Start planning your trip
แผนเที่ยวโตเกียว 7 โซนภายใน 2 วัน (อาซากุสะ・ชินจุกุ・ชิบุย่า・ซึกิจิ・อากิฮาบาระ・ฮาราจูกุ・กินซ่า)
บทความแนะนำแผนเที่ยวโตเกียว 7 โซนภายใน 2 วันประกอบด้วยซึกิจิ กินซ่า ชิบุย่า ฮาราจูกุ ชินจุกุ อากิฮาบาระ และอาซากุสะ
เที่ยวโตเกียวภายใน 2 วัน! แผนเที่ยวแนะนำที่มีประสิทธิภาพ
“โตเกียว” เป็นเมืองอันน่าตื่นตาตื่นใจชั้นนำของโลก ถึงแม้ว่าที่นี่จะเต็มไปด้วยไฮไลท์มากมายก็จริง แต่เนื่องจากเป็นมหานครขนาดใหญ่ ถ้าเกิดไม่วางแผนให้ดีก็อาจเสียเวลาให้กับการเดินทางไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้น ในครั้งนี้เราจึงได้จัดทำแผนเที่ยวตัวอย่างที่รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อในโตเกียวและแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ห้ามพลาดในระยะเวลาจำกัดเพียง 2 วันเท่านั้นกันค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีเวลาจำกัด แต่บอกเลยว่าแผนเที่ยวนี้ได้ทั้งท่องเที่ยว ความบันเทิง อาหาร ไปจนถึงช้อปปิ้งครบเครื่องเลยล่ะค่ะ ^^
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
10 แหล่งหาซื้อของฝากราคาถูกใกล้สถานีรถไฟในโตเกียว
แนะนำ 21 ของฝากสไตล์ญี่ปุ่นน่าซื้อ
เช้าตรู่ของวันที่ 1 ตลาดปลาซึกิจิ
เช้าวันที่ 1 รีบตื่นเช้ากว่าปกติสักนิดแล้วไปเที่ยว ตลาดปลาซึกิจิ แหล่งรวมอาหารญี่ปุ่นกันดีกว่า เนื่องจากเป็นตลาดขายส่ง จึงเปิดทำการตั้งแต่เช้าตรู่เลยทีเดียว สำหรับใครที่ต้องการเดินทางมาชมหรือดื่มด่ำกับอาหารสดใหม่ที่นี่ก็ขอแนะนำให้มาหลังเวลา 7 โมงครึ่งซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เชฟมืออาชีพสั่งวัตถุดิบมาลงเสร็จในระดับหนึ่งแล้วจะดีกว่า
เอาล่ะ เรามาเดินตระเวนเที่ยวภายในตลาดสุดคึกคักพร้อมดื่มด่ำกับอาหารเช้าสุดพิเศษเฉพาะของตลาดซึกิจิที่ทำมาจากวัตถุดิบสดใหม่กันเถอะ! ไหนใครอยากลองทานไคเซ็นด้งที่ทั้งหน้าตาน่าทานและรสชาติอร่อยที่「นากายะ」และ「โยเนะฮานะ」ในอาคารหมายเลข 8 แหล่งรวมร้านอาหารทะเลกันบ้างเอ่ย? เนื่องจากร้านอาหารภายในเมืองมักจะปิดหลังจากช่วงกลางวันเป็นต้นไป จึงควรระวังให้ดีด้วยนะจ๊ะ... การได้ลิ้มลองเมนูรสเลิศขึ้นชื่อตั้งแต่เช้าตรู่นี่เป็นอะไรที่ฟินสุดๆ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
ตอนเช้าของวันที่ 1 กินซ่า
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศและรสชาติของตลาดปลาซึกิจิกันแล้วก็แวะมาต่อกันที่ กินซ่า แหล่งช้อปปิ้งสุดหรูชั้นนำของญี่ปุ่นกันดีกว่าค่ะ ก่อนอื่นก็ถ่ายรูปด้านหน้าของ “คาบูกิสะ” แหล่งสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมแล้วไปชมร้านเก่าแก่กันต่อเลย นั่นก็คือ「Kyukyodo (คิวเคียวโด)」ร้านจำหน่ายธูปหอมและสินค้าที่ทำมาจากกระดาษญี่ปุ่น และ「Erizen (เอริเซ็น)」ร้านขายผ้า นั่นเอง ส่วนห้างสรรพสินค้าที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่สมัยเอโดะอย่าง「Mitsukoshi Nihonbashi」นั้นเปิดตั้งแต่เวลา 10.30 เป็นต้นไปนะจ๊ะ...
เราเรียกการเดินเที่ยวเล่นในย่านกินซ่าว่า “กินบุระ” ส่วนระหว่างเดินเล่นก็ขอแนะนำให้แวะพักผ่อนจิบกาแฟที่「Cafe Paulista」ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปีเมจิที่ 43 และครีมโซดาที่「SHISEIDO PARLOUR」กันเลยค่ะ ^^
เราสามารถเดินทางจากซึกิจิไปถึงกินซ่าด้วย Tokyo Metro Hibiya Line ได้โดยใช้เวลาประมาณ 3 นาที หรือว่าจะเดินไปก็ได้ซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาที
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
ชมคาบูกิเป็นครั้งแรกต้องที่「คาบูกิสะ」ย่านกินซ่า!
วิธีการเที่ยว「คาบูกิสะ」แบบไม่ต้องมีตั๋ว!
ตอนกลางวันของวันที่ 1 ชิบุย่า
หลังจากเพลิดเพลินกับ “กินซ่า” ย่านสุดเอกลักษณ์จนเต็มอิ่มแล้วก็นั่งรถไฟ Tokyo Metro Ginza Line มาต่อกันที่ ชิบุย่า กันเลยดีกว่าค่ะ โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที สำหรับใครที่มีโอกาสได้มาเที่ยวชิบุย่าก็อย่าลืมแวะมาช้อปปิ้งที่「Marui (มารูอิ)」และ「SHIBUYA 109」แหล่งรวมร้านจำหน่ายเสื้อผ้ายอดนิยมโดยเริ่มต้นจาก “ห้าแยกชิบุย่า” สัญลักษณ์ของชิบุย่ากันก่อนเลยค่ะ
อุตส่าห์เดินทางมาถึงชิบุย่ากันแล้วจะพลาดช้อปปิ้งของฝากจาก「Shibuya Hikarie ShinQs」และ「LOFT」ได้ยังไง?! บอกเลยว่าคุณภาพดีสมราคาอย่างแน่นอน แล้วสำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ลองแวะมาช้อปปิ้งที่「Bic Camera」ที่มีสาขาในชิบุย่ากว่า 3 แห่งกันได้เนอะ
นอกจากนี้ ในชิบุย่าก็ยังเป็นที่ตั้งของ「Mandarake (มันดาราเกะ)」ร้านจำหน่ายสินค้าอนิเมะและสินค้าโอตาคุด้วยนะเออ...
ถึงตอนนี้ก็ช้อปปิ้งจนท้องเริ่มร้องขึ้นมาแล้วล่ะค่ะ ใครเริ่มหิวกันแล้วก็ลองแวะมาใช้ช่วงเวลาอันแสนวิเศษที่ร้านอาหารแนวสวนสนุกอย่าง「Alice in Wonderland」กันต่อเลย หรือว่าจะอิ่มอร่อยกับมื้อกลางวันพลางชมวิวเมืองชิบุย่าที่「d47 Shokudo」เพื่อลิ้มลองเมนูขึ้นชื่อทั่วญี่ปุ่นก็ได้ไม่ว่ากัน >
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
ลิ้มรสอาหารทั้ง47จังหวัดทั่วญี่ปุ่นที่「d47 โฉะคุโด」ชิบูย่า
สนุกให้เต็มที่ในเมืองใหญ่!6สิ่งที่สามารถทำได้ที่ชิบุย่า
ตอนกลางคืนของวันที่ 1 ฮาราจูกุ
ฮาราจูกุ เป็นแหล่งต้นกำเนิดวัฒนธรรมป๊อบคัลเจอร์และแฟชั่นโลลิต้า โดยสามารถเดินมาจากชิบุย่าได้โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที เมื่อเดินทางมาถึงกันแล้วก่อนอื่นก็แวะมาช้อปปิ้งที่ร้านจำหน่ายสินค้าแฟนซีที่ตั้งอยู่ทั่วไปบนถนนทาเคชิตะ, 「KIDDY LAND」และ「Laforet ฮาราจูกุ」เลยค่ะ แต่ก็อย่าลืมสังเกตเทรนด์แฟชั่นของบรรดาวัยรุ่นตามถนนกันด้วยนะจ๊ะ... 「Pom Pom Purin Café สาขาฮาราจูกุ」ก็นับเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ห้ามพลาดสำหรับผู้ชื่นชอบตัวการ์ตูนของซานรีโอเลยค่ะ ถึงแม้ว่ามักจะมีผู้คนมารอต่อแถวกันจนแน่นร้านก็จริง แต่บอกเลยว่าคุ้มค่าแก่การรอ ^^
ถ้าเกิดใครกำลังมองหาแหล่งดื่มด่ำกับอาหารค่ำสุดเก๋ไก๋สไตล์ฮาราจูกุก็ต้องยกให้「KAWAII MONSTER CAFE (คาวาอี้มอนสเตอร์คาเฟ่)」เค้าเลย เพียงแค่เดินเข้าไปในร้านก็รู้สึกราวกับว่าหลุดเข้าไปสู่โลกสุดเพี้ยน เราจะได้เพลิดเพลินกับมื้อค่ำหลากสีสันอันน่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนี้ ถ้าเกิดได้ลองมาทำโอโคโนะมิยากิที่「Sakuratei (ซากุระเทอิ)」ซึ่งประดับตกแต่งภายในเป็นสไตล์อาร์ตคงสนุกไม่เบา
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
ถ้าเป็นสินค้าอนิเมะ และของเล่นน่าสนใจต้องยกให้ KIDDY LAND ในฮาราจุกุเขาล่ะ!
คนแน่นเป็นประจำ!?「ปอมปอมปูรินคาเฟ่ สาขาฮาราจุกุ」
KAWAII MONSTER CAFE HARAJUKU คาเฟ่ขึ้นชื่อแห่งใหม่ในฮาราจุกุ!
ตอนเช้าของวันที่ 2 อากิฮาบาระ
วันที่ 2 ก็ตื่นสายสักนิดเพื่อฟื้นฟูอาการเหนื่อยล้าจากเมื่อวานให้หายดีก่อนแล้วออกเดินทางไปยัง “อากิฮาบาระ” สวรรค์แห่งโอตาคุกันค่ะ ก่อนอื่นก็ทานมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงสไตล์โมเอะที่เมดคาเฟ่ที่มีพนักงานแต่งตัวเป็นเมดให้บริการลูกค้า
ถ้าเกิดเป็นช่วงเช้า ถึงแม้ว่าจะเป็นคาเฟ่ยอดนิยมก็ไม่ค่อยมีคนมากนัก จึงสามารถเข้าร้านได้โดยไม่ต้องรอ เนื่องจาก「@home cafe」มีการจัดเตรียมเมนูภาษาอังกฤษเอาไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจึงสามารถเพลิดเพลินได้อย่างสบายใจไร้กังวล
ส่วนเมนูแนะนำจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเมนูข้าวห่อไข่ที่คุณเมดสุดน่ารักใช้ซอสมะเขือเทศวาดเป็นลวดลายต่างๆให้เลยค่ะ ด้วยความน่ารักสุดยอด จึงทำให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงติดอกติดใจกันทั้งคู่
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
สัมผัสวิถีแห่งราชาครั้งแรกที่「@โฮมคาเฟ่」เมดคาเฟ่ในอากิฮาบาระ!
เมดคาเฟ่ วัฒนธรรมโอตาคุเลื่องชื่อต้นกำเนิดจากอากิฮาบาระคืออะไรกัน!?
ตอนกลางวันของวันที่ 2 อาซากุสะ
หลังจากดื่มด่ำกับวัฒนธรรมโอตาคุกันจนเต็มอิ่มแล้วก็ย้ายไปสู่โลกแห่งญี่ปุ่นสมัยก่อนกันดีกว่า เดินเล่นชมอาคารบ้านเรือนที่มีกลิ่นอายของสมัยเอโดะในอาซากุสะและไปต่อกันที่โตเกียวสกายทรีที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น เราสามารถนั่ง Tsukuba Express จากสถานีอากิฮาบาระมาถึงสถานีอาซากุสะได้โดยใช้เวลาเพียง 4 นาทีเท่านั้น
ก่อนอื่นก็ลอดประตูคามินาริมงเข้าไปเดินชมร้านค้าบนถนนนากามิเสะกันเลย เนื่องจากบนถนนนากามิเสะเต็มไปด้วยร้านจำหน่ายสินค้าศิลปหัตถกรรมดั้งเดิมและสินค้ากระจุกกระจิกมากมาย จึงเพียงแค่เดินชมก็เพลินแล้ว แถมยังสามารถช้อปปิ้งของฝากได้อีกต่างหาก แล้วเพื่อนๆก็อย่าลืมแวะชิม มันจูทอด และขนมนิงเกียวยากิสดใหม่จากเตากันดูด้วยเนอะ
เมื่อไหว้พระที่วัดเซ็นโซจิเสร็จแล้วก็เดินทางต่อไปยังโตเกียวสกายทรีกันเลย เราสามารถนั่งรถไฟใต้ดินจากสถานีอาซากุสะไปลงที่ Oshiage Station ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้โตเกียวสกายทรีมากที่สุดได้โดยใช้เวลาเพียง 3 นาที หรือว่าใครอยากเดินก็ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีเท่านั้น เนื่องจากระหว่างทาง เราจะได้เห็นไฮไลท์มากมายไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำซุมิดะ, สกายทรี และอาสึมาบาชิที่สามารถถ่ายรูปสำนักงานใหญ่ของเบียร์อาซาฮีสุดเก๋ไก๋ได้ ถ้าเกิดอากาศดีๆจึงขอแนะนำให้เดินไปจะดีที่สุด
การขึ้นไปชมโตเกียวสกายทรีจากบนจุดชมวิวสูง 350 เมตรค่อนข้างแพงถึง 2,060 เยนก็จริง แต่บอกเลยว่าทัศนียภาพ 360 องศาเป็นอะไรที่ควรค่าแก่การชมสุดๆ หลังจากดื่มด่ำกับวิวสวยๆกันไปแล้วก็แวะไปชม「Tokyo Solamachi (โตเกียวโซระมาจิ)」โซนช้อปปิ้งในโตเกียวสกายทรีทาวน์และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกันดูด้วยนะจ๊ะ...
ตอนกลางคืนของวันที่ 2 ชินจุกุ
สุดท้ายก็มาปิดฉากกันที่ ชินจุกุ เมืองอันน่าตื่นตาตื่นใจแห่งนี้เลยค่ะ เราสามารถนั่งรถไฟใต้ดินจาก Oshiage Station ไปถึงชินจุกุได้โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที (เปลี่ยนขบวน 1 ครั้ง) ย่านคาบูกิโจในชินจุกุนับเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยเป็นย่านที่มีชีวิตชีวาตลอด 24 ชั่วโมงไม่เคยหลับใหลที่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมายทั้งร้านค้าสำหรับช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และอาบอบนวด แค่ได้เดินชมก็ตื่นเต้นแล้วล่ะค่ะ
ต่อจากนั้นก็แวะมาส่องไฮไลท์ของที่นี่อย่าง「Robot Restaurant」เราสามารถทานอาหารพร้อมกับชมการแสดงของเหล่าหุ่นยนต์ได้ตามชื่อของมันเลยค่ะ โดยได้รับความนิยมถึงขนาดว่ามีนักท่องเที่ยวมากมายเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อ Robot Restaurant โดยเฉพาะเลยทีเดียว ค่าเข้าชมไม่รวมมื้ออาหาร 8,000 เยน นอกจากนี้ก็ยังเป็นระบบจองล่วงหน้าเท่านั้นด้วย บอกเลยว่าทุกคนจะได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนในโลกอย่างแน่นอน
วันสุดท้ายของการเที่ยวโตเกียวตลอด 2 วัน ขอให้เพื่อนๆเพลิดเพลินกับเมืองที่ไม่เคยหลับใหลอย่างชินจุกุอย่างเต็มที่กันนะคะ ^^
อ่านเพิ่มเติมได้ที่:
「ศาลเจ้าเมจิ」ที่ ฮาราจูกุ สถานที่ซึ่งสามารถสัมผัสถึงหัวใจของชาวญี่ปุ่นได้ คือ
10 แหล่งหาซื้อของฝากราคาถูกใกล้สถานีรถไฟในโตเกียว
【ของฝาก】10 เครื่องเขียนสุดน่ารักของญี่ปุ่น
10 แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อในโตเกียวตั้งแต่ตลาดปลาซึกิจิไปจนถึงคาบูกิสะ
10 แหล่งท่องเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับจากโตเกียวได้ใกล้นิดเดียว
นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง