Start planning your trip

ไปสัมผัสเกียวโตในอีกมุมหนึ่งที่คาบสมุทรทังโกะ (Tango Peninsula) อยู่ห่างจากตัวเมืองเกียวโตไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่นี่มีร้านท้องถิ่นที่ผลิตผ้ากิโมโนทังโกะจิริเมน โชยุและสาเกญี่ปุ่น รวมถึงโรงงานผลิตเกลือ ไปดูที่เที่ยวที่มีเฉพาะที่คาบสมุทรทังโกะกันค่ะ
จากสถานี JR เกียวโตขึ้นไปทางเหนือราว 130 กิโลเมตรเป็นสถานที่ตั้งของคาบสมุทรทังโกะ ที่นี่มีทิวเขาที่อุดมสมบูรณ์ ทะเลกว้างใหญ่ และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออย่างอิเนะ เมืองท่าเล็กๆ ของเกียวโต และอามาโนะฮาชิดาเตะซึ่งเป็นหนึ่งในสามทิวทัศน์ขึ้นชื่อของญี่ปุ่น (*1) อีกด้วย
แน่นอนว่าที่นี่มีอาหารทะเลอร่อยๆ แต่ข้าวที่ปลูกในพื้นที่ พืชผัก และสาเกญี่ปุ่นก็เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปเช่นกัน จึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเยือนตลอดทั้งปี คราวนี้เราได้เดินทางไปสัมผัส 5 สถานที่ที่กำลังท้าทายกับสิ่งใหม่ๆ ด้วยวัตถุดิบและกรรมวิธีที่ได้รับการหล่อหลอมขึ้นในบริเวณคาบสมุทรทังโกะแห่งนี้ค่ะ
*1 : สามทิวทัศน์ขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ... สถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามเป็นพิเศษของญี่ปุ่น อีกสองที่ได้แก่ มัตสึชิมะ จังหวัดมิยางิ และอิตสึคุชิมะ จังหวัดฮิโรชิม่า
Picture courtesy of Tangonian
KUSKA (คุซคา) เป็นแบรนด์แฟชั่นที่นำเอา "ทังโกะจิริเมน" ผ้าทอจากกรรมวิธีพิเศษที่สืบทอดกันมาในคาบสมุทรทังโกะตั้งแต่อดีตมาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สิ่งที่ทางแบรนด์ให้ความสำคัญมากคือทุกขั้นตอนตั้งแต่กระบวนการปั่นด้าย ย้อมสี ทอมือ ไปจนถึงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จนเสร็จสมบูรณ์เป็นสินค้าแฟชั่นนานาชนิด ล้วนมาจาก "งานฝีมือ" ของช่างที่อาศัยอยู่ในเคียวทังโกะทั้งสิ้น
คุณคุซุโนกิ ยาซุฮิโกะ ตัวแทนผู้บริหารของบริษัท KUSKA Co., Ltd. ได้พาเราเดินชมโรงงานทอผ้าเพื่อให้ทราบถึงเหตุผลที่ทางแบรนด์ให้ความสำคัญกับ "งานฝีมือ" ค่ะ
พอเข้าไปในโรงงานก็ได้ยินเสียงดังกึงๆ เป็นจังหวะ
ในการทอผ้าหนึ่งผืนต้องใช้ด้ายยืนถึง 4,000 เส้น แล้วช่างก็จะสอดกระสวยด้ายพุ่งเข้าไปทีละเส้น เทียบกับการใช้เครื่องแล้วต้องใช้ทั้งเวลาและขั้นตอนมากกว่าเยอะทีเดียว แต่การทอด้วยมือจะทอเอา "อากาศ" เข้าไปด้วย ทำให้เนื้อผ้ามีสัมผัสนุ่ม ได้ออกมาเป็นผ้าเนื้อสวย ผิวสัมผัสมีเอกลักษณ์
คุณคุซุโนกิบอกว่า "เราไม่ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าที่ทำเสร็จแล้ว แต่ออกแบบจากตัววัตถุดิบแล้วสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์และลวดลายที่มีเฉพาะที่ KUSKA เท่านั้นครับ"
Picture courtesy of KUSKA
ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของ KUSKA ได้แก่ เนกไททังโกะแจ็คการ์ด (ทังโกะบลู : ราคารวมภาษี 16,200 เยน) สีน้ำเงิน "ทังโกะบลู" แสนสวยนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากท้องทะเลอันงดงามของทังโกะค่ะ
เราสามารถหาซื้อสินค้าของทางแบรนด์ได้ที่โรงงาน ร้านค้าในเกียวโต และร้านค้าออนไลน์ ลองเข้าไปดูกันนะคะ
ถ้าติดต่อนัดหมายล่วงหน้าก็สามารถเข้าไปเยี่ยมชมในโรงงานได้ด้วยนะคะ ถ้าใครอยากเข้าชมโรงงานก็ส่งอีเมลไปที่ info@kuska.jp (รองรับภาษาอังกฤษ) ได้ค่ะ
โรงหมักสาเกโยซามุซุเมะ ชุโซ (Yosamusume Shuzou) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1887 ผลิตสาเกอยู่ที่นี่มาได้ 130 ปีแล้วค่ะ คาบสมุทรทังโกะเป็นสถานที่ที่การหมักสาเกเฟื่องฟูมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีโรงหมักสาเกในพื้นที่กว่า 10 โรง แต่ละแห่งก็หมักสาเกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันออกไป
เอกลักษณ์เฉพาะตัวของโยซามุซุเมะ ชุโซคือความพยายามในการหมักสาเกโดยใช้ข้าวท้องถิ่นที่เก็บเกี่ยวได้ในรัศมี 2 กิโลเมตรค่ะ
เราสามารถเยี่ยมชมโรงหมักสาเกได้ด้วยค่ะ ผู้ที่พาเราเข้าชมในครั้งนี้คือคุณนิชิฮาระ ชิโร่ เจ้าของโรงหมักและยังเป็นผู้รับผิดชอบในการหมักสาเกญี่ปุ่นรุ่นที่ 6 ของที่นี่ด้วยค่ะ
ที่นี่ใช้น้ำอ่อนที่ผุดขึ้นจากภูเขาโอเอะซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงหมัก และค่อยๆ หมักโมโรมิ (*2) ด้วยอุณหภูมิต่ำ การหมักด้วยอุณหภูมิต่ำช่วยสร้างรสชาตินุ่มละมุนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโยซามุซุเมะ ชุโซค่ะ
*2 : โมโรมิ ... ก้อนนิ่มในของเหลวที่หมักเพื่อทำสาเกญี่ปุ่น เป็นส่าเหล้าของสาเก
หลังจากที่ได้ชมสถานที่แล้วก็มาเลือกหาสาเกญี่ปุ่นไปเป็นของฝากกันค่ะ
สาเกจุนไม (Komodaru-iri Tokubetsu Junmaishu) ในถังไม้ห่อฟาง (ราคารวมภาษี 2,000 เยน) ขนาดเล็กน่ารักเหมาะกับการซื้อเป็นของฝากค่ะ บรรจุภัณฑ์ได้แรงบันดาลใจจากถังสาเกที่ใช้ในงานอวยพร ตรงกลางมีภาพกบน้อยน่ารักซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโยซามุซุเมะ ชุโซอยู่ด้วย
นอกจากนี้ยังมีสาเกญี่ปุ่นที่มีฉลากลายสวยๆ น่ารัก แล้วก็สาเกรุ่นพิเศษที่ขายเฉพาะที่โรงหมักด้วยค่ะ
การหมักสาเกจะทำกันในช่วงที่มีอากาศหนาว ถ้าใครอยากไปเยี่ยมชมโรงหมักก็ขอแนะนำให้ไปในช่วงฤดูหนาว ทางโรงหมักจะมีบางช่วงเวลาที่ค่อนข้างยุ่ง ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนที่จะเข้าชมนะคะ
ส่งอีเมลนัดหมายได้ที่ yosamusume@kyt-net.jp (รองรับภาษาอังกฤษ)
คุณโอโนะ จินอิจิ ตัวแทนผู้บริหารโอโนะจิน
โอโนะจิน (Onojin) ก่อตั้งขึ้นในปี 1912 ที่นี่ผลิตของที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหารของชาวญี่ปุ่นอันได้แก่มิโซะและโชยุด้วยกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมค่ะ
ทางร้านพยายามใช้วัตถุดิบท้องถิ่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และยึดหลักการที่ว่าจะผลิตสินค้าที่น่าไว้วางใจ สามารถเห็นหน้าของผู้ผลิตได้ตั้งแต่ขั้นวัตถุดิบจนเสร็จเป็นผลิตภัณฑ์ โชยุของโอโนะจินมีการส่งออกไปยังสเปนและโรงแรมชื่อดังหลายแห่งในตัวเมืองเกียวโต
ถ้ามาถึงโรงงานผลิตโชยุ แน่นอนว่าต้องมีโชยุให้ลองชิมด้วย นอกจากนี้ยังมีเอกสารภาษาอังกฤษอธิบายเกี่ยวกับวัตถุดิบและวิธีการผลิต ลูกค้าที่มาจากต่างประเทศก็สามารถเที่ยวได้อย่างสนุกค่ะ
เราได้ชิมโชยุ 4 ประเภท โชยุแต่ละประเภทจะมีรสชาติแตกต่างกันขึ้นอยู่กับเวลาในการหมักบ่มและวัตถุดิบที่ใช้ โชยุแต่ละชนิดก็จะเหมาะกับอาหารคนละประเภท เช่นโชยุสำหรับปลาดิบซาชิมิหรือของต้มโดยเฉพาะ
Picture courtesy of Onojin
ผลิตภัณฑ์หลักของที่นี่คือโชยุจินซาเอมอน (Jinzaemon ราคารวมภาษี 1,296 เยน) ซึ่งผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมและหมักบ่มอยู่ในถังไม้ซีดาร์นานถึง 3 ปี วัตถุดิบที่ใช้ได้แก่ถั่วเหลืองที่ปลูกในท้องถิ่น แป้งและเกลือที่ผลิตในญี่ปุ่น จุดเด่นคือรสชาติที่นุ่มละมุนค่ะ
ถ้าใครอยากมาลองชิมโชยุก็ขอให้นัดหมายล่วงหน้า 1 สัปดาห์ สามารถส่งอีเมลไปได้ที่ info@onojin.com (รองรับภาษาอังกฤษ)
uRashiMa (อุราชิมะ) เป็นร้านพิซซ่าและบาร์ที่เสิร์ฟอาหารสไตล์นาโปลีโดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นค่ะ ร้านนี้เป็นการนำบ้านเดิมของคุณฟุจิวาระ ฮิเดโอะผู้แสดงฝีมืออยู่ในครัวมาปรับปรุงใหม่
คุณฟุจิวาระได้รับรางวัลที่ 2 จากเทศกาลพิซซ่านาโปลีซึ่งจัดขึ้นที่เมืองนาโปลีในปี 2012 และเคยทำงานอบพิซซ่าอยู่ที่ร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังในโกเบเป็นเวลาหลายปี เมื่อกลับมาที่ทังโกะก็ได้รู้จักกับคนในพื้นที่และชาวประมง จึงเริ่มรู้สึกว่าอยากทำให้อาหารของทังโกะเป็นที่รู้จัก เลยเปิดร้านนี้ขึ้นมา
อาหารแนะนำคือพิซซ่าโอมากาเสะที่คุณฟุจิวาระทำขึ้นโดยใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล แถมยังคลี่แป้งแล้วอบให้เห็นตรงหน้าเลย เป็นโชว์เรียกน้ำย่อยที่ชวนน้ำลายสอมากค่ะ (*ราคาแตกต่างกันตามวัตถุดิบที่ใช้)
น้ำทะเลในบริเวณหาดโคโตบิกิฮามะของในคาบสมุทรทังโกะนั้นขึ้นชื่อว่าใสสะอาดและมีสิ่งเจือปนน้อย ที่โรงงานผลิตเกลือโคโตบิกิผลิตเกลือด้วยการนำน้ำทะเลจากบริเวณใกล้เคียงหาดโคโตบิกิฮามะมาระเหยค่ะ
จุดที่ทางโรงงานให้ความสำคัญคือการใช้กรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม ใช้หม้อที่มีอยู่ 4 ใบในโรงงานระเหยน้ำออกด้วยการก่อไฟจากฟืน
"คุณปู่เกลือ" เกษตรกรนาเกลือผู้ผลิตเกลืออย่างทุ่มเทมายาวนาน เกลือโคโตบิกิที่ผลิตจากน้ำทะเล 100% จึงมีรสชาตินุ่มลิ้นและเต็มไปด้วยแร่ธาตุค่ะ
สินค้าแนะนำได้แก่น้ำไซเดอร์เกลือโคโตบิกิ (Kotobiki no Shio Cider) ราคารวมภาษี 200 เยน (*ราคาพิเศษเฉพาะที่โรงงาน) รสชาติสดชื่นของเกลือจะช่วยขับความหวานของน้ำไซเดอร์ออกมา ถ้านัดหมายล่วงหน้า 3 วันก็จะสามารถลองทำเกลือด้วยตัวเองได้ด้วย ลองมาทำกันให้ได้นะคะ ส่วนโรงงานจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะบางช่วงเวลาค่ะ
ส่งอีเมลนัดหมายไปได้ที่ info@tango-kaiyu.com (ไม่รองรับภาษาอังกฤษ)
Picture courtesy of Tangonian
การท่องเที่ยวครั้งนี้มีผู้นำเที่ยวคือคุณนากาเสะ เคจิ ไกด์ท้องถิ่นที่เกิดในเคียวทังโกะ คุณนากาเสะเป็นผู้บริหารของ Tangonian ซึ่งให้บริการนำเที่ยวในเขตทังโกะโดยสามารถปรับเปลี่ยนโปรแกรมการเที่ยวให้ตรงกับความสนใจของแต่ละคนได้
ไกด์จะบอกเล่าเสน่ห์มากมายของคาบสมุทรทังโกะเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกหรือคนที่อยากรู้เรื่องของทังโกะให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นก็ลองมาใช้บริการกันได้นะคะ บริการนี้ช่วยให้เราสามารถเยี่ยมชมสถานที่ที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้แบบง่ายๆ ค่ะ สำหรับค่าบริการและสถานที่ที่สามารถพาไปได้ ลองสอบถามไปที่อีเมล tangonian.k@gmail.com (รองรับภาษาอังกฤษ) ดูค่ะ
คาบสมุทรทังโกะมีพื้นที่ประมาณ 845 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่เมืองมิยาสึ เมืองเคียวทังโกะ เขตอิเนะ และเขตโยซาโนะ ถ้าออกเดินทางจากโอซาก้า ควรไปลงที่สถานี Kyotango Shiyakushomae ถ้าออกเดินทางจากเกียวโตควรไปลงที่สถานี Amanohashidate (เมืองมิยาสึ)
วิธีการเดินทางจากโอซาก้าไปยังเขตทังโกะอย่างสะดวกสบาย แนะนำให้ใช้รถบัสของบริษัท Tanko Kairiku Koutsu ค่ะ ตารางด้านล่างแสดงเวลาที่ใช้และค่าโดยสารในการเดินทางไปจนถึงป้าย Kyotango Shiyakushomae ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานโชยุโอโนะจิน
จุดขึ้นรถ | เวลาที่ใช้ | ค่าโดยสารเที่ยวเดียว |
ท่ารถบัสฮันคิวอุเมดะ (Hankyu Umeda Bus Terminal) | 3 ชั่วโมง 20 นาที | 3,100 เยน |
อาคารชินโอซาก้าฮันคิว (Shin Osaka Hankyu Building) | 3 ชั่วโมง 11 นาที | 3,100 เยน |
สนามบินโอซาก้า (อิตามิ) | 2 ชั่วโมง 59 นาที | 2,900 เยน |
ที่นั่งทั้งหมดเป็นแบบระบุที่นั่ง ต้องจองล่วงหน้าก่อนขึ้นรถนะคะ จองที่นั่งได้ที่เว็บไซต์ทางการ โดยสามารถจองล่วงหน้าได้ 1 เดือนค่ะ
จากสถานี JR เกียวโต ให้ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษไปยังสถานี Amanohashidate สาย Kyoto Tango Railway หากขึ้น Hashidate Limited Express ก็จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 3 นาที ค่าโดยสารแบบไม่ระบุที่นั่ง 3,800 เยน
ในเขตคาบสมุทรทังโกะมีรถบัสประจำทางของบริษัท Tanko Kairiku Kotsu ให้บริการ เราสามารถเดินทางไปตามจุดหมายปลายทางได้ด้วยรถบัสค่ะ
แต่เวลาการเดินรถและจำนวนรถก็ไม่เยอะเท่าไหร่ บางครั้งก็ต้องเดินจากป้ายรถบัสไปยังจุดหมายอีก เราจึงขอแนะนำให้เช่ารถเพื่อการเดินทางที่ราบรื่น ใกล้กับสถานี Amanohashidate และสถานี Mineyama มีร้านเช่ารถ Nippon Rental Car อยู่ ไปจองรถล่วงหน้ากันได้ที่เว็บไซต์ทางการค่ะ
Picture courtesy of Tangonian
คาบสมุทรทังโกะมีทิวเขาและทะเลสวยงาม มีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่คนท้องถิ่นช่วยกันหล่อหลอมขึ้นมา การได้พบกับ "ผู้คน" ที่กำลังสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จากธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ น่าจะเป็นเสน่ห์ที่น่าดึงดูดที่สุดในการมาท่องเที่ยวที่คาบสมุทรทังโกะค่ะ
ที่นี่ไม่ได้มีแค่อาหารหรือสาเกญี่ปุ่นอร่อยๆ เชื่อว่าถ้าทุกคนได้มาสัมผัสความทุ่มเทและสำนึกรักบ้านเกิดของคนที่นี่ล่ะก็จะต้องรู้สึกชื่นชอบสถานที่แห่งนี้แน่นอน ลองมาเที่ยวกันให้ได้นะคะ!
In cooperation with Tangonian
บทความโดย
Kyoto / Kameoka 「遠くて近い」を探りながら、肌で感じる面白さを綴っていきたいです。