Start planning your trip
รวมที่เที่ยวน่าไปในจังหวัดมิยากิ ตามพื้นที่เซ็นได นารุโกะ อิชิโนะมากิ
จังหวัดมิยากิเป็นที่ตั้งของเซ็นได เมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ ที่มีเสน่ห์มากมายทั้งจุดชมวิวสวยๆ ของเกาะมัตสึชิมะ ย่านออนเซ็น และอาหารขึ้นชื่อที่หาทานได้เฉพาะที่นี่ บทความนี้ขอแนะนำสถานที่เที่ยวและจุดเด่นๆ โดยแบ่งเป็น 5 บริเวณ
จังหวัดมิยากิเป็นสถานที่แบบไหนกันนะ
จังหวัดมิยากิเป็นจังหวัดหนึ่งในภูมิภาคโทโฮคุ ด้านตะวันออกติดมหาสมุทรแปซิฟิก ด้านตะวันตกเป็นแถบเทือกเขา เช่น เทือกเขาซาโอ (Zao) และมีสวนธรรมชาติกระจายอยู่ทั่วไป มีกิจกรรมมากมายที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติ หน้าร้อนก็ไปเดินป่าบนเขาที่เขียวขจี หน้าหนาวก็ไปเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด
เดือนมีนาคม 2011 ที่เกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น จังหวัดมิยากิก็ได้รับความเสียหายจากคลื่นสึนามิลูกใหญ่ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูบ้านเมืองให้กลับมาชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ขอแนะนำสถานที่น่าสนใจในจังหวัดมิยากิทั้ง 5 บริเวณ ได้แก่ เซ็นได, มัตสึชิมะและอิชิโนะมากิ, มิยากิซาโอ, นารุโกะ, อาคิอุออนเซ็นและซาคุนามิออนเซ็นกัน
สารบัญ
- ■ บริเวณเซ็นได
- ・ ซุยโฮเด็น
- ・ ซากปราสาทเซ็นได
- ・ เทศกาลทานาบาตะของเซ็นได
- ・ เซ็นไดสเตเดียม
- ■ บริเวณมัตสึชิมะและอิชิโนะมากิ
- ・ เกาะมัตสึชิมะ
- ・ เกาะทาชิโระจิมะ (เกาะแมว)
- ・ เมืองอิชิโนะมากิ
- ・ คิงคะซัง
- ■ บริเวณมิยากิซาโอะ
- ・ กิจกรรมในฤดูหนาว
- ・ หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก
- ・ โอคามะ
- ■ บริเวณนารุโกะ
- ・ นารุโกะออนเซ็น
- ・ หุบเขานารุโกะ
- ■ บริเวณอาคิอุออนเซ็นและซาคุนามิออนเซ็น
- ・ อาคิอุออนเซ็น
- ・ ซาคุนามิออนเซ็น
- ■ ของอร่อยของมิยางิ
บริเวณเซ็นได (Sendai)
Photo by Pixta
เมืองเซ็นไดตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดมิยากิและเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของจังหวัด ผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นคงรู้จักดาเตะ มาซามุเนะ (Date Masamune: ค.ศ. 1567 - 1636) นายพลในสมัยเซ็นโกคุที่มีความเกี่ยวข้องกับเมืองเซ็นได ภายในเมืองมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์หลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับมาซามุเนะ เช่น ซุยโฮเด็น (Zuihoden)
เทศกาลทานาบาตะของเซ็นไดซึ่งจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมของทุกปีมีชื่อเสียงมาก ถนนช็อปปิ้งในเมืองประดับประดาด้วยกระดาษเขียนคำอธิษฐานเล็กใหญ่กว่า 3,000 แผ่น จนกลายเป็นวิวประจำช่วงหน้าร้อนของเซ็นได
ไปเริ่มเช็คที่เที่ยวและงานอีเวนท์ต่างๆ ในบริเวณเซ็นไดกัน
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเซ็นได: ดาเตะ มาซามุเนะ
Photos by Pixta
ดาเตะ มาซามุเนะเป็นไดเมียวที่มีบทบาทในสมัยเซ็นโกคุจนถึงสมัยเอโดะตอนต้น หลังโทคุกาวะ อิเอยาซุ (Tokugawa Ieyasu) ได้รวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียวและก่อตั้งเอโดะบาคุฟุ (รัฐบาลทหารในสมัยเอโดะ) แล้ว มาซามุเนะก็ได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองเซ็นไดฮัง (ฮังเป็นวิธีการแบ่งเขตการปกครองในสมัยนั้น) เป็นคนแรก ในสมัยเด็กมาซามุเนะสูญเสียตาข้างขวาไป จึงได้รับการขนานนามว่า มังกรตาเดียว (วีรบุรุษตาเดียว)
จากการที่มาซามุเนะชนะสงครามอยู่เรื่อยๆ และทุ่มเทพลังดูแลปกครองแคว้น จึงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากชาวแคว้น แม้ในปัจจุบันก็ยังมีชื่อเสียงโด่งดังไม่เสื่อมคลาย โดยมักปรากฏเป็นคาแรกเตอร์ในอนิเมะและเกมส์ต่างๆ
สัญลักษณ์ประจำตัวของมาซามุเนะคือ หมวกคาบุโตะ (หมวกนักรบ) ที่มีรูปพระจันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ประดับอยู่ ไปดูของจริงกันได้ที่ "พิพิธภัณฑ์เมืองเซ็นได"
ซุยโฮเด็น
Photo by Pixta
ซุยโฮเด็นคือสุสานที่สักการบูชาดวงวิญญาณของดาเตะ มาซามุเนะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสัญลักษณ์ของเซ็นได ในทุกปีมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากกว่า 1 แสนคน วิหารหลักเปล่งประกายระยิบระยับเหมาะกับมาซามุเนะที่ชื่นชอบความโดดเด่น ทางเดินมีต้นไม้ดอกไม้อย่างดอกไฮเดรนเยียบานสะพรั่งช่วยทำให้จิตใจผ่อนคลาย
ภายในบริเวณยังมีพิพิธภัณฑ์และร้านค้าในพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้หรูหราที่ฝังอยู่สุสาน, คันเซ็นเด็น (Kansenden) สุสานของดาเตะ ทาดามุเนะ (Date Tadamune) ผู้ครองแคว้นเซ็นไดรุ่นที่ 2, เซ็นโนเด็น (Zennoden) สุสานของดาเตะ สึนามุเนะ (Date Tsunamune) ผู้ครองแคว้นเซ็นไดที่ 3 นอกจากนี้ในช่วงทานาบาตะและช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสียังมีเปิดไฟไลท์อัพอีกด้วย
ซากปราสาทเซ็นได (Sendai Castle Ruins)
Photo by Pixta
Photos by Pixta.
ปราสาทเซ็นไดเป็นปราสาทที่ดาเตะ มาซามุเนะสร้างขึ้นในปี 1602 เนื่องจากสร้างบนภูเขาอาโอบะ (Mt. Aoba) ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 202 เมตร จึงเรียกว่า "ปราสาทอาโอบะ(Aoba Castle)" ด้วยเช่นกัน ตัวปราสาทถูกเพลิงไหม้ เหลือเพียงป้อมสังเกตการณ์และกำแพงหินเท่านั้น มีรูปปั้นทองแดงของมาซามุเนะขี่ม้าเป็นสัญลักษณ์ของปราสาท อย่าลืมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกนะ
เทศกาลทานาบาตะของเซ็นได
Photos by Pixta.
เทศกาลทานาบาตะของเซ็นไดเป็นเทศกาลที่มีสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยที่ดาเตะ มาซามุเนะยังมีชีวิตอยู่ นับเป็น 1 ใน 3 เทศกาลใหญ่ของภูมิภาคโทโฮคุ ถนนช็อปปิ้งและย่านการค้าภายในเมืองจะถูกประดับประดาไปด้วยกระดาษเขียนคำอธิษฐาน นกกระเรียนกระดาษ เสื้อผ้ากระดาษ และอื่นๆ รวมเรียกว่าทานาบาตะ คาซาริ (ของประดับ 7 อย่าง) ชาวเมืองจะมาขอพรให้ครอบครัวมีความสุข รวมทั้งการเกษตรและประมงได้ผลอุดมสมบูรณ์
โดยปกติในญี่ปุ่นแต่ละพื้นที่จะจัดเทศกาลทานาบาตะในวันที่ 7 กรกฎาคม แต่เทศกาลทานาบาตะของเซ็นไดจะจัดในวันที่ 6 - 8 สิงหาคมของทุกปี มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคนมาเที่ยวชมการประดับประดาบ้านเมืองด้วยกระดาษที่งดงามนี้ในทุกๆ ปี
เซ็นไดสเตเดียม (Sendai Stadium)
Photo by Pixta.
เซ็นไดสเตเดียมเป็นสนามแข่งขันฟุตบอล, อเมริกันฟุตบอล และรักบี้ มีอีกชื่อหนึ่งว่า "ยัวร์เทค สเตเดียม เซ็นได (Yurtec Stadium Sendai)" นอกจากนี้ยังเป็นสเตเดียมประจำของสโมสรฟุตบอลเวกัลตะ เซ็นได (Vegalta Sendai) ซึ่งเป็นทีมประจำเจ-ลีค (J-League) ลีคฟุตบอลอาชีพของญี่ปุ่น
การจัดวางที่นั่งของที่นี่ได้รับการยอมรับว่า "จะมุมไหนก็มองเห็นชัด" ถ้ามีแมตช์ที่สนใจก็ลองไปดูกันนะ!
วิธีการเดินทางไปเซ็นได
จากโตเกียวไปเซ็นไดขอแนะนำให้เดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็นสายโทโฮคุ (Tohoku Shinkansen) ซึ่งมีรถไฟ 3 ขบวน ได้แก่ ฮายาบุสะ (Hayabusa), ฮายาเตะ (Hayate) และยามาบิโคะ (Yamabiko) ถ้าเป็นฮายาเตะจะใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที, ฮายาบุสะใช้เวลา 1 ชั่วโมง 35 นาที ส่วนยามาบิโคะมีค่าโดยสารค่อนข้างถูก แต่รถไฟจะจอดระหว่างทางเยอะทำให้ใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 2 ชั่วโมง 15 นาที
ค่าโดยสารเที่ยวละประมาณ 10,000- 19,930 เยน ขึ้นอยู่กับขบวนรถและประเภทที่นั่ง
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
บริเวณมัตสึชิมะและอิชิโนะมากิ (Matsushima and Ishinomaki)
ด้านตะวันออกทางตอนกลางของจังหวัดมิยากิ มีเกาะห่างไกลที่มีทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงามอยู่ตามแนวมหาสมุทรแปซิฟิกและพื้นที่อิชิโนะมากิซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น ในบรรดาเกาะที่ห่างไกลเกาะที่มีชื่อเสียงที่สุดคือหมู่เกาะมัตสึชิมะ แต่ก็มีเกาะอื่นๆ ที่เป็นที่รู้จักอย่างเกาะทาชิโระจิมะ (Tashirojima) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเกาะแมว และเกาะคิงคะซัง (Kinkasan) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่รับพลังเสริมดวง
เมืองอิชิโนะมากิกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูและมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยือนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ลองไปชมเสน่ห์บริเวณริมทะเลของจังหวัดมิยากิกัน
เกาะมัตสึชิมะ
Photo by Pixta.
เกาะมัตสึชิมะเป็นหมู่เกาะในอ่าวมัตสึชิมะ (Matsushima Bay) อยู่ทางตะวันออกตอนกลางของจังหวัดมิยากิ วิวของเกาะน้อยใหญ่กว่า 260 เกาะและทะเลที่ทอดยาวงดงามราวกับภาพในไปรษณียบัตร
เกาะมัตสึชิมะเป็น 1 ใน 3 ทิวทัศน์ขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ซึ่งอีก 2 แห่ง ได้แก่เกาะมิยาจิมะ (Miyajima) หรือเกาะอิสึคุชิมะ (Itsukushima) ของจังหวัดฮิโรชิม่า และอามาโนะฮาชิดาเตะของจังหวัดเกียวโต เกาะมัตสึชิมะยังได้รับการยกย่องเป็นสถานที่ชมทัศนียภาพอันงดงามเป็นพิเศษจากทางการญี่ปุ่น "สถานที่ชมทัศนียภาพอันงดงามเป็นพิเศษ" คือสถานที่ทรงคุณค่าที่สุดในบรรดาสถานที่ชมทัศนียภาพอันงดงามต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีการขึ้นทะเบียนแล้ว 36 แห่ง
จากสถานี JR เซ็นได (JR Sendai) เดินทางไปถึงเกาะมัตสึชิมะ ให้ขึ้นรถไฟสายเซ็นเซคิ (Senseki Line) ไปลงที่สถานีมัตสึชิมะ ไคกัง (Matsushima-Kaigan) ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 420 เยน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
เกาะทาชิโระจิมะ (เกาะแมว)
Photo by Pixta
เกาะทาชิโระจิมะตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดมิยากิ เป็นเกาะที่อยู่บริเวณคาบสมุทรโอชิคะ (Oshika Peninsula) มีพื้นที่ราว 3.14 ตารางกิโลเมตร เมื่อเทียบกับจำนวนแมวจรจัดที่อาศัยอยู่มากกว่า 100 ตัวกับชาวเกาะที่มีเพียง 80 คนแล้ว ที่นี่จึงเป็นสวรรค์ของแมวจึงมีอีกชื่อว่าเกาะแมว
การเดินทางในพื้นที่หลักๆ ใช้เรือเฟอร์รี่เป็นพื้นฐาน จากท่าเรืออิชิโนะมากิ (Ishinomaki Port) ขึ้นเรือเฟอร์รี่สายอาจิชิมะ (Ajishima Line)ประมาณ 50 นาทีก็ถึงแล้ว ค่าโดยสารสำหรับผู้ใหญ่เที่ยวละ 1,230 เยน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
เมืองอิชิโนะมากิ
Photo by Pixtแa
เมืองอิชิโนะมากิเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดมิยากิ ในสมัยเอโดะจะรู้จักกันในฐานะท่าเรือขนส่งข้าวที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ ปัจจุบันก็ยังคงเป็นแหล่งประมงที่สำคัญ
ตอนเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น เขื่อนกันคลื่นและร้านค้าบ้านเรือนตามชายฝั่งถูกคลื่นสึนามิซัดทำลายเสียหาย จากความพยายามในการฟื้นฟูเมือง ร้านค้าที่ได้รับความเสียหายกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งในย่านการค้าชั่วคราวอย่างโอชิคะ โนเร็น ไก (Oshika Noren Gai) และโอกาสึ ทานาโคยะ ไก (Ogatsu Tanakoya Gai) ซึ่งยังคงเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจนกระทั่งถึงขณะนี้
สามารถกินอาหารขึ้นชื่อ เช่น อาหารทะเลสดๆ อย่างปลาซาบะหรือหอยนางรม และเมนู "อิชิโนะมากิ ยากิโซบะ" ที่ใช้น้ำซุปจากวัตถุดิบประเภทปลามาทำได้ที่ร้านอาหารตามย่านการค้าต่างๆ
จากสถานี JR เซ็นได (JR Sendai) ถึงสถานีอิชิโนะมากิ (Ishinomaki) เดินทางได้ด้วยรถไฟ JR สายเซ็นเซคิ (JR Senseki Line) โดยตรงไม่ต้องเปลี่ยนขบวน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ค่าโดยสาร 860 เยน
คิงคะซัง
Photo by Pixta
คิงคะซังเป็นเกาะเล็กๆ ในอ่าวอิชิโนะมากิที่มีประชากรเพียง 5 คน เป็นสถานที่ผลิตทองแห่งแรกในญี่ปุ่น "ศาลเจ้าคิงคะซัง โคกะเนะยามะ (Kinkasan Koganeyama Shrine)" ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อกว่า 1,200 ปีก่อน กล่าวกันว่าสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการขุดพบทอง
ศาลเจ้านี้เป็นสถานที่รับพลังเสริมดวงด้านการเงินระดับต้นๆ ของญี่ปุ่น ว่ากันว่า "ถ้ามาไหว้ขอพรติดต่อกัน 3 ปี จะไม่ลำบากเรื่องเงินไปตลอดชีวิต" สำหรับคนที่อยากเสริมดวงด้านการเงินอย่าลืมมาไหว้ขอพรกันนะ
ทุกวันอาทิตย์จะมีเรือออกจากท่าเรือโอนะกาวะ (Onagawa Port) ไปที่คิงคะซัง วิธีการเดินทางจากสถานี JR อิชิโนะมากิ (JR Ishinomaki) เพียงขึ้นรถไฟสายอิชิโนะมากิ (Ishinomaki Line) แล้วลงที่สถานีโอนะกาวะ (Onagawa) เดินประมาณ 10 นาทีก็จะถึงท่าเรือ จากท่าเรือโอนะกาวะขึ้นเรือโดยสารประจำทางของอุชิโอะแพลนนิ่ง (Ushio Planning) ค่าโดยสารไป - กลับคนละ 3,500 เยน ใช้เวลาประมาณ 35 นาที
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
บริเวณมิยากิซาโอะ (Miyagi-Zao)
Photos by Pixta
เทือกเขาซาโอะที่เป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างจังหวัดมิยากิกับยามากาตะ พื้นที่ฝั่งจังหวัดมิยากิเรียกว่า "มิยากิซาโอะ" พื้นที่มิยากิซาโอะได้รับการพัฒนาเป็นรีสอร์ต ช่วงหน้าร้อนสามารถสนุกกับการเดินเขาและทำบาร์บีคิว ฤดูหนาวก็สนุกกับกิจกรรมในฤดูหนาวอย่างสกี
เมืองซาโอะที่อยู่บริเวณเชิงเขาเป็นพื้นที่ที่มีการทำฟาร์มโคนมแพร่หลาย จึงมีผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมที่ทำมาจากนมคุณภาพดีอย่างชีสซาโอะ ซอฟต์ครีม และอื่นๆ
กิจกรรมในฤดูหนาว
เมืองซาโอะมีลานสกี 2 แห่ง ได้แก่ ซุมิคาวะ สโนว์พาร์ค (Sumikawa Snow Park) ให้เราได้เพลิดเพลินกับเกล็ดหิมะละเอียดๆ และมิยากิ ซาโอะ เอะโบชิ รีสอร์ต (Miyagi Zao Eboshi Resort) ที่มีทางเล่นสกีที่ยาวที่สุดในจังหวัด
พอถึงฤดูหนาวนักเล่นสกีและนักสโนว์บอร์ดจากทั่วญี่ปุ่นจะมาสนุกกับกิจกรรมในฤดูหนาวที่เมืองนี้ นอกจากนี้การเดินเขาในฤดูหนาวโดยใส่รองเท้าหิมะก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก (Fox Village)
Photo by Pixta
หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกเป็นสวนสัตว์สุนัขจิ้งจอกที่เลี้ยงสุนัขจิ้งจอกกว่า 100 ตัวแบบปล่อยอิสระซึ่งหาได้ยากในญี่ปุ่น พอได้เฝ้ามองสุนัขจิ้งจอกที่ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ก็อดยิ้มไม่ได้
ภายในสวนสัตว์มีสินค้ารูปสุนัขจิ้งจอกแบบฉบับของที่นี่วางขายด้วย พวงกุญแจและแก้วมัครูปสุนัขจิ้งจอกน่ารักๆ ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
โอคามะ (Okama Crater)
Photo by Pixta
โอคามะเป็นทะเลสาบบนปล่องภูเขาไฟ เป็นจุดชมวิวสวยงามที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของซาโอะ ทะเลสาบแห่งนี้เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ รูปร่างของทะเลสาบคล้ายๆ หม้อ จึงเรียกกันว่า "โอคามะ" (แปลว่า หม้อ) ผิวน้ำเป็นสีเขียวมรกตสวยงาม แต่สีจะเปลี่ยนตามฤดูกาลและสภาพอากาศ จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "บ่อน้ำห้าสี"
อุณหภูมิในบริเวณนี้จะต่ำกว่าบริเวณเชิงเขา ถ้าเป็นช่วงกลางฤดูร้อนจะรู้สึกเย็นสบาย อย่างไรก็ตามอย่าลืมสวมเสื้อผ้าที่ช่วยกันลมและรักษาความอบอุ่นนะ
วิธีการเดินทางไปมิยากิซาโอะ
สถานที่เที่ยวแต่ละแห่งในมิยากิซาโอะอยู่ห่างกัน ขอแนะนำให้เดินทางโดยรถยนต์จะดีกว่า เช่น ถ้าจะเดินทางไปซาโอะ ซังโจ เรสเฮ้าส์ (Zao Summit Rest House) ที่อยู่ใกล้โอคามะ ต้องใช้เวลาเดินทางจากสถานี JR เซ็นได (JR Sendai) โดยรถยนต์ถึง 90 นาที
วิ่งบนถนนเส้นรองไปที่เชิงเขา จากนั้นใช้ถนน Zao High Line ซึ่งเป็นทางผ่านเขาที่เสียค่าผ่านทางเพื่อมุ่งไปยังยอดเขา ค่าผ่านทางสำหรับรถยนต์ทั่วไป 550 เยน แต่ถ้าเป็นช่วง 16:00 - 8:00 น. ของวันถัดไปจะไม่เสียค่าผ่านทาง
* ปลายเดือนตุลาคม 2019 จนถึงวันที่ปิดเส้นทางในช่วงฤดูหนาว ช่วงเวลา 16:00 - 8:00 น. ของวันถัดไปจะปิดทาง และตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2019 - เมษายน 2020 ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีการปิดทางในช่วงฤดูหนาวเช่นกัน
บริเวณนารุโกะ (Naruko)
Photo by Pixta
นารุโกะเป็นย่านออนเซ็นที่ตั้งอยู่ในเมืองโอซากิ (Osaki) จังหวัดมิยากิ มีชื่อในเรื่องตุ๊กตาไม้โคเคชิ (kokeshi dolls) งานฝีมือท้องถิ่นของมิยากิ ในนารุโกะมีร้านทำตุ๊กตาโคเคชิอยู่หลายแห่ง แนะนำให้แวะไปลองลงสีตุ๊กตาโคเคชิดูตอนที่ไปบ่อน้ำร้อนนะ
นารุโกะออนเซ็น
นารุโกะออนเซ็นเป็นย่านออนเซ็นที่มีชื่อเสียงระดับภูมิภาคโทโฮคุ นารุโกะออนเซ็นมีตาน้ำพุร้อนมากกว่า 370 ชนิด แร่ธาตุในน้ำพุร้อนของออนเซ็นในญี่ปุ่นมี 11 ชนิด กล่าวกันว่าที่นี่มีถึง 9 ชนิด
ในเมืองออนเซ็นนี้นอกจากจะมีออนเซ็นแบบเช้าไปเย็นกลับ เช่น ทาคิโนะยุ (Taki no Yu) ที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,000 ปี และวาเซดะ ซาจิคิยุ (Waseda Sajikiyu) ออนเซ็นที่นักศึกษามหาวิทยาลัยเป็นคนขุดพบตาน้ำ ยังมีออนเซ็นเรียวกังหลายแห่งด้วย
สามารถลองลงสีตุ๊กตาโคเคชิได้ที่ร้านทำตุ๊กตาโคเคชิที่พิพิธภัณฑ์อิวาชิตะโคเคะชิ (Iwashita Kokeshi Museum), พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาโคเคชิญี่ปุ่น (Japan Kokeshi Museum) และ ที่ร้านมัตสึดะโคโบ (Matsuda Kobo)
หุบเขานารุโกะ (Naruko Gorge)
Photo by Pixta.
หุบเขานารุโกะเป็นหุบเขาชันที่ได้รับการกำหนดให้เป็นสถานที่ชมทัศนียภาพอันงดงามของจังหวัด ใช้เวลาเดินทางจากเมืองออนเซ็นโดยแท็กซี่ประมาณ 10 นาที ทิวทัศน์ที่ได้เห็นจากจุดชมวิวใกล้กับ "นารุโกะ เรสท์ เฮ้าส์ (Naruko Rest House)" ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการท่องเที่ยวนั้นงดงามจริงๆ สามารถชมวิวต้นไม้เขียวขจีในฤดูร้อนและใบไม้เปลี่ยนสีที่มีสีสันในฤดูใบไม้ร่วงพร้อมกับหน้าผาขนาดใหญ่
วิธีการเดินทางจากเซ็นไดไปนารุโกะ
ขอแนะนำให้เดินทางไปบริเวณนารุโกะออนเซ็นโดยรถไฟหรือรถบัสด่วนจะดีกว่า
-รถไฟ: สถานี JR เซ็นได (JR Sendai) รถไฟชินคันเซ็นสายโทโฮคุ (Tohoku Shinkansen) ใช้เวลา 15 นาที → สถานีฟุรุคาวะ (JR Furukawa) รถไฟเร็วสายริคูโท (Rikuu East Line Rapid) ใช้เวลา 40 นาที → สถานีนารุโกะออนเซ็น (Naruko-Onsen)
-รถบัส: สถานีรถไฟ JR เซ็นได รถบัสด่วน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที → นารุโกะออนเซ็นคุรุมะยุ (Naruko Onsen Kurumayu)
บริเวณอาคิอุออนเซ็นและซาคุนามิออนเซ็น
ขอแนะนำอาคิอุออนเซ็นและซาคุนามิออนเซ็น ย่านออนเซ็นชั้นนำในจังหวัดมิยากิ
อาคิอุออนเซ็น (Akiu Onsen)
Picture courtesy of Miyagi Tourism Devision
อาคิอุออนเซ็นเป็นย่านออนเซ็นที่ตั้งอยู่ในอาคิอุ เมืองเซ็นได เป็น 1 ใน 3 ออนเซ็นที่ดีที่สุดของโอชู (Oshu ชื่อจังหวัดในอดีต ปัจจุบันเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของโทโฮคุ) รวมทั้งยังเป็น 1 ใน 3 บ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น โดยอีก 2 แห่ง คือ โดโกออนเซ็น (Dogo Onsen) ที่จังหวัดเอฮิเมะ (Ehime) และอาริมะออนเซ็น (Arima Onsen) จังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo)
แต่เดิมบริเวณนี้มีเรียวกังเก่าแก่แบบดั้งเดิมเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่นานมานี้เริ่มมีโรงแรมที่มีห้องพักราคาย่อมเยาเปิดให้บริการ รอบๆ มีกิจกรรมให้ทำมากมายจนกลายเป็นย่านออนเซ็นที่สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การเดินทางขอแนะนำให้ใช้รถบัสด่วน
ถ้าเป็นสถานีเซ็นไดให้ออกจากทางออกตะวันตกของสถานี JR เซ็นได ที่ท่ารถบัส (bus terminal) ให้ขึ้นรถบัสของมิยากิโคสึ (Miyagi Kotsu Bus bound) สายที่มุ่งหน้าไปอาคิอุออนเซ็น ใช้เวลาประมาณ 60 นาทีก็ถึงที่หมายแล้ว
ซาคุนามิออนเซ็น (Sakunami Onsen)
Picture courtesy of Miyagi Tourism Division
ซาคุนามิออนเซ็นที่รู้จักกันว่าเป็น "ที่พักตากอากาศใกล้เมืองของเซ็นได" เป็นย่านออนเซ็นที่อยู่ทางตะวันตกของเมืองเซ็นได หลังจากเปิดบริการในปี 1796 ก็กลายเป็นบ่อน้ำพุร้อนชื่อดังซึ่งคนในวงการวัฒนธรรมและผู้มีชื่อเสียงมากมายแวะเวียนมา ว่ากันว่าแร่ธาตุในน้ำพุร้อนอ่อนโยนต่อผิวที่บอบบาง จึงเป็น "บ่อน้ำพุร้อนสาวงาม" ที่ได้รับความนิยมมากในหมู่สาวๆ
เดินทางจากตัวเมืองเซ็นไดได้ง่ายๆ ขึ้นรถเมล์ของเมืองเซ็นไดที่ออกจากสถานีรถไฟ JR เซ็นได ใช้เวลา 70 นาที ถ้าเดินทางโดยรถไฟ JR สายเซ็นซัน (Senzan Line) ไปลงที่สถานี JR ซาคุนามิ (JR Sakunami) จากนั้นต่อรถชัทเทิลบัสของแต่ละเรียวกังประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว
ของอร่อยของมิยากิ
อาหารที่เป็นสัญลักษณ์ของมิยากิก็คือ ซุนดะโมจิ (Zunda Mochi) โมจิสอดไส้ถั่วแระบด โดยเฉพาะเมื่อไม่นานมานี้ "ซุนดะเชค (Zunda Shake)" ที่นำไส้ของซุนดะโมจิมาทำเป็นเครื่องดื่มปั่น ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
Photo by Pixta
สำหรับคนที่ชอบเนื้อวัว ไม่ควรพลาดลิ้นวัวที่เป็นของขึ้นชื่อของเซ็นได มีเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาติเข้มข้น
ขอแนะนำให้ซื้อ "ฮางิโนะสึคิ (Hagi no tsuki)" ขนมชื่อดัง ที่มีไส้คัสตาร์ดครีมห่อด้วยแป้งนุ่มๆ เป็นของฝาก
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
บทส่งท้าย
สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่แนะนำ โดยหลักแล้วเดินทางจากสถานีรถไฟ JR เซ็นไดหรือสนามบินเซ็นไดได้ง่ายๆ สามารถเดินทางได้สบายโดยไม่หลงทาง
สำหรับคนที่มาเที่ยวที่มิยากิเป็นครั้งแรก ขอแนะนำให้ไปเที่ยวย่านออนเซ็นในบริเวณเซ็นไดและเกาะต่างๆ แล้วจะหลงเสน่ห์ของมิยากิที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
Main image by Pixta
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง