Start planning your trip
ทิวทัศน์งดงาม อาหารอร่อย พระพุทธรูปหินสวยสง่า! 10 ที่เที่ยวแนะนำทางตอนใต้จังหวัดโออิตะ
จังหวัดโออิตะที่มีแหล่งออนเซ็นขึ้นชื่ออย่างเบ็ปปุและยุฟุอิน ส่วนเมืองอุซุกิ, ไซกิ, สึคุมิและบุงโกะโอโนะทางตอนใต้ของจังหวัดก็มีจุดชมวิวสวย จีโอพาร์ก บ้านเมืองที่มีกลิ่นอายประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ มาดูที่เที่ยวแนะนำและร้านเด็ดน่าไปลองกันค่ะ
เสน่ห์ของโออิตะที่ยังไม่มีใครรู้
จังหวัดโออิตะ (Oita) ได้รับการเรียกขานว่าเป็นจังหวัดแห่งออนเซ็น เพราะมีแหล่งออนเซ็นชื่อดังอย่างเบ็ปปุและยุฟุอิน
แต่ครั้งนี้เราจะพาไปสัมผัสเสน่ห์ทางตอนใต้ของโออิตะที่มีทิวทัศน์แสนงดงามที่ถักทอด้วยทะเลและภูเขา มรดกโลก และอาหารอร่อย ที่เมือง อุซุกิ, ไซกิ, สึคุมิและบุงโกะโอโนะค่ะ
เมืองอุซุกิ ย้อนเวลาหาอดีต
เมืองอุซุกิ (Usuki) เคยเป็นเมืองท่าระหว่างประเทศที่พ่อค้าชาวโปรตุเกสและชาวจีนเดินทางไปมาในช่วงศตวรรษที่ 16 สภาพอาคารบ้านเรือนหลายแห่งทำให้เราสัมผัสได้ถึงร่องรอยของยุคสมัย ไม่ว่าจะเลี้ยวไปมุมไหนก็มีสิ่งใหม่ๆ รอให้พบเจอเสมอ
ขอแนะนำไฮไลท์ที่น่าสนใจในเมือง เช่น พระพุทธรูปหินอุซุกิ ซากปราสาทอุซุกิ
1. พระพุทธรูปหินอุซุกิ เอกลักษณ์ของพุทธศาสนาในยุคกลาง
พระพุทธรูปหินอุซุกิ (Usuki Stone Buddhas) เป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักบนผิวหินของภูเขาราวช่วงปลายยุคเฮอันไปจนถึงยุคคามาคุระ (ปี 1185-1333) ในสมัยนั้นมีการเผยแผ่ศาสนาพุทธนิกายโจโด ซึ่งเป้าหมายสูงสุดคือการได้ไปยังแดนสวรรค์โจโด (แดนสุขาวดี) จึงมีการสร้างสถานที่จำลองแดนสวรรค์ขึ้นมาในรูปแบบต่างๆ
บริเวณสวนหน้าพระพุทธรูปหินแต่เดิมก็เคยมีสระน้ำเล็กๆ ก่อนจะถูกถมหายไปในช่วงต้นยุคเอโดะ (ปี 1603-1868)
เมื่อ 900 ปีก่อน พื้นที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของขุนนางในเกียวโต เชื่อกันว่ากลุ่มพระพุทธรูปหินและสวนโดยรอบคือการจำลองแดนสุขาวดี เพื่อให้เหล่าศิษยานุศิษย์ได้มาเห็นและสัมผัสกับแนวคิดของนิกายโจโดได้ด้วยตนเอง
พระพุทธรูปหินอุซุกิทั้ง 61 องค์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกชาติด้านวัฒนธรรมที่สำคัญและบางส่วนก็เป็นทั้งสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของชาติด้วย
บริเวณทุ่งฟุคาดะระหว่างวัดมังเก็ตสึจิกับพระพุทธรูปหินมีดอกไม้บานสะพรั่งไม่ว่าจะเป็นดอกบัวหรือดอกคอสมอสสับเปลี่ยนไปทุกฤดูกาล ราวกับแดนสุขาวดีของผู้คนในอดีตยังคงบานสะพรั่งสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันไม่เสื่อมคลาย
2. ซากปราสาทอุซุกิกับวิวเมืองกว้างสุดลูกหูลูกตา
ปราสาทอุซุกิ (Usuki Castle) สร้างขึ้นโดยโอโทโมะ โซริน (1530-1587) ไดเมียวคริสเตียนในยุคเซ็นโกคุ เดิมพื้นที่ของปราสาทเป็นเกาะที่ล้อมรอบไปด้วยทะเล แต่มีการถมให้เชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ราวต้นยุคเอโดะ จากนั้นรอบปราสาทก็คึกคักไปด้วยผู้คนจนกลายเป็นเมือง
ปัจจุบันซากปราสาทอยู่ด้านในสวนอุซุกิ นอกจากป้อมสังเกตการณ์ของปราสาท คลอง ประตูและฐานหินที่ยังหลงเหลืออยู่แล้ว ยังมีศาลเจ้าอีกด้วย สามารถมาชมวิวเมืองจากบนนี้ได้ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ก็มีต้นซากุระกว่า 800 ต้นบานสะพรั่งในสวน
3. ถนนประวัติศาสตร์นิโอซะ ย่านที่อยู่ของเหล่าซามูไร
ย่านที่ยังหลงเหลือภาพเงาในอดีตของเมืองรอบปราสาทมากที่สุดคือ ถนนประวัติศาสตร์นิโอซะ (Nioza Historical Road) ในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 17 แถวนี้มีวัดอยู่หลายแห่ง ยังมีประตูวัดหลังโตให้ได้เห็นอยู่
อีกส่วนคือบ้านของเหล่าซามูไรในอดีต พอได้เห็นกำแพงสีขาว ฐานหิน ประตูที่แกะสลักลวดลายประณีต ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคสมัยเอโดะเลยค่ะ
ร้านคานิโชยุ (カニ醤油) ใกล้ถนนประวัติศาสตร์นิโอซะ เป็นร้านผลิตมิโซะและโชยุเก่าแก่ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1600 ร้านนี้ขายซอฟต์ครีมมิโซะ ของขึ้นชื่อในอุซุกิ รสชาติหวานเค็มของซอสมิโซะช่วยดึงความหวานของซอฟท์ครีมรสนมให้โดดเด่นขึ้น
ไฮไลท์และประวัติศาสตร์น่าสนใจในอุซุกิ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว Usuki City Tourist Exchange Plaza นอกจากจะมีแผ่นพับหลายภาษาแล้ว ยังมีการฉายภาพวิดีโอของเมืองอุซุกิในอดีตกับปัจจุบันด้วยค่ะ
เดินเล่นที่เมืองรอบปราสาทในชุดกิโมโน
หากใส่ชุดกิโมโนเดินเล่นในเมืองรอบปราสาท จะยิ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการย้อนเวลาให้เหมือนจริงขึ้นไปอีก ร้านเช่ากิโมโนในอุซุกิ เราขอแนะนำ ร้านเช่าชุดอะโคยะ (赤穂屋) ที่อยู่ใกล้กับทางเข้าย่านช้อปปิ้งบนถนนใหญ่
กิโมโนเช่าสามารถเลือกสีและลวดลายที่ชอบได้ ในการสวมจะมีผู้เชี่ยวชาญมาคอยช่วยเหลือ ฉะนั้นสบายใจได้ค่ะ สอนถึงขั้นวิธีการเดินและการนั่งให้งดงามตอนใส่กิโมโนด้วยเลยค่ะ
ในร้านอะโคยะมีห้องชงชาด้วย ซึ่เราจะได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมหลายอย่าง เช่น ชงชาเขียว (300 เยน) และเข้าร่วมพิธีชงชาในชุดกิโมโน (1,000 เยน) รายละเอียดการเช่าชุดกิโมโนสามารถดูและจองล่วงหน้าได้ที่แบบฟอร์มติดต่อสอบถามบนหน้าเว็บไซต์ของร้าน
ของอร่อยที่ต้องลิ้มลองในอุซุกิ
ในอุซุกิมีอาหารหมักดองขึ้นชื่ออย่างโชยุ มิโซะและสาเก อีกทั้งอาหารที่ทำจากปลาปักเป้ายังเป็นที่นิยมอีกด้วย นอกจากนั้นยังเพลิดเพลินกับของฝากหลายชนิดได้ เช่น ของคบเคี้ยวและเครื่องดื่มที่ทำจากเซ็มเบ้และส้มคาโบซุ
อาหารปลาปักเป้าล่ะก็ต้องไปที่ร้านคิราคุอัน
ถ้าอยากลิ้มลองอาหารญี่ปุ่น ขอแนะนำร้านคิราคุอัน (Kirakuan) ค่ะ นี่เป็นร้านอาหารที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคไทโช เราจะได้เพลิดเพลินกับมื้ออาหารเลิศหรูที่รายล้อมไปด้วยสวนญี่ปุ่นอันแสนงดงาม
ในคิราคุอันเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นและไคเซคิที่พิถีพิถันกับวัตถุดิบในท้องถิ่น
คอร์สปลาปักเป้า (ふぐコース) มีเนื้อปลาปักเป้าดิบคุณภาพเลิศ เนื้อใสๆ ของปลาปักเป้าที่ถูกแล่บางๆ มีความยืดหยุ่น รสชาติละเมียดละไมไร้กลิ่นคือคุณสมบัติพิเศษ จิ้มกับซอสผสมน้ำส้มคาโบซุก็ยิ่งเพิ่มความอร่อยค่ะ
ในคอร์สปลาปักเป้า มีนาเบะหม้อไฟปลาปักเป้า ข้าวต้มทรงเครื่อง และของหวาน แต่ละจานสื่อให้เห็นถึงวัฒนธรรมการกินอันอุดมสมบูรณ์ของอุซุกิอย่างชัดเจน
ของฝากไปที่ โกะโตเซกะ
บริเวณใกล้ทางเข้าสวนสาธารณะพระพุทธรูปหินอุซุกิ มีร้านเซ็มเบ้ที่ชื่อว่า โกะโตเซกะ (Goto Seika)
ของขึ้นชื่อในร้านเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีนี้ก็คือ อุซุกิเซ็มเบ้ ขนมเคลือบน้ำตาลรสขิงที่มีกลิ่นหอมหวล ขิงก็เป็นหนึ่งในผลผลิตของอุซุกิ กลิ่นหอมเข้มกับรสชาติชื่นใจคือคุณสมบัติพิเศษ เป็นขนมที่เก็บไว้ได้นาน จึงเหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝากค่ะ
ในร้านโกะโตเซกะ มีให้ลองเคลือบขนมเซ็มเบ้เองด้วย (ต้องจองก่อนล่วงหน้า) หากลองได้เคลือบน้ำผึ้งรสขิงบนเซ็มเบ้ด้วยตัวเองแล้ว ก็จะทำให้เข้าใจความพิถีพิถันของพ่อครัวมากยิ่งขึ้น
โรงกลั่นเหล้าฟุจิอิ แบรนด์ดังระดับนานาชาติ!
หนึ่งในแบรนด์สาเกอันดับต้นของอุซุกิคือ โรงผลิตเหล้าฟุจิอิ (Fujii Sake Brewery)
ถ้าเป็นเหล้าญี่ปุ่นขอแนะนำ ริวไบ ไดกินโจ (Ryubai Daiginjo : 龍梅 大吟醸) รสชาติละเอียดอ่อนเข้ากับอาหารญี่ปุ่นได้ดี สำหรับโชจูขนานแท้ ขอแนะนำโออิตะ มุกิโชจู ฟุชิกิยะ (大分麦焼酎ふしぎ屋) ที่ได้รับการประเมินยอดเยี่ยม 3 ปีซ้อนจากองค์กรทดสอบรสชาติระหว่างประเทศ หรือจะลองเป็น โทคิโนะทาบิบิโตะ (時の旅人) โชจูข้าวบาร์เล่ย์รสชาติอ่อนโยนจากการหมักเป็นระยะเวลานาน
สินค้าทั้งหมดของโรงเหล้าฟุจิอิสามารถซื้อได้ที่ร้านจำหน่ายเหล้า มันริคิยะ (萬力屋) ลองไปกันดูให้ได้นะคะ
ในโรงเหล้าฟุจิอิสามารถทัศนศึกษาได้ เราจะได้สัมผัสเทคโนโลยีการผลิตเหล้าล่าสุดและดูอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตเหล้าด้วย มีห้องจัดแสดงอุปกรณ์ผลิตเหล้าในอดีตที่ตระกูลฟุจิอิสืบทอดต่อๆ กันมาด้วย
ถ้ำเก็บเหล้า (洞窟貯蔵)ก็ไม่ควรพลาดเช่นกันค่ะ อุณหภูมิที่เย็นและเปลี่ยนแปลงน้อยกลายเป็นโกดังเก็บของตามธรรมชาติชั้นดี มีโชจูกว่า 200 ชนิดเก็บไว้ที่นี่ มีเหล้าที่บ่มมานานกว่า 20 ปีอยู่ด้วย ในส่วนนี้หากมีความประสงค์ก็สามารถทัศนศึกษาได้เช่นกันค่ะ
ไซกิ วิวทะเลสวยที่แทบหยุดหายใจ
เมืองไซกิ (Saiki) อยู่ทางใต้จากเมืองอุซุกิ ที่นี่เป็นแหล่งประมงอันอุดมสมบูรณ์เนื่องจากเป็นจุดบรรจบกันระหว่างทะเลในเซโตกับกระแสน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก มีอาหารทะเลให้เลือกทานมากมาย อีกทั้งทิวทัศน์งดงามที่สร้างขึ้นโดยชายฝั่งริอะซุก็น่าชมเช่นกัน
4. ประภาคารสึรุมิซากิ สุดขอบตะวันออกคิวชู!
Photo by Pixta
ประภาคารสึรุมิซากิ (Tsurumisaki Lighthouse) อยู่สุดขอบทิศตะวันออกของแผ่นดินคิวชู ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงประมาณ 200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล บริเวณใกล้เคียงยังหลงเหลือซากปรักหักพังในช่วงสงครามให้เห็น เช่น หอสังเกตการณ์ของกองทัพเรือ มีจุดชมวิวรูปโดมใต้ประภาคารอีกด้วย
ที่นี่เป็นจุดชมวิวงดงามที่คนในท้องถิ่นแนะนำ ในวันที่อากาศแจ่มใส ยังสามารถมองเห็นได้ถึงภูมิภาคชิโกคุที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
5. สวนสาธารณะแห่งท้องฟ้า ที่มองเห็นไปจนถึงเกาะชิโกคุ
จุดชมท้องฟ้า (Sky Observatory) ตั้งอยู่ในสวนแห่งท้องฟ้า โซระโนะโคเอ็น (Sora no Koen Park) สูงเหนือระดับน้ำทะเล 160 เมตร สามารถมองเห็นช่องแคบบุงโกะซุยโดได้ ในวันที่อากาศแจ่มใสจะมองเห็นได้ถึงภูมิภาคชิโกคุเลย
Picture courtesy of Saiki Tourism Association
สวนนี้ล้อมรอบไปด้วยทะเลและภูเขา เราจึงสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ หากไปเยือนในเดือนเมษายน ชิบะซากุระที่ปลูกไว้ทั้งสองข้างทางเดินจะเข้าสู่ช่วงไฮไลท์ และกลายเป็นภูมิทัศน์ที่สวยงามราวกับพรมสีชมพู
6. บุงโกะฟุตามิกาอุระ จุดแนะนำสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นครั้งแรกของปี!
ในบุงโกะฟุตามิกาอุระ (Bungo-Futamigaura) มีหินผา 2 ก้อนที่ได้รับการขนานนาว่า "เมโอโตะอิวะ หรือหินคู่รัก" ที่เชื่อมต่อกันด้วยเชือกเส้นใหญ่ เชือกนี้ทำจากฟางข้าวมีความยาวประมาณ 65 เมตร น้ำหนักประมาณ 2 ตัน ในเดือนธันวาคมของทุกๆ ปีจะมีการเปลี่ยนเชือกใหม่โดยอาสาสมัครในท้องถิ่น
บุงโกะฟุตามิกาอุระเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นครั้งแรกที่มีชื่อเสียง ในวันที่ 24 ธันวาคม - 4 มกราคมจะมีการจัดไฟไลท์อัพ และในช่วงต้นเดือนมีนาคมกับต้นเดือนตุลาคม ดวงอาทิตย์จะขึ้นระหว่างหินคู่รักค่ะ
ของอร่อยที่ต้องลิ้มลองในไซกิ
ขอแนะนำของอร่อยในไซกิค่ะ
ซูชิมีเมนูพาร์เฟต์ด้วยหรอ!? คาเมะฮาจิซูชิ
ในไซกิที่มีอาหารทะเลรสเลิศและร้านซูชิอยู่มากมาย ร้านที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือ คาเมะฮาจิซูชิ (Kamehachi Sushi) เมนูจากปลาตามฤดูกาลแสนอร่อย มาพร้อมหน้าที่หลากหลายและขนาดโตแบบไม่มีใครเทียม! ในเมนูมีแปลหลายภาษา นักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศก็สบายใจได้ค่ะ
คาเมะฮาจิซูชิ กลายเป็นกระแสจากการเสิร์ฟของหวานพาร์เฟต์ขนานแท้โดยนักทำขนม จนทำเอาลืมไปเลยว่ากำลังอยู่ในร้านซูชิ เป็นร้านดังที่หากไปไซกิแล้วต้องไปเยือนให้ได้ค่ะ
โคจิโนะโมริ ประทับใจในความอร่อยของเหล้าหวาน!
อีกหนึ่งของอร่อยในไซกิ เหล้าหวานจากร้านโคจิโนะโมริ (Kojinomori) ก็ห้ามพลาดเช่นกันค่ะ
โคจิโนะโมริเป็นโรงงานเหล้าหวานที่บริหารโดยบุงโกะเมโจ ผู้ผลิตเหล้าญี่ปุ่นและโชจู ในทัวร์ชมโรงงาน (มีรองรับภาษาอังกฤษ ต้องจองล่วงหน้า) สามารถดูกระบวนการจนกว่าจะได้เหล้าหวานได้ค่ะ
มีการเล่นตามหาคาแรคเตอร์ที่ชื่อว่า "โคจิจัง" ด้วย นอกจากเด็กๆ จะได้สนุกแล้ว ยังลองชิมเหล้าหวานได้หลายชนิดอีกด้วย
เหล้าหวานที่มีความหวานเป็นธรรมชาติ และไม่ใช้แอลกอฮอล์ใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ทุกคนให้ความสนใจ ในร้านขายของโคจิโนะโมริมีเหล้าหวานหลายชนิดวางจำหน่ายอยู่ ลองไปดูกันได้ค่ะ
สึคุมิ เมืองที่เราจะได้พบกับปลาโลมา
เมืองสึคุมิ (Tsukumi) แหล่งผลิตส้มแสนอร่อย ช่วงหลังมานี้เกาะปลาโลมาสึคุมิกำลังได้รับความสนใจอย่างมาก
7. เกาะปลาโลมาสึคุมิ ทดลองว่ายน้ำกับปลาโลมา!
ความพิเศษของ อุมิทามะไทเค็นพาร์ก เกาะปลาโลมาสึคุมิ (Tsukumi Dolphin Island) คือการได้เข้าไปใกล้ชิดกับเหล่าโลมาที่อาศัยอยู่ในทะเลธรรมชาติ นอกจากโชว์ปลาโลมาที่มี 3 รอบต่อวันแล้ว เรายังว่ายน้ำกับปลาโลมาได้ด้วย
Picture courtesy of Umitama Experience Park Tsukumi Irukajima
นอกจากปลาโลมาแล้ว ยังมีแมวน้ำ เพนกวิน นาก และปลาอีกหลายชนิด เราจะได้เพลิดเพลินกับการให้อาหารและตกปลาค่ะ
ในร้านขายของที่เกาะปลาโลมาสึคุมิ นอกจากสินค้าที่เกี่ยวข้องกับปลาโลมาแล้ว ยังมีผลผลิตเฉพาะในสึคุมิจำหน่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นแยมหรือขนมที่ทำจากส้ม ของดอง กับข้าวต่างๆ เหมาะแก่การหาซ์้อของฝากอย่างยิ่งค่ะ
เมืองสึคุมิยังมีชื่อเสียงในการผลิตหินปูนสำหรับทำปูนซีเมนต์ด้วย เลยมีไอศครีมสีปูนซีเมนต์ สีเหมือนปูนแต่ที่จริงทำมาจากเมล็ดทานตะวัน ความอร่อยและความเนียนของเนื้อสัมผัสเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากค่ะ!
ของอร่อยที่ต้องลิ้มลองในสึคุมิ
หากพูดถึงของอร่อยในสึคุมิ เมืองใกล้ทะเล ก็คงหนีไม่พ้นซีฟู้ดค่ะ
สเต็กปลามากุโระร้านฮามาชายะ
ฮามะชายะ (Hamachaya Seafood Restaurant) ใช้เวลาเดินทางจาก JR สถานีสึคุมิโดยรถยนต์ 10 นาที ที่นี่เป็นร้านอาหารทะเลยอดนิยมที่มักจะมีคนมาต่อแถวช่วงเที่ยงเสมอ
ของขึ้นชื่อก็คือสเต็กมากุโระ เคล็ดลับกลิ่นหอมและความอร่อยของมากุโระที่ย่างด้วยแผ่นเหล็กอยู่ที่เกลือที่ใช้ในการปรุง ไม่ว่าจะเป็นซูชิ ซาชิมิ หรือข้าวหน้าอาหารทะเลไคเซ็นด้ง ทุกอย่างล้วนเป็นเมนูรสเลิศทั้งสิ้น!
บุงโกะโอโนะ จีโอพาร์กธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
เมืองบุงโกะโอโนะ (Bungo-Ono) เกิดจากการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟอาโซะเมื่อประมาณ 90,000 ปีก่อน ปัจจุบันทั้งเมืองได้กลายเป็นจีโอพาร์คไปแล้ว
น้ำตกที่เกิดจากชูโจเซ็ตสึริ (*) ภูมิประเทศอันมีเอกลักษณ์ที่ถักทอด้วยแม่น้ำ สะพานหินที่สร้างขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ล้วนคุ้มค่าแก่การชม
*1 : ชูโจเซ็ตสึริ ... รอยแตกรูปเสาของพื้นหินที่เย็นตัวของลาวา ดูเหมือนเอาเสาหลายเหลี่ยมมาตั้งเรียงกัน
8. น้ำตกฮาราจิริ ความงามของธรรมชาติที่น่าตะลึง!
น้ำตกฮาราจิริ (Harajiri Falls) ปรากฎขึ้นกลางแม่น้ำโองาตะ น้ำตกแห่งนี้เกิดขึ้นจากหินทัฟฟ์หลอม มีความกว้าง 120 เมตรและความสูง 20 เมตร เราสามารถชมวิวจากด้านข้าง ด้านบนหรือบนสะพานชมน้ำตกที่พาดเหนือแม่น้ำได้
เลียบแม่น้ำมีศาลเจ้า 3 แห่งที่เรียกว่าโอกาตะซันจะ (ศาลเจ้าอิจิโนะมิยะ ศาลเจ้านิโนะมิยะ ศาลเจ้าซันโนะมิยะ) ที่คอยดูแลปกป้องทางน้ำ ในงานเทศกาลเดือนพฤศจิกายนของทุกปีจะมีการแบกมิโคชิผ่านแม่น้ำตั้งแต่ศาลเจ้าซันโนะมิยะไปจนถึงต้นน้ำที่ศาลเจ้านิโนะมิยะ
9. สะพานโทโดโระและสะพานเดะไอ ประตูโค้งที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น!
ในบุงโกะโอโนะมีสะพานหินมากกว่า 100 แห่ง แต่ในสะพานโทโดโระ (Todoro Bridge) และสะพานเดะไอ (Deai Bridge) เราจะได้เห็นภูมิทัศน์ที่แปลกตาของสะพานหินที่เรียงกัน 2 สะพาน
สะพานโทโดโระเป็นสะพานที่ใช้สำหรับทางรถไฟ ถูกสร้างขึ้นในปี 1934 เส้นผ่านศูนย์กลางของประตูโค้งที่ติดกันทั้ง 2 มีความยาว 32.1 เมตรกับ 26.2 เมตร เป็นประตูโค้งที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น ไม่ไกลจากจุดนั้น เราก็จะเจอสะพานเดะไอที่อยู่เหนือต้นน้ำ เป็นสะพานที่สร้างสำหรับให้คนเดิน สร้างขึ้นในปี 1924
วัสดุที่ใช้สร้างสะพานทั้ง 2 แห่งคือหินทัฟฟ์หลอมที่อยู่บริเวณสองข้างทางของแม่น้ำ อาจเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้ทั้งสองสะพานดูกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมทั้งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์
10. พระพุทธรูปหินขยาดยักษ์ในระยะประชิดที่วัดฟุโคจิ
พระพุทธรูปแกะสลักบนหินผาที่อยู่ในวัดฟุโคจิ (Fuko-ji Temple) เป็นพระพุทธรูปหินที่แกะสลักบนหินทัฟฟ์หลอม มีความสูงถึง 8 เมตร เชื่อกันว่าพระพุทธรูปฟุโดเมียวโอตรงกลางสร้างขึ้นในสมัยคามาคุระ
เราสามารถเดินไปตามทางเท้าจนถึงเชิงหินผาที่มีพระพุทธรูป ในช่วงเริ่มฤดูร้อน จะมีดอกไฮเดรนเยียบานสวยงามเต็มสองข้างทางเดิน
ของอร่อยที่ต้องลิ้มลองในบุงโกะโอโนะ
บุงโกะโอโนะรุ่งเรืองในการเพาะปลูกผัก จนถึงขนาดได้ฉายาว่าสวนผักแห่งโออิตะ
ในส่วนของร้านที่เสิร์ฟอาหารที่ทำจากผักในท้องถิ่น เราขอแนะนำ The Vage Cafe Ms. ที่นี่เป็นคาเฟ่ที่บริหารโดยผู้เชี่ยวชาญเรื่องผัก อาหารที่พิถีพิถันด้านโภชนาการและรสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน
ข้าวแกงกะหรี่และแฮมเบิร์กที่เสิร์ฟมาในกล่องเบ็นโตมาพร้อมมีผักหลากชนิด รสชาติอ่อนและอร่อย
โชจูจากโรงกลั่นเหล้ามุเรซุรุ
โรงกลั่นเหล้ามุเรซุรุ (Murezuru Brewery) ก่อตั้งขึ้นในปี 1905 โชจูข้าวบาร์เลย์และโชจูข้าวที่ผลิตอยู่มีความพิเศษคือมีกลิ่นหอม รสชาติอ่อนละมุน ดื่มง่าย
สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับกระบวนการผลิตโชจู ที่นี่มีการจัดทัวร์ชมการผลิตเหล้าด้วย เราจะได้ดูอุปกรณ์ที่ใช้ตอนผลิตเหล้า และศึกษาวิธีการดื่มโชจูให้อร่อยได้ (*ต้องจองล่วงหน้า)
ที่พักแนะนำในตอนใต้ของจังหวัดโออิตะ
ไคเซ็นโนะยาโดะ มัทสึอุระ ที่พักติดชายฝั่ง
สำหรับผู้ที่อยากผ่อนคลายริมชายทะเล เราขอแนะนำ ไคเซ็นโนะยาโดะ มัทสึอุระ (Matsuura) ในเมืองไซกิ ห้องพักเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นขนาดกว้างขวาง ทุกห้องมองเห็นทะเลได้หมด การเดินทางไปยังจุดชมวิวอย่างสวนแห่งท้องฟ้าและประภาคารสึรุมิซากิก็สะดวกมาก
อาหารทะเลที่ให้บริการในร้านอาหารของโรงแรมก็ไม่ควรพลาด! หัวหน้าเชฟสร้างสรรค์เมนูที่อร่อยสุดยอดจากอาหารทะเลที่ซื้อจากตลาดปลาใกล้ๆ ทุกเช้า เราจะได้เพลิดเพลินกับเสน่ห์ของฤดูกาลต่างๆ เช่น กุ้งมังกรญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ร่วง และปลาปักเป้าในฤดูหนาว
รีสอร์ทซาโตะโนะทาบิ ล็อดจ์คิโยคาวะ พักผ่อนท่ามกลางจีโอพาร์ก
รีสอร์ทซาโตะโนะทาบิ ล็อดจ์คิโยคาวะ (Lodge Kiyokawa) เดินทางด้วยรถยนต์เพียง 3 นาทีจากสถานีบุงโกะคิโยคาวะ เป็นที่พักที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากรีเฟรชท่ามกลางธรรมชาติ
ห้องพักสามารถเลือกได้จากบ้านต้นไม้ 8 หลังที่เหมือนกับฐานลับ และบ้านไม้ 3 หลัง เราสามารถพักผ่อนสบายๆ พลางฟังเสียงแม่น้ำได้ เนื่องจากบ้านพักตั้งอยู่ใกล้กับริมธารใสของแม่น้ำโอคุดาเคะ
เสน่ห์ของล็อดจ์คิโยคาวะก็คือกิจกรรมที่ประยุกต์จากป่าและแม่น้ำ อาทิ ล่องแพ กองไฟ ดูหนังกลางแปลง ซาวน่าในเต๊นท์แล้วปิดท้ายด้วยว่ายน้ำในธารใสสีเขียวมรกตของแม่น้ำโอคุดาเคะ
ที่นี่มีพนักงานที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ค่ะ
ค้นพบเสน่ห์ของจังหวัดโออิตะทางตอนใต้
เห็นอย่างนี้คงพูดว่าโออิตะมีดีแค่ออนเซ็นไม่ได้แล้วหละ ทั้งที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์เก่าแก่ 500 และ 1,000 ปี วัฒนธรรมที่หล่อหลอมขึ้นมาโดยธรรมชาติ และทิวทัศน์งามจนต้องตะลึง มาพบประสบการณ์ใหม่ๆ กันได้ที่ตอนใต้ของจังหวัดโออิตะค่ะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
In cooperation with Chuwa International Corporation
เป็นบรรณาธิการที่ MATCHA ตั้งแต่ปี 2016 ความหลงใหลของฉันในละครโนะและศิลปะการแสดงของประเทศญี่ปุ่นคือสิ่งที่นำฉันมาที่นี่ เรื่องทุกอย่างที่ฉันเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นทุกวันคือสิ่งที่ทำให้ฉันอยู่ที่นี่
ฉันเรียนรู้การจัดดอกไม้อิเคบานะ (Ikenobo School) และพิธีสามัคคี (Omote Senke) ตั้งแต่ปี 2012 งานเขียนเรื่องสั้นและบทวิจารณ์ละครที่ฉันเขียนนอกเวลาทำงานสามารถอ่านได้ในเว็บไซต์วรรณกรรมรวม "บังกุ คิงโย"
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง