Start planning your trip

ภูเขาไฟฟูจิ หนึ่งในสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น หนึ่งในจุดชมฟูจิยอดนิยมก็ต้องบริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะ มีที่พักและรีสอร์ทมากมาย นอกจากนั้นใกล้ๆ กันก็ยังมีที่เที่ยวและกิจกรรมน่าทำอีกมาก ทั้งชมเจดีย์ 5 ชั้นที่มีฉากหลังเป็นฟูจิ สวนสนุกพร้อมเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว
ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) แหล่งรีสอร์ทในจังหวัดยามานาชิที่อยู่ใกล้กับโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ทะเลสาบแห่งนี้อยู่บริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เป็นศูนย์กลางของพื้นที่ฟูจิโกะโกะ (ชื่อเรียกของทะเลสาบทั้งห้าที่อยู่รอบภูเขาไฟฟูจิ) ที่มีที่ให้พักผ่อนหย่อนใจมากมาย และธรรมชาติที่สวยงามของทะเลสาบ
หากถามว่าอะไรคือไฮไลท์ของที่นี่ก็คงเป็นทะเลสาบคาวากุจิโกะกว้างใหญ่กับทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิที่ตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้าม ทะเลสาบแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยโรงแรม ร้านอาหารและสถานที่พักผ่อนท่องเที่ยวต่างๆ ที่สำคัญคือไม่ไกลจากโตเกียว ใช้เวลานั่งรถบัสจากชินจูกุเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
1. 8 สิ่งที่ควรทำเมื่อไปทะเลสาบคาวากุจิโกะ
2. อาหารท้องถิ่นจังหวัดยามานาชิที่ต้องมาลอง
3. ตัวอย่างแผนเที่ยว แถวทะเลสาบคาวากุจิโกะ
4. อีเวนท์ต่างๆ ในแต่ละฤดูกาล
5. วิธีเดินทางไปทะเลสาบคาวากุจิโกะและตั๋วโดยสารสุดคุ้ม
6. โรงแรมละแวกทะเลสาบคาวากุจิโกะ
คลิกที่นี่เพื่อจองที่พักหรือโรงแรมในทะเลสาบคาวากุจิโกะกับ Booking.com!
คลิกที่นี่เพื่อจองที่พักหรือโรงแรมในทะเลสาบคาวากุจิโกะกับ Agoda!
มาดูกิจกรรมน่าทำและสถานที่ที่ควรไปบริเวณทะเลสาบคาวากุจิโกะกันค่ะ
Picture courtesy of Yamanashi Tourism Organization
ก่อนอื่น จะขอแนะนำจุดที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างสวยงามหลายๆ ที่ก่อนนะคะ
สถานที่แรกก็คือ Kawaguchiko Amphitheatre Hall ที่อยู่ทางฝั่งเหนือของทะเลสาบคาวากุจิโกะ ในละแวกนี้สามารถเก็บภาพคู่กับสะพานคาวากุจิโอฮาชิและภูเขาไฟฟูจิได้
Picture courtesy of Yamanashi Tourism Organization
นอกจากนั้น หากเดินต่อไปทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ บริเวณรอบๆ สวนโออิชิ (Oishi Park) ก็เป็นจุดยอดนิยมเช่นเดียวกัน เราสามารถชมภูเขาไฟฟูจิในฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบคาวากุจิโกะ และทิวทัศน์ของสวนดอกไม้ตามฤดูกาลพร้อมๆ กันได้ โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงกรกฎาคม เราจะได้เห็นทุ่งลาเวนเดอร์ (ในรูป) บานอย่างสวยงาม
ทิศเหนือของทะเลสาบคาวากุจิโกะมีสถานที่ที่วิวสวยเยอะมากๆ ค่ะ ลองไปเดินเล่นหามุมดีๆ ที่ถูกใจถ่ายรูปสวยๆ กันดูนะคะ
Photo by Pixta
เจดีย์ชูเรโต (Chureito Pagoda) จะมีที่ไหนที่รวมเอาความเป็นญี่ปุ่นมาไว้ในที่เดียวกันได้เท่าที่นี่ หนึ่งในจุดชมวิวฟูจิที่กำลังได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากๆ ที่แม้แต่คนญี่ปุ่นยังไม่ค่อยรู้จักเลยด้วยซ้ำ ภาพของเจดีย์สีแดงชาด 5 ชั้น มีฉากหลังเป็นภูเขาฟูจิลูกโต ถ้ามาช่วงกลางเดือนเมษายนก็จะมีดอกซากุระบานด้วยแต่งแต้มสีสันสวยงามให้อีก
Photo by Pixta
สถานที่ที่สามารถชมวิวทะเลสาบคาวากุจิโกะและภูเขาไฟฟูจิได้ในมุมมองที่ต่างออกไปนั่นก็คือ Mt.Fuji Panorama Ropeway กระเช้าโรปเวย์นี้จะพาเราขึ้นไปสู่ภูเขาเท็นโจ (Mt. Tenjo) เดิมกระเช้าโรปเวย์แห่งนี้เคยมีชื่อว่า Kachi Kachi Yama Ropeway (คาจิคาจิยามะโรปเวย์) เพราะว่ากันว่าภูเขาลูกนี้เป็นสถานที่ในนิทานเก่าแก่ของญี่ปุ่นเรื่อง Kachi Kachi Yama (คาจิคาจิยามะ)
นั่งชมวิวไปอย่างสบายๆ จนโรปเวย์พาเราขึ้นไปถึงจุดชมวิวบนยอดเขา ให้เราได้พบกับวิวพาโนราม่าที่กว้างใหญ่ของภูเขาไฟฟูจิทั้งลูก แล้วยังมีจุดถ่ายรูปเป็นระฆังรูปหัวใจ เท็นโจโนะคาเนะ (Tenjo no kane) ถ้าเริ่มเหนื่อย แนะนำให้ไปพักรับประทานอาหารว่างอย่างดังโกะกับมัทฉะโฟลทที่ร้านน้ำชา Tanuki Tea House กันนะคะ
Picture courtesy of “Ensoleille” Cruiser
ที่ทะเลสาบคาวากุจิโกะ สามารถนั่งเรือสำราญเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาไฟฟูจิจากในทะเลสาบได้ โดยเฉพาะในวันที่อากาศแจ่มในและไม่มีลม ห้ามพลาดชมทิวทัศน์อันงดงามของ "ภูเขาไฟฟูจิกลับหัว" ซึ่งเป็นภาพภูเขาไฟฟูจิสะท้อนบนผิวน้ำ
Picture courtesy of Kawaguchiko Music Forest Museum
ต่อไป จะแนะนำมิวเซียม 2 แห่งที่ถึงแม้สภาพอากาศจะไม่ดีแต่ก็สามารถเพลิดเพลินได้ สถานที่แรกคือ Kawaguchiko Music Forest Museum สถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปโดดเด่นสะดุดตาที่ตั้งอยู่ภายในสวนกว้างใหญ่
ไฮไลท์ที่น่าสนใจของที่นี่มีมากมาย เช่น ตู้ดนตรีขนาดใหญ่ที่เคยมีกำหนดการจะนำไปใช้ในเรือไททานิคจัดแสดงอยู่ และการแสดง Sand Art Live ที่เล่าเรื่องราวด้วยการวาดภาพบนทรายให้เข้ากับเสียงดนตรี ซึ่งจัดให้ชมวันละ 3 ครั้ง
Picture courtesy of Kawaguchiko Music Forest Museum
ในวันที่อากาศดี สามารถไปเดินเล่นท่ามกลางดอกกุหลาบหลากสีสันได้ในสวนกุหลาบ โดยเฉพาะช่วงพีคในเดือนมิถุนายนเราจะได้เห็นความตระการตาของดอกกุหลาบกว่า 720 สายพันธุ์บานสะพรั่งเต็มสวนเลยค่ะ
Picture courtesy of Itchiku Kubota Art Museum
อีกแห่งนึงก็คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิตจิคุ คูโบตะ (Itchiku Kubota Art Museum) ที่ได้รับมิชลินสตาร์ 3 ดาวจาก Michelin Guide หมวดท่องเที่ยวในปี 2009
มิชลินสตาร์ของ Michelin Guide เรียงลำดับจากน้อยสุด 1 ดาวไปถึงมากสุด 3 ดาว
ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีผลงานของคุณคูโบตะ อิตจิคุ ศิลปินหัตถกรรมงานย้อม ซึ่งจัดแสดงภายในสถาปัตยกรรมสไตล์ญี่ปุ่นที่หรูหรา คุณคูโบตะ อิตจิคุมีชื่อเสียงจากการชุบชีวิตเทคนิคการย้อมสีที่สูญหายไปเป็นเวลานานที่เรียกว่า "สึจิกาฮานะ" ด้วยทักษะที่มีเอกลักษณ์แบบของตัวเอง ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีแกลอรี่ลูกปัดแก้ว และร้านค้าของพิพิธภัณฑ์ รวมถึงร้านน้ำชาอีกด้วย
Picture courtesy of Itchiku Kubota Art Museum
และไม่เพียงแต่ภายในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ความพิเศษของพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้คือทิวทัศน์ภายนอกที่มีความสวยงามทำให้เพลิดเพลินได้เช่นกัน สวนญี่ปุ่นที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยธรรมชาติและฝีมือของมนุษย์ ทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปในทุกๆ ฤดูกาล ดึงดูดผู้คนมากมายให้มาเยือน โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีไฮไลท์คือใบไม้เปลี่ยนสี
จากบทความ "ชมฟูจิบนรถไฟเหาะตีลังกาที่ ฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland) สวนสนุกสุดหวาดเสียว "
Fuji-Q Highland สวนสนุกยอดนิยมของเหล่าวัยรุ่นทั้งในและต่างประเทศ ที่นี่โด่งดังมากเพราะมีเครื่องเล่นสุดหวาดเสียวเยอะมาก! สวนสนุกแห่งนี้มีเครื่องเล่นที่ได้รับการบันทึกใน Guinness World Record มากมายอย่าง FUJIYAMA, Takabisha และ Eejanaika ซึ่งรู้จักเป็นอย่างดีในด้านเครื่องเล่นรถไฟเหาะที่มีความสูง ความเร็ว และองศาแนวดิ่งที่มากที่สุดในโลก
ในส่วนเครื่องเล่นอื่นๆ ก็มีเขาวงกตขนาดยักษ์ บ้านผีสิง และ La Ville de Gaspard et Lisa เมืองของ Gaspard และ Lisa ตัวการ์ตูนสุดน่ารักจากหนังสือภาพของฝรั่งเศส อีกทั้ง ที่นี่ยังมีโรงแรมและร้านอาหารด้วย จึงสะดวกมากๆ หากไปใช้บริการตอนไปเที่ยวสวนสนุกค่ะ
Photo by Pixta
ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะเป็นถ้ำซึ่งเกิดจากลาวาที่ไหลจากภูเขาไฟปะทุเมื่อปี 864 ภูเขาลูกนั้นงอยู่ใกล้ๆ กับภูเขาไฟฟูจิ อุณหภูมิภายในถ้ำเฉลี่ย 3°C มีน้ำแข็งปกคลุมตลอดทั้งปี
น้ำแข็งย้อยที่อยู่ภายในถ้ำแห่งนี้มีความงดงามขึ้นชื่อมากๆ บางปีจะมีความใหญ่โตมากๆ โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 50 เซนติเมตร และยาวถึง 3 เมตรเลยทีเดียว
Picture courtesy of Yamanashi Tourism Organization
สำหรับคนที่อยากลองชิมอาหารท้องถิ่นของคาวากุจิโกะ ก็ขอแนะนำ โฮโต ค่ะ
โฮโตเป็นอาหารท้องถิ่นในจังวัดยามานาชิ จุดเด่นอยู่ที่เส้นแบนนขนาดใหญ่ต้มพร้อมกับผัก เช่น ฟักทอง ในซุปมิโซะ กลายเป็นรสชาติที่ผสมผสานกันระหว่างความกลมกล่อมของดาชิกับความหวานของผัก โดยเฉพาะช่วงอากาศหนาวๆ นี่นอกจากจะอร่อยและอิ่มท้องแล้ว ยังทำให้ร่างกายอบอุ่นได้ดีด้วย รอบๆ สถานีคาวากุจิโกะมีร้านที่ขึ้นชื่อมากๆ อย่าง "Hoto Fudo (โฮโต ฟุโด)" และ "Koshu Hoto Kosaku (โคชู โฮโต โคซาคุ)"
นอกจากโฮโต ยังมีของอร่อยๆ รสเลิศที่มีเอกลักษณ์ของท้องถิ่นนี้อีกมากมาย เช่น Fujizakura Heights Beer เบียร์ที่ใช้น้ำธรรมชาติรอบภูเขาไฟฟูจิ
ต่อไปจะพาไปดูแผนเที่ยวที่รวมถึงจุดท่องเที่ยวต่างๆ ที่แนะนำไปข้างต้นด้วยค่ะ หากมีเวลา 1-2 วัน สามารถที่จะเที่ยวตามสถานที่หลักๆ ในทะเลสาบคาวากุจิโกะได้ครบค่ะ แต่สำหรับคนที่มีเวลาเหลือเฟือมากกว่านั้น หากค้างสัก 2 คืนก็จะได้สัมผัสกับเสน่ห์ของที่นี่แบบสบายๆ ค่ะ
หากไปถึงทะเลสาบคาวากุจิโกะด้วย Express Bus หรือรถไฟ ก่อนอื่นให้ไปขึ้น Mt.Fuji Panorama Ropeway ค่ะ หลังชมวิวสวยๆ เสร็จก็ไปขึ้นรถบัส เดินทางไปทานอาหารขึ้นชื่อของยามานาชิอย่างโฮโตหรืออุด้งเป็นอาหารเที่ยง
ช่วงบ่ายแนะนำให้ไปเดินสายเที่ยวพิพิธภัณฑ์ศิลปะแบบสบายๆ ค่ะ ถ้าพักโรงแรมหรือเรียวกังที่มีออนเซ็นล่ะก็ ให้รีบเช็คอินแล้วไปแช่ออนเซ็นคลายความเหนื่อยล้ากันได้เลย
Hana Terrace ช้อปปิ้งมอลล์ที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิจากฝั่งทะเลสาบคาวากุจิโกะ
ในวันที่ 2 ให้ไปเดินเล่นรอบๆ สวนโออิชิ ถ้าเริ่มเมื่อยก็ไปพักเบรกในคาเฟ่ หรือช้อปปิ้งซื้อของที่ "Hana Terrace" ที่มีร้านรวงตั้งอยู่มากมาย เช่น ร้านขนมหวานที่ใช้ผลไม้ของจังหวัดยามานาชิ และสินค้าจิปาถะสไตล์ญี่ปุ่น หรือไม่ก็อาจจะไปเล่นเครื่องเล่นสุดมันส์ที่ Fuji-Q Highland ตั้งแต่เช้าเลยก็ได้ค่ะ
ถ้าจะซื้อของฝากล่ะก็ แนะนำให้ซื้อที่ร้านขายของฝากที่อยู่ในสถานี Kawaguchiko, สถานี Fujisan หรือไม่ก็ป้ายรถเมล์ Fuji-Q Highland ค่ะ
ถ้านอนค้างอีก 1 คืน ให้เดินทางไกลออกไปอีกสักหน่อย เช่นไปเที่ยวที่ทะเลสาบไซโกะ ที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบคาวากุจิโกะ หรือไปเที่ยวที่ฟูจิโยชิดะดูไหมคะ?
บริเวณรอบๆ ทะเลสาบไซโกะมีป่าที่อุดมสมบูรณ์มากๆ ชื่อว่า Jukai (จุไค) ที่นี่มีคอร์สเดินป่าพร้อมกับไกด์ทัวร์ให้บริการด้วยค่ะ
ศาลเจ้าคิตะกุจิ ฮงกู ฟูจิ เซ็นเก็นจินจะ ตั้งอยู่บริเวณทางปีนขึ้นภูเขาไฟฟูจิ
นอกจากนั้น ในฟูจิโยชิดะ (Fujiyoshida) ซึ่งเป็นเมืองใกล้ๆ ยังมี เจดีย์ชูเรโต (Chureito Padoga) จุดถ่ายรูปยอดนิยมที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิกับเจดีย์ห้าชั้นคู่กันได้ และ ศาลเจ้าคิตะกุจิ ฮงกู ฟูจิ เซ็นเก็นจินจะ (Kitaguchi Hongu Fuji Sengen-jinja Shrine) หนึ่งในจุดออกเดินทางปีนภูเขาฟูจิ ทั้งสองที่สามารถเดินทางไปได้โดยรถบัสและรถไฟจากพื้นที่รอบๆ ทะเลสาบคาวากุจิโกะค่ะ
หรือใช้บริการทัวร์รายวันเพื่อความสะดวกก็ย่อมได้
- จองทัวร์หนึ่งวันเก็บผลไม้ ชมฟูจิ นั่งกระเช้ากับ KLOOK ได้ที่นี่
- จองทัวร์หนึ่งวันชมวิวภูเขาชมฟูจิสวยๆ กับเจดีย์แดงกับ KLOOK ได้ที่นี่
สุดท้ายนี้ จะขอแนะนำอีเวนท์ต่างๆ ในแต่ละฤดูกาลค่ะ บริเวณรอบๆ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ มีการจัดงานเทศกาลต่างๆ ตามแต่ละฤดูกาลที่จะเข้าช่วงไฮไลท์ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้หรือใบไม้เปลี่ยนสี
ช่วงกลางเดือนเมษายนของทุกปี ทะเลสาบคาวากุจิโกะจะเข้าสู่ช่วงชมดอกซากุระ เส้นทางปีนเขาที่อยู่ใกล้กับ Kawaguchiko Amphitheatre Hall จะมองเห็นแนวของต้นซากุระริมฝั่งทะเลสาบ ในช่วงนี้จะมีการออกร้านด้วย แวะมาหาของทานกันได้
Picture courtesy of Yamanashi Tourism Organization
พอหมดช่วงชมดอกซากุระแล้ว ต่อไปจะเป็นฤดูกาลของชิบะซากุระ หรือ พิงค์มอส ทิวทัศน์ของชิบะซากุระที่บานเป็นสีชมพูบนผืนดินราวกับพรมขนาดใหญ่เป็นภาพที่ตระการตามาก
Picture courtesy of Yamanashi Tourism Organization
ชมลาเวนเดอร์บานสวยเต็มที่ประมาณเดือนมิถุนายนจนถึงกรกฎาคมในสวนยากิซากิ (Yagizaki Park) และสวนโออิชิ จุดถ่ายภาพที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างงดงาม
Picture courtesy of Yamanashi Tourism Organization
ต้นไม้แถบนี้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงพฤศจิกายน เร็วกว่าแถบที่ราบอย่างโตเกียว แนะนำให้ไปบริเวณรอบๆ อุโมงค์ใบไม้แดง หรือ Maple Corridor ที่อยู่ทางฝั่งเหนือของทะเลสาบคาวากุจิโกะ มีร้านค้าตั้งเรียงรายและคึกคักไปด้วยผู้คนค่ะ
เนื่องจากรอบๆ ทะเลสาบคาวากุจิโกะสูงกว่าระดับน้ำทะเล จึงมีอากาศเย็นมากในช่วงฤดูหนาว แต่ในความหนาวเย็นนั้น เราก็จะได้เห็นวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามมากๆ ค่ะ สำหรับคนที่อยากชมภูเขาไฟฟูจิที่มีหิมะปกคลุมแนะนำให้ไปช่วงอื่นๆ ที่ไม่ใช่ช่วงระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน เพราะเป็นช่วงฤดูร้อน หิมะบนภูเขาไฟฟูจิจะละลายหมด
หากเดินทางจากโตเกียวไปทะเลสาบคาวากุจิโกะ สามารถใช้รถบัสด่วนพิเศษและรถไฟได้
สามารถรถบัสด่วนพิเศษจากชินจูกุ สนามบินนาริตะ สนามบินฮาเนดะ สถานีโตเกียว ชินากาวะ ชิบูย่า และโยโกฮาม่า ไปที่สถานีคาวากุจิโกะได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสายด้วย ดังนั้นจึงแนะนำสำหรับผู้ที่ไปครั้งแรก หากรถไม่ติด จะเดินทางจากชินจูกุหรือชินากาวะไปถึงได้ภายใน 2 ชั่วโมง
คลิกที่นี่เพื่อจองรถบัสด่วนพิเศษ
kosokubus
หากต้องการไปเที่ยวเล่นในพื้นที่ทะเลสาบคาวากุจิโกะ การใช้บริการรถบัสท่องเที่ยวคาวากุจิโกะสะดวกมาก ถ้าอยากเดินทางได้แบบไม่จำกัด ขอแนะนำ Mt.Fuji & Fuji Five Lakes Passport (2 วัน) (ผู้ใหญ่ 2,600 เยน เด็ก 1,300 เยน) ซึ่งใช้ได้ 2 วัน มีจำหน่ายที่เคาท์เตอร์ Fujikyu Bus ที่สถานีคุวากุจิโกะ (Kawaguchiko)
นอกจากนี้ยังมีตั๋วสุดคุ้มต่างๆ ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Fujikyu Bus
หากเดินทางไปโดยรถไฟ ให้ขึ้นรถไฟสาย JR ชูโอ (JR Chuo) ไปยังสถานีโอสึกิ (Otsuki) แล้วเปลี่ยนขบวนไปขึ้นยังสายฟุจิคิวโก (Fujikyuko) ไปยังสถานีคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ใช้เวลาจากสถานีโตเกียวราว 3 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายประมาณ 2,700 เยน
ตั้งแต่ปี 2019 สามารถนั่งรถไฟด่วนพิเศษ FUJI EXCURSION ที่เชื่อมชินจูกุกับทะเลสาบคาวากุจิโกะได้ใน 1 ชั่วโมง 56 นาที ทำให้ขณะนี้สามารถเดินทางได้ทั้งเช้าและเย็นทุกวัน นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้บัตร JR ฟรีพาสต่างๆ เช่น Japan Rail Pass หรือ JR TOKYO Wide Pass (มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับที่นั่งแบบจอง)
Japan Rail Pass และ JR TOKYO Wide Pass เป็นบัตรฟรีพาสสุดคุ้มในการเดินทางทั่วโตเกียวและทั่วญี่ปุ่น ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบดู
คลิกที่นี่เพื่อซื้อบัตร Japan Rail Pass
คลิกที่นี่เพื่อซื้อบัตร JR TOKYO Wide Pass
ถ้าไปเที่ยวคาวากุจิโกะ การขับรถไปเที่ยวก็แนะนำเช่นกัน เมื่อขึ้นทางด่วน จะเดินทางจากโตเกียวไปยังทะเลสาบคาวากุจิโกะได้ในเวลาราว 1 ชั่วโมง 30 - 40 นาที
มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ ดังนั้นการเดินทางโดยรถยนต์จึงง่ายกว่า แล้วอีกอย่างคือถ้าเดินทางไกลๆ เป็นกลุ่มใหญ่ การเช่ารถอาจถูกกว่าการใช้รถบัสหรือรถไฟนะ
MATCHA ขอมอบคูปองส่วนลด 10% แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เช่ารถจาก NIPPON Rent-A-Car บริษัทรถเช่ารายใหญ่ของญี่ปุ่น ท่านที่จะเช่ารถขับเที่ยวเอานำไปใช้ได้เลย!
คลิกที่นี่เพื่อรับคูปองส่วนลด 10% สำหรับเช่ารถจาก NIPPON Rent-A-Car
มีที่พักแนะนำซึ่งสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาไฟฟูจิและสัมผัสธรรมชาติได้
Pictures courtesy of Booking.com
PICA Fujiyama เป็นสถานที่ตั้งแกลมปิ้งยอดฮิตใกล้ทะเลสาบคาวากุจิโกะ สามารถพักผ่อนสบายๆ ในเต็นท์กึ่งโดมสีขาวสุดหรูที่กลมกลืนกับธรรมชาติได้
จองที่พักกับ PICA Fujiyama
Pictures courtesy of Booking.com
Fuji Lake Hotel เป็นโรงแรมเก่าแก่ที่เปิดให้บริการเมื่อปี 1932 นอกจากห้องอาบน้ำแบบส่วนตัวที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบคาวากุจิโกะแล้ว ยังมีห้องอาบน้ำรวมขนาดใหญ่ที่สามารถเพลิดเพลินไปกับน้ำพุร้อนที่สูบขึ้นมาจากชั้นใต้ดินของภูเขาไฟฟูจิ
Pictures courtesy of Booking.com
หากต้องการที่พักสะดวกสบายในราคาย่อมเยา ขอแนะนำ Super Hotel Fujikawaguchiko Tennenonsen ซึ่งมีน้ำพุร้อนธรรมชาติ พร้อมบริการอาหารเช้าฟรี
จองที่พักของ Super Hotel Fujikawaguchiko Tennenonsen
ถึงตรงนี้ เราก็ได้แนะนำจุดเที่ยวต่างๆ ที่ไม่ควรพลาดรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะไปเรียบร้อยแล้วค่ะ จะเดินทางจากโตเกียวก็สะดวก และมีสถานที่ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะชมธรรมชาติ ดื่มด่ำกับผลงานศิลปะ อาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อ หรือเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว
นอกจากนั้น ในละแวกใกล้เคียงยังมีพื้นที่ฟูจิโกะโกะ ที่มีทะเลสาบยามานากะโกะ ทะเลสาบไซโกะ ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหามากมาย ขอให้เต็มอิ่มกับทิวทัศน์ที่สวยงามในทุกๆ ฤดูกาลของทะเลสาบคาวากุจิโกะกันนะคะ
Article Display Image courtesy of Yamanashi Tourism Organization
บทความโดย
เกิดที่จังหวัดยามากาตะ ฉันมีประสบการณ์ทำงานในการพัฒนาชุมชนบริเวณตีนเขาฟูจิและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นทั่วประเทศ และปัจจุบันทำงานที่โตเกียวเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดยามานาชิ คุณแม่ลูกหนึ่งที่ชื่นชอบอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในท้องถิ่น