้าวที่มีชื่อเสียงมีโรงหมักบ่มเหล้ามากมาย อีกทั้งยังได้มีไวเนอรี่ที่ผลิตเหล้าจากองุ่นชั้นดีสมชื่ออาณาจักรผลไม้
เหล้ารสเลิศในจังหวัดยามากาตะจากลักษณะพิเศษเฉพาะท้องถิ่น
จังหวัดยามากาตะเป็นแหล่งผลิตผลไม้หลากชนิดจนได้รับการขนานนามว่าอาณาจักรแห่งผลไม้และเป็นแหล่งปลูกข้าวขึ้นชื่อ
นอกจากนั้นยังมีโรงหมักเหล้าญี่ปุ่น 52 แห่ง มีปริมาณการส่งออกเหล้าสาเกญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคโทโฮคุ และมีไวเนอรี่ 17 แห่ง เป็นหนึ่งในสี่ของแหล่งผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น นับได้ว่าเหมาะกับผู้ที่ชอบลิ้มรสสาเกญี่ปุ่นและไวน์มาก
ในบทความนี้ ขอแนะนำโรงกลั่นเหล้าและไวเนอรี่ที่ผู้เขียนคัดสรรมาอย่างดีและภูมิใจนำเสนอกันค่ะ
1. เพลินกับสาเกพร้อมออนเซ็นและสกี Yamagata Sake Museum & Tsumami : Yukemuri Bar
Picture courtesy of Tsumami Yamagata Sake Museum & Bar
สำหรับผู้ที่อยากเพลิดเพลินทั้งออนเซ็น สกีและเหล้า ขอแนะนำพิพิธภัณฑ์เหล้ายามากาตะ & สึมามิ ยุเคมูริบาร์ (Yamagata Sake Museum & Tsumami : Yukemuri Bar) ที่ท่องเที่ยวในแถบซาโอออนเซ็น พื้นที่ร้านกว้างขวางกว่า 330 ตารางเมตร ปรับปรุงมาจากอาคารสันทนาการเดิมของบริษัทไฟฟ้าโทโฮคุ
เหล้าสาเกที่ผลิตในจังหวัดยามากาตะและผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนดจะได้รับรองเป็น GI ยามากาตะ
GI คือระบบปกป้องดูแลแบรนด์ที่เป็นชื่อแหล่งผลิตในฐานะทรัพย์สินทางปัญญา ในกรณีของไวน์ หากเป็นในต่างประเทศก็หมายถึงชื่ออย่าง บอร์โดซ์ (Bordeaux) และ แชมเปญ (Champagne) สำหรับประเทศญี่ปุ่นมีแค่ GI ยามากาตะ เท่านั้นที่รองรับครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัด
เหล้าญี่ปุ่นที่เสิร์ฟภายในร้านตอนนี้เป็นเหล้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น GI ยามากาตะทั้งหมด
เหล้าที่มีเตรียมเอาไว้ประจำมี 50 ชนิด ในเมนูมีเขียนแนะนำคุณสมบัติพิเศษของเหล้าญี่ปุ่นที่แตกต่างกันตามแต่ละภูมิภาคเอาไว้อย่างชัดเจน
เมนูแนะนำคือ คิคิสาเกเซ็ต (利き酒セット) ที่จะได้ชิมเหล้าญี่ปุ่นหลายชนิด มีราคาตั้งแต่ 800-1,500 เยนขึ้นอยู่กับเมนู เช่น คอร์สพิเศษช่วงฤดูหนาว หรือคอร์สรสจัดแบบเฉพาะตัว เป็นต้น
พรีเมี่ยมคอร์ส (สาเกแบบจุนไมไดกินโจและไดกินโจ) ราคารวมภาษี 1,500 เยน
ตอนไปเก็บข้อมูล ผู้เขียนสั่งเป็นพรีเมี่ยมคอร์ส จุนไมกินโจ (Junmai Ginjo) ฮาคุโระซุยชุ (Hakuro Suishu) เดวะซังซัง (Dewasansan) มีรสชาติสดชื่นถูกปากและมีรสหวานเล็กน้อย ดื่มง่าย และรสชาติติดลิ้นแบบสดชื่น
สเต็กเนื้อซาโอกิวไม่ติดมัน ราคารวมภาษี 2,500 เยน / Picture courtesy of Yamagata Sake Museum & Tsumami : Yukemuri Bar
Tsumami : Yukemuri Bar บาร์ที่ตั้งอยู่ในมิวเซียม มีจำหน่ายอาหารจากท้องถิ่นด้วย เมนูอาหารที่ได้รับความนิยมคือ สเต็กเนื้อซาโอกิวไม่ติดมัน (Zaogyu no Akami Steak) เนื้อที่ชุ่มฉ่ำจนแทบจะล้นออกมากับคุณภาพเนื้อที่นุ่มคือเสน่ห์ของจานนี้
อยากให้ลองทานสเต็กนี้คู่กับ ชูโฮ (Shuho) เหล้าญี่ปุ่นที่มีรสเปรี้ยวกับหวานเล็กน้อยดูค่ะ สาเกจะช่วยดึงรสเค็มของสเต็กออกมา ทำให้ได้รสชาติดีและอร่อยยิ่งขึ้น
2. พิพิธภัณฑ์ผลิตเหล้าที่มีตำนานกว่า 420 ปี พิพิธภัณฑ์สาเกโทโค (Toko Sake Museum)
โรงหมักสาเกโทโคมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 420 ปี ปัจจุบันบริหารกิจการโดยผู้สืบทอดรุ่นที่ 24 เป็นที่รู้จักมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในฐานะโรงหมักเหล้าที่ส่งสาเกให้กับตระกูลอุเอซุกิ ผู้ครองแคว้นโยเนซาวะ (*1) ในอดีต มีการปรับปรุงโรงกลั่นเหล้าที่มีมาตั้งแต่ในอดีต และดำเนินการก่อสร้างบางส่วนให้สามารถศึกษาเกี่ยวกับการผลิตเหล้า และบรรยากาศของร้านเหล้าได้ ในปัจจุบันจึงเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ผลิตเหล้าให้บุคคลทั่วไปเข้าชม
*1 : แคว้นโยเนซาวะ (Yonezawa) ... ชื่อเรียกพื้นที่บริเวณเมืองโยเนซาวะในยุคเอโดะ องค์กรที่ปกครองพื้นที่ส่วนนั้นจะเรียกว่าผู้ครองแคว้น
ขนาดของโรงหมักวัตถุดิบที่ใช้ผลิตสาเกญี่ปุ่นนั้นถือว่าใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคโทโฮคุเลยทีเดียว พอได้เห็นเครื่องไม้เครื่องมือกับห้องหับต่างๆ ในอดีตที่ยังถูกเก็บรักษาอย่างดี ก็จินตนาการได้ถึงความคึกคักระหว่างการทำงานขึ้นมาเลย
ในโรงหมักมีถังขนาดใหญ่วางโชว์อยู่ 2 แถว ได้บรรยากาศโรงกลั่นเหล้าจริงๆ เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมด้วย
วิธีสร้างตัวอาคารก็มีความน่าสนใจเหมือนกันค่ะ ส่วนหนึ่งของอาคารหลักใช้วิธีการก่อสร้างแบบดั้งเดิมคือการสร้างด้วยลิ่มแทนการใช้น็อตหรือสกรู แถมยังคงสภาพความสวยงามมาจนถึงตอนนี้ ได้รับความสนใจจากทั้งในและต่างประเทศ มีการนำไปใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำโฆษณาเครื่องสำอางชื่อดังและภาพยนตร์ด้วย
ยิ่งกว่านั้น ในปัจจุบันถือว่าการก่อสร้างด้วยเทคนิควิธีการดังกล่าวเป็นเรื่องยาก จึงมีผู้ที่รักและสนใจในสถาปัตยกรรมมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์การผลิตเหล้า : บุคคลทั่วไป 350 เยน นักเรียนม.ต้นและม.ปลาย 250 เยน นักเรียนประถม 150 เยน
เหล้าบ๊วยกินโจ (Ginjo Umeshu) ขนาด 500 มิลลิลิตร ราคารวมภาษี 1,650 เยน ขนาด 1,800 มิลลิลิตร ราคารวมภาษี 3,960 เยน
ภายในพิพิธภัณฑ์มีร้านจำหน่ายสินค้าอยู่ด้วย เราสามารถหาซื้อสินค้าทั้งหมดของโรงหมักเหล้าโทโคได้ที่นี่ค่ะ
เหล้าสาเกของโรงหมักโทโคได้รับรางวัลมากมายในช่วงหลายปีมานี้ และมีการส่งออกไปยัง 19 ประเทศทั่วโลก
สินค้าที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในปัจจุบันคือ โทโค เหล้าบ๊วยกินโจ (Ginjo Umeshu) ที่ชนะเลิศใน 3 เวทีประกวดที่เกี่ยวข้องกับเหล้าบ๊วย รสผลไม้ที่ชัดเจนกับความสดชื่นที่ทำให้ดื่มไม่ยาก หากเพียงได้ชิมสักครั้งแล้วก็คงจะลืมไม่ลง สมกับที่เป็นราชาสามมงกุฎในการแข่งขันเหล้าบ๊วยจริงๆ!
3. ทาคาฮาตะไวเนอรี่ (Takahata Winery) ในแหล่งผลิตองุ่นขึ้นชื่อ
ทาคาฮาตะไวเนอรี่อยู่ในเมืองทาคาฮาตะทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดยามากาตะ พื้นที่นี้มีชื่อเสียงในฐานะแหล่งผลิตองุ่นและลูกแพร์พันธุ์ลาฟรานซ์ (La France)
เหตุผลคือภูมิประเทศแบบแอ่งกระทะทำให้ช่วงฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิตอนเช้ากับตอนกลางวันจะแตกต่างกันอย่างมาก ปริมาณฝนตกก็น้อย มีช่วงเวลาแดดส่องยาวนาน เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเพาะปลูกองุ่นคุณภาพดี
ภายในมีไร่องุ่นขนาดใหญ่และไวเนอรี่สไตล์ยุโรป ให้ความรู้สึกราวกับเหมือนอยู่ไวเนอรี่ในประเทศตะวันตก
มีห้องจัดแสดงให้เราได้ศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การผลิตไวน์และสินค้าต่างๆ ด้วย บนกำแพงมีไวน์ขึ้นชื่อที่ทาคาฮาชิไวเนอรี่ภูมิใจนำเสนอวางโชว์ไว้หลายชนิด
องุ่นสำหรับหมักไวน์ที่เพาะปลูกในไร่องุ่นแห่งนี้มีขนาดผลเล็กพอๆ กับบลูเบอร์รี่ และแตกต่างกับองุ่นที่เอาไว้ทานทั่วไป มีเปลือกหนา เนื้อน้อย และมีรสหวานจัด
แอลกอฮอล์ในไวน์จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำตาลจากยีสต์ในกระบวนการหมักเหล้า ดังนั้นองุ่นที่มีระดับน้ำตาลสูงจึงเป็นเงื่อนไขที่ขาดไม่ได้ในการผลิตไวน์
ในร้านค้ามีสินค้าให้เลือกหลายชนิดจนอยากจะลองซื้อไปทุกอย่างเลย บางช่วงจะมีคัดเลือกสินค้าบางส่วนให้ลองชิมได้ด้วย แม้จะไม่ครบทุกชนิดแต่ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ลงอชิมหารสชาติที่ถูกใจก่อนซื้อจริง
ไส้กรอกที่เหมาะจะเป็นกับแกล้มก็มีจำหน่ายค่ะ รูปบนคือไส้กรอกจากหมูเลี้ยงในญี่ปุ่นที่ผลิตโดย smoke house fine ผู้ประกอบการแปรรูปเนื้อในท้องถิ่น
มีการใช้ทาคาฮาตะไวน์ในกระบวนการการผลิต จึงมีกลิ่นหอมอันเย้ายวนของไวน์เล็กน้อย ได้ยินมาว่าไส้กรอกนี้เคยชนะการประกวดเนื้อนานาชาติมาด้วยนะ
ซอฟท์ครีมคิฟุจิน รสไวน์แดง ราคารวมภาษี 350 เยน
สิ่งสุดท้ายที่อยากกล่าวถึงคือซอฟท์ครีมมาโฮโรบะโนะคิฟุจิน รสไวน์แดง (Mahoroba no Kifujin - Aka) ทำมาจากไวน์แดงชื่อเดียวกัน วินาทีที่ซอฟท์ครีมสัมผัสกับปลายลิ้น กลิ่นหอมและรสฝาดอันเป็นเอกลักษณ์ของไวน์ก็กระจายไปทั่วในปาก สำหรับคนที่ไม่ถนัดดื่มเหล้า ลองชิมในรูปแบบของซอฟท์ครีมกันดีไหมคะ
สัมผัสวัฒนธรรมในยามากาตะผ่านสาเก
แม้จะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบดื่มเหล้า ก็อยากให้ไปทัศนศึกษาชมโรงกลั่นเหล้ากับไวเนอรี่กันค่ะ! แน่นอนว่าเราจะได้เพลิดเพลินกับการชิมของขึ้นชื่อในท้องถิ่น และยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นที่นั้นๆ ผ่านวัฒนธรรมอาหาร ซึ่งเป็นความสุขที่แท้จริงในการเดินทาง
สิ่งที่ทำให้วัฒนธรรมสาเกเป็นเลิศคือ คุณสมบัติพิเศษครบเงื่อนไขทั้งตำแหน่งที่ตั้งของจังหวัดยามากาตะที่ทำให้เก็บเก็บเกี่ยวองุ่น ข้าวและน้ำคุณภาพดีได้
ไปเยือนโรงกลั่นเหล้าและไวเนอรี่ และใช้เวลาในการเดินทางอย่างมีความหมายในยามากาตะกันค่ะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
Written by Kenko
Sponsored by Yamagata Prefecture
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง