Start planning your trip
10 แหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีในฮอกไกโด 2024 (Hokkaido)
ฮอกไกโดไม่ได้มีดีแค่หิมะนะ ถ้าได้มาฮอกไกโดราวเดือนตุลาคมล่ะก็บอกเลยว่าใบไม้เปลี่ยนสีก็เริ่ดไม่แพ้กัน จะมีที่ไหนบ้าง MATCHA คัดเลือกมาให้ดูกัน 10 ที่ เผื่อเอาไว้วางแผนเที่ยวกันได้เลย
ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีท่ามกลางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของฮอกไกโด
ฮอกไกโด เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด กินพื้นที่ทั้งเกาะตั้งอยู่ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ด้วยพื้นที่กว้างใหญ่ทั้งป่าและเขา ทำให้ฮอกไกโดอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารการกิน และทัศนียภาพที่หาได้ยากจากเมืองอื่น เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก
นอกจากฤดูหนาวที่มีหิมะขาวโพลนแล้ว ในฤดูใบไม้ร่วงก็มีใบไม้เปลี่ยนสีแสนสวย แถมด้วยออนเซ็นและกิจกกรรมต่างๆ ให้สนุกด้วยเหมือนกัน ครั้งนี้เราจะมาแนะนำ 10 แหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีในฮอกไกโดค่ะ
ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีของฮอกไกโด
พื้นที่ของจังหวัดฮอกไกโดกว้างใหญ่มาก ช่วงเวลาที่ใบไม้จะเปลี่ยนสีของแต่ละที่ก็เลยต่างกันไปด้วย แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน แต่ที่โซอุนเคียว เป็นจุดที่ใบไม้เปลี่ยนสีเร็วที่สุดในญี่ปุ่น บางปีจะเริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมเลย
ในบทความนี้จะมีช่วงเวลาเปลี่ยนสีของปีก่อนๆ เขียนไว้ให้ด้วย แต่ก็อาจจะเร็วขึ้นหรือช้าลงขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของปีนั้นๆ ก่อนจะไปก็อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลล่าสุดกันก่อนนะคะ
สารบัญ
1. อุทยานโอนุมะ (โอนุมะ) กิจกรรมกลางแจ้งหลากหลาย
2. โซอุนเคียว (คามิคาวะ) ใบไม้เปลี่ยนสีที่เร็วที่สุดในญี่ปุ่น
3. ทะเลสาบทั้ง 5 ของชิเรโตโกะ (ชิเรโตโกะ) เดินเล่นริมทะเลสาบ
4. โจซังเค (ซัปโปโร) รายล้อมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี
5. โนโบริเบ็ตสึออนเซ็น (โนโบริเบ็ตสึ) ออนเซ็นอันดับหนึ่งของฮอกไกโด
6. มหาวิทยาลัยฮอกไกโด (ซัปโปโร) ถนนต้นแปะก๊วยสีทองอร่าม
7. เขาโมอิวะ (ซัปโปโร) ชมใบไม้แดงตามด้วยวิวกลางคืนแสนสวย
8. ป้อมโกะเรียวคาคุ (ฮาโกดาเตะ) สวนรูปดาวขนาดยักษ์
9. สวนโคเซ็ตสึเอ็น (ฮาโกดาเตะ) ที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกแห่งของฮาโกดาเตะ
10. สระน้ำสีฟ้า (บิเอ) บ่อน้ำสีฟ้าตัดกับใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม
1. อุทยานโอนุมะ (โอนุมะ) กิจกรรมกลางแจ้งหลากหลาย
อุทยานแห่งชาติโอนุมะ (Onuma Park) มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 90 ตารางกิโลเมตร ทิวทัศน์ของธรรมชาติภายในอุทยานนั้นสวยงามจนได้รับเลือกเป็นหนึ่งในสามของทิวทัศน์งามแห่งใหม่ของญี่ปุ่น
สามารถมาสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งเช่น เดินป่า พายเรือแคนู ขี่จักรยาน พร้อมๆ กับชมใบไม้เปลี่ยนสีไปด้วย เมื่อเข้าฤดูหนาวก็ไปตกปลาบนทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็งได้
มีรถบัสที่วิ่งตรงจากสถานีรถไฟฮาโกดาเตะและสนามบินฮาโกดาเตะด้วย ถ้านั่งรถไฟจากสถานีฮาโกดาเตะก็ใช้เวลาแค่ประมาณ 30 นาที
เฉลี่ยช่วงเวลาเปลี่ยนสีของปีก่อนๆ
กลาง - ปลายตุลาคม
การเดินทาง
จากสถานี JR Hakodate
1. รถบัส : นั่งรถบัสเมืองฮาโกดาเตะ (ไป Shikabe ผ่านอุทยานแห่งชาติโอนุมะ) จากป้าย Hakodate Eki-mae ไปถึง Onuma Koen ใช้เวลาประมาณ 60 นาที
2. รถไฟ : นั่ง JR Limited Express Super Hokuto ไปถึงสถานี JR Onuma Koen ประมาณ 20 นาที หรือนั่งรถไฟธรรมดาประมาณ 50 นาที
2. โซอุนเคียว (คามิคาวะ) ใบไม้เปลี่ยนสีที่เร็วที่สุดในญี่ปุ่น
เอื้อเฟื้อภาพโดย : สมาคมการท่องเที่ยวโซอุนเคียว
โซอุนเคียว (Sounkyo) เป็นหุบเขาขนาดใหญ่ใกล้ทางเข้าของอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัน (Daisetsuzan National Park) ใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์จากสนามบินอาซาฮิคาวะประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
สามารถชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีได้ระหว่างที่นั่งโรปเวย์จากแถวเมืองออนเซ็นขึ้นไปยังชั้น 7 ของเขาคุโระดาเกะ (Mt. Kurodake) เมื่อลงจากโรปเวย์แล้วก็เดินประมาณ 1 ชั่วโมงไปยังยอดเขาเพื่อชมวิวสวยๆ ของฮอกไกโด
ถ้าจะมาพักแถวนี้ขอแนะนำให้หาที่พักในย่านเมืองออนเซ็น แล้วใช้เส้นทางเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีไปยังน้ำตกโมมิจิดากิ (Momijidaki) เป็นเส้นทางสั้นๆ ใช้เวลาแค่ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น สวมรองเท้าผ้าใบที่เดินสบายๆ นะคะ
ภายในบริเวณอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซันนี้ว่ากันว่าเป็นจุดที่ใบไม้เปลี่ยนสีเร็วที่สุดในญี่ปุ่น ที่ยอดเขาจะเริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมเลย แนะนำให้ไปกันแต่เนิ่นๆ ค่ะ
เฉลี่ยช่วงเวลาเปลี่ยนสีของปีก่อนๆ
ยอดเขา : ปลายสิงหาคม
ชั้นที่ 8 - 9 : ต้นกันยายน
ชั้นที่ 5 -7 : กลาง - ปลายกันยายน
แถวเมืองออนเซ็น โซอุนเคียวออนเซ็น : ต้นตุลาคม
การเดินทาง
นั่งรถไฟสาย Sekihoku มาลงที่สถานี Kamikawa จากนั้นนนั่งรถบัสของ Dohoku Bus ไปลงที่ป้าย Sounkyo Onsen (30 นาที 870 เยน) เดินต่อประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์ : http://sounkyovc.net/
3. เดินเล่นริมทะเลสาบทั้ง 5 ของชิเรโตโกะ (ชิเรโตโกะ)
ภายในพื้นที่ของคาบสมุทรชิเรโตโกะ (Shiretoko Peninsula) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ มีทะเลสาบอยู่ 5 แห่ง และรอบๆ ทะเลสาบก็มีทางเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีให้ 2 เส้นทาง
เส้นทางแรกเป็นทางเดินไม้ยกสูงความยาว 800 เมตรท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่แม้แต่ผู้นั่งรถเข็นก็สามารถใช้ได้ บริเวณนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหมีสีน้ำตาลก็จริง แต่ตรงระเบียงทางเดินไม้มีรั้วไฟฟ้ากั้นอยู่ จึงปลอดภัยสบายใจหายห่วงค่ะ เส้นทางนี้สามารถใช้ได้ฟรี
อีกเส้นทางคือทางเดินธรรมชาติบนพื้นดิน เป็นเส้นทางเดินเข้าป่าให้เราชมธรรมชาติ สัตว์ป่าและพรรณไม้ได้อย่างใกล้ชิด เส้นทางนี้จะปิดในช่วงที่หมีสีน้ำตาลออกหาอาหาร แต่การเดินในเส้นทางนี้จะต้องเข้าร่วมกลุ่มทัวร์พร้อมไกด์นำทางที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (สามารถเข้าได้ฟรีโดยไม่ต้องร่วมทัวร์ระหว่างปลายตุลาคม - หมดฤดูกาลประมาณกลางพฤศจิกายน) สามารถติดต่อเข้าร่วมทัวร์ได้ที่ศูนย์ข้อมูล Shiretoko Goko Lakes Field House
เฉลี่ยช่วงเวลาเปลี่ยนสีของปีก่อนๆ
ต้น - กลางตุลาคม
การเดินทาง
จากสถานีรถไฟ Shiretoko-Shari ให้นั่งรถบัสของ Shari Bus ไปลงที่ป้าย Shiretoko Goko (1 ชั่วโมง 2,000 เยน)
เว็บไซต์ : https://www.goko.go.jp/multilingual_eng/access.html
4. โจซังเค (ซัปโปโร) รายล้อมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี
นั่งรถบัสจากกลางเมืองซัปโปโรไปแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะถึง โจซังเค (Jozankei) ที่มีแม่น้ำลัดเลาะไปตามหุบเขาที่กลายเป็นสีเหลืองทองจากใบไม้เปลี่ยนสี
สถานที่ยอดฮิตคือบริเวณสะพานแขวนฟุตามิ สึริบาชิ (Futami Tsuribashi) ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีรอบด้าน หรือจะขึ้นโรปเวย์ไปชมวิวจากบนยอดเขาก็ได้
ถ้าไม่ค้างคืนก็มีออนเซ็นหลายแห่งที่ให้บริการแช่ออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับ มาแช่ออนเซ็นพลางชมใบไม้แดงไปด้วย ช่างไฮโซจริงๆ ถ้าชอบกิจกรรมก็มีทั้งพายเรือแคนู ขี่ม้า ฯลฯ ให้เลือกสนุกกัน
ใบช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสี 1 - 20 ตุลาคมจะมี Koyo Kappa Bus Tour พาตระเวนชมโจซังเคโดยรถบัส เริ่มออกเดินทางจากสมาคมท่องเที่ยวโจซังเค วันละ 4 รอบ รอบละ 1 ชั่วโมง ราคา 500 เยน
เฉลี่ยช่วงเวลาเปลี่ยนสีของปีก่อนๆ
ต้น - กลางตุลาคม
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
5. โนโบริเบ็ตสึออนเซ็น (โนโบริเบ็ตสึ) ออนเซ็นอันดับหนึ่งของฮอกไกโด
ภายในเมืองออนเซ็น โนโบริเบ็ตสึออนเซ็น (Noboribetsu Onsen) มีบ่อน้ำพุร้อนต่างประเภทกันถึง 9 แห่ง รวมแล้วมีน้ำพุร้อนผุดออกมามากถึง 1 หมื่นตันต่อวัน!
แถวๆ จิโกะคุดานิ (Jigokudani) หรือหุบเขานรกที่เป็นต้นสายออนเซ็น และ โอยุนุมะ (Oyunuma) จะมีใบไม้เปลี่ยนสีจากต้นไม้นานาพันธุ์ให้ดู ควันและไอน้ำสีขาวจากบ่อออนเซ็นช่วยสร้างบรรยากาศให้ใบไม้เปลี่ยนสียิ่งสวยขึ้นอีกมากเลยค่ะ
เฉลี่ยช่วงเวลาเปลี่ยนสีของปีก่อนๆ
กลาง - ปลายตุลาคม
การเดินทาง
จากสถานีรถไฟ Noboribetsu นั่งรถบัสของ Donan Bus ไปลงที่ป้าย Noboribetsu Onsen (15 นาที 340 เยน)
เว็บไซต์ : http://noboribetsu-spa.jp/
6. มหาวิทยาลัยฮอกไกโด (ซัปโปโร) ถนนต้นแปะก๊วยสีทองอร่าม
มหาวิทยาลัยฮอกไกโด (Hokkaido University) หนึ่งในมหาวิทยาลัยขึ้นชื่อของญี่ปุ่นที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ใจกลางเมือง เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อเรื่องใบไม้เปลี่ยนสีซึ่งยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันเท่าไหร่นัก
ต้นแปะก๊วยกว่า 70 ต้นเลียบถนนยาว 380 เมตร ที่จะเปลี่ยนถนนทั้งเส้นให้เป็นสีเหลืองทอง แถมเดินจากสถานี Sapporo แค่ 7 นาทีเท่านั้น เดินทางสะดวกมากค่ะ
เฉลี่ยช่วงเวลาเปลี่ยนสีของปีก่อนๆ
ปลายตุลาคม - ต้นพฤศจิกายน
การเดินทาง
เดินจากสถานี Sapporo 7 นาที
7. เขาโมอิวะ (ซัปโปโร) ชมใบไม้แดงตามด้วยวิวกลางคืนแสนสวย
วิวเมืองซัปโปโรที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสามวิวงามยามค่ำคืนแห่งใหม่ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะวิวจากเขาโมอิวะ (Mt. Moiwa) ที่งดงามที่สุด แค่นั่งโรปเวย์จากเชิงเขาขึ้นไปก็จะพบกับวิวยามค่ำคืนอันกว้างใหญ่
บนเขาโมอิวะเอง เมื่อเข้าฤดูใบไม้ร่วงก็จะเต็มไปด้วยสีเหลืองแดงของใบไม้เปลี่ยนสี มาชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างนั่งโรปเวย์ในตอนกลางวัน แล้วรอดูวิวสวยๆ ตอนกลางคืนต่อกันได้เลยในครั้งเดียว
เฉลี่ยช่วงเวลาเปลี่ยนสีของปีก่อนๆ
กลาง - ปลายตุลาคม
การเดินทาง
รถราง Sapporo Strertcar (Shiden) สถานี Ropeway Iriguchi จากนั้นเดินประมาณ 10 นาทีถึงสถานี Sanroku
นั่งรถชัตเติลบัสฟรีประมาณ 5 นาทีถึงสถานี Sanroku
เวลาในการโดยสารกระเช้าลอยฟ้า : ประมาณ 5 นาที
เวลาในการโดยสารรถรางเคเบิลคาร์ : ประมาณ 2 นาที
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
8. ป้อมโกะเรียวคาคุ (ฮาโกดาเตะ) สวนรูปดาวขนาดยักษ์
เอื้อเฟื้อภาพโดย : City of Hakodate Tourism Department
ที่เห็นเป็นรูปดาวขนาดใหญ่นี้คือ โกะเรียวคาคุ (Goryokaku) ป้อมปราการที่ถูกสร้างในช่วงปลายยุคเอโดะ ปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะและแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของฮาโกดาเตะ
ภายในสวนจะเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงในฤดูใบไม้ร่วง สามารถขึ้นไปยังจุดชมวิวบนหอคอยโกะเรียวคาคุ (Goryokaku Tower) เพื่อชมวิวสวนและเมืองฮาโกดาเตะได้จากความสูง 107 เมตร
เฉลี่ยช่วงเวลาเปลี่ยนสีของปีก่อนๆ
กลางตุลาคม - ต้นพฤศจิกายน
การเดินทาง
รถราง
นั่งรถรางจากสถานี "ฮาโกดาเตะ เอคิมาเอะ (Hakodate Eki-mae)" ไปลง "โกะเรียวคาคุ โคเอ็นมาเอะ (Goryokaku Koen-mae)" ค่ารถ 230 เยน แล้วเดินต่ออีก 15 นาที
รถบัส
สำหรับรถบัส จากป้ายสถานีฮาโกดาเตะ (Hakodate) นั่งรถบัสเมืองฮาโกดาเตะไปลงป้าย "โกะเรียวคาคุ โคเอ็นอิริกุจิ (Goryokaku Koen-iriguchi)" ค่ารถ 240 เยน แล้วเดินต่ออีกประมาณ 7 นาที หรือลงที่ป้าย "โกะเรียวคาคุ (Goryokaku)" ค่ารถ 240 เยน เดินต่ออีก 15 นาที
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
9. สวนโคเซ็ตสึเอ็น (ฮาโกดาเตะ) ที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกแห่งของฮาโกดาเตะ
เอื้อเฟื้อภาพโดย : City of Hakodate Tourism Department
ที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกแห่งของฮาโกดาเตะนอกจากโกะเรียวคาคุคือสวนโคเซ็ตสึเอ็น (Kosetsuen) สวนญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในสวนมิฮาราชิ (Miharashi Park) ที่เดิมเป็นพื้นที่ของพ่อค้าผู้ร่ำรวยในอดีต
เอื้อเฟื้อภาพโดย : City of Hakodate Tourism Department
สวนแห่งนี้มีความงามที่หลากหลายไปตามฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้สีเหลือง-แดงที่ร่วงหล่นสู่พื้น จนดูเหมือนกับพรมใบไม้แดงไปทั่วทั้งสวน พอตกกลางคืนก็มีการประดับไฟไลท์อัพ ให้บรรยากาศชวนฝันไปอีกแบบ
เฉลี่ยช่วงเวลาเปลี่ยนสีของปีก่อนๆ
กลางตุลาคม - ต้นพฤศจิกายน
การเดินทาง
จากสถานีรถไฟ Hakodate นั่งรถบัสสาย 14 ไปลงที่ป้าย Kosetsuen (40 นาที 270 เยน) เดินต่อประมาณ 1 นาที
10. สระน้ำสีฟ้า (บิเอ) บ่อน้ำสีฟ้าตัดกับใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม
สระน้ำสีฟ้า (Blue Pond) ของบิเอสวยงามมากถึงขนาดเคยถูกนำไปใช้เป็นภาพวอลเปเปอร์โดยบริษัทแอปเปิลเลย สีของสระน้ำจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ช่วงที่ว่ากันว่าสวยที่สุดคือกลางพฤษภาคม - ปลายมิถุนายน ที่น้ำในสระจะเป็นสีฟ้าโคบอลต์บลูสวยงาม
พอเข้าช่วงฤดูใบไม้ร่วง สีสดใสของใบไม้เปลี่ยนสีที่สะท้อนลงบนผิวน้ำสีฟ้าก็สวยงามไม่แพ้กัน ถึงจะเดินทางลำบากซักหน่อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะไปค่ะ
เฉลี่ยช่วงเวลาเปลี่ยนสีของปีก่อนๆ
ต้น - กลางตุลาคม
การเดินทาง
จากสถานีรถไฟ Biei นั่งรถบัสของ Dohoku Bus ไปลงที่ป้าย Shirogane Aoi Ike Iriguchi (20 นาที 540 เยน)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
ใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด
พื้นที่ของจังหวัดฮอกไกโดที่กว้างใหญ่ ทำให้บางครั้งต้องใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร และการเดินทางก็อาจจะไม่สะดวกทั่วถึงเหมือนในตัวเมืองใหญ่ อาจต้องวางแผนกันล่วงหน้าซักหน่อยก่อนเดินทางนะคะ
ฤดูใบไม้ร่วงของฮอกไกโดมีทั้งใบไม้เปลี่ยนสีใช้ชม ออนเซ็นให้แช่ และกิจกรรมมากมายให้สนุกสนานกัน ลองมาใช้ช่วงเวลาพิเศษๆ ท่ามกลางธรรมชาติของฮอกไกโดกันนะคะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
ผู้เขียนบทความต้นฉบับ : Miku Yasuda
นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง