Start planning your trip

เราสามารถจองที่นั่งสำหรับผู้เดินทาง 1 ถึง 16 คนเท่านั้น โปรดแก้ไขจำนวนผู้เดินทางสำหรับการค้นหาของคุณ
โปรดระบุอายุของเด็กทุกคน
เด็ก 1 คน (อายุ 0-2 ปี) ต่อผู้โดยสารผู้ใหญ่ 1 คนเท่านั้น
โปรดเลือกสนามบินต้นทาง
ภูเขาไฟฟูจิ หนึ่งในสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น หนึ่งในจุดชมฟูจิยอดนิยมก็ต้องบริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะ มีที่พักและรีสอร์ทมากมาย นอกจากนั้นใกล้ๆ กันก็ยังมีที่เที่ยวและกิจกรรมน่าทำอีกมาก ทั้งชมเจดีย์ 5 ชั้นที่มีฉากหลังเป็นฟูจิ สวนสนุกพร้อมเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว
ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) แหล่งรีสอร์ทในจังหวัดยามานาชิที่อยู่ใกล้กับโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ทะเลสาบแห่งนี้อยู่บริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เป็นศูนย์กลางของพื้นที่ฟูจิโกะโกะ (ชื่อเรียกของทะเลสาบทั้งห้าที่อยู่รอบภูเขาไฟฟูจิ) ที่มีที่ให้พักผ่อนหย่อนใจมากมาย และธรรมชาติที่สวยงามของทะเลสาบ
หากถามว่าอะไรคือไฮไลท์ของที่นี่ก็คงเป็นทะเลสาบคาวากุจิโกะกว้างใหญ่กับทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิที่ตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้าม ทะเลสาบแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยโรงแรม ร้านอาหารและสถานที่พักผ่อนท่องเที่ยวต่างๆ ที่สำคัญคือไม่ไกลจากโตเกียว ใช้เวลานั่งรถบัสจากชินจูกุเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
มาดูกิจกรรมน่าทำและสถานที่ที่ควรไปบริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะกันค่ะ
Picture courtesy of Yamanashi Tourism Organization
ก่อนอื่น จะขอแนะนำจุดที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างสวยงามหลายๆ ที่ก่อนนะคะ
สถานที่แรกก็คือ Kawaguchiko Amphitheatre Hall ที่อยู่ทางฝั่งเหนือของทะเลสาบคาวากุจิโกะ ในละแวกนี้สามารถเก็บภาพคู่กับสะพานคาวากุจิโอฮาชิและภูเขาไฟฟูจิได้
Picture courtesy of Yamanashi Tourism Organization
นอกจากนั้น หากเดินต่อไปทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ บริเวณรอบๆ สวนโออิชิ (Oishi Park) ก็เป็นจุดยอดนิยมเช่นเดียวกัน เราสามารถชมภูเขาไฟฟูจิในฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบคาวากุจิโกะ และทิวทัศน์ของสวนดอกไม้ตามฤดูกาลพร้อมๆ กันได้ โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงกรกฎาคม เราจะได้เห็นทุ่งลาเวนเดอร์ (ในรูป) บานอย่างสวยงาม
ทิศเหนือของทะเลสาบคาวากุจิโกะมีสถานที่ที่วิวสวยเยอะมากๆ ค่ะ ลองไปเดินเล่นหามุมดีๆ ที่ถูกใจถ่ายรูปสวยๆ กันดูนะคะ
เจดีย์ชูเรโต (Chureito Pagoda) จะมีที่ไหนที่รวมเอาความเป็นญี่ปุ่นมาไว้ในที่เดียวกันได้เท่าที่นี่ หนึ่งในจุดชมวิวฟูจิที่กำลังได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากๆ ที่แม้แต่คนญี่ปุ่นยังไม่ค่อยรู้จักเลยด้วยซ้ำ ภาพของเจดีย์สีแดงชาด 5 ชั้น มีฉากหลังเป็นภูเขาฟูจิลูกโต ถ้ามาช่วงกลางเดือนเมษายนก็จะมีดอกซากุระบานด้วยแต่งแต้มสีสันสวยงามให้อีก
เจดีย์ชูเรโต (Chureito Pagoda)
ที่อยู่ : 3353-1 Arakura, Fujiyoshida, Yamanashi Google Maps
การเดินทาง : เดินจากสถานี Shimoyoshida ประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์ : https://www.japanican.com/en/special/info/fujiyoshida/index.html (ภาษาอังกฤษ)
สถานที่ที่สามารถชมวิวทะเลสาบคาวากุจิโกะและภูเขาไฟฟูจิได้ในมุมมองที่ต่างออกไปนั่นก็คือ Mt.Fuji Panorama Ropeway กระเช้าโรปเวย์นี้จะพาเราขึ้นไปสู่ภูเขาเท็นโจ (Mt. Tenjo) เดิมกระเช้าโรปเวย์แห่งนี้เคยมีชื่อว่า Kachi Kachi Yama Ropeway (คาจิคาจิยามะโรปเวย์) เพราะว่ากันว่าภูเขาลูกนี้เป็นสถานที่ในนิทานเก่าแก่ของญี่ปุ่นเรื่อง Kachi Kachi Yama (คาจิคาจิยามะ)
นั่งชมวิวไปอย่างสบายๆ จนโรปเวย์พาเราขึ้นไปถึงจุดชมวิวบนยอดเขา ให้เราได้พบกับวิวพาโนราม่าที่กว้างใหญ่ของภูเขาไฟฟูจิทั้งลูก แล้วยังมีจุดถ่ายรูปเป็นระฆังรูปหัวใจ เท็นโจโนะคาเนะ (Tenjo no kane) ถ้าเริ่มเหนื่อย แนะนำให้ไปพักรับประทานอาหารว่างอย่างดังโกะกับมัทฉะโฟลทที่ร้านน้ำชา Tanuki Tea House กันนะคะ
Picture courtesy of Kawaguchiko Music Forest Museum
ต่อไป จะแนะนำมิวเซียม 2 แห่งที่ถึงแม้สภาพอากาศจะไม่ดีแต่ก็สามารถเพลิดเพลินได้ สถานที่แรกคือ Kawaguchiko Music Forest Museum สถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปโดดเด่นสะดุดตาที่ตั้งอยู่ภายในสวนกว้างใหญ่
ไฮไลท์ที่น่าสนใจของที่นี่มีมากมาย เช่น ตู้ดนตรีขนาดใหญ่ที่เคยมีกำหนดการจะนำไปใช้ในเรือไททานิคจัดแสดงอยู่ และการแสดง Sand Art Live ที่เล่าเรื่องราวด้วยการวาดภาพบนทรายให้เข้ากับเสียงดนตรี ซึ่งจัดให้ชมวันละ 3 ครั้ง
Picture courtesy of Kawaguchiko Music Forest Museum
ในวันที่อากาศดี สามารถไปเดินเล่นท่ามกลางดอกกุหลาบหลากสีสันได้ในสวนกุหลาบ โดยเฉพาะช่วงพีคในเดือนมิถุนายนเราจะได้เห็นความตระการตาของดอกกุหลาบกว่า 720 สายพันธุ์บานสะพรั่งเต็มสวนเลยค่ะ
Picture courtesy of Itchiku Kubota Art Museum
อีกแห่งนึงก็คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิตจิคุ คูโบตะ (Itchiku Kubota Art Museum) ที่ได้รับมิชลินสตาร์ 3 ดาวจาก Michelin Guide หมวดท่องเที่ยวในปี 2009
มิชลินสตาร์ของ Michelin Guide เรียงลำดับจากน้อยสุด 1 ดาวไปถึงมากสุด 3 ดาว
ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีผลงานของคุณคูโบตะ อิตจิคุ ศิลปินหัตถกรรมงานย้อม ซึ่งจัดแสดงภายในสถาปัตยกรรมสไตล์ญี่ปุ่นที่หรูหรา คุณคูโบตะ อิตจิคุมีชื่อเสียงจากการชุบชีวิตเทคนิคการย้อมสีที่สูญหายไปเป็นเวลานานที่เรียกว่า "สึจิกาฮานะ" ด้วยทักษะที่มีเอกลักษณ์แบบของตัวเอง ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีแกลอรี่ลูกปัดแก้ว และร้านค้าของพิพิธภัณฑ์ รวมถึงร้านน้ำชาอีกด้วย
Picture courtesy of Itchiku Kubota Art Museum
และไม่เพียงแต่ภายในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ความพิเศษของพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้คือทิวทัศน์ภายนอกที่มีความสวยงามทำให้เพลิดเพลินได้เช่นกัน สวนญี่ปุ่นที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยธรรมชาติและฝีมือของมนุษย์ ทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปในทุกๆ ฤดูกาล ดึงดูดผู้คนมากมายให้มาเยือน โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีไฮไลท์คือใบไม้เปลี่ยนสี
จากบทความ "ชมฟูจิบนรถไฟเหาะตีลังกาที่ ฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland) สวนสนุกสุดหวาดเสียว "
Fuji-Q Highland สวนสนุกยอดนิยมของเหล่าวัยรุ่นทั้งในและต่างประเทศ ที่นี่โด่งดังมากเพราะมีเครื่องเล่นสุดหวาดเสียวเยอะมาก! สวนสนุกแห่งนี้มีเครื่องเล่นที่ได้รับการบันทึกใน Guinness World Record มากมายอย่าง FUJIYAMA, Takabisha และ Eejanaika ซึ่งรู้จักเป็นอย่างดีในด้านเครื่องเล่นรถไฟเหาะที่มีความสูง ความเร็ว และองศาแนวดิ่งที่มากที่สุดในโลก
ในส่วนเครื่องเล่นอื่นๆ ก็มีเขาวงกตขนาดยักษ์ บ้านผีสิง และ La Ville de Gaspard et Lisa เมืองของ Gaspard และ Lisa ตัวการ์ตูนสุดน่ารักจากหนังสือภาพของฝรั่งเศส อีกทั้ง ที่นี่ยังมีโรงแรมและร้านอาหารด้วย จึงสะดวกมากๆ หากไปใช้บริการตอนไปเที่ยวสวนสนุกค่ะ
Picture courtesy of Yamanashi Tourism Organization
สำหรับคนที่อยากลองชิมอาหารท้องถิ่นของคาวากุจิโกะ ก็ขอแนะนำ โฮโต ค่ะ
โฮโตเป็นอาหารท้องถิ่นในจังวัดยามานาชิ จุดเด่นอยู่ที่เส้นแบนนขนาดใหญ่ต้มพร้อมกับผัก เช่น ฟักทอง ในซุปมิโซะ กลายเป็นรสชาติที่ผสมผสานกันระหว่างความกลมกล่อมของดาชิกับความหวานของผัก โดยเฉพาะช่วงอากาศหนาวๆ นี่นอกจากจะอร่อยและอิ่มท้องแล้ว ยังทำให้ร่างกายอบอุ่นได้ดีด้วย รอบๆ สถานีคาวากุจิโกะมีร้านที่ขึ้นชื่อมากๆ อย่าง "Hoto Fudo (โฮโต ฟุโด)" และ "Koshu Hoto Kosaku (โคชู โฮโต โคซาคุ)"
ต่อไปจะพาไปดูแผนเที่ยวที่รวมถึงจุดท่องเที่ยวต่างๆ ที่แนะนำไปข้างต้นด้วยค่ะ หากมีเวลา 1-2 วัน สามารถที่จะเที่ยวตามสถานที่หลักๆ ในทะเลสาบคาวากุจิโกะได้ครบค่ะ แต่สำหรับคนที่มีเวลาเหลือเฟือมากกว่านั้น หากค้างสัก 2 คืนก็จะได้สัมผัสกับเสน่ห์ของที่นี่แบบสบายๆ ค่ะ
หากไปถึงทะเลสาบคาวากุจิโกะด้วย Express Bus หรือรถไฟ ก่อนอื่นให้ไปขึ้น Mt.Fuji Panorama Ropeway ค่ะ หลังชมวิวสวยๆ เสร็จก็ไปขึ้นรถบัส เดินทางไปทานอาหารขึ้นชื่อของยามานาชิอย่างโฮโตหรืออุด้งเป็นอาหารเที่ยง
ช่วงบ่ายแนะนำให้ไปเดินสายเที่ยวพิพิธภัณฑ์ศิลปะแบบสบายๆ ค่ะ ถ้าพักโรงแรมหรือเรียวกังที่มีออนเซ็นล่ะก็ ให้รีบเช็คอินแล้วไปแช่ออนเซ็นคลายความเหนื่อยล้ากันได้เลย
Hana Terrace ช้อปปิ้งมอลล์ที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิจากฝั่งทะเลสาบคาวากุจิโกะ
ในวันที่ 2 ให้ไปเดินเล่นรอบๆ สวนโออิชิ ถ้าเริ่มเมื่อยก็ไปพักเบรกในคาเฟ่ หรือช้อปปิ้งซื้อของที่ "Hana Terrace" ที่มีร้านรวงตั้งอยู่มากมาย เช่น ร้านขนมหวานที่ใช้ผลไม้ของจังหวัดยามานาชิ และสินค้าจิปาถะสไตล์ญี่ปุ่น หรือไม่ก็อาจจะไปเล่นเครื่องเล่นสุดมันส์ที่ Fuji-Q Highland ตั้งแต่เช้าเลยก็ได้ค่ะ
ถ้าจะซื้อของฝากล่ะก็ แนะนำให้ซื้อที่ร้านขายของฝากที่อยู่ในสถานี Kawaguchiko, สถานี Fujisan หรือไม่ก็ป้ายรถเมล์ Fuji-Q Highland ค่ะ
ถ้านอนค้างอีก 1 คืน ให้เดินทางไกลออกไปอีกสักหน่อย เช่นไปเที่ยวที่ทะเลสาบไซโกะ ที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบคาวากุจิโกะ หรือไปเที่ยวที่ฟูจิโยชิดะดูไหมคะ?
บริเวณรอบๆ ทะเลสาบไซโกะมีป่าที่อุดมสมบูรณ์มากๆ ชื่อว่า Jukai (จุไค) ที่นี่มีคอร์สเดินป่าพร้อมกับไกด์ทัวร์ให้บริการด้วยค่ะ
ศาลเจ้าคิตะกุจิ ฮงกู ฟูจิ เซ็นเก็นจินจะ ตั้งอยู่บริเวณทางปีนขึ้นภูเขาไฟฟูจิ
นอกจากนั้น ในฟูจิโยชิดะ (Fujiyoshida) ซึ่งเป็นเมืองใกล้ๆ ยังมี เจดีย์ชูเรโต (Chureito Padoga) จุดถ่ายรูปยอดนิยมที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิกับเจดีย์ห้าชั้นคู่กันได้ และ ศาลเจ้าคิตะกุจิ ฮงกู ฟูจิ เซ็นเก็นจินจะ (Kitaguchi Hongu Fuji Sengen-jinja Shrine) หนึ่งในจุดออกเดินทางปีนภูเขาฟูจิ ทั้งสองที่สามารถเดินทางไปได้โดยรถบัสและรถไฟจากพื้นที่รอบๆ ทะเลสาบคาวากุจิโกะค่ะ
หรือใช้บริการทัวร์รายวันเพื่อความสะดวกก็ย่อมได้
- จองทัวร์หนึ่งวันเก็บผลไม้ ชมฟูจิ นั่งกระเช้ากับ KLOOK ได้ที่นี่
- จองทัวร์หนึ่งวันชมวิวภูเขาชมฟูจิสวยๆ กับเจดีย์แดงกับ KLOOK ได้ที่นี่
สุดท้ายนี้ จะขอแนะนำอีเวนท์ต่างๆ ในแต่ละฤดูกาลค่ะ บริเวณรอบๆ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ มีการจัดงานเทศกาลต่างๆ ตามแต่ละฤดูกาลที่จะเข้าช่วงไฮไลท์ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้หรือใบไม้เปลี่ยนสี
ช่วงกลางเดือนเมษายนของทุกปี ทะเลสาบคาวากุจิโกะจะเข้าสู่ช่วงชมดอกซากุระ เส้นทางปีนเขาที่อยู่ใกล้กับ Kawaguchiko Amphitheatre Hall จะมองเห็นแนวของต้นซากุระริมฝั่งทะเลสาบ ในช่วงนี้จะมีการออกร้านด้วย แวะมาหาของทานกันได้
Picture courtesy of Yamanashi Tourism Organization
พอหมดช่วงชมดอกซากุระแล้ว ต่อไปจะเป็นฤดูกาลของชิบะซากุระ หรือ พิงค์มอส ทิวทัศน์ของชิบะซากุระที่บานเป็นสีชมพูบนผืนดินราวกับพรมขนาดใหญ่เป็นภาพที่ตระการตามาก
Picture courtesy of Yamanashi Tourism Organization
ชมลาเวนเดอร์บานสวยเต็มที่ประมาณเดือนมิถุนายนจนถึงกรกฎาคมในสวนยากิซากิ (Yagizaki Park) และสวนโออิชิ จุดถ่ายภาพที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างงดงาม
Picture courtesy of Yamanashi Tourism Organization
ต้นไม้แถบนี้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงพฤศจิกายน เร็วกว่าแถบที่ราบอย่างโตเกียว แนะนำให้ไปบริเวณรอบๆ อุโมงค์ใบไม้แดง หรือ Maple Corridor ที่อยู่ทางฝั่งเหนือของทะเลสาบคาวากุจิโกะ มีร้านค้าตั้งเรียงรายและคึกคักไปด้วยผู้คนค่ะ
เนื่องจากรอบๆ ทะเลสาบคาวากุจิโกะสูงกว่าระดับน้ำทะเล จึงมีอากาศเย็นมากในช่วงฤดูหนาว แต่ในความหนาวเย็นนั้น เราก็จะได้เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามมากๆ ค่ะ สำหรับคนที่อยากชมภูเขาไฟฟูจิที่มีหิมะปกคลุมแนะนำให้ไปช่วงอื่นๆ ที่ไม่ใช่ช่วงระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน เพราะเป็นช่วงฤดูร้อน หิมะบนภูเขาไฟฟูจิจะละลายหมด
สำหรับการเดินทางจากโตเกียวไปยังคาวากุจิโกะ แนะนำให้นั่งรถบัสด่วน Expressway Bus หรือรถไฟค่ะ
Expressway Bus สามารถนั่งจากชินจูกุไปถึงสถานี Kawaguchiko ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนรถ จึงสะดวกสบายมาก แนะนำสำหรับคนที่เดินทางไปเป็นครั้งแรก ถ้าการจราจรไม่ติดขัด จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาทีค่ะ
ส่วนใครที่จะเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็นและอยากได้ตั๋วเดินทางทั้งไปและกลับในราคาประหยัด ขอแนะนำตั๋วแบบ JR Flex Rail Ticket ที่เป็นเซ็ทตั๋วมาพร้อมทั้งขาไปและขากลับ ระหว่างจากสถานีโตเกียว (Tokyo) และสถานีมิชิมะ (Mishima) ซึ่งเลือกวันกลับได้ภายในเวลา 7 วันหลังจากวันไป พร้อมส่วนบัตรเข้าชมสะพานแขวนขนาดใหญ่ มิชิมะสกายวอล์ค (Mishima Skywalk) และตั๋วรถบัส 1 วันของโทไคบัส (Tokai Bus) ให้ได้เที่ยวสนุกในบริเวณอื่นรอบๆ ภูเขาไฟฟูจิด้วย
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและจองได้ที่นี่เลย
ในกรณีที่จะเดินทางรอบๆ พื้นที่แถวทะเลสาบคาวากุจิโกะ สิ่งที่สะดวกที่สุดก็คือ Kawaguchiko Sightseeing Bus ถ้าจะใช้บริการรถบัสหลายครั้ง แนะนำให้ซื้อฟรีพาส (Free pass) ตั๋วขึ้นรถบัสไม่จำกัดใน 2 วัน (ผู้ใหญ่ 1,500 เยน, เด็กเล็ก 750 เยน) ซึ่งครอบคลุมจุดท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่แนะนำไปในครั้งนี้ค่ะ ฟรีพาสมีจำหน่ายที่ช่องขายตั๋วรถบัสในสถานี Kawaguchiko และในรถ Kawaguchiko Sightseeing Bus ค่ะ
สำหรับข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับ Expressway Bus และรถบัสประจำทางต่างๆ โปรดดูเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ทางการภาษาไทยของ Fujikyuko Bus ค่ะ
ในวันที่อากาศดี แนะนำให้เช่าจักรยานปั่นชมรอบๆ แบบชิลล์ๆ ก็ดีไปอีกแบบนะคะ หน้าสถานี Kawaguchiko มีร้านให้เช่าจักรยานอยู่หลายร้าน เช่น fujisanbike (เว็บไซต์ภาษาไทย) เป็นต้น
ถึงตรงนี้ เราก็ได้แนะนำจุดเที่ยวต่างๆ ที่ไม่ควรพลาดรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะไปเรียบร้อยแล้วค่ะ จะเดินทางจากโตเกียวก็สะดวก และมีสถานที่ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะชมธรรมชาติ ดื่มด่ำกับผลงานศิลปะ อาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อ หรือเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว
นอกจากนั้น ในละแวกใกล้เคียงยังมีพื้นที่ฟูจิโกะโกะ ที่มีทะเลสาบยามานากะโกะ ทะเลสาบไซโกะ ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหามากมาย ขอให้เต็มอิ่มกับทิวทัศน์ที่สวยงามในทุกๆ ฤดูกาลของทะเลสาบคาวากุจิโกะกันนะคะ
Article Display Image courtesy of Yamanashi Tourism Organization