Start planning your trip
8 ที่น่าเที่ยวในฟุราโนะและบิเอ (Furano - Biei) ชมความงามในฤดูที่แตกต่างของฮอกไกโด (Hokkaido)
ฮอกไกโดมีหลายมุมให้ได้เห็น ทั้งเมืองใหญ่อย่างซัปโปโร เมืองประวัติศาสตร์อย่างฮาโกดาเตะและโอตารุ และยังมีแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับชื่นชมความงดงามของธรรมชาติอย่างฟุราโนะและบิเอ เราจึงขอรวบรวมวิธีที่จะสนุกไปกับฤดูต่างๆ ในสถานที่ที่ต่างกันออกไปในแต่ละฤดูค่ะ
เที่ยวชมธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่ฟุราโนะและบิเอ
เมืองฟุราโนะตั้งอยู่ใจกลางเกาะฮอกไกโด จึงถูกเรียกขานว่า "สะดือของฮอกไกโด" เป็นเมืองที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ รายล้อมไปด้วยภูเขาขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเทือกเขาโทกาจิในกลุ่มภูเขาไฟไดเซ็ทสึซัน ภูเขาอาชิเบ็ทสึ และภูเขายูบาริ เป็นต้น
ที่นี่มีกิจกรรมมากมายให้ได้สนุกกันค่ะ ทั้งการเดินเขาและล่องแก่งในฤดูใบไม้ผลิ หรือจะเป็นกีฬาฤดูหนาวเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว นอกจากนี้ยังมีผู้คนจำนวนมากมาเยือนฟุราโนะโดยมีเป้าหมายคือทุ่งดอกไม้ที่มีดอกไม้หลากชนิดผลัดกันบานสะพรั่งในแต่ละเดือน
และดอกไม้ที่ฮอตฮิตสุดๆ จนเรียกได้ว่าเป็นคำเรียกแทนเมืองฟุราโนะเลยก็คือลาเวนเดอร์นั่นเอง ดอกลาเวนเดอร์จะบานสะพรั่งที่สุดในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ภาพของพรมสีม่วงจากดอกลาเวนเดอร์ที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองนั้นเป็นอะไรที่น่าประทับใจสุดๆ ไปเลยค่ะ
นอกจากนี้ เมืองบิเอซึ่งอยู่ติดกับฟุราโนะก็เป็นเมืองที่สวยงามเช่นกัน พื้นที่แถบนั้นมีลักษณะเป็นเนินสูงต่ำ หากเป็นวันที่มีอากาศดีในช่วงฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อน เราขอแนะนำให้เช่าจักรยานปั่นจากบิเอไปฟุราโนะค่ะ
คราวนี้เราจะขอแนะนำวิธีการเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติที่ฟุราโนะและบิเอ ไปจนถึงอาหารและของฝาก รวมถึงจุดที่อยากให้ไปเยี่ยมชมกันให้ได้ค่ะ
ค้นหาและจองที่พักในฟุราโนะที่ Booking.com
ค้นหาและจองที่พักในฟุราโนะที่ agoda
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
สารบัญ:
・ เที่ยวชมธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่ฟุราโนะและบิเอ
1. ฟาร์มโทมิตะ
2. ฟลาวเวอร์แลนด์ คามิฟุราโนะ
3. ลานสกีฟุราโนะ
4. ฟุราโนะมาร์เช่
5. โรงบ่มไวน์ฟุราโนะ
6. โรงผลิตชีสฟุราโนะ
7. โรงผลิตแยมฟุราโนะ
8. สระน้ำสีฟ้า
・ พรรณพืชงามในฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูใบไม้ร่วงทิวทัศน์หิมะขาวโพลนในฤดูหนาว
・ วิธีการเดินทางไปยังฟุราโนะและบิเอ
・ แนะนำที่พักในฟุราโนะ
・ เช่ารถเที่ยวกันเถอะ
・ โฉมหน้าของฟุราโนะและบิเอที่แตกต่างกันในฤดูร้อนและฤดูหนาว
1. "ฟาร์มโทมิตะ" ทุ่งดอกไม้ซึ่งมีไฮไลท์อยู่ที่ดอกลาเวนเดอร์
เอื้อเฟื้อภาพโดย : ฟาร์มโทมิตะ
หากจะพูดถึงทุ่งดอกไม้กว้างใหญ่ที่ปลูกดอกลาเวนเดอร์ในเมืองฟุราโนะ ก็ต้องคิดถึงฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita) ค่ะ
ภายในนั้นมีทั้งทุ่งดอกไม้ สวน เรือนกระจก และป่ารวมกันทั้งสิ้น 13 แห่ง นักท่องเที่ยวสามารถชมดอกไม้และพืชพรรณได้ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคม จุดเด่นที่ทำให้ลาเวนเดอร์ของฟาร์มโทมิตะโด่งดังไปทั่วประเทศก็คือ "ทุ่งดอกลาเวนเดอร์แบบดั้งเดิม" นั่นเอง ที่นี่เป็นทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่มีประวัติยาวนานที่สุดในญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ
"ลาเวนเดอร์อีสท์ (Lavender East)" เป็นทุ่งลาเวนเดอร์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ดอกลาเวนเดอร์กว่า 90,000 ต้นในทุ่งนี้ ถูกปลูกเพื่อนำมาผลิตน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ ความสวยงามของทุ่งนี้เห็นแล้วตะลึงจนทำให้เราเผลอกลั้นหายใจไปโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
ขอแนะนำให้นั่งรถบัสลาเวนเดอร์ (Lavender Bus) ที่จะค่อยๆ ขับวนไปในทุ่ง "ลาเวนเดอร์อีสท์" โดยใช้เวลาราว 15 - 20 นาทีค่ะ ถ้าไปในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมก็จะได้เห็นบรรยากาศการเก็บเกี่ยวดอกลาเวนเดอร์ด้วย
"ลาเวนเดอร์อีสท์" จะเปิดให้เข้าชมเฉพาะเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการชมดอกลาเวนเดอร์เท่านั้น เตรียมวันหยุดในเดือนกรกฎาคมให้พร้อม สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวเข้ามาเลยค่ะ
เอื้อเฟื้อภาพโดย : ฟาร์มโทมิตะ
เมื่อเที่ยวกันจนเหนื่อยแล้ว เราก็ขอพักสักครู่ที่ร้านคาเฟ่ภายในฟาร์มซึ่งมีอยู่หลายแห่งทีเดียวค่ะ ขอนำเสนอซอฟท์ครีมผสมสารสกัดลาเวนเดอร์ (แบบโคน 350 เยน แบบถ้วย 300 เยน รวมภาษีแล้ว) เป็นซอฟท์ครีมที่มีกลิ่นหอมหวาน และยังได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเนื่องจากมีสีม่วงที่ถ่ายรูปออกมาแล้วดูสวยค่ะ
ฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita)
ที่อยู่ : Kisen Kita 15-go, Nakafurano, Sorachi, Hokkaido
การเดินทาง : นั่งรถไฟขบวนพิเศษ "Furano-Biei Norokko" สาย JR Furano จากนั้นลงที่สถานี Lavender Farm แล้วเดินต่อ 7 นาที (จำกัดวันเดินรถ กรุณาตรวจสอบที่นี่ก่อนนะคะ)
*ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไปจะมีรถไฟขบวนพิเศษ "Rapid Furano-Biei" ให้บริการไปกลับเพิ่มอีก 1 ขบวน
เว็บไซท์ทางการ : Farm Tomita (ภาษาอังกฤษ)
ซื้อตั๋ว JR Hokkaido Rail Pass จาก Klook
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
2. เที่ยวสนุกและอิ่มอร่อยที่ "ฟลาวเวอร์แลนด์ คามิฟุราโนะ"
เอื้อเฟื้อภาพโดย : ฟลาวเวอร์แลนด์ คามิฟุราโนะ
ฟลาวเวอร์แลนด์ คามิฟุราโนะ (Flower Land Kamifurano) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่ได้รับความนิยม ที่นี่มีดอกไม้สวยๆ ตามฤดูกาลให้ได้ชมกัน ในวันที่มีอากาศดี นักท่องเที่ยวก็จะนิยมนั่งรถแทรคเตอร์ชมทุ่งดอกไม้กันค่ะ (1 รอบใช้เวลาราว 10 นาที ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็ก 400 เยน)
จุดเด่นของที่นี่คือ นอกจากวิวทิวทัศน์สวยๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมมากมายให้ได้เลือกทำ ถ้าเลือกเข้าร่วม "กิจกรรมดอกไม้" ก็จะได้ประดิษฐ์ของที่ระลึกในการมาเยือนฟุราโนะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหมอนที่ใส่เครื่องหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ โปสการ์ดดอกไม้แห้ง หรือแผ่นป้ายดอกไม้แห้ง เป็นต้น
เอื้อเฟื้อภาพโดย : ฟลาวเวอร์แลนด์ คามิฟุราโนะ
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือในบริเวณนั้นจะมีฟาร์มเกษตร เราสามารถหาซื้อผักที่ปลูกและเก็บเกี่ยวจากที่นี่ได้ที่ร้านค้าค่ะ
หากเลือก "กิจกรรมอิ่มอร่อย" ก็จะได้ทานพืชผักที่เก็บในช่วงเช้าของวันนั้น ไม่ว่าจะเป็นหน่อไม้ฝรั่งสดๆ เมล่อน หรือข้าวโพดต้ม และในฤดูใบไม้ร่วงก็ยังเปิดโอกาสให้หยิบมันฝรั่งและหัวหอมใส่ตะกร้าแบบไม่อั้นในราคาเพียง 500 เยน เป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสความเป็นฮอกไกโดอย่างเต็มเปี่ยมค่ะ
ฟลาวเวอร์แลนด์ คามิฟุราโนะ (Flower Land Kamifurano)
ที่อยู่ : Nishi 5-sen Kita 27-go, Kamifurano, Sorachi, Hokkaido
การเดินทาง : นั่งรถจากสถานี JR Kamifurano ประมาณ 8 นาที
เว็บไซท์ทางการ : Flower Land Kamifurano (ภาษาอังกฤษ)
เช่ารถกับ NIPPON Rent-A-Car ตอนนี้รับทันทีส่วนลด 10%!
3. "ลานสกีฟุราโนะ" ทิวทัศน์อันงดงามของฤดูหนาวที่ดูไม่รู้เบื่อ
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Prince Grand Resort Furano
ฮอกไกโดมีลานสกีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ ลานสกีฟุราโนะ (Furano Ski Resort) แห่งนี้เป็นเนินสำหรับฝึกซ้อมสกีที่มีประวัติอันยาวนานค่ะ ในอดีตก็เคยเป็นสถานที่จัดการแข่งขันระดับประเทศมาแล้วหลายครั้ง
จุดเด่นของที่นี่คือมีคอร์สเส้นทางระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูงรวมกันถึง 23 เส้นทาง สำหรับ "Furano ZONE" ซึ่งมีเส้นทางสำหรับเล่นสกีระยะไกลนั้น เราสามารถเล่นสกีได้ต่อเนื่องเป็นระยะทางยาวกว่า 4 กิโลเมตรเลยทีเดียว
สำหรับ "Kitanomine ZONE" ก็มีโปรแกรมให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ระดับต้นไปจนถึงระดับสูง แม้จะเป็นมือใหม่ก็สามารถพัฒนาความสามารถไปทีละขั้นได้ค่ะ
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Prince Grand Resort Furano
ใน "Kitanomine ZONE" มีกระเช้า Kitanomine Gondola ที่จะพาเราไต่ระดับขึ้นไปรวดเดียว 2,958 เมตร เป็นสถานที่สำหรับนักเล่นสกีระดับกลางและระดับสูง ภาพทิวทัศน์ของภูเขาโทกาจิและเทือกเขาไดเซ็ทสึซันที่มองเห็นจากยอดเขาคิตะโนะมิเนะก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ค่ะ
นอกจากนี้เรายังสามารถชมวิวและสนุกไปกับการนั่งกระเช้า Furano Ropeway ความจุ 101 คนที่จะพาขึ้นไปยัง "Furano ZONE" ได้ด้วยค่ะ
ส่วนที่เชิงเขาก็มีสถานที่พักแรมอย่าง "New Furano Prince Hotel" และ "Furano Prince Hotel" และยังมีย่านชอปปิงอย่าง "Ningle Terrace" ที่เป็นอาคารไม้ซุง 15 หลัง ที่นี่มีบรรยากาศครึกครื้นเพราะนักท่องเที่ยวมาจับจ่ายใช้สอยกันเป็นจำนวนมากค่ะ
ลานสกีฟุราโนะ (Furano Ski Resort)
ที่อยู่ : Nakagoryo, Furano, Hokkaido
การเดินทาง : นั่งรถจากสถานี JR Furano ประมาณ 10 นาที
เว็บไซท์ทางการ : http://www.princehotels.com/en/ski/furano/ (ภาษาอังกฤษ)
ราคากระเช้า : Furano Ski Resort (ภาษาอังกฤษ)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
4. "ฟุราโนะมาร์เช่" ร้านนี้มีแต่ของสดใหม่แสนอร่อย!
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Furano Machizukuri Corporation
ฟุราโนะมาร์เช่ (Furano Marche) เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้มาเยือนได้สนุกไปกับวัฒนธรรมด้านอาหารแบบท้องถิ่น (ทั้งในด้านการประกอบอาหารและการกิน) มีพืชผลทางการเกษตรและอาหารแปรรูปบางอย่างที่สามารถซื้อหาได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น จึงมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมากเลยละค่ะ
ที่ร้าน "Souvenir Shop ARGENT" ภายในฟุราโนะมาร์เช่ มีสินค้าติดแบรนด์ฟุราโนะอยู่มากกว่า 2,000 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นไวน์ ชีส แยม หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์จากดอกลาเวนเดอร์ค่ะ
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Furano Machizukuri Corporation
และเมื่อพูดถึงคำว่า "มาร์เช่ (ตลาด)" ก็แน่นอนว่าหมายถึงสถานที่ที่จะซื้อหาพืชผลและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเกษตรกรได้โดยตรง เราสามารถซื้อผักสดอร่อยๆ ได้จากร้าน "Irodorina" หรือร้าน "Hogar" ค่ะ ผักสดที่วางขายกันอยู่ในฮอกไกโดไม่ว่าจะเป็นฟักทอง มะเขือเทศ หรือมันฝรั่ง ต่างก็เป็นผักที่ปลูกขึ้นในแถบฟุราโนะแทบทั้งสิ้น ผักสดๆ ที่สะอาดและปลอดภัยไว้ใจได้ หากได้ลองชิมครั้งหนึ่งก็จะต้องติดใจจนวางไม่ลงแน่ค่ะ
ในฟุราโนะมาร์เช่ยังมีร้านค้าแบบเทคเอาท์ที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในการสร้างสรรค์เมนูขึ้นอีก 12 ร้าน เช่น "Cafe SABOR" ที่ขายทั้งกาแฟและเครื่องดื่มตามฤดูกาล นอกจากนี้ก็ยังมีร้านราเม็งและร้านอาหารแบบตะวันตกอยู่ด้วย ลองหาโอกาสแวะมาให้ได้นะคะ
ฟุราโนะมาร์เช่ (Furano Marche)
ที่อยู่: 13-1 Saiwai-cho, Furano, Hokkaido
การเดินทาง: เดินประมาณ 7 นาทีจากสถานี JR Furano
เว็บไซท์ทางการ: Furano Marche (ภาษาญี่ปุ่น)
5. "โรงบ่มไวน์ฟุราโนะ"
ไวน์รสกลมกล่อม ผลผลิตจากธรรมชาติของฟุราโนะ
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Furanoshi Budokaju Research Institute
ในฮอกไกโดมีโรงบ่มไวน์อยู่เป็นจำนวนมาก ในแถบฟุราโนะเองก็เช่นกัน ที่นี่มีการปลูกองุ่นคุณภาพดีและมีกระบวนการผลิตไวน์มาตั้งแต่ปี 1972 แล้วค่ะ
โรงบ่มไวน์เป็นอาคารอิฐที่ตั้งอยู่ใจกลางภูเขา เราสามารถมาศึกษาดูขั้นตอนการผลิต "ไวน์ฟุราโนะ" รวมถึงเที่ยวชมโรงบ่มไวน์ได้ที่นี่ และยังมีให้ทดลองชิมไวน์ด้วยนะคะ (เที่ยวชมตามอัธยาศัย)
แน่นอนว่าสามารถซื้อหาสินค้าออริจินัล ไวน์ และผลิตภัณฑ์จากน้ำองุ่นได้ที่ร้านค้าภายในอาคารค่ะ
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Furanoshi Budokaju Research Institute
อันที่จริงแล้วเราสามารถซื้อ "ไวน์ฟุราโนะ" ได้จากร้านค้าปลีกทั่วฮอกไกโด แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสินค้าที่ขายเฉพาะในโรงบ่มอยู่ด้วย ยกตัวอย่างเช่น "Zweigeltrebe Saignée & American oak matured" ซึ่งเป็นไวน์หายากที่มีขายเฉพาะที่นี่เท่านั้น คนรักไวน์ห้ามพลาดค่ะ
นอกจากนี้ภายในบริเวณโรงบ่มก็ยังมีทุ่งลาเวนเดอร์อยู่ด้วย พอถึงฤดูที่ดอกลาเวนเดอร์บานก็จะมีการจัดแสดงแสงสีทุกปี ลองมาดูกันให้ได้นะคะว่าในช่วงกลางวันและกลางคืนจะสวยงามแตกต่างกันอย่างไร
โรงบ่มไวน์ฟุราโนะ (Furano Winery)
ที่อยู่ : 1161 Shimizuyama, Furano, Hokkaido
การเดินทาง : นั่งรถจากสถานี JR Furano ประมาณ 7 นาที
เว็บไซท์ทางการ : Furano Winery (ภาษาญี่ปุ่น)
6. เพลิดเพลินไปกับผลิตภัณฑ์จากนมที่ "โรงผลิตชีสฟุราโนะ"
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Furano Nosan Kosha
ผลิตภัณฑ์นมจากโรงผลิตชีสฟุราโนะถือเป็นของฝากอีกอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากค่ะ
ผลิตภัณฑ์ของที่นี่มีทั้งเนยและชีสที่ผลิตด้วยกระบวนการตามธรรมชาติโดยใช้นมวัวคั้นสดๆ จากฟาร์มในฟุราโนะ และสินค้าขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ "Wine Cheddar Cheese" ซึ่งผสมไวน์แดงฟุราโนะ ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่ผลิตชีสชนิดนี้ขึ้นมาค่ะ
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Furano Nosan Kosha
โรงผลิตชีสแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มีต้นเบิร์ชขาวรายล้อม และยังสามารถดูห้องผลิตชีสและห้องหมักบ่มผ่านกระจกได้อีกด้วย
บนชั้น 2 มีพื้นที่สำหรับขายสินค้า จะเลือกซื้อพร้อมกับชิมไปด้วยก็ได้ สินค้ายอดฮิตได้แก่ชีสและนมที่ผลิตขึ้นในโรงผลิตชีสแห่งนี้ รวมถึงขนมที่ทำจากเนยค่ะ
ในห้องปฏิบัติการมีเปิดชั้นเรียนให้ร่วมกิจกรรมทำเนย ไอศกรีม และชีสแบบโฮมเมดทุกวัน สามารถร่วมกิจกรรมทำเนยและไอศกรีมได้ในราคา 1,000 เยน และชีสในราคา 1,100 เยน สามารถเข้าร่วมในวันงานได้เลย แต่ถ้าจะให้มั่นใจก็จองล่วงหน้าทางโทรศัพท์ โทรสาร หรืออีเมล (cheese@furano.ne.jp) ดีกว่า
ถัดจากนั้นก็เป็นห้องอบพิซซ่า เราสามารถทานพิซซ่ามาร์เกริต้าที่ใช้มอสซาเรลล่าชีสจากโรงผลิตชีสได้ด้วยนะคะ (ราคารวมภาษี 1,650 เยน) หลังจากที่ทานพิซซ่าแล้วก็ล้างปากต่อด้วยซอฟท์ครีมชีสสด (ราคารวมภาษี 400 เยน) หรือเจลาโต้ (ราคารวมภาษี 350 เยนต่อ 1 ที่) ที่ห้องทำไอศกรีมจากนมในบริเวณเดียวกันได้เลย
โรงผลิตชีสฟุราโนะ (Furano Cheese Factory)
ที่อยู่ : Nakagoku, Furano, Hokkaido
การเดินทาง : นั่งรถจากสถานี JR Furano ประมาณ 10 นาที
เว็บไซท์ทางการ : Furano Cheese Factory (ภาษาญี่ปุ่น)
7. "โรงผลิตแยมฟุราโนะ" แยมหลากหลายชนิด
จากวัตถุดิบในฮอกไกโดที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Kyohsai Farm Ltd.
โรงผลิตแยมฟุราโนะ (Furano Jam Garden) เปิดทำการตั้งแต่ปี 1986 ภายในร้านอัดแน่นไปด้วยแยมหลากหลายชนิด เป็นร้านขายของฝากที่สามารถเลือกชมเลือกชิมแยมได้ถึง 38 ชนิด แยมของที่นี่จะใช้วัตถุดิบที่ผลิตขึ้นในฮอกไกโด และมีบางส่วนใช้ผลผลิตที่ปลูกและเก็บเกี่ยวจากไร่ของทางร้านเองด้วยค่ะ
สินค้ายอดฮิตของที่นี่คือ Haskap Jam (หรือ Honeysuckle) ซึ่งทำมาจากผลไม้ที่เติบโตตามธรรมชาติในฮอกไกโดเท่านั้น (ราคารวมภาษี 972 เยน) รสชาติจะใกล้เคียงกับบลูเบอร์รี่ แต่เข้มข้นและเปรี้ยวกว่า เป็นอาหารให้พลังงานที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิดค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแยมสตรอเบอร์รี่ที่วางขายตลอดทั้งปี หรือแยมเมล่อนเข้มข้นที่ทำจากเมล่อนฟุราโนะ ทำเอาเลือกซื้อไม่ถูกเลยทีเดียว
ทางร้านได้เตรียมแยมใส่กระปุกเล็กๆ เอาไว้ด้วย มาลองเลือกชิมเลือกซื้อกันดูนะคะ
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Kyohsai Farm Ltd.
ติดกับโรงผลิตแยม มีโรงงานทำขนมอยู่ด้วย ที่นี่เราจะได้ลองครัวซองต์คาตาลาน่า (Croissant Catalana) ซึ่งเป็นครัวซองต์กรุบกรอบสอดไส้ crema catalana ค่ะ (ราคารวมภาษี 480 เยน)
และไม่ใช่แค่ "ซื้อ" หรือ "ทาน" เท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีคลาสสอนทำแยมจากสตรอเบอร์รี่หรือกีวี่เปิดสอนทุกวันด้วยค่ะ สำหรับการจองคลาสล่วงหน้า ลองตรวจสอบที่เว็บไซท์ทางการ (ภาษาอังกฤษ) ดูนะคะ
แยมที่ทำด้วยตัวเองจะต้องเป็นของฝากที่น่าประทับใจแน่นอนค่ะ
โรงผลิตแยมฟุราโนะ (Furano Jam Garden)
ที่อยู่ : 3 Higashirokugou, Furano, Hokkaido
การเดินทาง : นั่งรถจากสถานี JR Furano ประมาณ 30 นาที
เว็บไซท์ทางการ : https://www.furanojam.com/furano_us/ (ภาษาอังกฤษ)
หาตั๋วและกิจกรรมต่างๆ ที่ฮอกไกโดในราคาสุดพิเศษได้ที่ Klook
8. "สระน้ำสีฟ้า" ความงดงามดุจจินตนาการที่ธรรมชาติสร้างสรรค์
เดินทางออกจากฟุราโนะไปเล็กน้อย เราก็จะพบกับ "อาโออิ อิเคะ หรือสระน้ำสีฟ้า (Blue Pond)" แห่งบิเอที่เราอยากให้ทุกคนมาเที่ยวชมกันให้ได้ค่ะ
ที่นี่เป็นสระน้ำจำลองที่ผิวน้ำมีสีฟ้าน่าพิศวง มีต้นสนคารามัตสึที่ยืนต้นตายอยู่กลางน้ำ ให้บรรยากาศที่ดูราวกับอยู่ในโลกจินตนาการ มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่หลงเสน่ห์ของทิวทัศน์อันงดงามของที่นี่จนต้องเดินทางมาซ้ำแล้วซ้ำอีก
เรื่องที่อยากให้ระมัดระวังคือลมและสภาพอากาศ หากสภาพอากาศไม่ดีก็จะไม่ได้เห็นภาพทิวทัศน์สวยๆ เพราะฉะนั้นควรเลือกวันที่มีอากาศแจ่มใสเข้าไว้นะคะ ไม่แนะนำให้ไปในวันถัดจากวันที่มีฝนตกเพราะน้ำจะขุ่นค่ะ
ว่ากันว่าช่วงกลางเดือนพฤษภาคม - ปลายเดือนมิถุนายนเป็นช่วงที่มีโอกาสเห็นผิวน้ำสีฟ้าสวยได้มากที่สุด
ถ้าไม่สามารถไปเที่ยวในช่วงพีคได้ ในช่วงเย็นของฤดูหนาว (เดือนพฤศจิกายน - มีนาคม) ก็ยังมีจัดแสดงแสงสีที่สระน้ำสีฟ้า เป็นภาพที่สวยไปอีกแบบ แตกต่างจากในช่วงฤดูใบไม้ผลิค่ะ
ลองมาสัมผัสกับความน่าพิศวงของธรรมชาติกันดูค่ะ
สระน้ำสีฟ้า (Blue Pond)
ที่อยู่ : Shirogane, Biei, Kamikawa, Hokkaido
การเดินทาง : จากสถานี JR Biei นั่งรถยนต์ประมาณ 20 นาที หรือนั่งรถบัส Dohoku ประมาณ 20 นาที
ซื้อตั๋ว JR Hokkaido Rail Pass จาก Klook
พรรณพืชงามในฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูใบไม้ร่วง
ทิวทัศน์หิมะขาวโพลนในฤดูหนาว
คำกล่าวที่ว่า "พรรณพืชในฤดูร้อน ทิวทัศน์หิมะในฤดูหนาว" เป็นแนวทางสำหรับการท่องเที่ยวในแถบฟุราโนะและบิเอค่ะ การท่องเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนเมษายนเป็นต้นไป ดอกซากุระจะบานในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และยังมีดอกไม้นานาพันธุ์บานไปจนกระทั่งถึงเดือนตุลาคม
ในช่วงนั้น เส้นทางหลวงหมายเลข 237 ซึ่งเชื่อมจากบิเอไปยังฟุราโนะจะถูกขนานนามว่า "เส้นทางดอกไม้" และจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเที่ยวชมสวนค่ะ
ดอกไม้ที่บานในเดือนพฤษภาคมได้แก่ดอกลูพินและดอกทิวลิป ส่วนดอกไม้ที่บานในเดือนมิถุนายนได้แก่ดอกบลูซัลเวียและดอกป๊อปปี้ และตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนก็จะเป็นช่วงที่ดอกลาเวนเดอร์เริ่มบาน ส่วนช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการไปชมดอกลาเวนเดอร์คือตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปค่ะ
นอกจากนี้ยังมีดอกทานตะวันและดอกคอสมอสบานในเดือนสิงหาคม ตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงตุลาคมก็จะมีดอกคิการาชิและดอกดาห์เลียมาแต่งแต้มสีสันให้กับฤดูใบไม้ร่วง
พืชพรรณที่ผลิดอกอยู่บนภูเขาก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่นะคะ มีดอกไม้นานาพันธุ์ที่แตกต่างจากในสวนผลิบานตั้งแต่ภูเขาฟุราโนะไปจนกระทั่งถึงเทือกเขาโทกาจิ และตั้งแต่ภูเขาฟุราโนะนิชิไปจนกระทั่งถึงภูเขาอาชิเบ็ทสึ ขอแนะนำให้มาเดินเขาพร้อมกับชมดอกไม้ไปด้วยค่ะ
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Prince Grand Resort Furano
แถบนี้จะเรื่มเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พอเข้าเดือนมกราคม เราก็อาจได้เห็นภาพทิวทัศน์อันน่าพิศวงของฟุราโนะและบิเอซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเกาะ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ที่ผลัดใบทิ้งในฤดูหนาวแล้วถูกเกล็ดหิมะปกคลุมจนกลายเป็น "ต้นไม้น้ำแข็ง" ไอน้ำที่กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งหรือที่เรียกกันว่า "ไดมอนด์ดัสท์ (Diamond Dust)" และ "เสาแสงอาทิตย์ (Sun Pillar)" ที่เกิดจากแสงอาทิตย์กระทบกับเกล็ดน้ำแข็งในเมฆหรือหิมะในอากาศ ปรากฏเป็นลำแสงตั้งตรงเหมือนเสา เป็นต้น
ไม่ว่าจะมาเที่ยวช่วงไหนก็จะต้องประทับใจกับความสวยงามของธรรมชาติที่นี่อย่างแน่นอนค่ะ
บริเวณที่เหมาะสำหรับชื่นชมทิวทัศน์คือโซนคามิฟุราโนะ เช่นฟาร์มโทมิตะ ฟลาวเวอร์แลนด์คามิฟุราโนะ หรือสระน้ำสีฟ้าที่บิเอ ขณะที่โซนฟุราโนะรอบสถานีฟุราโนะจะเหมาะกับการทำกิจกรรมต่างๆ ค่ะ
จะวางแผนแบบนี้ก็ได้นะคะ วันแรกเที่ยวชมทิวทัศน์ที่โซนคามิฟุราโนะ จากนั้นก็มาพักค้างคืนที่ฟุราโนะ 1 คืน แล้วค่อยไปเที่ยวโซนฟุราโนะในวันรุ่งขึ้น
ที่ต้องระวังคือ โรงผลิตแยมฟุราโนะจะตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า Rokugo ซึ่งห่างจากสถานีฟุราโนะออกมาเล็กน้อยค่ะ
ค้นหาและจองที่พักในฟุราโนะที่ Booking.com
ค้นหาและจองที่พักในฟุราโนะที่ agoda
วิธีการเดินทางไปยังฟุราโนะและบิเอ
จากสนามบินชินชิโตเสะถึงฟุราโนะ
ไม่มีรสบัสตรงจากสนามบินชินชิโตเสะไปถึงฟุราโนะ หากเช่ารถมาขับจะใช้เวลา 2 ชั่วโมง 10 นาที ถ้าใช้ทางปกติก็จะใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง
หรือจะนั่งรถไฟ JR ผ่านซัปโปโรก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเช่นกัน (4,800 เยน)
คลิกที่นี่เพื่อจองตั๋ว skyticket
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
จากซัปโปโรถึงฟุราโนะ
ถ้าใช้ทางด่วน ก็มีรถบัสด่วนพิเศษ จะใช้เวลาราว 3 ชั่วโมงจากซัปโปโร (Hokkaido Chuo Bus สาย Highway Furano ราคา 2,500 เยน) หากเช่ารถมาขับจะใช้เวลา 2 ชั่วโมง 10 นาที ถ้าใช้ถนนปกติก็จะใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง
ถ้านั่งรถไฟ JR จะใช้เวลาประมาณ 2 - 4 ชั่วโมง (2,860 - 6,430 เยน)
ตรวจสอบที่นั่งและราคาล่าสุดของ Express Bus WILLER
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
แนะนำที่พักในฟุราโนะ
Picture courtesy of Booking.com
เสน่ห์ของ "Shin Furano Prince Hotel" คือสามารถเพลิดเพลินกับวิวสวยยอดเยี่ยมจากห้องพักสุดหรู และบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่สามารถลิ้มลองอาหารสุดอร่อยของฮอกไกโด ในละแวกโรงแรมมีร้านอาหาร คาเฟ่ และย่านชอปปิง "Ningle Terrace" แค่มาพักค้างคืนก็คุ้มแล้ว เป็นโรงแรมแนะนำสำหรับครอบครัวที่มีเด็กและคู่รัก
ในพื้นที่ฟุราโนะและบิเอเต็มไปด้วยธรรมชาติ และมีอาคารที่พักมากมายที่สามารถใช้เวลาพักผ่อนในบรรยากาศส่วนตัวได้ เพราะเป็นพื้นที่ใกล้กับสกีรีสอร์ต จึงมีโรงแรมหลากหลายประเภท เช่น โรงแรมเก่าแก่ โรงแรมรีสอร์ต และที่พักแบบคอนโดมิเนียม เลือกเข้าพักในที่พักตามความชอบและจุดหมายที่ไปเที่ยวเพื่อจะได้สนุกกับการเที่ยวได้เต็มที่มากขึ้น
เช็คห้องว่างที่ New Furano Prince Hotel กับ Booking.com
ค้นหาและจองที่พักในฮอกไกโดกับ Booking.com
เช่ารถเที่ยวกันเถอะ
จากบทความ "วิธีการเช่ารถที่ญี่ปุ่น และข้อควรรู้ต่างๆ"
โดยทั่วไปแล้ว การเดินทางด้วยรถเช่าในฟุราโนะและบิเอถือว่าสะดวกสบายค่ะ แต่ในฤดูหนาวจะมีหิมะหนาจึงต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ
หากไม่สามารถเดินทางด้วยรถเช่าได้ ขอแนะนำให้ใช้บริการ Sightseeing Bus หรือ Tour Bus ค่ะ รถบัส "สาย Kururu" ที่ให้บริการเฉพาะในฤดูร้อนจะขับวนรอบจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ อย่างฟุราโนะมาร์เช่ โรงผลิตชีสฟุราโนะ และโรงกลั่นไวน์ฟุราโนะเป็นต้น
นอกจากนี้ยังสามารถใช้รถแท็กซี่หรือ "รถไฟ JR สาย Furano-Biei Norokko" รถไฟเพื่อการท่องเที่ยวที่ให้บริการเฉพาะฤดูร้อนได้ด้วยค่ะ
ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางไปยังฟุราโนะ และการเดินทางภายในฟุราโนะ : Furano Tourism Association (ภาษาอังกฤษ)
โฉมหน้าของฟุราโนะและบิเอที่แตกต่างกันในฤดูร้อนและฤดูหนาว
ที่นี่มีทั้งธรรมชาติอันกว้างใหญ่ไพศาลและของกินอร่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนหรือฤดูหนาวก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน หากได้ไปเยือนสักครั้งหนึ่งแล้วก็จะต้องอยากไปอีกครั้งในฤดูกาลที่ต่างออกไปอย่างแน่นอน ฟุราโนะและบิเอเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของฮอกไกโดจนทำให้เราอยากเอ่ยคำว่า "กลับมาแล้วค่ะ" เลยทีเดียว
เช่ารถพร้อมพนักงานขับในฮอกไกโดที่ Klook
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง