Start planning your trip
22 แหล่งท่องเที่ยวแนะนำในจ.นางาซากิ
จ.นางาซากิในภูมิภาคคิวชูแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนและวัฒนธรรมต่างชาติอันทรงเสน่ห์ โดยเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวมากมาย เช่น ไชน่าทาวน์นางาซากิ 1 ใน 3 ไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
นางาซากิ
เมืองนางาซากิ จ.นางาซากิที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของ ภูมิภาคคิวชู แห่งนี้เป็นเมืองอันทรงเสน่ห์เรื่องอาคารบ้านเมืองสไตล์ตะวันตกซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมของทั้งตะวันออกและตะวันตก นอกจากนี้ก็ยังเป็นเมืองขึ้นชื่อระดับโลกคู่กับฮิโรชิม่าในฐานะที่เป็นสถานที่ทิ้งระเบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย
ภายในนางาซากิเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำสถานที่น่าเที่ยวเมื่อได้มาเยือนนางาซากิกันค่ะ ^^
22 แหล่งท่องเที่ยวแนะนำในนางาซากิ
1. Dejima (เกาะเดจิมะ)
Dejima (เกาะเดจิมะ) แห่งนี้เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศในช่วงที่ญี่ปุ่นปิดประเทศซึ่งมีการจำกัดการติดต่อค้าขายกับต่างชาติ ที่นี่เป็นเกาะที่สร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ในปี 1636 แต่ว่าในปัจจุบันบริเวณโดยรอบได้รับการพัฒนาจนไม่ได้เป็นเกาะอีกต่อไปแล้ว
เกาะเดจิมะในปัจจุบันมีการบูรณะฟื้นฟูอาคารบ้านเรือนในสมัยก่อนกลับมาให้เห็นกันอยู่ โดยเราจะได้ชมบรรยากาศของพ่อค้าชาวฮอลันดาที่เคยใช้ชีวิตสไตล์ตะวันตกอยู่ในบ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่น ทำให้เข้าใจวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยก่อนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีโซนกิจกรรมแต่งชุดกิโมโนเดินเล่นรอบเกาะเดจิมะ, ร้านอาหาร และร้านค้าจำหน่ายของฝากจากนางาซากิและสินค้าออริจินอลของเกาะเดจิมะด้วยนะเออ...
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเดจิมะสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「 เดินเล่นที่「เดะจิมะ」ย่านย้อนยุคผสมระหว่างวัฒนธรรมของประเทศเนเธอร์แลนด์และเอโดะ 」
Dejima (เกาะเดจิมะ)
ที่อยู่:Dejimamachi, Nagasaki, Nagasaki Prefecture
เวลาทำการ:8:00~18:00 น. (บางวันอาจปิดช้ากว่ากำหนดการ)
ค่าเข้าชม:ผู้ใหญ่ 510 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 200 เยน, นักเรียนประถมและมัธยมต้น 100 เยน
เว็บไซต์หลัก:http://nagasakidejima.jp/en/
2. Glover Garden (สวนโกลฟเวอร์)
Glover Garden (สวนโกลฟเวอร์) แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินฝั่งใต้ของเมืองนางาซากิ Former Glover House (คฤหาสน์โกลฟเวอร์เก่า) ที่ตั้งอยู่ภายในสวนสร้างขึ้นเป็นที่อยู่อาศัยในนางาซากิของ “โกลฟเวอร์” พ่อค้าชาวสกอตแลนด์ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในมรดกโลกด้วย ที่นี่เป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันดีในหมู่ผู้คนมากมายในฐานะที่เป็นสถานที่เพลิดเพลินกับดอกไม้แสนสวยท่ามกลางพื้นที่บรรยากาศสไตล์ตะวันตก โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากกว่า 1 ล้านคน / ปี
นอกจากนี้ก็ยังมี Former Ringer House (ริงเกอร์เฮ้าส์), Former Alt House (อัลท์เฮ้าส์) คฤหาสน์ของพ่อค้าชาวตะวันตกที่เคยอาศัยอยู่ในนางาซากิในสมัยก่อน และสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์กว่า 6 แห่งที่ได้รับการย้ายมาบูรณะสร้างใหม่จากเมืองนางาซากิด้วย แถมเรายังสามารถเพลิดเพลินกับดอกไม้ใบหญ้าและต้นไม้ได้ตลอดทั้งปี รวมถึงชมวิวเมืองนางาซากิและท่าเรือนางาซากิจากภายในสวนได้ด้วย บอกเลยว่างานอีเว้นท์ตามฤดูกาลและบริการแต่งชุดสไตล์ย้อนยุคถ่ายรูปได้รับความนิยมสุดๆ
สวนโกลฟเวอร์ตั้งอยู่บนเนินที่ค่อนข้างสูงเล็กน้อยก็จริง แต่เนื่องจากมีบันไดเลื่อนและลิฟท์ติดตั้งเอาไว้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีปัญหาขาไม่แข็งแรงหรือผู้สูงอายุก็สามารถเดินทางมาเที่ยวได้อย่างสบายใจหายห่วง
สำหรับรายละเอียดสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「 ชมคฤหาสน์มรดกโลกอันงดงามที่「สวนโกลฟเวอร์」จ.นางาซากิ 」
Glover Garden (สวนโกลฟเวอร์)
ที่อยู่:8-1 Minamiyamatemachi, Nagasaki-shi, Nagasaki-ken
เวลาทำการ:8:00~18:00 น. (เคาน์เตอร์รับรองปิดทำการเวลา 17:40 น.)
ค่าเข้าชม:ผู้ใหญ่ 610 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 300 เยน, นักเรียนประถมและมัธยมต้น 180 เยน
เว็บไซต์หลัก:http://www.glover-garden.jp/english
3. Nagasaki Chinatown (ไชน่าทาวน์นางาซากิ)
Nagasaki Chinatown (ไชน่าทาวน์นางาซากิ) ที่ตั้งอยู่ในนางาซากิแห่งนี้ขึ้นชื่อในฐานะที่เป็น 1 ใน 3 ไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นคู่กับ ไชน่าทาวน์โยโกฮาม่า และไชน่าทาวน์โกเบ บริเวณประตูทางเข้าทั้ง 4 ทิศออกตกเหนือใต้มีประตูสไตล์จีนตั้งอยู่ ส่วนภายในเรียงรายไปด้วยร้านอาหารจีนและร้านจำหน่ายของฝากมากมาย
เมนูห้ามพลาดเมื่อได้มาที่นี่เลยก็คือ จัมปง จากนางาซากิซึ่งแพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่นและ ซาระอุด้ง อาหารท้องถิ่นประจำนางาซากิที่รับประทานกันทั่วไปในครัวเรือน ยังไงเพื่อนๆก็อย่าลืมแวะมาลิ้มลองอาหารจีนสไตล์นางาซากิซึ่งอุดมไปด้วยอาหารทะเลและพืชผักสดใหม่ท่วมเส้นสุดเอกลักษณ์กันดูนะคะ ^^
ช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ในฤดูหนาวจะมีการจัด “งานเทศกาลโคมไฟนางาซากิ” ซึ่งมีผู้คนเดินทางมาเข้าร่วมกว่า 1 ล้านคนเลยทีเดียว โดยบริเวณใจกลางเมืองจะส่องสว่างไปด้วยโคมไฟสีสันสดใสกว่า 15,000 ดวงประกอบด้วยกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็นการเชิดสิงโตและการร่ายรำจาโอโดริ
Nagasaki Chinatown (ไชน่าทาวน์นางาซากิ)
ที่อยู่:10-13 Shinchimachi, Nagasaki-shi, Nagasaki-ken
เว็บไซต์หลัก:http://www.nagasaki-chinatown.com(ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
4. Nagasaki Peace Park (สวนสันติภาพนางาซากิ : อนุสาวรีย์แห่งสันติภาพ)
Nagasaki Peace Park (สวนสันติภาพนางาซากิ : อนุสาวรีย์แห่งสันติภาพ) แห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจุดทิ้งระเบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเป็นแหล่งรวมคำอธิษฐานให้โลกมีแต่สันติภาพตลอดกาลและอย่าให้เกิดสงครามอันแสนเศร้าแบบนี้ขึ้นอีก
ภายในสวนเป็นที่ตั้งของ “อนุสาวรีย์แห่งสันติภาพ” สูงกว่า 9.7 เมตร โดยทั้งมือซ้ายและมือขวาของรูปปั้นเป็นสัญลักษณ์แสดงความหมายที่แตกต่างกันออกไป มือขวาที่ชี้ขึ้นฟ้าหมายถึง “ความน่ากลัวของระเบิดปรมาณู” มือซ้ายที่กางออกไปในแนวนอนหมายถึง “สันติภาพ” ส่วนเปลือกตาที่ปิดลงเบาๆหมายถึง “คำอธิษฐานให้ผู้เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณูไปสู่สุขติ” นั่นเอง
นอกจากนี้ก็ยังมีการสร้าง “น้ำพุแห่งสันติภาพ” รูปวงกลมเอาไว้ภายในสวนเพื่อถวายน้ำให้กับดวงวิญญาณของบรรดาผู้ที่เสียชีวิตจากการขาดน้ำอีกด้วย
Nagasaki Peace Park (สวนสันติภาพนางาซากิ : อนุสาวรีย์แห่งสันติภาพ)
ที่อยู่:Matsuyamamachi, Nagasaki, Nagasaki Prefecture
เว็บไซต์หลัก:http://www.city.nagasaki.lg.jp.e.jc.hp.transer.com/heiwa/index.htmll
5. เสาโทริอิต้นเดียวของ Sannō Shrine (ศาลเจ้าซันโน)
Sannō Shrine (ศาลเจ้าซันโน) ที่ตั้งอยู่ภายในเมืองเป็นวัดขึ้นชื่อเรื่องเสาโทริอิซึ่งเรียกว่า เสาโทริอิต้นเดียว
บนทางเดินของศาลเจ้าซันโนที่ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางจุดทิ้งระเบิดปรมาณูประมาณ 900 เมตรเคยเป็นที่ตั้งของเสาโทริอิทั้งหมด 4 ต้นด้วยกัน แต่หลังจากที่เสาข้างหนึ่งของนิโนะโทริอิ (※ 1) พังทลายหายไป ในปัจจุบันจึงหลงเหลือเสาโทริอิเอาไว้เพียง 1 ข้างเท่านั้น ผู้คนจึงเรียกกันว่า “เสาโทริอิต้นเดียว” เสาโทริอิต้นนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น (ร่องรอย) อนุสรณ์สถานของชาติในปี 2013 ในฐานะที่เป็นร่องรอยความเสียหายจากระเบิดปรมาณูอันล้ำค่า
นอกจากนี้ ต้นการบูร(Kusunoki)ภายในศาลเจ้าที่ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดจนลำต้นไหม้เกรียมกลับงอกขึ้นมาใหม่อย่างปาฏิหาริย์และตั้งสูงเด่นเป็นสง่าอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน ผู้คนจึงสักการะบูชาในฐานะที่เป็นความหวังแห่งการบูรณะฟื้นฟูมาโดยตลอด
※ 1:นิโนะโทริอิ……เสาโทริอิต้นที่ 2 หลังจากเข้ามาภายในบริเวณศาลเจ้า
เสาโทริอิต้นเดียวของ Sannō Shrine (ศาลเจ้าซันโน)
ที่อยู่:2 Chome-6-56 Sakamoto, Nagasaki-shi, Nagasaki-ken
6. Ōura Church (โบสถ์โออุระ)
Ōura Church (โบสถ์โออุระ) ที่สร้างขึ้นในปี 1865 แห่งนี้เป็นโบสถ์คริสต์สไตล์โกธิคที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งยังคงหลงเหลือให้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน โดยเป็นโบสถ์คริสต์นิกายคาทอลิกสไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นโดยมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสเพื่อชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในนางาซากิ เอกลักษณ์ของมันอยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอกอันงดงามในโทนสีขาวนี่แหละ
เนื่องจากที่นี่เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับนักบุญทั้ง 26 คนที่ถูกลงโทษโดยคำสั่งของ “โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ” จึงมีชื่อทางการว่า “โบสถ์ 26 นักบุญของญี่ปุ่น” หลังจากที่เหล่าคริสเตียนที่หลบซ่อนต่างออกมาประกาศตนถึงศาสนาที่นับถือ ที่นี่ก็กลายเป็นแหล่งค้นพบชาวคริสต์ในญี่ปุ่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยทีเดียว
ภายในโบสถ์มีการประดับกระจกสีเอาไว้อย่างงดงาม ว่ากันว่าเป็นกระจกสีที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น แต่เนื่องจากได้รับความเสียหายอย่างหนักจากลมระเบิดปรมาณู จึงเกิดการบูรณะฟื้นฟูขึ้นใหม่หลังสงคราม กระจกสีที่เราเห็นกันในปัจจุบันเป็นสินค้าที่สั่งมาจากบริษัทโรเจอร์ในปารีส
Ōura Church (โบสถ์โออุระ)
ที่อยู่:5-3 Minamiyamatemachi, Nagasaki-shi, Nagasaki-ken
เวลาสักการะ:8:00~18:00 น.
ค่าสักการะ:ผู้ใหญ่ 600 เยน, นักเรียนมัธยมต้น-ปลาย 400 เยน, นักเรียนประถม 300 เยน
เว็บไซต์หลัก:http://www1.bbiq.jp/oourahp/(ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
7. Suwa Shrine (ศาลเจ้าซุวะ)
เนื่องจากนางาซากิสมัยก่อนต่อต้านศาสนาอื่นๆหลังการแพร่หลายของศาสนาคริสต์ ทั้งวัดและศาลเจ้าภายในเมืองจึงถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก โดย Suwa Shrine (ศาลเจ้าซุวะ) แห่งนี้เป็นวัดที่สร้างขึ้นในปี 1625 ซึ่งอยู่ในช่วงนั้นพอดี
“ศาลเจ้าซุวะ” แห่งนี้เป็นแหล่งพาวเวอร์สปอตที่มีชื่อเสียง ภายในศาลเจ้ามีการตั้งรูปปั้นสิงห์ซึ่งเรียกกันว่า “โคมาอินุอธิษฐาน” เอาไว้ตามจุดต่างๆ คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์เรื่องการขอพรด้านความรักและการเลิกละ (เลิกเหล้าหรือบุหรี่, ละสอบตก = สอบผ่านฉลุย) จึงทำให้มีสาวๆและนักเรียนเดินทางมาเยือนกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าถ้าเกิดเอาน้ำจากบ่อน้ำซึ่งเรียกว่า “บ่อน้ำโคมาอินุ” มาล้างเงินจะช่วยเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นเท่าตัวและถ้าเกิดนำมาดื่มก็จะช่วยดลบันดาลให้คลอดลูกอย่างปลอดภัยอีกด้วย
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับศาลเจ้าซุวะสามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「 ใครที่ชื่นชอบโคะมะอินุต้องไป 「ศาลเจ้าจิงเซทัยชะซุวะ」จ.นางาซากิ 」
Suwa Shrine (ศาลเจ้าซุวะ)
ที่อยู่:18-15 Kaminishiyamamachi, Nagasaki-shi, Nagasaki-ken
เวลาทำการ:8:00~17:00 น.
เว็บไซต์หลัก:http://www.osuwasan.jp/(ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
8. Nagasaki Atomic Bomb Museum (พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิ)
Nagasaki Atomic Bomb Museum (พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิ) แห่งนี้จัดแสดงความน่ากลัวและน่าเศร้าของระเบิดปรมาณู, ที่มาที่ไปของการปล่อยระเบิดปรมาณู, ประวัติศาสตร์การพัฒนาระเบิดปรมาณู, สภาพการบูรณะฟื้นฟูนางาซากิตั้งแต่หลังการระเบิดจนถึงปัจจุบัน และความปรารถนาให้โลกมีแต่สันติภาพไร้ระเบิดปรมาณู
ห้องฉายวิดีโอบนชั้น B1F มีการฉายภาพอนิเมชั่นถ่ายทอดความน่ากลัวของระเบิดปรมาณูให้กับวัยรุ่นยุคใหม่พร้อมซับไตเติ้ลภาษาจีนและสารคดีเกี่ยวกับการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ตั้งแต่หลังเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณูมาจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของระเบิดนิวเคลียร์และตระหนักถึงความสำคัญของสันติภาพ
Nagasaki Atomic Bomb Museum (พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิ)
ที่อยู่:7-8 Hiranomachi, Nagasaki-shi, Nagasaki-ken
เวลาทำการ:เดือนกันยายน - เดือนเมษายน 8:30~17:30 น. (เปิดให้เข้าถึงเวลา 17:00 น.), เดือนพฤษภาคม - เดือนสิงหาคม 8:30~18:30 น. (เปิดให้เข้าถึงเวลา 18:00 น.), 7 - 9 สิงหาคม 8:30~20:00 น. (เปิดให้เข้าถึงเวลา 19:30 น.)
ค่าเข้าชม:บุคคลทั่วไป 200 เยน, นักเรียนประถมและมัธยมต้น・นักเรียนมัธยมปลาย 100 เยน
เว็บไซต์หลัก:http://nagasakipeace.jp/english/abm.html
9. Dutch Slope (เนินฮอลันดา)
เนื่องจากในสมัยก่อนคนนางาซากิเรียกชาวต่างชาตินอกเหนือจากเอเชียว่า “ชาวฮอลันดา” เนินหินทั้งหมดที่ตั้งอยู่ในบริเวณย่านที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติจึงถูกเรียกว่า “เนินทางผ่านของชาวฮอลันดา” ไปโดยปริยาย และนี่ก็คือที่มาที่ไปของชื่อเนินฮอลันดานั่นเอง บริเวณโดยรอบเนินฮอลันดาเรียงรายไปด้วยอาคารบ้านเรือนสไตล์ตะวันตกให้บรรยากาศราวกับหลงเข้าไปในประเทศแถบตะวันตกเลยทีเดียว
ในปัจจุบัน ผู้คนเรียกเนินด้านล่างของ Kwassui Women's University, เนินคัซซุย และเนินด้านหน้าของ Joukoin ว่า “เนินฮอลันดา” ไหนใครอยากลองแวะมาเดินผ่านเนินสัมผัสประวัติศาสตร์เก่าแก่กันบ้างเอ่ย?
Dutch Slope (เนินฮอลันดา)
ที่อยู่:Higashiyamatemachi, Nagasaki, Nagasaki Prefecture
เว็บไซต์หลัก:http://www.nagasaki-tabinet.com/guide/105/(ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
10. Confucius Shrine, Nagasaki (ศาลเจ้าขงจื๊อนางาซากิ)
รัฐบาลจีนได้ร่วมมือกับชาวจีนในญี่ปุ่นสร้าง Confucius Shrine, Nagasaki (ศาลเจ้าขงจื๊อนางาซากิ) แห่งนี้ขึ้นมาในปี 1893 เพื่อเป็นสุสานบูชา “ขงจื๊อ” ผู้ก่อตั้งลัทธิขงจื๊อชาวจีนนั่นเอง ตัวอาคารได้รับการตกแต่งให้มีสีสันสดใสคงความงดงามสไตล์ดั้งเดิมเอาไว้ โครงสร้างของ “สะพานเฮกิซุยเคียว” และ “ประตูกิมง” ด้านหน้าทำให้สัมผัสถึงวัฒนธรรมจีนแท้ได้อย่างชัดเจน
ส่วน “พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์จีน” ที่ตั้งอยู่ด้วยกันเป็นสถานที่จัดแสดงสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ แต่ระวังเอาไว้นิดนึงว่าบนชั้น 2F และ 3F ของพิพิธภัณฑ์ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะจ๊ะ...
Confucius Shrine, Nagasaki (ศาลเจ้าขงจื๊อนางาซากิ)
ที่อยู่:10-36 Ōuramachi, Nagasaki-shi, Nagasaki-ken
เวลาทำการ:8:30~17:30 (ปิดให้เข้าเวลา 17:00 น.)
ค่าเข้าชม:ผู้ใหญ่ 600 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 400 เยน, นักเรียนประถมและมัธยมต้น300 เยน
เว็บไซต์หลัก:http://nagasaki-koushibyou.com/wp-content/themes/koshibyo/pdf/translation-english.pdf
11. Nabekanmuriyama Park (สวนนาเบคัมมูริยามะ)
Mt Nabekanmuri (ภูเขานาเบคัมมูริ) คือ ภูเขาสูงกว่า 169 เมตรซึ่งตั้งอยู่ห่างจากประตูที่ 2 ของ สวนโกลฟเวอร์ ประมาณเดินเท้า 10 นาที วิวเมืองนางาซากิและท่าเรือนางาซากิที่สามารถชมได้จากบนจุดชมวิวภายในสวนเป็นอะไรที่งดงามมาก โดยเฉพาะวิวตอนกลางคืนซึ่งได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 ทัศนียภาพยามค่ำคืนแห่งใหม่ของโลกนั้นควรค่าแก่การมาชมให้ได้สักครั้งในชีวิต
ถ้าเกิดมาเที่ยวในตอนกลางวัน เราจะได้ชมสินทรัพย์ทั้ง 5 แห่งซึ่งเป็นมรดกจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในสมัยเมจิ เช่น คฤหาสน์โกลฟเวอร์เก่าและเกาะเรือรบ ด้วยนะเออ... เนื่องจากจุดชมวิวตั้งอยู่บนเนิน จึงขอแนะนำให้สวมรองเท้าเดินง่ายใส่สบายมาจะดีที่สุด
Nabekanmuriyama Park (สวนนาเบคัมมูริยามะ)
ที่อยู่:2 Chome Izumo, Nagasaki-shi, Nagasaki-ken
เว็บไซต์หลัก:http://www.visit-nagasaki.com/spots/detail/700/back:1
12. Mount Inasa (ภูเขาอินาสะ)
Mount Inasa (ภูเขาอินาสะ) สูง 333 เมตรแห่งนี้เป็นแหล่งชมทัศนียภาพยามค่ำคืนอันแสนงดงามซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น “วิวกลางคืนมูลค่า 10 ล้านดอลล่าร์” แบบ 360 องศา โดยเป็นแหล่งชมวิวกลางคืนสุดโรแมนติกยอดนิยมในหมู่คู่รักมากมายที่เดินทางมาเยือนกันไม่เว้นแต่ละวัน นอกจากนี้ ในวันที่อากาศแจ่มใส เรายังสามารถมองเห็นอุนเซ็น, อามาคุสะ และเกาะโกโตได้ด้วยนะเออ...
ถึงแม้ว่าจะมีทางเดินขึ้นไปจนถึงยอดเขาก็จริง แต่เราสามารถนั่ง กระเช้า หรือรถยนต์ขึ้นไปได้เหมือนกัน ลานจอดรถเสียค่าบริการนะจ๊ะ...
Mount Inasa (ภูเขาอินาสะ)
ที่อยู่:1331 Ohamamachi, Nagasaki, Nagasaki Prefecture
หอคอยชมวิว:8:00~22:00 น.
ลานจอดรถจุดชมวิวภูเขาอินาสะ:เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าจอดรถ:100 เยน / 30 นาที (20 นาทีแรกจอดฟรี)
Nagasaki Ropeway (กระเช้านางาซากิ)
เวลาทำการ:9:00~22:00 น.
ราคา:【ไป-กลับ】บุคคลทั่วไป 1,230 เยน, นักเรียนมัธยมต้น・นักเรียนมัธยมปลาย 920 เยน, นักเรียนประถม 610 เยน【เที่ยวเดียว】บุคคลทั่วไป 720 เยน, นักเรียนมัธยมต้น・นักเรียนมัธยมปลาย 510 เยน, นักเรียนประถม 410 เยน
เว็บไซต์หลัก:http://www.visit-nagasaki.com/spots/detail/204/back:1
13. Megane Bridge (สะพานเมกาเนะ)
Megane Bridge (สะพานเมกาเนะ) คือ สะพานหินโค้งแห่งแรกของญี่ปุ่นที่พาดข้ามแม่น้ำนากาชิมะ เนื่องจากเงาของสะพานที่สะท้อนลงบนผิวน้ำเป็นรูปวงกลมคู่ดูราวกับเป็นแว่นตา คนญี่ปุ่นจึงเรียกกันว่าสะพานเมกาเนะหรือสะพานแว่นตานั่นเอง
ทำนบกั้นน้ำบริเวณสะพานมีหินรูปหัวใจซุกซ่อนอยู่ถึง 20 ก้อนด้วยกัน โดยว่ากันว่าถ้าเกิดถ่ายรูปคู่กับก้อนหินเหล่านี้จะช่วยดลบันดาลให้ประสบความสำเร็จด้านความรัก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งขอพรเรื่องความรักยอดนิยมไปโดยปริยาย
Megane Bridge (สะพานเมกาเนะ)
ที่อยู่:Uonomachi, Nagasaki, Nagasaki Prefecture
เว็บไซต์หลัก:http://www.visit-nagasaki.com/spots/detail/216/back:1
14. Ryoma Dori (ถนนเรียวมะ)
เราเรียกทางลาดบันไดหินซึ่งทอดยาวจากระหว่างวัดเซ็นรินจิและวัดจินโซจิบนถนนเทรามาจิ ผ่านร่องรอยคาเมยามะฉะจู ไปยังสวนคาซากาชิระว่า Ryoma Road (ถนนเรียวมะ)
“ซากาโมโตะ เรียวมะ” ซึ่งปรากฏอยู่ในชื่อถนนแห่งนี้เป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น โดยเป็นหนึ่งในชิชิ (※ 2) กลุ่มปฏิวัติช่วงปลายสมัยเอโดะ
คนญี่ปุ่นเรียกถนนที่เหล่าพวกพ้องชิชิซึ่งนำทีมโดย “ซากาโมโตะ เรียวมะ” ใช้เดินทางไปไหนมาไหนว่า “ถนนเรียวมะ” โดยเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันดีในหมู่ผู้คนท้องถิ่น บนถนนแห่งนี้เป็นที่ตั้งของรูปปั้นเรียวมะซึ่งนับเป็นจุดถ่ายรูปของที่นี่เลยก็ว่าได้
Ryoma Dori (ถนนเรียวมะ)
ที่อยู่:Teramachi~Kazagashiramashi, Nagasaki, Nagasaki Prefecture
เว็บไซต์หลัก:http://www.at-nagasaki.jp/spot/61014/(ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
※ 2:คำเรียกผู้อุทิศตัวเพื่อชาติและสังคมในสมัยก่อน
15. Siebold Memorial Museum (พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ซีโบลด์)
Siebold Memorial Museum (พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ซีโบลด์) คือ พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อยกย่องซีโบลด์ผู้สอน “รังกาคุ (วิชาภาษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมฮอลันดา)” ในนางาซากิ ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกที่สร้างขึ้นด้วยอิฐแดงโดยจำลองมาจากที่อยู่ของซีโบลด์ที่ตั้งอยู่ในเมืองไลเดน ประเทศฮอลันดา
ที่นี่จัดแสดงสารคดีชีวิตของซีโบลด์ ของใช้ส่วนตัวอันเป็นที่รัก และข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับซีโบลด์มากมาย จึงนับเป็นพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ที่ควรค่าแก่การมาชมให้ได้สักครั้งในชีวิต ยิ่งถ้าเกิดใครชมอย่างละเอียดนี่ต้องใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
Siebold Memorial Museum (พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ซีโบลด์)
ที่อยู่:2 Chome-7-40 Narutaki, Nagasaki-shi, Nagasaki-ken
เวลาทำการ:9:00~17:00 น. (เปิดให้เข้าถึงเวลา 16:30 น.)
วันหยุด:วันจันทร์ (ในกรณีที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเลื่อนเป็นวันถัดไปแทน), 29 ธันวาคม – 3 มกราคม
ค่าเข้าชม:บุคคลทั่วไป 100 เยน, นักเรียนประถมและมัธยมต้น 50 เยน
เว็บไซต์หลัก:http://www.visit-nagasaki.com/spots/detail/689/back:1
16. Huis Ten Bosch (เฮาส์ เทน บอช)
Huis Ten Bosch (เฮาส์ เทน บอช) แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อประจำนางาซากิแห่งนี้เป็นสวนสนุกที่จำลองมาจากอาคารบ้านเมืองของฮอลันดาที่ตั้งอยู่ในซาเซโบะ ภายในสวนสนุกซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความกว้างใหญ่เป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่นจะบานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้ตามฤดูกาลทั้ง 4 ตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ก็ยังเต็มไปด้วยเครื่องเล่นสำหรับเล่นเกมถึง 44 ชนิดให้เราสามารถเพลิดเพลินกันเป็นครอบครัวได้อย่างเต็มอิ่ม โดยมีการจัดการแสดงและเปิดเพลงทั่วทุกแห่งภายในสวน แถมบางการแสดงยังได้รับความนิยมถึงขนาดมีผู้คนมายืนรอชมกันเลยทีเดียว บอกเลยว่าห้ามพลาดจ้า...
ส่วนตอนกลางคืนจะมีการจัดแสดงอิลลูมิเนชั่นเปลี่ยนทั่วทั้งพื้นที่ให้กลายเป็นดินแดนแห่งแสงไฟงดงามมาก เราจึงจะได้เพลิดเพลินกับโลกแห่งแสงไฟที่ไลท์อัพปราสาท อาคารบ้านเรือน สวนดอกไม้ และคลองออกมาได้อย่างสวยงามเกินบรรยาย!
Huis Ten Bosch (เฮาส์ เทน บอช)
ที่อยู่:1-1 Huis Ten Bosch Machi, Sasebo-shi, Nagasaki-ken
ค่าเข้าชม:【ตั๋วเข้าชม + ตั๋วใช้บริการเครื่องเล่นกว่า 50 ชนิด】ผู้ใหญ่ 6,700 เยน, นักเรียนมัธยมต้น-ปลาย 5,700 เยน, เด็กเล็ก 4,300 เยน, ผู้สูงอายุ 6,200 เยน【เฉพาะตั๋วเข้าชม】ผู้ใหญ่ 4,200 เยน, นักเรียนมัธยมต้น-ปลาย 3,200 เยน, เด็กเล็ก 1,900 เยน, ผู้สูงอายุ 4,200 เยน
เวลาทำการ:9:00~22:00 น. (แตกต่างกันตามช่วงเวลา)
เว็บไซต์หลัก:http://thailand.huistenbosch.co.jp/#_ga=2.118577290.2051415615.1494916731-981376038.1494916731
17. Gunkan Island (เกาะเรือรบ)
Gunkan Island (เกาะเรือรบ) แห่งนี้มีชื่อทางการว่า “เกาะฮาชิมะ” ที่นี่เจริญรุ่งเรืองมาจากการขุดเหมืองถ่านหินใต้ดินในสมัยก่อนตั้งแต่ปี 1870 ในช่วงพีคสุด ๆ ถึงขนาดว่าเคยมีผู้คนอยู่อาศัยบนเกาะมากกว่า 5000 คนเลยทีเดียว แต่เมื่อเวลาผ่านไปประกอบกับแหล่งพลังงานหลักเปลี่ยนไปใช้น้ำมันแทนถ่านหิน ภูเขาถ่านหินก็ปิดตัวลงในปี 1974 ในที่สุดจนที่นี่กลายเป็นเกาะร้างไร้ผู้คนไปโดยปริยาย
ทัวร์ชมเกาะเรือรบที่พาเที่ยวอพาร์ทเม้นคอนกรีตเสริมเหล็กสูงแห่งแรกของญี่ปุ่นและสถานที่ขุดเหมืองถ่านหินซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่บนเกาะเรือรบนั้นได้รับความนิยมมาก ในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากกว่า 8 แสนคนแล้ว ในเดือนกรกฎาคม 2015 ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในฐานะที่เป็น “มรดกจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในสมัยเมจิ ~อุตสาหกรรมการผลิตเหล็ก・เหล็กกล้า・ถ่านหิน~”
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้สามารถเข้าไปดูได้จากบทความ「 ยกพลขึ้น「เกาะกุนคัง」สถานที่ถ่ายทำภาพยนต์『ผ่าพิภพไททัน』ในจังหวัดนางาซากิ」
Gunkan Island (เกาะเรือรบ)
ที่อยู่:Hashima Island, Takashimamachi, Nagasaki, Nagasaki Prefecture
18. Tenkaiho (เท็งไคโฮ)
จากบนจุดชมวิวที่ตั้งอยู่ภายในเมืองซาเซโบะแห่งนี้ เราสามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของเกาะคุจูคุได้ด้วยนะเออ... โดยเฉพาะวิวยามเย็นจากบนจุดชมวิวนั้นขึ้นชื่อเรื่องความงดงามเป็นพิเศษ
“เกาะคุจูคุ” คือ หมู่เกาะที่ครอบคลุมอาณาเขตพื้นที่ทางทะเลกว่า 208 เกาะโดยทอดยาวจากฝั่งนอกท่าเรือซาเซโบะไปทางเหนือ 25 กิโลเมตร ว่ากันว่าเป็นเกาะที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ด้านใต้จุดชมวิวสามารถเพลิดเพลินกับดอกนาโนะฮานะได้ในฤดูใบไม้ผลิและดอกคอสมอสในฤดูใบไม้ร่วง แถมที่นี่ยังมีลานจอดรถจัดเตรียมเอาไว้ให้บริการด้วยนะเออ...
Tenkaiho (เท็งไคโฮ)
ที่อยู่:339 Shimofunakoshicho, Sasebo , Nagasaki Prefecture
เว็บไซต์หลัก:http://www.nagasaki-tabinet.com/guide/274/(ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
19. Hirado Dutch Trading Post (หอการค้าฮิราโดะ-ฮอลันดา)
Hirado Dutch Trading Post (หอการค้าฮิราโดะ-ฮอลันดา) แห่งนี้ได้รับการบูรณะฟื้นฟูมาจากสถาปัตยกรรมปี 1609 ที่นี่จัดแสดงข้อมูลซึ่งถ่ายทอดบรรยากาศในสมัยก่อนและเป็นสถานที่จัดงานอีเว้นท์ต่างๆมากมาย โดยเป็นหอการค้าที่สร้างขึ้นในฮิราโดะโดยบริษัทอินเดียตะวันออกเมื่อปี 1609 แต่ถูกทำลายลงในปี 1640 เนื่องด้วยการแบนศาสนาคริสต์ในญี่ปุ่น
ภายในอาคารจัดแสดงสิ่งของอันล้ำค่ามากมายไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน, อุปกรณ์เดินเรือที่ใช้ในยุคนั้น รวมถึงภาพวาดและหนังสือที่ถ่ายทอดบรรยากาศในสมัยก่อนอีกด้วย แถมยังมีการจัดงานอีเว้นท์ เช่น เวิร์คช็อปและงานฉายภาพยนตร์ อีกต่างหาก
Hirado Dutch Trading Post (หอการค้าฮิราโดะ-ฮอลันดา)
ที่อยู่:2477 Ōkubochō, Hirado-shi, Nagasaki-ken
เวลาทำการ:8:30~17:30 น.
วันหยุด:วันอังคาร วันพุธ และวันพฤหัสบดีที่ 3 ของเดือนมิถุนายน
ค่าเข้าชม:ผู้ใหญ่ 300 เยน, เด็ก 200 เยน
เว็บไซต์หลัก:http://hirado-shoukan.jp/english/
20. Unzen Onsen (อุนเซ็นออนเซ็น)
Unzen Onsen (อุนเซ็นออนเซ็น) คือ ออนเซ็นที่มีคุณสมบัติเป็นกรดสูงซึ่งมีส่วนผสมเป็นกำมะถัน โดยมีสรรพคุณเรื่องการรักษาโรคผิวหนังทุกประเภทและสรรพคุณด้านความงาม ที่นี่เต็มไปด้วยที่พักและแหล่งท่องเที่ยวมากมายให้เราได้เพลิดเพลินกันตลอดทั้งวัน โดยมีไฮไลท์แนะนำคือพิพิธภัณฑ์ศิลปะจัดแสดงแก้วซึ่งมีต้นกำเนิดในนางาซากิและกิจกรรมทำขนมยุเซมเปซึ่งย่างด้วยน้ำออนเซ็น
บริเวณบ่อไอร้อนซึ่งเรียกว่า “อุนเซ็นจิโกกุ” อบอวลไปด้วยไอร้อนและกลิ่นกำมะถันค่อนข้างแรง นอกจากออนเซ็นเท้าและโรงอาบน้ำสาธารณะแล้วก็ยังรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ให้สามารถเพลิดเพลินกับการอาบป่าได้อย่างเต็มที่ด้วย
Unzen Onsen (อุนเซ็นออนเซ็น)
ที่อยู่:Obamacho Unzen, Unzen, Nagasaki Prefecture
เว็บไซต์หลัก:http://www.unzen.org/e_ver/
21. Misojien (สวนมิโซจิเอ็น)
Misojien (สวนมิโซจิเอ็น) คือ สวนใบโมมิจิที่ครอบคลุมอาณาบริเวณกว่า 25,000 ตารางเมตรภายในเมืองอุนเซ็น โดยเป็นแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีที่รู้จักกันเฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น เนื่องจากตั้งอยู่ในระดับความสูงที่แตกต่างกัน จึงมีเอกลักษณ์อยู่ที่สามารถเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีได้ยาวๆเลยนี่แหละ
โดยปกติแล้วเราจะสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นไป แต่เนื่องจากช่วงเวลาการชมของแต่ละปีจะแตกต่างกันออกไป จึงขอแนะนำให้เช็คข้อมูลการชมใบไม้เปลี่ยนสีเอาไว้ล่วงหน้าก่อนเดินทางมาชมจะดีที่สุด ส่วนตอนกลางคืน เราจะได้เพลิดเพลินกับการไลท์อัพให้บรรยากาศชวนฝันสุด ๆ
Misojien (สวนมิโซจิเอ็น)
ที่อยู่:Obamacho Minamikisashi, Unzen, Nagasaki Prefecture
เวลาทำการ:9:00~21:30 น.
ค่าเข้าชม:1 ท่าน 500 เยน, มา 4 ท่านขึ้นไปลดเหลือท่านละ 400 เยน
เว็บไซต์หลัก:http://www.unzen-amakusa.jp/spots/detail/1804(ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
22. Gotō Islands (เกาะโกโต : กลุ่มโบสถ์)
Gotō Islands (เกาะโกโต : กลุ่มโบสถ์) คือ หมู่เกาะที่เกิดจากเกาะน้อย-ใหญ่กว่า 140 เกาะด้วยกัน โดยตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือนางาซากิไปทางตะวันตกประมาณ 100 กิโลเมตร เนื่องจากถึงแม้จะมีการแบนศาสนาคริสต์ แต่ไม่ได้มีการควบคุมดูแลที่เข้มงวดอะไร จึงมีเหล่าคริสเตียนที่หลบซ่อนย้ายมาอาศัยอยู่กันเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ศาสนาคริสต์ได้รับการยอมรับแล้ว พวกเขาก็เริ่มทยอยสร้างโบสถ์ขึ้นมามากมายตามลำดับ ในปัจจุบัน โบสถ์เหล่านี้กลายเป็นหนึ่งในไฮไลท์ประจำเกาะโกโตในฐานะที่เป็นแหล่งเรียนรู้ร่องรอยของชาวคริสเตียนที่เคยใช้ชีวิตอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในสมัยก่อนไปแล้ว
นอกจากนี้ ภายในเกาะก็ยังเต็มไปด้วยไฮไลท์อีกเพียบไม่ว่าจะเป็นสวนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติและหมู่เกาะทะเลสีน้ำเงินแสนงามสุดเอกลักษณ์ประจำเกาะทางใต้
Gotō Islands (เกาะโกโต : กลุ่มโบสถ์)
เว็บไซต์หลัก:http://www.gotokanko.jp/
แหล่งท่องเที่ยวแนะนำในจ.นางาซากิก็หมดลงเพียงเท่านี้ ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวนางาซากิสัมผัสประวัติศาสตร์โดยอ่านบทความนี้ประกอบเป็นข้อมูลกันดูนะคะ ^^
※ ค่าเข้าชมและเวลาทำการอ้างอิงจากข้อมูลของเว็บไซต์หลัก โดยเป็นข้อมูล ณ ปัจจุบัน เดือนมีนาคม 2017 โปรดทราบว่าข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง
นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง