Start planning your trip

ซากุระในโตเกียวจะบานเต็มที่ช่วงสิ้นเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน ใครยังไม่รู้จะไปดูซากุระที่ไหนดี บทความนี้เราจะมาแนะนำ 19 สถานที่ชมซากุระสวยๆ พร้อมข้อมูลเป็นประโยชน์ทั้งการแต่งกายให้เหมาะกับสภาพอากาศ และมารยาทในการไปชมซากุระด้วย
โตเกียว เป็นที่รู้จักในเรื่องอาคารสูงและถนนที่คับคั่ง แต่ยังมีสถานที่มากมายที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับ การชมดอกซากุระ
ในปี 2025 คาดว่าดอกซากุระในโตเกียวจะเริ่มบานตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม และจะบานเต็มที่ประมาณวันที่ 7 เมษายน (แหล่งข้อมูล: Weathernews)
มาดูกันดีกว่าว่าในโตเกียวมีที่ดูซากุระที่ไหนกันบ้าง
แน่นอนครับ นี่คือการแปลข้อความเป็นภาษาไทยโดยคงโค้ด HTML ไว้เช่นเดิม:
แม้ภาพลักษณ์ของเมืองโตเกียวเหมือนจะมีแต่ตึกสูงใหญ่ แต่ก็ยังมีสถานที่ให้ปูเสื่อรับประทานอาหารพร้อมเพลิดเพลินไปกับการชมดอกซากุระได้อยู่ไม่น้อยเลย ในบทความนี้ เราจะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับแหล่งชมดอกซากุระในโตเกียวกัน ใครที่จะมาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ อย่าลืมลองแวะไปเที่ยวชมกันนะ
สถานที่ชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงในละแวกชินจูกุกับฮาราจูกุเห็นจะไม่พ้น สวนชินจูกุเกียวเอน และ สวนสาธารณะโยโยหงิ
Photo by Pixta
สวนสาธารณะชินจูกุเซ็นทรัลปาร์คซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชินจูกุเป็นจุดชมวิวที่คุณสามารถถ่ายรูปดอกซากุระไปพร้อมกับอาคารศาลาว่าการกรุงโตเกียวได้ ใช้เวลาเดินเพียง 10 นาทีจากสถานี JR ชินจูกุ และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการแวะมาในขณะที่คุณกำลังทำธุระในชินจูกุ
นอกจากต้นซากุระโยชิโนะทั่วไปแล้ว ยังมีต้นซากุระพันธุ์หายากที่เรียกว่าต้นซากุระทากาโตะ โคฮิงัน ซึ่งเป็นของขวัญจากเมืองพี่สาวของเรา เมืองอินะ จังหวัดนากาโนะ ดอกซากุระยังจะมีการประดับไฟในช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคมอีกด้วย
สวนโยโยหงิที่คึกคักไปด้วยผู้คนเสมอโดยเฉพาะในฤดูซากุระ ในพื้นที่สวนกว้างใหญ่ขนาด 300 กว่าไร่นี้มีซากุระหลากพันธุ์บานสะพรั่งกว่า 700 ต้น ในฤดูกาลชมซากุระจะมีร้านค้าริมทางและรถขายอาหารฟู้ดทรัคมาเปิดขายอาหารว่าง เช่น ยากิโซบะ แต่คนส่วนใหญ่ก็มักนำอาหารและเครื่องดื่มมาเองจากที่บ้าน
ถ้าไปชมซากุระในช่วงนี้ ต้องขอเตือนเรื่องคิวรอเข้าห้องน้ำอันยาวเหยียด แนะนำให้หาที่นั่งที่ไม่ไกลจากห้องน้ำ หรือไม่ก็พยายามอย่าดื่มเยอะเกินไปล่ะ
ย่านอาซากุสะและอุเอโนะ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ ที่นี่ยังมีสถานที่ชมซากุระในสวนชื่อดังอีกด้วย ได้แก่ สวนอุเอโนะ และสวนสุมิดะ
ถ้าจะแนะนำสวนสาธารณะในโตเกียวที่สามารถชมซากุระได้จะขาดสวนอุเอโนะแห่งนี้ไปไม่ได้เลย ในฤดูกาลชมซากุระ ในสวนแห่งนี้จะคึกคักไปด้วยกลุ่มครอบครัว พนักงานบริษัท และเหล่าเด็กนักเรียน หากจะนัดพบกันขอแนะนำให้นัดกันที่บริเวณหน้าสถานีอุเอโนะจะดีกว่าเพราะในสวนคนจะเยอะมาก
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟสาย JR Line หรือรถไฟใต้ดินสาย Tokyo Metro Ginza หรือ Hibiya ลงที่สถานี Ueno เดิน 2 นาที
- นั่งรถไฟสาย Keisei Line ลงที่สถานี Keisei-Ueno เดิน 1 นาที
สวนสาธารณะริมแม่น้ำซุมิดะที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีอาซากุสะ และเป็นสถานที่ขึ้นชื่ออย่างมากในการมาชมซากุระริมน้ำ
สามารถมาเดินเล่นชมซากุระ หรือจะนั่งเรือล่องแม่น้ำชมความงามของซากุระจากแม่น้ำก็สวยไปอีกแบบ แถมยังอยู่ใกล้โตเกียวสกายทรีด้วย จึงสามารถมองเห็นโตเกียวสกายทรีเป็นฉากหลังได้อย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย Tobu Skytree Line หรือสาย Toei Asakusa Line หรือสาย Tokyo Metro Ginza Line ลงที่สถานี Asakusa เดิน 5 นาที
เอื้อเฟื้อภาพโดย : สวนสนุกอาซากุสะฮานายะชิคิ
เปิดบริการในปีค.ศ. 1853 เป็นสวนสนุกที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่ สามารถไปลองนั่งรถไฟเหาะและเข้าไปท้าความกลัวในบ้านผีสิงที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นได้ที่นี่เท่านั้น และในช่วงฤดูซากุระจะมีการประดับไฟและกิจกรรมพิเศษมากมาย
แถวชิบุย่าและเมกุโระ อาจจะไม่มีที่ให้ปูเสื่อนั่งสังสรรค์สักเท่าไหร่ เปลี่ยนมาเป็นเดินเล่นพลางชมซากุระกันดีกว่า
ริมสองฝั่งตลอดความยาวเกือบ 4 กิโลเมตรของแม่น้ำเมกุโระประดับไปด้วยซากุระบานกว่า 800 ต้น ในยามค่ำคืนจะมีการประดับโคมญี่ปุ่นช่วยสร้างบรรยากาศน่าหลงใหล แม้จะไม่สามารถปูเสื่อนั่งชมซากุระได้เหมือนสวนชินจูกุเกียวเอนหรือสวนสาธารณะโยโยหงิ แต่ก็สามารถเพลินกับการเดินชมซากุระริมแม่น้ำได้
ดูวิธีเดินทางและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สุสานที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียวชั้นในแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณมินามิอาโอยามะนิโจเมะ เขตมินาโตะ และที่นี่ยังมีชื่อเสียงในฐานะที่มีสุสานของเหล่าคนดังมากมาย เช่น นักแสดงคาบูกิชื่อดัง อิชิคาวะ ดันจูโร (Ichikawa Danjuurou) ไปจนถึง ฮะจิ เจ้าสุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่มีรูปปั้นอยู่หน้าสถานีชิบูย่าด้วย
เพราะที่นี่เป็นพื้นที่ภายในสุสานจึงไม่สามารถปูเสื่อนั่งสังสรรค์ได้ จะเหมาะสำหรับการเดินชมซากุระในบรรยากาศเงียบสงบ ไม่ส่งเสียงดัง ที่นี่ไม่เปิดให้เข้าในตอนกลางคืน เพราะงั้นไปกันในช่วงกลางวันนะคะ
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟใต้ดินสาย Tokyo Metro Ginza ลงที่สถานี Gaienmae เดินประมาณ 7 นาที
บริเวณรอบๆ พระราชวังอิมพีเรียลมีจุดชมซากุระสวยงามจำนวนมากรอให้เพื่อนๆ ไปสัมผัสกันค่ะ
ทางเดินชมธรรมชาติชิโดริกาฟุชิที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของพระราชวังอิมพีเรียล เป็นสถานที่ชมซากุระที่โด่งดังไปทั่วประเทศ การผสมผสานกันของดอกซากุระสีชมพู คูน้ำ และสีเขียวชอุ่มของพันธุ์ไม้ กับฉากหลังที่เป็นตึกสูงใหญ่ ทำให้เห็นความกลมกลืนกันของธรรมชาติในแบบญี่ปุ่นและความทันสมัย ตอนกลางคืนจะมีการประดับไฟให้ชมความงามของซากุระกลางคืนอีกด้วย
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟใต้ดินสาย Hanzomon ลงที่สถานี Hanzomon ทางออก 5
หรือนั่งรถไฟใต้ดินสาย Hanzomon, Shinjuku หรือ Tozai ลงที่สถานี Kudanshita ทางออก 2 แล้วเดิน 5 นาที
สวนพระราชวังอิมพีเรียลตะวันออกตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟโตเกียว มีต้นซากุระบานโดยรอบกว่า 280 ต้น ภายในสวนมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น ร่องรอยปราสาทเอโดะ ภายในสวนยังมีพิพิธภัณฑ์ของสะสมในพระองค์ (Sannomaru Shozokan, Museum of the Imperial Collections) มีผลงานศิลปะอันล้ำค่าและของสะสมของราชวงศ์จัดแสดงและยังสามารถเข้าชมได้ฟรีอีกด้วย
เหมาะมากสำหรับใครที่อยากเดินเล่นชมดอกไม้ในบรรยากาศเงียบสงบพร้อมสัมผัสกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
ที่นี่ห้ามเล่นกีฬาและการดื่มสุรา ฉะนั้นใครอยากเดินเล่นชิลล์ๆ ต้องมาที่นี่เลย
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟใต้ดินสาย Marunouchi, Tozai, Chiyoda หรือ Hanzomon ลงที่สถานี Otemachi ทางออก C10
- รถไฟใต้ดินสาย Tozai สถานี Takebashi ทางออก 1A แล้วเดิน 5 นาที
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Tokyo Metropolitan Park Association
สวนโคะอิชิคาวะโคราคุเอนเป็นสวนญี่ปุ่นที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยเอโดะ ตั้งอยู่ติดกับโตเกียวโดม เป็นสวนที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีนโดยจะเห็นได้จากบริเวณต่างๆ ภายในสวนจะถูกตั้งชื่อตามสถานที่มีชื่อเสียงของประเทศจีน ด้านในสวนไม่สามารถปูเสื่อและสังสรรค์ได้ เหมาะสำหรับการมาเดินเล่นชมซากุระและธรรมชาติ
เอื้อเฟื้อภาพโดย : Tokyo Metropolitan Park Association
สวนฮามะริคิว (ชื่อญี่ปุ่น Hama-rikyu Onshi Teien) ถูกสร้างขึ้นในสมัยเอโดะ ได้รับการรับรองเป็นสถานที่พิเศษที่มีความงามและมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาติ เดิมเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนของโชกุน จากนั้นกลายมาเป็นทรัพย์สินของราชวงศ์พระจักรพรรดิ และปัจจุบันได้เปิดให้แก่สามัญชนทั่วไปได้เข้าชม
หากอยากชมซากุระสบายๆ ในละแวกชิมบาชิและกินซ่า แนะนำให้มาที่นี่ค่ะ มีต้นซากุระราว 100 ต้นในพื้นที่กว้างขวาง สามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกไม้จนลืมความวุ่นวายของเมืองใหญ่ไปได้เลย
ดูวิธีเดินทางและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ "Gardens And Cityscapes - The Face Of Modern Japan In Hamarikyu Garden" (ภาษาอังกฤษ)
สวนชิบะตั้งอยู่ด้านล่างโตเกียวทาวเวอร์ มีต้นซากุระกว่า 200 ต้น ที่นี่เราสามารถเพลิดเพลินการชมดอกไม้และโตเกียวทาวเวอร์ไปพร้อมๆ กันได้ รอบๆ สระน้ำเบ็นเท็นกับสุสานโบราณมารุยามะโคะฟุงที่อยู่ในสวน ก็เป็นจุดที่คนนิยมเข้ามาเยี่ยมชม เพราะสามารถมองเห็นซากุระและโตเกียวทาวเวอร์ได้พร้อมกัน
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟใต้ดินสาย Toei Mita ลงที่สถานี Shibakoen หรือสถานี Onarimon เดิน 2 นาที
- นั่งรถไฟสาย JR ลงที่สถานี Hamamatsucho เดินประมาณ 12 นาที
เอื้อเฟื้อภาพโดย : สมาคมการท่องเที่ยวเขตชิโยดะ
แม้จะอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ แต่ก็ยังเพลิดเพลินกับการชมซากุระกว่า 40 ต้นได้ที่สวนฮิบิยะแห่งนี้ และยังเป็นสถานที่ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของเหล่าพนักงานบริษัทในบริเวณใกล้เคียงด้วย ที่นี่เป็นสวนแบบสมัยใหม่แห่งแรกของญี่ปุ่นที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี เห็นได้จากน้ำพุขนาดใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในสวนญี่ปุ่น
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟใต้ดินสาย Tokyo Metro Marunouchi หรือสาย Chiyoda ลงที่สถานี Kasumigaseki
- นั่งรถไฟใต้ดินสาย Tokyo Metro Hibiya Line หรือสาย Chiyoda ลงที่สถานี Hibiya
- นั่งรถไฟใต้ดินสาย Toei Mita ลงที่สถานี Hibiya ทางออก A10 หรือ A14
ตอนเหนือของโตเกียวในเขตบุงเคียว และเขตโทชิมะ มีแหล่งชมซากุระที่น่าหลงใหล ชื่อว่าสวนริคุกิ และสวนอาสุคายามะ
สวนริคุกิเอ็น ได้รับการขนานนามเป็นหนึ่งในสองสวนญี่ปุ่นใหญ่แห่งเอโดะ เคียงคู่กับสวนโคะอิชิคาวะโคราคุเอน นอกจากสวนที่สวยงามแล้ว ทุกคนจะต้องมาชมความงามของต้นชิดาเระซากุระที่แผ่กิ่งให้ดอกย้อยระย้าอยู่กลางสวน สีชมพูของกลีบซากุระที่สะท้อนแสงแดดช่างแสนสวย และในยามกลางคืนก็จะมีการประดับไฟให้ได้ชมความงามในอีกแบบหนึ่ง
เอื้อเฟื้อภาพโดย : คุณ Nagomi Fuminobu ภาพจากการประกวดภาพถ่ายท่องเที่ยวเขตคิตะ หมวด ภาพถ่ายซากุระ ครั้งที่ 1
สวนอาสุคายามะ เป็นสถานที่ชมดอกซากุระที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ 300 กว่าปีก่อนหรือก็คือตั้งแต่สมัยเอโดะเลยทีเดียว ยามที่ต้นซากุระกว่า 600 ต้นบานพร้อมกันนั้นเป็นภาพที่สวยงามจนบรรยายไม่ถูกเลยทีเดียว
ภายในสวนมีพื้นที่สำหรับเด็กเล็กเช่นปราสาทของเล่น มีรถหัวจักรไอน้ำ SL และรถรางที่เคยถูกใช้งานจริงตั้งอยู่ด้วย เหมาะแก่การพาครอบครัวไปเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
วิธีเดินทาง
- นั่งรถไฟสาย JR Keihin Tohoku ลงที่สถานี Oji ทางออกกลาง (Central Exit) หรือทางออกทิศใต้ (South Exit)
- นั่งรถราง Toden Arakawa ลงที่สถานี Asukayama หรือสถานี Ojiekimae
บริเวณโตเกียวรอบนอกคือพื้นที่นอกเหนือจาก 23 เขตหลักของโตเกียว แม้จะออกจากใจกลางเมืองไปสักหน่อย แต่ก็จะแลกกับพื้นที่ที่กว้างใหญ่ขึ้นมาแทน อย่างเขตมุซาชิโนะ และเขตโคะกาเนอิ นั้นมีสวนขนาดใหญ่ให้ชมซากุระอย่างเต็มที่เลย
สวนอิโนะคาชิระตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟคิชิโจจิ (Kichijoji) มีทั้งทะเลสาบและเรือพายให้เช่า เหมาะแก่การมาพักผ่อนเดินเล่นเป็นอย่างมาก และเมื่อต้นซากุระกว่า 500 ต้นบานในฤดูใบไม้ผลิ กลีบซากุระที่หล่นบนผิวน้ำดูราวกับเป็นพรมสีชมพูผืนใหญ่เลยทีเดียว ทำให้ที่นี่คึกคักไปด้วยผู้คนมากมายทั้งครอบครัวหรือคนที่มาเดทกับแฟน
ภายในสวนมีซากุระ 50 สายพันธุ์ จำนวนกว่า 1,700 ต้น เรียกได้ว่ามากที่สุดในโตเกียวเลย ในเทศกาลซากุระที่จัดขึ้นวันเสาร์และวันอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน จะมีจัดการแสดงท้องถิ่น การเต้นรำสไตล์ญี่ปุ่นและตะวันตก การจัดดอกไม้อิเคบานะ พิธีน้ำชา แถมในสวนยังมีการหัวรถจักรไอน้ำ SL ที่ดูทรงพลังจัดแสดงอยู่ด้วย
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟสาย JR Chuo ลงที่สถานี Musashi-Koganei ทางออกทิศเหนือ (North Exit) จากนั้นสามารถเลือกนั่งรถบัสได้ 2 สาย
- นั่งรถบัส Seibu Bus จากป้ายหมายเลข 2 หรือ 3 ไปลงที่ป้าย Koganei Koen Nishiguchi ใช้เวลาประมาณ 5 นาที 180 เยน
- นั่งรถบัส Kanto Bus ที่วิ่งไป Mitaka Station จากป้ายหมายเลข 4 ไปลงที่ป้าย Edo Tokyo Tatemonoenmae ใช้เวลาประมาณ 5 นาที 200 เยน
ภาพถนนซากุระโดริ เอื้อเฟื้อภาพโดย : เขตคุนิตาชิ
เมื่อออกจากสถานีคุนิตาชิ (Kunitachi) จะเจอกับถนนคุนิตาชิไดกาขุโดริและถนนซากุระโดริ ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเขตคุนิตาชิ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิต้นซากุระกว่า 350 ต้นจะบานตามสองฝั่งถนน และทุกปีจะมีการจัดงานเทศกาลซากุระคุนิตาชิ (Kunitachi Sakura Festival) ในสวนสาธารณะ Yaho Daisan Park ที่อยู่ริมถนนซากุระโดริ
วิธีเดินทาง
- ถนนคุนิตาชิไดกักขุโดริ นั่งรถไฟสาย JR Chuo ลงที่สถานี Kunitachi ออกจากสถานีจะเจอทันที
- ถนนซากุระโดริ นั่งรถไฟสาย JR Nanbu ลงที่สถานี Yaho ทางออกทิศเหนือ (North Exit) เดินประมาณ 5 นาที หรือจะเดินมาจากสถานี Kunitachi ก็ได้ ประมาณ 20 นาที
เอื้อเฟื้อภาพโดย : สวนโชวะคิเน็น
สวนสาธารณะที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ร่วม 1,125 ไร่ หรือคิดเป็นเกือบ 40 เท่าของโตเกียวโดม มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งเขตทาชิกาวะและเขตอาคิชิมะ ภายในบริเวณสวนมีซากุระประมาณ 1,500 ต้น จุดที่สวยที่สุดในการชมซากุระคือบริเวณที่เรียกว่า สวนซากุระ (Sakura no Sono) บริเวณนี้เป็นสวนหญ้ากว้างสามารถปูเสื่อนั่งสังสรรค์และเพลิดเพลินไปกับการชมซากุระได้เต็มที่
ในช่วงซากุระบานหรือระหว่างปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน สภาพอากาศของโตเกียวจะอยู่ที่ประมาณ 10 องศา ซึ่งก็ถือว่ายังหนาวสำหรับชาวไทยอย่างเรา อาจจะไม่ต้องใส่โค้ทหนาแล้ว แต่ก็ยังแนะนำว่าควรมีเสื้อคาร์ดิแกนหรือเสื้อแจ็กเก็ตพกไปด้วย โดยเฉพาะยามกลางคืนที่อุณหภูมิจะลดลงอย่างมาก
เทศกาลชมซากุระที่มีผู้คนมารวมตัวกันมากมาย การรักษามารยาทในเรื่องของการจองที่และการทิ้งขยะเป็นเรื่องสำคัญ ฉะนั้นมาช่วยกันรักษากฎ กติกา มารยาท ทุกคนจะได้สนุกไปกับการชมซากุระกัน!
โดยทั่วไปการจองจะใช้วิธีปูเสื่อหรือแผ่นผ้าพลาสติกรองนั่งสีฟ้าไว้บริเวณที่ต้องการจอง แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องไม่จองพื้นที่มากเกินความจำเป็น ให้นับจำนวนคนล่วงหน้า แล้วปูแผ่นผ้าให้กว้างเพียงพอกับจำนวนคนก็พอ
หลังจากปูแผ่นผ้าจองที่ไว้แล้วก็ยังไม่ถือว่าจบนะ เพราะส่วนใหญ่ถ้าหากเจ้าหน้าที่มาเห็นผ้าถูกปล่อยทิ้งเอาไว้โดยไม่มีใครเฝ้าจะทำการเก็บไปทันที ดังนั้นจึงต้องมีคนเฝ้าอยู่เสมอ
เมื่อปูแผ่นผ้าแล้วต้องระวังอาจโดนลมพัดปลิวหายไปก็ได้นะ ดังนั้นควรจะหาก้อนหินแถวๆ นั้นมาวางทับหรืออาจจะเตรียมหมุดยึดมาเองก็ได้ แต่ว่าห้ามตอกหมุดบริเวณใกล้รากของต้นซากุระเด็ดขาด เพราะอาจทำความเสียหายให้แก่ต้นไม้ได้
เวลาที่จะมาจองที่นั้นขึ้นอยู่กับสถานที่และช่วงเวลา บางคนมาจองตอนเช้าของวันหรือมาจองตั้งแต่ค่ำของวันก่อนหน้า สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราคงยากที่จะไปจองา่งหน้าหนึ่งคืน ก็ขอแนะนำเป็นช่วงเช้าของวันแทน การจองที่นั้นต้องบอกว่ายิ่งเร็วยิ่งดี จะได้มีโอกาสนั่งที่สะดวกหรือจุดที่มีวิวสวยๆ
บริเวณสถานที่ชมซากุระแต่ละแห่งไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะหรือตามแหล่งน้ำลำธารต่างๆ มักจะมีจุดทิ้งขยะเพื่อรองรับขยะในช่วงเทศกาลชมซากุระอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ควรโยนขยะทิ้งริมทางแล้วปล่อยให้ลมพัดปลิวกระจัดกระจาย แค่รวบรวมใส่ถุง หาจุดทิ้งขยะที่ใกล้ที่สุด ดูประเภทของขยะ แล้วทิ้งแยกตามประเภทในถังที่กำหนดแค่นี้เอง
ตัวอย่างเช่นในภาพด้านบน คือ จุดทิ้งขยะในงานเทศกาลชมดอกซากุระที่สวนสาธารณะอุเอะโน จะมีป้ายแยกประเภทขยะสีสันสวยงาม และแบ่งขยะเอาไว้ถึง 7 ประเภท เช่น "โฟม" "ขวดแก้ว กระป๋อง ขวดพลาสติก" "ขยะเผาได้" "ขยะเผาไม่ได้" ก่อนจะทิ้งอย่าลืมสังเกตป้ายและทิ้งขยะให้ถูกต้องตามประเภทของขยะกัน หลายๆ ที่ตามป้ายจะมีภาษาอังกฤษเขียนกำกับไว้ด้วยนะ
มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วเงินเยนหมดทำไงดี? กดเงินระหว่างประเทศได้ที่ไหน? ฟรีไวไฟมีไหม? ไม่ต้องกลัวเลยเพราะตอนนี้สามารถกดเงินได้ง่ายๆ ฟรีไวไฟก็มีให้หลายจุดทั่วเมือง ลองดูได้จากลิงก์ด้านล่างเลย
บทความโดย
นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก