แนะนำ 3 ร้านเนื้อวัวโยเนซาวะกิว ของดียามากาตะ (Yamagata) ที่พระจักรพรรดิยังทรงชื่นชอบ!
โยเนซาวะกิว หนึ่งในสามสุดยอดเนื้อวัววากิว มาพร้อมลวดลายหินอ่อนทั้งชิ้น ละลายทันทีที่เข้าปาก และยังเป็นเนื้อที่ใช้ในครัวของสำนักพระราชวังอีกด้วย ขอแนะนำ 3 ร้านโยเนซาวะกิวยอดนิยมในเมืองโยเนซาวะ (Yonezawa) จังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ค่ะ!
โยเนซาวะกิว (Yonazawa Gyu) หนึ่งในสามสุดยอดวากิวของญี่ปุ่น
นักท่องเที่ยวสายกูรเม่ต์ที่รู้จักจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) หากพูดถึงของอร่อยของที่นี่หลายคนน่าจะนึกถึงเนื้อวัวโยเนซาวะกิว (Yonezawa Gyu) นี่คือเนื้อวัวชั้นเลิศที่ถูกขนานนามเป็นหนึ่งในสามสุดยอดวัวญี่ปุ่น (วากิว) ร่วมกับเนื้อวัวมัตสึซากะและเนื้อวัวโกเบเลยค่ะ
หนึ่งในเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เนื้อโยเนซาวะกิวมีรสชาติอร่อยก็คือลักษณะภูมิประเทศรูปแอ่งนั่นเองค่ะ เมืองโยเนซาวะมีภูเขาสูงอยู่ล้อมรอบ เช่น เทือกเขาอัตสึมะและเทือกเขาอีเดะ ทำให้อุณหภูมิในช่วงกลางวันกับกลางคืนและช่วงฤดูร้อนกับฤดูหนาวแตกต่างกันมาก ความต่างของอุณหภูมินี้เองที่ทำให้เกิดลักษณะเฉพาะของเนื้อโยเนซาวะกิวนั่นก็คือไขมันลวดลายหินอ่อนละเอียดและรสสัมผัสเนียนนุ่มราวกับเนื้อละลายทันทีที่เข้าปาก
เมนูยอดนิยมของเนื้อโยเนซาวะกิวคือสเต็ก สุกี้ยากี้ ชาบูชาบู และกิวด้ง (ข้าวหน้าเนื้อ) ในครั้งนี้เรามีโอกาสได้ไปเยือนถึงเมืองโยเนซาวะ แหล่งผลิตวัวโยเนซาวะกิวทั้งที เลยขอแนะนำร้านยอดฮิต 3 ร้านที่มีเนื้อโยเนซาวะกิวอร่อยๆ ให้ทานกันค่ะ
1. เรือนขุนนางอุเอซุกิ (Uesugi Hakushakutei)
ชมสวนญี่ปุ่นแสนงามเป็นเครื่องเคียงชั้นยอด
อุเอซุกิ ฮาคุชาคุเท (เรือนขุนนางอุเอซุกิ : Uesugi Hakushakutei) เห็นร้านแล้วนึกว่าเป็นเรียวกังมากกว่าจะเป็นร้านอาหารเสียอีก ตัวอาคารนี้เป็นที่อยู่อาศัยเก่าของอุเอซุกิ โมจิโนริ (*1) สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1896 แต่ถูกเผาทำลายไปในปี 1919 จากนั้นได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปี 1925 สร้างจากไม้หอมฮิโนกิทั้งหลัง มีหลังคาแบบดั้งเดิมมุงด้วยแผ่นทองแดงเรียกว่าโดบังบุกิ
สวนญี่ปุ่นสร้างขึ้นโดยอ้างอิงแบบจากสวนฮามะริคิว (Hamarikyu Gardens) เราจะได้เพลิดเพลินกับอาหารชั้นยอดที่ทำจากเนื้อวัวโยเนซาวะกิวท่ามกลางบรรยากาศแบบญี่ปุ่นไปด้วยค่ะ
*1 : อุเอซุกิ โมจิโนริ (Uesugi Mochinori) ... ผู้ครองแคว้นโยเนซาวะคนสุดท้าย ผู้ครองแคว้นคือตำแหน่งในระบบโครงสร้างการปกครองในสมัยเอโดะ (1603-1868) ที่แบ่งพื้นที่ออกเป็นแคว้น
ทางเข้าร้านอาหารมีกิโมโนจัดแสดงอยู่ ว่ากันว่าเป็นกิโมโนที่ตกทอดในตระกูลอุเอซุกิจากรุ่นสู่รุ่นเลยทีเดียว ระหว่างทางเดินเราจะเห็นวิวสวนญี่ปุ่นสไตล์คาเรซันซุย (Karesansui) แบบดั้งเดิมไปทั่วบริเวณด้วย
พอได้ที่นั่งแล้วอยากให้ลองหันมองไปนอกหน้าต่างและชื่นชมดอกไม้และต้นไม้ในสวนที่แสนงดงามกันค่ะ
หนึ่งในเมนูยอดนิยมคือ เซ็ตสเต็กเนื้อสันในหั่นชิ้น (100 กรัม) (100 gram Fillet Steak Zen, Cut steak) ราคารวมภาษี 6,600 เยน นอกจากสเต็กแล้วยังมีกับข้าวถ้วยเล็กเป็นเครื่องเคียงตามฤดูกาลอีก 2 อย่าง ซุปมิโซะและข้าวสวยให้มาด้วย
โดยปกติแล้วสเต็กเนื้อสันในจะทานแบบมีเดียมแรร์ (Medium rare) เป็นระดับความสุกที่เหมาะที่สุดในการดื่มด่ำรสชาติที่แท้จริงของเนื้อ และยังจะได้ลิ้มรสกับน้ำชุ่มฉ่ำของเนื้ออันแสนหอมหวลอีกด้วย
สเต็กเนื้อสันในจะนุ่มมาก เคี้ยวง่ายแทบไม่ต้องออกแรงกัดมากมาย และยังสัมผัสถึงความชุ่มฉ่ำของเนื้อได้อย่างเต็มที่
เมนูจานเดียว สลัดโรสต์บีฟ (Roasted beef salad) ราคารวมภาษี 1,870 เยน ทำจากเนื้อบริเวณสะโพกของวัวโยเนซาวะกิว ซอสหอมหัวใหญ่ที่ใช้โชยุเป็นเบสมีรสชาติเข้ากันได้ดีกับเนื้อ เป็นอีกจานที่ทานได้ไม่มีเบื่อเลยล่ะค่ะ
2. โยเนซาวะกิว โทคิวะ (Yonezawa Gyu Tokiwa)
ความอร่อยที่จักรพรรดิยังทึ่ง
โยเนซาวะกิว โทคิวะ (Yonezawa Gyu Tokiwa) เป็นร้านเนื้อโยเนซาวะกิวที่เก่าแก่ที่สุดในเขตโยเนซาวะ ก่อตั้งขึ้นในปี 1894 เนื้อโยเนซาวะกิวที่เสิร์ฟที่นี่ เจ้าของร้านรุ่นที่ 5 จะเป็นผู้ไปประมูลซื้อจากตลาดโดยตรง โดยกำหนดเงื่อนไขอย่างเข้มงวดขึ้นด้วยตัวเองไม่ว่าจะเป็นจำนวนวันที่เลี้ยง (อายุของวัว) ความนุ่มของเนื้อ และระดับลายหินอ่อน เป็นต้น มีเพียงเนื้อที่ผ่านเงื่อนไขเหล่านั้นได้ถึงจะนำมาเสิร์ฟที่ร้านนี้
เมนูขึ้นป้ายยอดนิยมของร้านคือสุกี้ยากี้ ลักษณะพิเศษเฉพาะของที่ร้านคือมีการใส่มิโซะจากถั่วเหลืองที่ผลิตในประเทศลงไปในน้ำซุปด้วย รสชาติแฝงนี้ทำให้สุกี้ยากี้ของที่ร้านเข้มข้นกว่าร้านอื่น
สำหรับคนที่อยากลองชิมเนื้อ 2 ชนิดในครั้งเดียว แนะนำให้เลือก เซ็ตสุกี้ยากี้แบบเทียบรสชาติ (Sukiyaki Tabekurabe) ราคารวมภาษี 5,400 เยน ในเซ็ตประกอบด้วยเนื้อ 2 ชนิด คือ เนื้อสะโพกที่ไขมันแทรกอยู่น้อย และเนื้อสันนอกที่มีไขมันแทรกค่อนข้างมาก เสิร์ฟพร้อมกับของดอง ซุปมิโซะ และข้าว เนื้อสะโพกเคี้ยวนุ่ม ส่วนเนื้อสันนอกเพียงแค่เข้าปากก็ละลายทันทีเลยค่ะ
นอกจากนั้นยังมีเมนู โทคิวะสึเคะ (Tokiwa Tsuke) 100 กรัม ราคารวมภาษี 2,160 เยน เป็นการเอาเนื้อสะโพกหรือเนื้อสันนอกมาหมักกับกากสาเกที่มีชื่อเสียงในโยเนซาวะที่ผสมกับเต้าเจี้ยวมิโซะท้องถิ่น
กล่าวกันว่าเมื่อพระจักรพรรดิในยุคโชวะเสด็จมายังโยเนซาวะ และได้เสวยเมนูนี้ ทั้งพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ต่างก็ทรงตกตะลึงกับความอร่อยของเมนูกับแกล้มนี้มาก สัมผัสของเนื้อเหนียวนุ่ม กลิ่นหอมของสาเกเล็กน้อยกับมิโซะจะอบอวลไปทั่วทั้งปากในทุกคำที่เคี้ยว
นอกจากนั้นทางร้านยังมีบริการสาเกญี่ปุ่นที่เข้ากันดีกับโยเนซาวะกิวซึ่งพัฒนาร่วมกันกับโรงกลั่นเหล้าในจังหวัดยามากาตะเองด้วย สาเกญี่ปุ่น "โทคิวะ" ที่ตั้งชื่อเดียวกับชื่อร้าน (ขนาด 1 โกหรือ 180 มิลลิลิตร ราคารวมภาษี 864 เยน) เป็นหนึ่งขวดที่กลิ่นหอมสดชื่นและรสขมคอหลังกลืนเข้าไปจะช่วยเรียกน้ำย่อยได้อย่างดี
3. โยซังโค (Yozanko)
ร้านเนื้อโยเนซาวะกิวราคาย่อมเยาที่ฟาร์มดูแลเอง
ร้านเนื้อวัวโยเนซาวะกิว โยซังโค (Yozanko) แห่งนี้บริหารโดยโยเนซาวะ ซาโต้ ชิคุซัง (Yonezawa Satou Chikusan) ฟาร์มวัวที่มีฟาร์มของตัวเองถึง 3 แห่ง เนื้อโยเนซาวะกิวที่ใช้ที่ร้านส่วนใหญ่ถูกส่งตรงมาจากฟาร์ม จึงมั่นใจได้ในเรื่องของความสดใหม่ และยิ่งกว่านั้น การที่เราสามารถทานได้ในราคาที่ถูกกว่าราคาท้องตลาดราวครึ่งนึงคือจุดแข็งของร้านนี้ค่ะ
โดยปกติแล้ววัวโยเนซาวะจะถูกขายในตลาดเมื่อมีอายุ 32 เดือน แต่โยเนซาวะ ซาโต้ ชิคุซัง ตั้งเกณฑ์เอาไว้ที่ 33 เดือนขึ้นไปทั้งหมด จากการที่ตั้งเกณฑ์แบบนี้เขาว่าจะทำให้กลิ่นคาวซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของวัวนั้นเหลือน้อย และยังเพิ่มลายหินอ่อนคุณภาพดีให้มากขึ้นอีกด้วย
ดังนั้นเนื้อโยเนซาวะกิวที่ร้านโยซังโค จะมีลายหินอ่อนที่สวยงาม เนื้อนุ่ม และอร่อยเกินบรรยายค่ะ
เมนูยอดนิยมของร้านคือ คอร์สชาบูนาเบะ เนื้อสักนอกซี่โครงคัดพิเศษ (Shabu Nabe Course, Tokusen Rib Roosu) ขนาด 1 ที่ ราคารวมภาษี 3,700 เยน และเราจะขอแนะนำวิธีการทานดังนี้
ใส่เนื้อวัวโยเนซาวะกิวลงในหม้อน้ำซุปดาชิที่เดือด รอสักครู่ให้เนื้อสุกแต่ยังเหลือส่วนเนื้อแดงอยู่บ้างก็คีบขึ้นได้เลย จากนั้นตักผักตามฤดูกาลในหม้อ เช่น ผักกาด ต้นหอม หัวไชเท้ามาทานคู่กัน จะได้ลิ้มรสความนุ่มของเนื้อและความกรอบของผักได้ในเวลาเดียวกัน และผักจะช่วยให้ทานเนื้อวัวที่มีความมันได้คล่องคอยิ่งขึ้นด้วย
เมนูขึ้นชื่อ ข้าวหน้าเนื้อวัว (Meibutsu Ushidon) คือเมนูอาหารกลางวันเฉพาะวันธรรมดา จำกัดเพียง 20 ที่ ราคารวมภาษี 990 เยน เป็นเมนูขึ้นชื่อสมชื่อ ได้รับความนิยมมากจนขายหมดแทบจะทันที ใช้ทั้งเนื้อสเต็กส่วนหลังแสนนุ่มที่ย่างด้วยเตาถ่าน และเนื้อส่วนท้องที่ปรุงแบบชิกุเรนิ (Shigureni) โดยการนำไปตุ๋นให้ได้รสเค็มหวาน
สเต็กเนื้อมีกลิ่นหอมของถ่านและสัมผัสเนื้อที่แน่น ส่วนเนื้อท้องทั้งนุ่มและได้รสเค็มหวานกลมกล่อม เป็นหนึ่งเมนูที่ได้ทั้งกลิ่นหอมและสัมผัสหลากหลายของเนื้อกระจายไปทั่วปาก แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือราคา! ปริมาณขนาดนี้ในราคาไม่เกิน 1,000 เยนจะหาที่ไหนได้อีก!
จะทานเนื้อวัวโยเนซาวะกิวให้เต็มที่ ต้องไปให้ถึงแหล่งกำเนิดที่โยเนซาวะ จังหวัดยามากาตะกัน!
เนื้อวัวโยเนซาวะกิวได้รับความนิยมอย่างมากทั้งจากคนญี่ปุ่นและคนต่างชาติ เป็นหนึ่งเมนูที่ต้องลองชิมให้ได้สักครั้งสำหรับนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว ใครที่อยากทานโยเนซาวะกิวคุณภาพเลิศในราคาสุดคุ้ม ขอแนะนำให้ไปที่โยเนซาวะ จังหวัดยามากาตะ ต้นกำเนิดของโยเนซาวะกิวกันเลย!
สำหรับคนที่อยากรู้รายละเอียดของอร่อยและข้อมูลท่องเที่ยวในจังหวัดยามากาตะ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก "คอลัมน์พิเศษ รวมบทความจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) และนีงาตะ (Niigata)"
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
Written by Chen
Sponsored by Yamagata Prefecture
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง