ทริปฤดูหนาว 2 วัน 1 คืนในไอซุวาคามัตสึ ฟุกุชิมะ (Aizu Wakamatsu, Fukushima) ไปพักผ่อนชมวิวสวยๆ กัน
ไอซุวาคามัตสึ เมืองรอบปราสาทในจังหวัดฟุกุชิมะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ มีทั้ง โออุจิจูกุ เมืองเก่ายุคเอโดะ ปราสาทสึรุกะแสนสวย แมวนายสถานีแสนน่ารัก และอาคารบ้านเรือนสมัยเมจิ ไทโช โชวะในบริเวณถนนนาโนคะมาจิ โดยเฉพาะวิวในฤดูหนาวยิ่งไม่ควรพลาด
ไปเที่ยวชมสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์และชิมอาหารขึ้นชื่อที่ไอซุวาคามัตสึกัน!
ไอซุวากามัตสึ (Aizu Wakamatsu) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) มีวิวของรถไฟที่วิ่งฝ่าหิมะที่โด่งดัง ในอดีตสมัยเอโดะเป็นจุดสำคัญในการเชื่อมต่อด้านคมนาคมกับทางภูมิภาคโทโฮคุ แม้ในปัจจุบันก็ยังหลงเหลือที่เที่ยวที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองในสมัยนั้นอย่างโออุจิจูกุ (Ouchijuku)
ครั้งนี้เราจะพาไปเที่ยวชมดูสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม ชิมอาหารขึ้นชื่อในทริปฤดูหนาว 2 วัน 1 คืนที่ไอซุวาคามัตสึกัน!
วันที่ 1 : ไปเที่ยวเมืองรอบปราสาทไอซุวาคามัตสึและอาชิโนะมากิออนเซ็น
จากโตเกียวหรือเซ็นได (Sendai) ไปยังไอซุวาคามัตสึ เดินทางโดยรถชินคันเซ็นและรถไฟ JR จะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง อาจจะรู้สึกว่าไกลสักหน่อย แต่ด้วยระยะทางที่ไกลออกไปนี้ทำให้ไอซุวาคามัตสึยังคงรักษาสภาพบ้านเมืองแบบเก่าเอาไว้ได้แม้ในปัจจุบัน
วันที่ 1 เริ่มจากไปเดินเล่นที่เมืองรอบปราสาทกันก่อน การไปที่เมืองรอบๆ ปราสาทสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีนาโนคะมาจิ (Nanokamachi) ของรถไฟไอซุ สามารถเดินทางจากสถานีรถไฟ JR ไอซุวาคามัตสึโดยใช้รถบัสได้เช่นกัน
เดินเล่นในย่านเมืองรอบปราสาทที่เป็นแหล่งชุมนุมของสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์
ถนนนาโนคะมาจิและถนนโนะกุจิฮิเดโยะเซชุน (Noguchi hideyo seishun) เดิมเป็นบริเวณที่เป็นเมืองรอบปราสาท ในปัจจุบันยังมีสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ของสมัยเมจิ สมัยไทโช และ สมัยโชวะ เมื่อ 50-100 ปีก่อนเรียงรายอยู่ สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมืองนี้
อาคารของโรงผลิตสาเก ซุเอฮิโระ ชุโซ โนะ คาเอคุระ (Suehiro Shuzo no Kaeikura) คือหนึ่งในนั้น ที่นี่เป็นโรงผลิตสาเกที่มีชื่อเสียงของไอซุวาคามัตสึ ถ้าอยากหาซื้อสาเกรสเยี่ยมต้องมาที่นี่เลย แถมยังสามารถเข้าชมโรงผลิตและทดลองชิมสาเกได้ด้วย
ร้านคาเฟ่ด้านในมีเค้กและของหวานที่ใช้สาเกมาผสมด้วย กลิ่นสาเกหอมอ่อนๆ ไม่ฉุน คนที่ดื่มเหล้าไม่ค่อยได้ก็สามารถสัมผัสความอร่อยของเหล้าสาเกญี่ปุ่นได้
เว็บไซต์ทางการ : https://www.sake-suehiro.jp/kurakoubou/access.html
เมื่อเดินมาถึง ร้านเครื่องเขินชิโรกิยะ (Shirokiya Lacquerware) ก็รู้สึกถึงเอกลักษณ์แบบไทโชโรมัน (ญี่ปุ่นผสมตะวันตก) ได้เป็นอย่างดี ตัวอาคารด้านนอกสไตล์ตะวันตกสีขาวอมเทา แต่ภายในกลับเป็นอาคารโกดังแบบญี่ปุ่น
เครื่องเขินที่ช่างฝีมือลงสีตวัดทีละเส้นๆ ทั้งละเอียดประณีตและเงางามส่องประกาย จนสินค้าที่ผลิตสำเร็จรูปแบบปริมาณเยอะๆ ไม่สามารถเทียบได้เลย
เว็บไซต์ทางการ : https://www.shirokiyashikkiten.com/
นากาโตะยะ สาขานาโนคะมาจิ เป็น 1 ในสาขาของร้านขนมเก่าแก่ นากาโตะยะ (Nagatoya) ด้วยแนวคิดที่พยายามจะผสมผสานความเก่าใหม่เข้าไว้ด้วยกันสะท้อนได้จากตัวอาคารที่มีการปรับปรุงใหม่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และขนมญี่ปุ่นที่วางขายอยู่ภายในร้าน
ขนมโยคัง แฟนตาเซีย ฟลาย มี ทู เดอะ มูน (Fly Me to The Moon Yokan Fantasia) ขนมวุ้นที่ยิ่งตัด ภาพหน้าตัดก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และ ขนมคากุโนะคิโนะมิ (Kagunokinomi) ที่ทำมาจากโอนิกุรุมิ ถั่ววอลนัทญี่ปุ่นที่หายากซึ่งผลิตในไอซุ หน้าตาน่าซื้อทั้งสองอย่างเลย
เว็บไซต์ทางการ : https://shop.nagatoya.net/
ถ้าเริ่มหิวแล้วลองมาที่ เรียวกังและร้านอาหาร ทาโกโตะ (Cuisine inn Tagoto) จะได้ทานอาหารท้องถิ่นของไอซุวาคามัตสึอย่าง เม็ปปะเมชิ (Meppameshi) ข้าวที่นึ่งด้วยอุณหภูมิสูง รสชาติของวัตถุดิบอื่นที่ซึมผสมผสานเข้าไปอย่างดี ทานแค่คำเดียวก็จะรู้สึกได้ถึงความอร่อยที่แผ่ซ่านไปทั่วปาก
จากเม็ปปะเมชิยอดนิยม 3 เมนู ผู้เขียนอยากแนะนำ ซันไซเซโระ เม็ปปะเมชิ (Sansai Seiro Meppameshi) ที่มีผักป่าค่ะ
ชุดเมนูอาหารกลางวันมีปริมาณค่อนข้างมาก สำหรับคนที่ทานไม่หมดทางร้านจะห่อเป็นข้าวปั้นให้นำกลับบ้านได้
เว็บไซต์ทางการ : http://tagoto-aizu.com/
สถานที่ที่นักจุลชีววิทยาชื่อดังของญี่ปุ่น คุณโนะกุจิ ฮิเดโยะ (Noguchi Hideyo) เคยเข้ารับการผ่าตัดคืออาคารเก่าในสมัยเมจิที่มีชื่อว่า โรงพยาบาลไคโย (Kaiyo) อาคารหลังนี้ได้ถูกปรับปรุงใหม่เป็นคาเฟ่ที่มีชื่อว่า ไอซุอิจิบังคัง (Aizu Ichiban Kan)
เมนูที่อยากให้ลองที่คาเฟ่แห่งนี้ คือ กาแฟน้ำผึ้งไอซุ (Aizu Hachimitsu Coffee) เป็นกาแฟที่ทางร้านคั่วเอง มาพร้อมกับน้ำผึ้งที่ผลิตในไอซุบรรจุในขวดขนาดเล็ก สามารถใส่น้ำผึ้งได้เองตามชอบ น้ำผึ้งที่เหลือสามารถนำกลับบ้านได้
เว็บไซต์ทางการ : http://www.uyou.gr.jp/aizu-ichibankan/index.html
ในถนนสายนี้ยังมีสิ่งก่อสร้างโบราณอีกมากมาย สิ่งก่อสร้างสวยๆ แต่ละหลังมีเรื่องเล่าของตัวเองทำให้ดูไม่รู้เบื่อ
จากสถานีนิชิวาคามัตสึ (Nishi Wakamatsu) ไปสถานีอาชิโนะมากิออนเซ็น (Ashinomaki Onsen)
หลังจากเดินมาครึ่งวันจนเหนื่อย คราวนี้ก็ถึงเวลาไปลงออนเซ็นกันแล้ว! จากสถานีนิชิวาคามัตสึนั่งรถไฟไอซุไปประมาณ 15 นาทีก็จะถึงสถานีอาชิโนะมากิออนเซ็น
ก่อนขึ้นรถแวะซื้อ ตั๋วรถไฟพร้อมส่วนลดบริเวณโออุจิจูกุ (Ouchijuku Kyotsu Waribiki Kippu) ที่เคาน์เตอร์สถานีนิชิวาคามัตสึกันก่อน ไม่เพียงสามารถขึ้นรถไฟไอซุในช่วงระยะทางที่กำหนดได้แล้ว ยังมีบัตร Free Pass ขึ้นรถบัสเรโทรที่วิ่งในบริเวณโออุจิจูกุสายซารุยู (Saruyu) ได้ฟรี 1 วันแถมมาด้วย เป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้ในการท่องเที่ยวครั้งนี้!
ตั๋วมีทั้งแบบเที่ยวเดียวและแบบไป-กลับ ครั้งนี้ผู้เขียนซื้อตั๋วแบบไป-กลับ
ตั๋วรถไฟส่วนลดบริเวณโออุจิจูกุ |
รายละเอียดของตั๋ว : ตั๋วโดยสารรถไฟไอซุเที่ยวเดียว / ไป-กลับ + บัตร Free Pass ขึ้นรถบัสซารุยูโก 1 วัน
1. เที่ยวเดียว สถานีนิชิวาคามัตสึ→สถานีไอซุทะจิมะ (Aizu Tajima) (ลงระหว่างทางได้ แต่ย้อนกลับไม่ได้)
2. ไป - กลับ สถานีนิชิวาคามัตสึ⇌สถานียุโนะคามิออนเซ็น (Yunokami Onsen) / สถานียุโนะคามิออนเซ็น⇌สถานีนิชิวาคามัตสึ (สามารถไป - กลับได้ 1 ครั้ง)
ระยะเวลาที่สามารถใช้งานได้ : ตั๋วรถไฟไอซุสามารถใช้ได้ 2 วัน (ใช้ได้เที่ยวเดียวหรือไป - กลับได้ 1 ครั้ง) ส่วนตั๋วรถบัสใช้ได้แค่ 1 วัน
ค่าโดยสาร : ทั้งเที่ยวเดียวและไป - กลับ ผู้ใหญ่ 2,200 เยน เด็ก 1,100 เยน
รายละเอียดกรุณาตรวจสอบได้จากเว็ปไซต์ทางการ
โอคาวะโซ (Okawaso) เรียวกังที่อาชิโนะมากิออนเซ็น
พอก้าวเท้าเข้าไปใน โอคาวะโซ (Okawaso) จะได้ยินเสียงน้ำไหลพร้อมกับเสียงบรรเลงซามิเซ็นรอต้อนรับ ทำให้รู้สึกเหมือนกับหลุดเข้าไปอยู่ในแดนสวรรค์ดอกท้อเลยทีเดียว ที่นี่สามารถให้บริการด้วยภาษาอังกฤษได้ นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้บริการได้อย่างสบายใจ
Picture courtesy of Okawaso
ที่โอคาวะโซมีบ่อออนเซ็นกลางแจ้งสุดวิเศษ บ่อใหญ่กลางแจ้งถูกสร้างเป็นขั้นบันได ทำให้สามารถชมวิวในระดับความสูงและมุมต่างๆ ได้
ในตอนกลางคืน มี บ่อออนเซ็นลางแจ้งลอยฟ้า เปิดให้บริการแก่ลูกค้าแค่วันละ 4 กลุ่มเท่านั้น ที่ว่าลอยฟ้าคือตัวบ่อจะตั้งยื่นอยู่บนผาเหมือนลอยอยู่บนฟ้า มีวิวสี่ฤดูผลัดเปลี่ยนให้ชมตลอดปี (ค่าเช่าใช้บริการในช่วงกลางคืน 3,300 เยน สำหรับรายละเอียดของกิจกรรมนี้ดูได้ที่เว็ปไซต์ทางการภาษาญี่ปุ่น)
หลังจากแช่ออนเซ็น ทานอาหารเย็นรสเลิศแล้ว ถ้ายังพอมีเวลาเหลือลองไปชมโชว์ตำโมจิของโอคาวะโซกันค่ะ
ที่โชว์ตำโมจิจะได้ทานโมจิที่ทำเสร็จใหม่ๆ ด้วย นอกจากนี้ลองไปดูร้านของฝากภายในเรียวกังดูก็ดีนะคะ หรือว่าจะตรงเข้านอนเลยแล้วตอนเช้ากลับมาแช่ออนเซ็นอีกรอบให้สดชื่น
จากสถานีอาชิโนะมากิออนเซ็นจนถึงโอคาวะโซมีรถชัตเทิลบัสรับส่งฟรีแต่ต้องจองก่อนล่วงหน้า
วันที่ 2 : ไปเจอแมวนายสถานี ชมโออุจิจูกุและปราสาทไอซุวาคามัตสึกัน
หลังจากทานอาหารเช้าที่โอคาวะโซแล้วก็ขึ้นรถบัสไปสถานีอาชิโนะมากิออนเซ็นกัน ที่นี่เราจะได้พบกับ "นายสถานี" ที่น่ารักที่สุดของบริษัทรถไฟไอซุ
แมวนายสถานีของสถานีอาชิโนะมากิออนเซ็น
ในปี 1999 จากคำขอร้องของนักเรียนประถมในท้องถิ่น ทำให้แมวจรจัด 1 ตัวได้เริ่มมาอาศัยที่สถานีอาชิโนะมากิออนเซ็น และเป็นที่มาของแมวนายสถานีรุ่นแรกของสถานีอาชิโนะมากิออนเซ็นที่มีชื่อว่า "บัส"
แม้ว่าบัสที่ได้ขึ้นเป็นนายสถานีรุ่นแรกในปี 2008 จะจากไปดาวแมวแล้ว แต่ปัจจุบันก็มี "เลิฟ" นายสถานีเกียรติยศรุ่นที่ 2 และ "พีช" หัวหน้าสถานีมารับหน้าที่แทน
เลิฟ นายสถานีเกียรติยศรุ่นที่ 2 (ตอนที่ไปเก็บข้อมูลได้รับอนุญาตในการถ่ายภาพเป็นกรณีพิเศษแล้ว)
แมวทั้งสองตัวผลัดกันเข้าเวร ทั้งเดินตรวจรอบสถานีและรับ - ส่งขบวนรถไฟ
ในช่วงฤดูหนาวถ้าได้ดื่มกาแฟร้อนๆ ในห้องรอรถ โดยมีแมวนายสถานีคอยเฝ้าคุ้มครอง อาจทำให้รู้สึกมีความสุขจนทำให้ไม่อยากขึ้นรถไฟไปเลยทีเดียว
บัส นายสถานีรุ่นแรกสูญเสียการมองเห็นเนื่องจากตาโดนแสงแฟลชมากเกินไป ทำให้ทางสถานีอาชิโนะมากิออนเซ็นออกกฎห้ามถ่ายภาพแมว
แต่ไม่เป็นไร! ที่ห้องรอรถมีภาพถ่ายและภาพวาดของแมวนายสถานีทั้ง 3 ตัวประดับอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถซื้อสินค้าอย่างปฏิทินหรือโปสการ์ดกลับไปชื่นชมความน่ารักของแมวนายสถานีได้ตลอดเวลา
จากสถานีถัดไปคือ สถานียุโนะคามิออนเซ็น ลองใช้ตั๋ว "ตั๋วรถไฟพร้อมส่วนลดบริเวณโออุจิจูกุ" ที่ซื้อในวันแรกกัน!
จากสถานียุโนะคามิออนเซ็นไปเที่ยวโออุจิจูกุกัน
ระหว่างเดินทางไปโออุจิจูกุ หนึ่งในสถานที่ที่ต้องแวะให้ได้คือ สถานียุโนะคามิออนเซ็น (Yunokami Onsen) อาคารสถานีไม้หลังคามุงฟางดูเหมือนบ้านโบราณ พอเข้าไปในสถานีจะได้กลิ่นฟืนที่ถูกเผา
ฟืนนอกจากจะช่วยทำให้คนเดินทางอบอุ่นขึ้น ยังช่วยรมควันหลังคา ป้องกันการขยายพันธุ์ของแมลง ข้างๆ สถานีมีบ่อน้ำร้อนสำหรับแช่เท้าที่ใช้บริการได้ฟรี สถานีรถไฟที่สามารถแช่เท้าในระหว่างที่ชมวิวหิมะได้แบบนี้แทบจะไม่มีอีกแล้วนะ!
ในอดีตเวลาที่ไปโออุจิจูกุในช่วงฤดูหนาวจะต้องไปด้วยรถยนต์ของตัวเองหรือนั่งแท็กซี่จากสถานียุโนะคามิออนเซ็นเท่านั้น
แต่ในปี 2019 มีรถชัตเทิลบัสสาย "ซารุยู" เปิดให้บริการวิ่งในช่วงฤดูหนาวด้วย ตั๋วรถไฟส่วนลดบริเวณโออุจิจูกุก็ใช้ขึ้นรถบัสนี้ได้
ไปเดินเล่นที่โออุจิจูกุ
Picture courtesy of General Policy Officer, General Affair Section, Shimogo City
โออุจิจูกุ เป็นชุมชนบ้านหลังคามุงฟางที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น บนสองฝั่งถนนเรียงรายไปด้วยบ้านแบบญี่ปุ่นที่สวยงาม
ในช่วงฤดูหนาวพอมีหิมะตกหนัก หลังคาและทางเดินจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวตัดกับตัวบ้านไม้สีน้ำตาลเข้ม ดูสวยเหมือนเดินอยู่ท่ามกลางบ้านเรือนในนิยายปรัมปรา ต่อให้หนาวแค่ไหนแต่ถ้ามีวิวสวยๆ แบบนี้ก็คุ้มค่าที่จะไปแน่นอนค่ะ
ในอดีตที่นี่เป็นเมืองพักแรมของเส้นทางที่เชื่อมระหว่างภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) กับเอโดะ (ชื่อของโตเกียวในอดีต) แม้ว่าในปัจจุบันจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่ในบ้านก็ยังมีผู้คนที่พยายามรักษาบ้านและประวัติศาสตร์ของพื้นที่ในแถบนี้เอาไว้อาศัยอยู่
ด้านหน้าคือเนกิโซบะเย็น ด้านหลังคือเนกิโซบะร้อน
ลองไปทานอาหารขึ้นชื่อของโออุจิจูกุอย่างเนกิโซบะ (Negisoba) ที่ร้าน โยโรซุยะ (Yorozuya) กันค่ะ ดูจากรูปจะเห็นว่ามีแค่ต้นหอมมาให้หนึ่งต้น แล้วไหนล่ะตะเกียบ ต้นหอมนี่แหละที่เราจะใช้ทานโซบะกัน ตักเส้นทานแล้วก็กัดต้นหอมตามไปด้วยหนึ่งคำ ได้ทั้งรสอร่อยของซุปดาชิหอมๆ และความเผ็ดของต้นหอมในคำเดียว
ถ้าทานต้นหอมไม่หมดก็ไม่เป็นไรนะคะ ส่วนใครที่รู้สึกว่าทานไม่สะดวกทางร้านก็มีตะเกียบให้ค่ะ
สิ่งที่ประทับใจในวันที่ไปคือคุณยายที่นั่งบรรจงปิ้งปลาน้ำจืดหน้าเตาอิโรริ แล้วยังพูดเป็นภาษาท้องถิ่นของไอซุบอกพวกเราว่า "ทานเยอะๆ นะ ทำให้ร่างกายอบอุ่นเข้าไว้นะ" ทำให้รู้สึกอบอุ่นทั้งกายและใจขึ้นมาเลย
หลังจากทานเนกิโซบะเสร็จแล้วก็กลับไปขึ้นรถบัสสายซารุยู ใช้ตั๋วรถไฟพร้อมส่วนลดบริเวณโออุจิจูกุ กลับไปที่สถานียุโนะคามิออนเซ็น จากนั้นจึงขึ้นรถไฟไอซุไปที่สถานีนิชิวาคามัตสึกัน
ต่อไปจะไปชมปราสาทสึรุกะ สัญลักษณ์ของไอซุวาคามัตสึกัน
ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle) ความงดงามของไอซุ
Picture courtesy of Gokujo-no Aizu Project Council
บางครั้งอาจได้เห็นคนเรียกปราสาทแห่งนี้ว่า "ปราสาทไอซุวาคามัตสึ (Aizu-wakamatsu Castle)" แต่คนในท้องถิ่นจะเรียกกันว่า "ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle)" แต่เดิมเป็นปราสาทที่มีป้อมหลัก 7 ชั้น แต่เนื่องจากเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ ปัจจุบันจึงเหลือเพียง 5 ชั้น
ถึงจะเป็นอย่างนั้นปราสาทแห่งนี้ก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ในปราสาทที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นตะวันออก และยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งใน 100 ปราสาทขึ้นชื่อของญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยกระเบื้องหลังคาปราสาทสีแดงเพียงแห่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่น นี่เป็นหนึ่งในปราสาทในดวงใจสำหรับโอตาคุปราสาทและประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นอย่างผู้เขียนเลย
Picture courtesy of Gokujo-no Aizu Project Council
การผสมผสานระหว่างกระเบื้องแดงกับกำแพงสีขาวทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องมีการประดับตกแต่งอย่างอื่นอีก สีแดงของกระเบื้องที่โผล่พ้นหิมะสีขาวในช่วงฤดูหนาวดูสวยงามราวกับภาพที่เทพเจ้าตวัดวาด
นี่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจของชาวไอซุที่ไม่ว่าต้องต่อสู้กับสภาพแวดล้อมที่ลำบากเพียงใดก็ยังคงมีความเด็ดเดี่ยว
อีเวนท์พิเศษในช่วงฤดูหนาวปี 2020
Picture courtesy of Gokujo-no Aizu Project Council
ในช่วงฤดูหนาวที่ทั้งโลกหลายเป็นสีขาวจะมีการจัดงานเทศกาลหิมะที่ปราสาทสึรุกะและโออุจิจูกุ ในเทศกาลหิมะยามค่ำคืนที่ปราสาทสึรุกะและโออุจิจูกุจะสว่างไสวไปด้วยโคมไฟจำนวนนับไม่ถ้วนที่เรียกว่า ไอซุเอะโรโซคุ (Aizue Rosoku)
Picture courtesy of Aizu-Wakamatsu Tourism Bureau
ในปี 2020 มีแผนจัดงาน Sky Lantern ปล่อยโคมลอยให้ปราสาทและโออุจิจูกุที่เหน็บหนาวได้อบอุ่นด้วยแสงโคมแสนสวย
เทศกาลหิมะในตอนกลางคืนช่วงฤดูหนาวเป็นอีเวนท์ที่แสนงดงามที่ใน 1 ปีจะมีเพียงครั้งเดียว ไม่ควรพลาดจริงๆ
กำหนดการ | สถานที่ | กำหนดการ Sky Lantern | |
เทศกาลไอซุเอะโรโซคุ (Aizue Rosoku Matsuri) |
วันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ 2020 17:30-21:00 |
ปราสาทสึรุกะ สวนสมุนไพรโอยาคุเอ็น สถานที่ต่างๆ ในเมือง | วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2020 |
เทศกาลหิมะโออุจิจูกุ (Ouchijuku Yuki Matsuri) |
วันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2020 (8 กุมภาพันธ์ 13:00-18:00) (9 กุมภาพันธ์ 10:00-14:00) |
โออุจิจูกุ | 8 กุมภาพันธ์ 2020 |
Written by chia
Supported by Aizu Tetsudo
Main image courtesy of Gokujo-no Aizu Project Council
บัญชีส่งเสริมการขายของ MATCHA สำหรับการโฆษณาองค์กรและรัฐบาลท้องถิ่น เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเราอย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง