Start planning your trip

อาซาฮิคาวะ (Asahikawa) เมืองใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางของเกาะฮอกไกโด เป็นเมืองใหญ่รองจากซัปโปโร ล้อมรอบด้วยเทือกเขาไดเซ็ตสึซันและแม่น้ำน้อยใหญ่ มีธรรมชาติสวยๆ ให้ดูได้ตลอด 4 ฤดู มาดูกันมีอะไรบ้างในเมืองอาซาฮิคาวะ ที่มีความลงตัวระหว่างธรรมชาติและกลางเมือง
เมืองที่สามารถชื่นชมธรรมชาติและความเป็นเมืองใหญ่ได้ในที่เดียวกันในจังหวัดฮอกไกโดนั้นมีไม่มากนัก หนึ่งในนั้นก็คือเมืองอาซาฮิคาวะ (Asahikawa) ที่ไม่ว่าจะกิจกรรมแบบไหนก็มีให้ครบ ทั้งการเดินเที่ยวชม หาของกิน ช้อปปิ้ง และอื่นๆ เมืองนี้มีทั้งหมด ทำให้เมืองอาซาฮิคาวะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี
เมืองอาซาฮิคาวะมีการปลูกข้าวและทำการเกษตรเป็นจำนวนมากเพราะมีน้ำบริสุทธิ์ที่ละลายจากน้ำแข็งของภูเขาหิมะและธารน้ำใต้ดิน ประกอบกับสภาพภูมิอากาศเย็นที่พอเหมาะพอดี ด้วยความว่าเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอับดับ 2 ของเกาะฮอกไกโด ทำให้มีร้านค้าที่ขายข้าวและผักที่ปลูกได้ในเมือง และยังมีร้านขายอาหารทะเลตั้งอยู่มากมาย
การคมนาคมทางอากาศก็ถือว่าสมบูรณ์แบบ ทำให้แต่ละปีมีผู้มาท่องเที่ยวกว่า 5 ล้านคนจากทั้งในและต่างประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2018 สนามบินอาซาฮิคาวะจะเปิด Terminal ใหม่เพื่อรองรับสายการบินจากต่างประเทศให้เต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น ก็จะทำให้เมืองอาซาฮิคาวะนั้นกลายเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบในด้านของการท่องเที่ยวเลยทีเดียว
ในบทความนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ 7 แห่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวเมืองอาซาฮิคาวะ
ถ้าพูดถึงชื่ออาซาฮิคาวะก็คงไม่แคล้วนึกถึงสวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo) สวนสัตว์ที่อยู่ในจังหวัดเหนือสุดของประเทศ ครั้งหนึ่งที่นี่เคยประสบปัญหานักท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก แต่จากการรีโนเวทให้กลายเป็นสวนสัตว์ที่มีความเฉพาะตัว ทำให้ตอนนี้สวนสัตว์อาซาฮิคาวะกลายเป็นสวนสัตว์แบบพิเศษที่มีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศญี่ปุ่น
นั่นก็คือการจัดแสดงสัตว์แบบเน้นสร้างสิ่งแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด เพื่อให้สัตว์ไม่รู้สึกเครียดและกลับมามีชีวิตชีวามากขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ทางสวนสัตว์ยังพยายามเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างคนกับสัตว์ให้มากขึ้นอีกด้วย
ส่วนสัตว์ยอดนิยมภายในสวนสัตว์ก็คงไม่พ้นหมีขาวขั้วโลกสุดน่ารัก ซึ่งนอกจากจะเพลิดเพลินไปกับท่าทางอันน่าเอ็นดูระหว่างที่หมีขาวกำลังเล่นน้ำ ยังสามารถชมอรรถกิริยาของหมีขาวจากมุมมองของแมวน้ำจากด้านล่างหรือที่เรียกว่า Seal-eye ได้อีกด้วย
การเดินทาง : จากสถานี JR อาซาฮิกาว่า นั่งรถบัสของ Asahikawa Electric Railway (สาย Asahiyama Zoo 41, 42 หรือ 47) ใช้เวลา 40 นาที
ข้อมูลค่าผ่านประตูและส่วนลดพิเศษต่างๆ ดูได้จาก : http://yukibi.marryblossom.com/abouts/
ชั้น 2 จัดแสดงภาพพิมพ์อุคิโยะเอะเรื่องราวเกี่ยวกับสาเก Otokoyama และหนังสือเคล็ดลับการทำสาเก
Picture courtesy of Otokoyama Co., Ltd.
โอโตโกยามะ (Otokoyama) เหล้าญี่ปุ่นแสนอร่อยที่ให้กลิ่นหอมของข้าวและรสสัมผัสเบานุ่มลิ้น เพราะใช้น้ำจากธารน้ำใต้ดินที่ไหลจากเทือกเขาไดเซ็ตสึซัน (Daisetsuzan) หนึ่งในร้อยภูเขาขึ้นชื่อของญี่ปุ่น และเมล็ดข้าวพันธุ์ดี เสริมด้วยอุณหภูมิอันหนาวเหน็บของอาซาฮิคาวะที่เหมาะแก่การหมักเหล้า
พิพิธภัณฑ์ Otokoyama Sake Brewery Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวของเหล้าโอโตโกยามะ และอุตสาหกรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นอย่างวัฒนธรรมการทำสาเก จัดแสดงเอกสารจากสำคัญจากยุคเอโดะ และเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการหมักเหล้า
ที่ชั้น 3 จะเป็นการจัดแสดงแก้วสาเกและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการหมัก มีการจัดเตรียม VTR ขั้นตอนการทำสาเกและประวัติของโอโตโกยามะเป็นภาษาต่างๆ ถึง 5 ภาษา มีภาษาไทยด้วยนะ! (ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาเกาหลี และภาษาไทย)
ที่ชั้น 1 มีส่วนทดลองชิมสาเกโอโตโกยามะ หรือจะเป็นสินค้าที่มีขายเฉพาะฤดูและสินค้าเฉพาะพิพิธภัณฑ์จัดเตรียมเอาไว้ให้เลือกซื้อเลือกหาอีกมากมาย
การเดินทาง : ลงรถไฟที่สถานี JR Asahikawa ต่อรถบัสอีก 20 นาที ลงป้าย Nagayama 2 Jo 6 Chome และเดินต่ออีก 2 นาที หรือนั่งรถจากสนามบิน Asahikawa ใช้เวลา 30 นาที
Picture courtesy of Asahikawa Ramen Village
สำหรับอาหารท้องถิ่นของเมืองอาซาฮิคาวะก็คงไม่พ้น ราเม็ง ที่มีความพิเศษก็คือการใช้ดาชิหรือน้ำซุป จากกระดูกหมูและโครงไก่มาผสมกับซุปจากอาหารทะเล แต่งรสด้วยโชยุ เป็นราเม็งที่มีรสชาติเฉพาะตัวของเมืองอาซาฮิคาวะ
นอกจากนี้ยังมีการใช้มันหมูในซุป เป็นเคล็ดลับของแถบนี้เพราะสภาพอากาศแถวนี้หนาวมาก พอมีน้ำมันมาเคลือบผิวหน้าของราเม็งก็จะทำให้ราเม็งเย็นช้าลง
ในหมู่บ้านราเม็ง Asahikawa Ramen Village ได้รวบรวมร้านราเม็งท้องถิ่น 8 ร้านมาไว้ด้วยกัน แต่ละร้านก็มีการพัฒนาราเม็งของตัวเองให้มีความเฉพาะตัว แล้วยังมีราเม็งชามเล็กขายด้วย สำหรับลูกค้าที่อยากลองชิมทีเดียวหลายๆ ร้านจะได้ไม่อิ่มจนลองชิมไม่ไหว
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากสวนสัตว์อาซาฮิคาวะและฟาร์มอุเอโนะ เลยกลายเป็นจุดแวะเติมพลังสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งขาไปและขากลับ
การเดินทาง : ลงรถไฟสถานี JR Minami Nagayama เดินต่ออีก 8 นาที หรือนั่งรถจากสถานี JR Asahikawa 20 นาที หรือนั่งรถจากสนามบิน Asahikawa ใช้เวลา 30 นาที
Picture courtesy of Asahikawa Heiwadori Shopping District Promotional Association
ถนนช้อปปิ้งอาซาฮิคาวะ เฮวะโดริ (Asahikawa Heiwa-dori Shopping Street) ถูกสร้างขึ้นในปี 1972 เป็นถนนสำหรับคนเดินโดยเฉพาะแห่งแรกในญี่ปุ่น มีร้านค้ามากมายตั้งแต่ร้านกินดื่ม ไปจนถึงร้านขายข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นย่านการค้าสำคัญของคนในท้องที่มาตั้งแต่สมัยก่อน ถนนสายนี้เริ่มต้นจากสถานี JR Asahikawa ยาวออกไปร่วม 1 กิโลเมตร
ถ้าจะหาซื้อของฝากล่ะก็ต้องห้ามพลาดร้าน Machinaka Kouryukan Shop ที่นี่มีสินค้าลายตัวมาสคอตของเมือง สินค้าแปรรูป สินค้าหัตถกรรมงานฝีมือต่างๆ แค่มาเดินดูเฉยๆ ก็ตื่นตาตื่นใจไปกับสินค้าหลากหลายแล้ว
นอกจากนี้ก็ต้องลองชาบูชาบูจากเนื้อแกะ ของขึ้นชื่ออีกอย่างของฮอกไกโดที่ร้านดัง Benkei (เบ็งเค) เนื้อแกะที่นุ่มและไม่มีกลิ่นพอเอามาทำชาบูชาบูแล้วก็ได้รสอร่อยที่แตกต่างจากเจงกิสข่าน (เนื้อแกะย่างกะทะร้อน) ไปอีกแบบ
นอกจากเรื่องการซื้อของแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมต่างๆ อีกมากตลอดปี อย่างทุกเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีก็มี Asahikawa Festival ที่จัดพร้อมกับ Ice Sculpture World Meetings กิจกรรมแกะสลักน้ำแข็งระดับโลก พอเดือนสิงหาคมก็เป็น Asahikawa Summer Festival ส่วนเดือนกันยายนก็มีกิจกรรมรวมของอร่อย North Hokkaido Food Festival Tabe Marche
การเดินทาง : ลงรถไฟ JR สถานี Asahikawa เดิน 1 นาที
จาก ชมดอกไม้หน้าร้อนบนภูเขาไฟที่อาซาฮิดาเกะ ยอดเขาที่สูงที่สุดของฮอกไกโด (ภาษาจีนตัวเต็ม)
เขตฮิกาชิคาวะ (Higashikawa) ที่อยู่ติดกับอาซาฮิคาวะมียอดเขาที่สูงที่สุดของฮอกไกโดอยู่คือเขาอาซาฮิดาเกะ (Asahidake) มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,291 เมตร ได้รับการเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 ภูเขาที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
ช่วงที่เหมาะจะไปเดินเขาจะอยู่ราวปลายเดือนมิถุนายน ยาวไปถึงช่วงต้นเดือนตุลาคม โดยปกติในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายนจะมีการจัดกิจกรรมการเปิดเขาประจำปี ส่วนช่วงที่พีคที่สุดคือปลายเดือนกรกฎาคม เพราะจะมีพรรณไม้บนที่สูงผลิดอกเบ่งบานไปทั่วพื้นที่อย่างสวยงามราวกับสวรรค์ก็ไม่ปาน จนคนญี่ปุ่นเรียกที่นี่ว่า Kamigami no Yadoru Niwa หรือแปลเป็นไทยได้ว่าสวนสวรรค์ที่เทพอาศัยอยู่ นั่นเอง
และที่นี่เองก็ยังเป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ที่จะเปลี่ยนสีเร็วที่สุดในญี่ปุ่นด้วย ใบไม้จะเริ่มแดงในช่วงกลางถึงปลายเดือนกันยายน และจะเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนที่นี่เป็นจำนวนมาก
กิจกรรมอื่นๆ ที่สามารถทำได้ที่นี่ก็เช่น คอร์สเดินเขา 1 ชั่วโมง หรือเล่นสกีที่ Asahidake Ski Course ซึ่งที่นี่เปิดให้เล่นสกีนานที่สุดในญี่ปุ่นเลย (เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม ถึงเดือนพฤษภาคมของปีถัดไป)
ในบริเวณใกล้เคียงมีที่พักทั้งหมด 9 ที่ด้วยกัน และแน่นอนต้องมีออนเซ็นด้วย หลังจากสนุกกับการท่องเที่ยวหรือการเล่นกีฬาบนเขาอาซาฮิดาเกะแล้วก็กลับไปที่พัก และใช้เวลาพักผ่อนไปกับการแช่ออนเซ็นคลายหนาว เป็นการปิดทริปอย่างสมบูรณ์แบบ
การเดินทาง : ลงรถไฟสถานี JR Asahikawa นั่งรถต่ออีก 1 ชั่วโมง 10 นาที หรือนั่งรถจากสนามบิน Asahikawa ใช้เวลา 60 นาที
มีบริการรถบัสสาย Ideyu-go ไปยังเขาอาซาฮิดาเกะ จากสถานีรถไฟและสนามบิน Asahikawa ในแต่ละวันมีบริการทั้งหมด 4 รอบไป-กลับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเวลารถบัสได้ที่นี่
ดูตารางการให้บริการรถกระเช้าและค่าบริการได้ที่นี่
Picture courtesy of Ueno Farm
อุเอโนะฟาร์ม (Ueno Farm) เป็นสวนที่มีดอกไม้บานสะพรั่งให้ชมตลอดทั้งปี มีพรรณไม้นานับชนิดกว่า 2,000 สายพันธุ์สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันผลิบานในแต่ละฤดู เรียกได้ว่าถ้ามาเดือนละครั้งก็จะได้เห็นวิวที่ต่างกันไปทุกครั้งเลย
ด้วยความเป็นฮอกไกโด ทำให้ดอกไม้ที่นี่มีสีเข้มกว่าที่อื่น หรือดอกบางชนิดที่ปกติจะบานคนละฤดู พอมาอยู่ที่นี่กลับบานพร้อมกัน เป็นความพิเศษที่หาได้จากฮอกไกโดที่เดียว และสวนแห่งนี้ยังถูกขนานนามว่า Hokkaido Garden อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมี NAYACafé คาเฟ่ที่ใช้บ้านเก่านำมาปรับปรุงใหม่ ภายในร้านมีบริการเสิร์ฟอาหารว่างและของหวานที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่น ช่วงสุดสัปดาห์ภายในเดือนมิถุยายนถึงเดือนกันยายนของทุกปี เกษตรกรในละแวกใกล้เคียงก็จะนำผลหมากรากไม้สดๆที่พึ่งเก็บได้มาวางขายในกิจกรรม Holiday Marche (บางช่วงอาจจะไม่มี ขึ้นอยู่กับผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้) และสามารถสนทนาภาษาเกษตรกับเกษตรกรที่มาร่วมกิจกรรมในงานได้ด้วย
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR ซากุระโอกะ (Sakuraoka) ประมาณ 15 นาที
สถานที่ที่แนะนำในบทความนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ห่างจากตัวเมืองอาซาฮิคาวะมากนัก เดินทางไปเที่ยวได้ง่าย แต่ว่าถ้าอยากจะค่อยๆ เดินเที่ยวสบายๆ ที่สวนสัตว์อาซาฮิคาวะ หรืออุเอโนะฟาร์ม ก็อาจต้องเพิ่มเวลาเข้าไปอีกซักหน่อย
ยิ่งถ้าเป็นเขาอาซาฮิดาเกะที่อยู่เมืองข้างๆ นั้นจะห่างจากตัวเมืองพอสมควร รอบๆ เขาก็มีที่พักอยู่ประมาณหนึ่ง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้เผื่อเวลาอีกซัก 1 คืนจะได้มีเวลาเที่ยวแต่ละที่ได้แบบเต็มที่
ทางเราขอแนะนำให้ค้าง 1-2 คืนในตัวเมือง และถ้าจะไปเที่ยวเขาอาซาฮิดาเกะก็เพิ่มไปอีก 1 คืนจะเป็นคอร์สที่ค่อนข้างลงตัวที่สุด ถ้าใครอยากจะเช่ารถขับเที่ยวแบบหวานเย็นไม่รีบร้อน ก็แนะนำให้เพิ่มวันแล้วแวะไปที่เมืองข้างๆ อย่าง ฟุราโนะและบิเอด้วยเลย
Picture courtesy of Asahikawa City Tourism Division
Asahikawa Winter Festival เทศกาลฤดูหนาวของอาซาฮิคาวะ จัดเป็นประจำทุกๆ 2 ปี แต่ละครั้งจะจัดงานประมาณ 1 สัปดาห์ และมีกิจกรรมมากมายภายในงาน
พระเอกของงานนี้คือรูปปั้นน้ำแข็งที่ถูกตั้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ ตามมาด้วยการไลท์อัพประดับไฟ การฉาย Projection Mapping และพลุในตอนกลางคืนอันแสนตื่นตา และที่ขาดไม่ได้ก็คือ Winter Marche โซนรวมของอร่อยขึ้นชื่อของฮอกไกโด แน่นอนว่าราเม็งก็มี อากาศหนาวๆ มาทานราเม็งเพิ่มความอบอุ่นกัน
ในแต่ละปีคอนเซปต์การจัดงานก็จะแตกต่างกัน ก่อนไปลองดูจากเว็บไซต์ทางการของงานได้
การเดินทาง : ขึ้นรถรับส่งได้ฟรีจากสถานีรถไฟ JR Asahikawa ใช้เวลา 20 นาที (รถออกทุก 30 นาที)
*สถานที่จัดงานไม่มีที่จอดรถ
เว็บไซต์ทางการ : http://www.city.asahikawa.hokkaido.jp/awf/index.html
เมืองอาซาฮิคาวะขึ้นชื่อเรื่องการเดินทางสะดวก เป็นสถานีต้นทาง/ปลายทางของรถไฟ JR ถึง 4 สาย มีถนนหลวงตัดผ่านอีก 4 เส้น การเดินทางด้วยทางด่วน Chuo Highway จากสนามบิน Shin-Chitose หรือ Sapporo ก็ทำได้ง่าย หลายๆ คนจึงใช้เมืองนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเที่ยวภายในฮอกไกโด
ขอแนะนำให้ใช้รถบัส ถ้าเป็นรถ Airport Bus นั่งจากสนามบินแค่ 30-40 นาที (ราคา 620 เยน) ถ้าเป็นรถบัสทั่วไปก็มีทั้งที่ไปเขาอาซาฮิดาเกะ ใช้เวลา 50 นาที 1,000 เยน หรือถ้าไปสวนสัตว์อาซาฮิคาวะ ก็ใช้เวลาแค่ 30 นาที 550 เยน
ใครเลือกที่จะใช้รถเช่า ก็ใช้เวลาแค่ 30 นาทีจากสนามบินก็ถึงตัวเมือง
หากนั่งรถไฟ JR แบบด่วนพิเศษ Limited Express จะใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 1 ชั่วโมง 45 นาที (ค่าโดยสาร 2,490 เยน ค่าจองที่นั่งเพิ่มอีก 2,320 เยน) หรือถ้าจะใช้รถไฟแบบธรรมดาก็ใช้เวลามากหน่อยที่ประมาณ 3 ชั่วโมง (ค่าโดยสาร 2,490 ไม่สามารถเลือกที่นั่งได้)
ถ้าเป็นรถบัสก็จะใช้วลาประมาณ 2 ชั่วโมง (ค่าโดยสาร 2,060 เยน)
กรณีสำหรับคนที่เดินทางด้วยการเช่ารถ ถ้าใช้ทางด่วนจาก Sapporo IC ถึง Asahikawa Takasu IC จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง (ราคาค่าผ่านทางทั้งหมด 3,320 เยน) หากไม่ใช้ทางด่วนจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
หลังจากเดือนเมษาที่ผ่านมา ได้มีรถบัส Taisetsu Liner ที่เชื่อมต่อสนามบิน Shin-Chitose กับสถานี JR Asahikawa โดยตรง ซึ่งในแต่ละวันจะมีรถบัสให้บริการ 4 เที่ยวไป-กลับ
ใช้เวลาเดินทางจากอาคารผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศและต่างประเทศประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที (ค่าโดยสาร 3,500 เยนสำหรับเที่ยวเดียว และ 6,500 เยนสำหรับไป-กลับ)
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่นี่
สำหรับการเดินทางภายในเมืองอาซาฮิคาวะนั้น การเดินทางด้วยรถสาธารณะจะเป็นอะไรที่สะดวกที่สุด
ในบทความนี้ก็มีการแนะนำการเดินทางจากสนามบิน Asahikawa และสถานีรถไฟ JR ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอย่างละเอียด ซึ่งต่อให้ใครที่ไม่ชอบขับรถก็สามารถไปเที่ยวได้อย่างสบายใจ
แต่ว่าถ้าใครที่อยากจะเดินทางออกไปเมืองใกล้ๆ อย่าง ฟุราโนะและบิเอ หรือแม้แต่ซัปโปโร แบบขับไปเที่ยวไปก็คงไม่พ้นการเดินทางด้วยรถเช่าอย่างแน่นอน
อาซาฮิคาวะ เมืองที่ผสมผสานความลงตัวระหว่างความงดงามของธรรมชาติและความครึกครื้นของเมือง ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้อน หรือหน้าหนาว ที่นี่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน สำหรับใครที่อยากจะเดินทางท่องเที่ยวในฮอกไกโด ไม่ว่าจะเป็นจากซัปโปโร ฟุราโนะ-บิเอ เมืองอาซาฮิคาวะแห่งนี้สามารถเป็นจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุดการทางเดินของทุกๆ คนได้อย่างลงตัว
เตรียมตัวไปเที่ยวฮอกไกโด!
- หาตั๋วและกิจกรรมต่างๆ ที่ฮอกไกโดในราคาสุดพิเศษได้ที่ Klook
- ซื้อตั๋ว JR Hokkaido Rail Pass จาก Klook
- ซื้อทัวร์ชมฮอกไกโดที่สวนสัตว์อะซาฮิยาม่าและที่เที่ยวยอดนิยมอีกมากมาย จากซัปโปโรจาก Klook
บทความโดย
นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก