Start planning your trip
เที่ยว 2 วัน 1 คืน รับพลังจากเกาะศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าคิงคะซัง โคกาเนะยามะ จังหวัดมิยางิ (Miyagi)
ศาลเจ้าคิงคะซัง โคกาเนะยามะ ในจังหวัดมิยางิ ภูมิภาคโทโฮคุ ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ช่วยเสริมโชคลาภ ว่ากันว่าถ้าไปสักการะที่นี่ 3 ปีติดต่อกัน จะไม่ลำบากเรื่องเงินไปตลอดชีวิต ครั้งนี้เราขอแนะนำการไปพักแรมที่ศาลเจ้า และสัมผัสชีวิตที่เงียบสงบบนเกาะกันค่ะ
ศาลเจ้าคิงคะซังโคกาเนะยามะ ที่สถิตของเทพเจ้าแห่งโชคลาภ
"ถ้ามาไหว้ที่นี่ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี จะไม่ลำบากเรื่องเงินไปตลอดชีวิต" เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาถึงความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าคิงคะซังโคกาเนะยามะ (Kinkasan Koganeyama Shrine, จากนี้จะเรียกว่า ศาลเจ้าโคกาเนะยามะ) ในจังหวัดมิยางิ (Miyagi) สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการขุดแร่ทองได้เป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น
ศาลเจ้าโคกาเนะยามะได้รับบริจาคจากผู้มีอำนาจมากมายมาตั้งแต่สิ้นยุคเฮอัน เกาะทั้งเกาะได้รับการเคารพนับถือว่าเป็นที่สถิตของเทพเจ้าเรียกได้ว่าเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์เลย มีผู้ปฏิบัติธรรมจำนวนมากมาเยือนไม่ขาด นอกจากนั้นยังมีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นนิฮงโกะได เบ็นไซเท็น (*1) เทียบเคียงกับศาลเจ้าเอโนะชิมะ และ ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ
วิธีนมัสการที่นี่ตั้งแต่อดีตส่วนใหญ่มักจะมาค้างที่ชุคุโบ (ที่พักสำหรับแขกที่มานมัสการวัดหรือศาลเจ้า) ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันกับศาลเจ้า 1 คืน ถึงหลังๆ จะมีผู้มานมัสการแบบไปกลับเยอะขึ้น แต่สำหรับผู้ที่อยากสัมผัสพิธีการที่เป็นเอกลักษณ์ของศาลเจ้า และอยากใช้เวลาเงียบสงบห่างไกลจากผู้คน แนะนำให้มานมัสการแบบพักแรมค่ะ
*1 : นิฮงโกะได เบ็นไซเท็น ... 5 ศาลเจ้าใหญ่ที่สักการะเบ็นไซเท็น หนึ่งในเทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้งเจ็ด ได้แก่ ศาลเจ้าโคกาเนะยามะ, ศาลเจ้าเอโนะชิมะ, ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ, ศาลเจ้าจิคุบุชิมะ (จังหวัดชิกะ), ศาลเจ้าเท็นคาวะไดเบ็นไซเท็นชะ (จังหวัดนารา)
คิงคะซัง เกาะที่มีกวางเยอะกว่าคน
เกาะคิงคะซัง (Kinkasan Island) ที่ตั้งของศาลเจ้าโคกาเนะยามะ เป็นเกาะเดี่ยวเล็กๆ ที่อยู่ในเขตอิชิโนะมากิ จังหวัดมิยางิ ในภูมิภาคโทโฮคุ การเดินทางให้นั่งรถไฟจากสถานีเซ็นไดไปประมาณ 1 ชั่วโมงลงที่สถานีอิชิโนะมากิ จากนั้นต่อรถบัสไปยังท่าเรือ และจากท่าเรือให้นั่งเฟอร์รี่ข้ามไปยังเกาะคิงคะซังค่ะ
เมื่อไปถึงแล้ว สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือกวางจำนวนมหาศาล! ผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะมีแค่คนที่ทำงานในศาลเจ้าไม่กี่คนเท่านั้น แต่จำนวนของกวางป่าที่อาศัยอยู่ที่นี่มีถึง 500 ตัว และลิงอีกกว่า 250 ตัวค่ะ แต่อาจจะเพราะหลบคนหรือเปล่า จึงไม่ค่อยได้เห็นเท่าไร กวางที่อยู่บนเกาะนี้ได้รับการอนุรักษ์อย่างสำคัญในฐานะผู้รับใช้ของเทพเจ้าค่ะ
ความน่ารักของกวางน้อยอาจทำให้เรารู้สึกอยากเข้าใกล้ แต่ตัวผู้ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ (กันยายนถึงพฤศจิกายน) และตัวเมียในช่วงคลอดและเลี้ยงลูก (พฤษภาคมถึงกรกฎาคม) อาจดุเป็นพิเศษ จึงต้องระมัดระวังในช่วงเวลาดังกล่าวด้วยนะคะ แต่ถึงแม้จะมีช่วงที่ดุบ้าง แต่โดยพื้นฐาน กวางเป็นสัตว์ที่เชื่องอยู่แล้ว ภาพกวางน้อยที่กำลังกินอาหารอย่างเชื่องช้านี่น่ารักดูเพลินมากค่ะ
สถานที่ที่เอ่อล้นไปด้วยพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์มากมาย
นอกจากศาลเจ้าโคกาเนะยามะ ยังมีศาลเจ้าอื่นๆ อีกรวม 8 แห่ง แต่ละแห่งก็อยู่ในป่าในเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และสายน้ำบริสุทธิ์ รู้สึกได้ถึงพลังของธรรมชาติเลยค่ะ เราจะขอแนะนำวิธีชาร์จพลังให้ร่างกายและจิตใจระหว่างอยู่ที่นี่กันค่ะ
1. สักการะเบ็นไซเท็น ชำระล้างเงิน
บ่อน้ำเล็กๆ ที่มีน้ำไหลจากปากมังกรนี้คือบ่อล้างเงิน ให้เอาเงินใส่ในตะกร้า ในรูปคือภาพการนำเงินใส่ตะกร้าแล้วเอาไปแกว่งในน้ำ แล้วก็เอาเงินเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์จะทำให้เฮงค่ะ
ภายในศาลเจ้าโคกาเนะยามะไม่มีท่อประปา น้ำที่คนของศาลเจ้าใช้ในชีวิตประจำวันก็เป็นน้ำจากธรรมชาติอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ผ่านการกรองจากธรรมชาติของคิงคะซัง ที่นี่ยังเป็นที่สถิตของเทพเจ้าแห่งน้ำด้วยค่ะ
บริเวณรอบๆ บ่อล้างเงินก็มีวิวสวยๆ ให้ดู ถ้ามีเวลาก็ลองปีนขึ้นเขาไปยังโอวาดะสึมิจินจะ จุดนมัสการเทพเจ้าแห่งทะเล บนยอดเขาคิงคะซังได้ค่ะ ใช้เวลาปีนขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าไม่มีเวลาพอก็นมัสการตรงจุดนี้อย่างเดียวก็พอค่ะ
2. สัมผัสต้นไม้ใหญ่อายุกว่าร้อยปี
ภายในเขตศาลเจ้ามีต้นไม้ขนาดใหญ่มหึมาจำนวนมาก ที่เห็นในรูปบนนี้คือต้นสนเคียงต้นเมเปิ้ล ต้นไม้ต่างชนิด 2 ต้นที่ลำต้นพันเกี่ยวเติบโตขึ้นเคียงกัน ดูยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามเหลือเกินค่ะ
ต้นไม้ด้านขวาในรูปคือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุกว่า 800 ปี ว่ากันว่าเป็นต้นไม้ที่มีเทพเจ้าสิงสถิตอยู่ ลำต้นมีรอยแตกใหญ่ และมีขนาดใหญ่มากถึงขนาดที่คนสามารถเข้าไปได้ง่ายๆ
นอกจากนั้น ยังมีต้นไม้ใหญ่อื่นๆ ตั้งตระหง่านอีกมากมาย เช่น ต้นทาบุโนกิ (ด้านซ้ายในรูป) ที่ลำต้นมีรอยขรุขระขนาดใหญ่ ทำให้สัมผัสได้ถึงพลังความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติจริงๆ
3. เสริมโชคลาภที่ศาลเจ้าโคกาเนะยามะ
เราสามารถเข้าไปยังวิหารหลักที่เทพเจ้าสถิตได้แค่ 3 สัปดาห์เท่านั้นในหนึ่งปี คือช่วงเทศกาลฮัตสึมิไทไซ เดือนพฤษภาคม, นานะโจไซ ระหว่าง 1-7 มกราคม และคิวโชกัตสึนานาโจไซ วันปีใหม่โบราณ (*2) ค่ะ โดยปกติแล้วจะนมัสการผ่านไฮเด็น (วิหารนมัสการสำหรับกราบไหว้เทพเจ้า) เดินขึ้นบันไดราว 100 ขั้นนี้ขึ้นไปก็จะถึงไฮเด็นค่ะ
กำหนดการเทศกาล เทศกาลฮัตสึมิไทไซ 8-14 พฤษภาคม ปี 2019 วันจัดงานในแต่ละปีจะไม่เหมือนกันค่ะ
*2 : วันปีใหม่โบราณ ... วันปีใหม่เก่า (ตามปฏิทินสุรยจันทรคติ) ในแต่ละปีจะไม่เหมือนกัน โดยจะเป็นช่วงปลายเดือนมกราคมจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
จุดเด่นที่ศาลเจ้านี้แตกต่างกับศาลเจ้าทั่วไปคือบริเวณเชือกลั่นระฆังมีเหรียญ 5 เยนและเหรียญ 50 เยนผูกติดอยู่ ไม่รู้ว่าผู้ที่มาสักการะเริ่มนำมาผูกไว้ตั้งแต่เมื่อไร แต่เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี น้ำหนักของเงินก็ทำให้มันร่วงลงมา จึงต้องเปลี่ยนเชือกปีละครั้ง
ทั้งวิหารหลักและวิหารนมัสการถูกสร้างขึ้นช่างไม้ผู้เชี่ยวชาญในสมัยเมจิ มีความแข็งแรงมากกว่าสิ่งก่อสร้างในปัจจุบันเสียอีก ตอนแผ่นดินไหวใหญ่บริเวณตะวันออกของประเทศญี่ปุ่นในปี 2011 (ต่อจากนี้จะเรียกว่า แผ่นดินไหว) ก็มีแค่เพียงที่นี่เท่านั้นที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น ลองไปสำรวจรายละเอียดอย่าง การประกอบไม้ของเสา หลังคา และส่วนอื่นๆ กันดูนะคะ
สำหรับคนที่ร่างกายฟิตพร้อม ลองไปปีนเขากันค่ะ
ด้านข้างศาลเจ้ามีทางปีนเขาไปยังศาลเจ้ามิซุและศาลเจ้าโอวาดะสึมิที่อยู่บนยอดเขา ใช้เวลาปีนขึ้นเขาประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากมีทางลาดชันและมีบางจุดที่ต้องเดินบนหินผาด้วย จึงควรสวมรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าปีนเขา และเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนมาปีนค่ะ
บนยอดเขามองเห็นวิวที่สวยงามของมหาสมุทรแปซิฟิกอันแสนกว้างใหญ่ ในวันที่มีเมฆครึ้ม ให้บรรยากาศเหมือนในโลกจินตนาการ ส่วนวันที่อากาศแจ่มใส ท้องฟ้ากับน้ำทะเลจะมีสีฟ้าชัดเจนและสวยงามมาก ถ้ามาพักค้างคืน และปีนเขาในเช้าวันรุ่งขึ้น จะทำให้ตาสว่างและรู้สึกดีมากๆ แน่นอนค่ะ
ข้อควรระวังก็คือไม่ขึ้นไปเกินกว่าบริเวณยอดเขา เพราะอาจมีถนนถล่มจากผลกระทบจากแผ่นดินไหวได้ เมื่อขึ้นไปถึงยอดแล้วให้กลับลงไปทางเดิมค่ะ
พักค้างคืนแล้วตื่นไปทำวัตรเช้ากัน
ภายในเขตศาลเจ้ามี ซังชูเท็น สถานที่พักแรมสำหรับผู้เดินทางมานมัสการ แนะนำให้มาพักสักคืน เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน และเป็นเอกลักษณ์ของศาลเจ้าโคกาเนะยามะด้วยค่ะ
ขอแนะนำสิ่งที่เราต้องทำในการมาพักค้างแรม 2 วัน 1 คืนนะคะ ถ้ามาถึงช่วงเที่ยง ให้เข้าไปสักการะที่ศาลเจ้า พอช่วงเย็นราว 16:00-18:00 ก็ไปแช่โอฟุโระจากน้ำธรรมชาติ ตกกลางคืนก็ทานอปลาที่จับได้ในละแวกนั้น จากนั้นก็พักผ่อนอย่างให้สบายค่ะ ในเช้าวันถัดไป ตั้งแต่เวลา 6:30-7:30 เราจะได้สัมผัสพิธีการแบบชินโต อิจิบังโอโกะมะคิโต กันค่ะ
เวลาของกิจกรรมในช่วงเช้าจะแตกต่างกันไปในแต่ละเดือน ให้สอบถามเวลาในช่วงนั้นๆ กับคนของศาลเจ้าตอนเข้าพักนะคะ
โอโกะมะคิโต หมายถึง โกะมะคิ (ในรูป) แท่งไม้ที่เขียนคำอธิษฐานของผู้สักการะไว้ เดิมทีโกะมะเป็นหนึ่งในพิธีการของศาสนาพุทธ การทำพิธีนี้ในศาลเจ้าถือว่าแปลก ไม่ค่อยมีให้เห็นค่ะ ว่ากันว่านี่เป็นหนึ่งในร่องรอยของชินบุตสึชูโก (*3) ตั้งแต่ก่อนสมัยเมจิ
ในศาลเจ้าโคกาเนะยามะจะสวดภาวนาเสริมโชคลาภและขอให้การค้าเจริญรุ่งเรือง โดยไฟของโกะมะจะเผาผลาญภัยพิบัติให้หมดไป และให้กำเนิดโชคชะตาใหม่
*3 : ชินบุตสึชูโก ... เหตุการณ์ที่ลัทธิชินโตกับศาสนาพุทธได้รับการรวมเป็นหนึ่งเดียว ก่อนจะถูกแยกจากกันในสมัยเมจิ
มิโกะกำลังจะรำถวายเพื่อให้ควันของโกะมะคิกระจายไป ช่วยเพิ่มบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ให้กับพิธีขึ้นไปอีกเท่าตัวเลยค่ะ
หลังจากที่สวดภาวนาเสร็จแล้วเราจะดื่มสาเกญี่ปุ่นที่เรียกว่าโอมิกิหนึ่งจอก นี่เป็นเหล้าศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังแห่งจิตวิญญาณของเทพเจ้าอยู่
ราคาของที่พัก รวมอาหารเช้า - เย็น และการสวดภาวนา เริ่มต้นที่ 10,000 เยน (รวมภาษีแล้ว) รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ทางการ ในกรณีที่จะมารับการสวดภาวนาแบบไปเช้าเย็นกลับ เริ่มต้นที่ 5,000 เยนค่ะ
แนะนำให้ไปค้างคืนช่วงเทศกาล เพื่อสัมผัสกับศาลเจ้าให้เต็มที่
ช่วงที่อยากให้แนะนำไปค้างแรมที่ศาลเจ้าคือช่วงที่มีงานเทศกาลค่ะ ช่วงที่คนนิยมไปก็คือ เทศกาลจาโอโดริโฮโน ที่จัดขึ้นวันเสาร์อาทิตย์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม และเทศกาลตัดเขากวางเทพเจ้า ในวันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม
ในเทศกาลจาโอโดริโฮโน มีผู้คนแต่งกายในชุดพิเศษเชิดมังกรเป็นขบวนยาวร่วม 20 เมตร ก้องกังวานไปด้วยเสียงเครื่องดนตรี ให้คะแนนความอลังเต็มสิบเลยค่ะ
ส่วนเทศกาลตัดเขากวางเทพเจ้าในเดือนตุลาคม มีขึ้นเพื่อไม่ให้กวางตัวผู้ที่เริ่มดุร้ายในช่วงฤดูผสมพันธุ์นี้ทำอันตรายกับผู้คน จะมีการจับกวางที่อยู่รอบๆ ศาลเจ้าประมาณ 15 ตัวมาตัดเขาออก เป็นการเผชิญหน้ากับกวางที่ดูราวกับกำลังต่อสู้กันยังไงยังงั้นเลยค่ะ
ยังมีเทศกาลที่จัดขึ้นในเดือนอื่นๆ อีกเยอะ ลองวางแผนมาเที่ยวให้ตรงกับช่วงเทศกาลเพื่อจะได้สัมผัสประสบการณ์แสนพิเศษกันได้ค่ะ
การเดินทาง
เนื่องจากเป็นเกาะที่โดดเดี่ยวอยู่กลางทะเล จึงต้องเช็คการเดินทางก่อนล่วงหน้าสักหน่อย ด้วยผลกระทบจากแผ่นดินไหว ทำให้เที่ยวเรือที่ข้ามไปยังเกาะมีเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น (ข้อมูลปี 2018) เรือจะเดินทางจากท่าเรือโอนากาวะ หรือท่าเรืออายุคาวะในเขตอิชิโนะมากิค่ะ
กรณีที่จะไปพัก 1 คืน สามารถขึ้นเฟอร์รี่ที่ออกจากท่าเรือโอนะกาวะได้ในวันเสาร์ แล้วค่อยนั่งเรือกลับไปท่าเรืออายุคาวะในวันอาทิตย์ เพื่อไปเที่ยวเมืองอิชิโนะมากิค่ะ
การเดินทางจากท่าเรือโอนะกาวะ
ท่าเรือโอนะกาวะมีเรือเที่ยวเฉพาะกิจออกทุกๆ วันเสาร์ ซึ่งโปรแกรมในแต่ละวันจะไม่เหมือนกัน ในวันอาทิตย์จะมี 1 เที่ยวออกเวลา 11:00 โดยจะใช้เวลาทั้งหมด 35 นาที ค่าโดยสาร 1,550 เยน ในกรณีที่ไปกลับให้ขึ้นเรือที่ออกจากคิงคะซังเวลา 13:30
รายละเอียดเพิ่มเติม ตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ทางการ หรือไม่ก็สอบถามที่ศาลเจ้าตอนจองที่พักได้เลยค่ะ ใช้ภาษาอังกฤษง่ายๆ คนของทางศาลเจ้าใจดี จะช่วยเหลือเราอย่างแน่นอนค่ะ
ท่าเรือโอนะกาวะ
ที่อยู่ : Miyagasaki Jizaki, Miyagasaki, Onagawa, Oaka, Miyagi Google Maps
การเดินทาง : เดิน 15 นาทีจาก JR สถานี Onagawa
การเดินทางจากท่าเรืออายุคาวะ
เรือจะออกทุกวันอาทิตย์ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 20 นาที ค่าโดยสารไปกลับ 2,500 เยน โดยจะออกจากท่าเรืออายุคาวะเวลา 10:30 และท่าเรือคิงคะซังเวลา 12:30
แม้จะเป็นเที่ยวเรือที่มีกำหนดออกแน่นอน แต่ก็จำเป็นต้องจองก่อนทางโทรศัพท์ ในกรณีที่จะค้างคืนและขึ้นเรือที่ออกจากคิงคะซัง ก็ต้องสอบถามกับคนของศาลเจ้าก่อนเพื่อความชัวร์ค่ะ
ในกรณีที่อยากไปในวันธรรมดา ต้องติดต่อและเดินทางด้วยแท็กซี่ทางน้ำ (เรือเร็ว) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ ลำละ 15,000 เยน และมีให้บริการเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ถ้าไปเสาร์อาทิตย์จะสะดวกกว่าค่ะ
ท่าเรืออายุคาวะ
ที่อยู่ : 70 Minami, Ayukawahama, Ishinomaki, Miyagi Google Maps
การเดินทาง : นั่งรถบัสจากสถานีอิชิโนะมากิประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที (1,500 เยน)
ไปเที่ยวอิชิโนะมากิ หลังจากไหว้เจ้าที่ศาลเจ้าโคกาเนะยามะ
จากท่าเรืออายุคาวะไปยังสถานีอิชิโนะมากิ สามารถนั่งเรือหรือรถบัสไปได้ รถบัสช่วงบ่ายจะออกเวลา 13:22, 16:21 (ข้อมูลปี 2018) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
ในเมืองอิชิโนะมากิมีรูปปั้นตัวการ์ตูนต่างๆ ตั้งไว้อยู่ทั่วเมือง และยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะของอิชิโนะโมริ โชทาโร่ นักวาดการ์ตูนที่สร้างผลงานอย่างคาเมนไรเดอร์และอื่นๆ อีกด้วย แม้ว่าจะได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แต่ก็ได้รับการฟื้นฟูและมีการสร้างร้านใหม่ขึ้นมาด้วย
COMMON-SHIP Hashi-Dori (คอมมอนชิพ ฮาชิโดริ) เป็นย่านร้านยะไต (ร้านแผงลอย) ในบรรยากาศอบอุ่น เดินจากสถานีรถไฟไปประมาณ 10 นาที เราจะได้ทานอาหารท้องถิ่นที่คนญี่ปุ่นคุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น ยากิโทริ ของทอดเสียบไม้คุชิอาเกะ และแกงกะหรี่
อิชิโนะมากิยากิโซบะ เป็นอาหารเกรด B ที่อยากให้ลองชิมให้ได้ค่ะ เมนูนี้เป็นยากิโซบะที่ลวกเส้น 2 ครั้งด้วยซุปดาชิจากอาหารทะเล ถ้ามาที่นี่ก็ไปชิมได้ที่ร้าน Teppan Desu WHITE ทางร้านใช้ซอสแบบพิเศษด้วยนะคะ
ซอสมีรสชาติไม่จัดมาก ทานได้เรื่อยๆ ไม่เลี่ยนเลย ตอนแรกขอให้ลองทานเส้นแบบนั้นก่อน จากนั้นค่อยคลุกไข่แดงให้เข้ากับเส้น เพลิดเพลินได้สองรสชาติในจานเดียวค่ะ
นอกจากนั้น ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในสามเขตจับปลาที่ใหญ่ระดับโลกอีกด้วย ความอร่อยของอาหารทะเลสดใหม่ถือเป็นซิกเนเจอร์ของร้านนี้เลยค่ะ อาหารทะเลอร่อยๆ สามารถหาทานที่ร้าน Ishinomaki Genki Ichiba ที่อยู่ไม่ไกลจาก COMMON-SHIP Hashi-Dori ได้ค่ะ
ไปพักผ่อนบนเกาะ สัมผัสประสบการณ์ที่ต่างจากชีวิตประจำวัน
ศาลเจ้าโคกาเนะยามะ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้คนหลากหลายเดินทางมานมัสการตั้งแต่อดีต ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เคยมีเที่ยวเรือออกวันละหลายครั้ง และมีผู้ศรัทธาสัญจรไปมามากมาย
แม้ว่าจำนวนเรือและจำนวนผู้โดยสารจะจำกัด แต่ก็ทำให้เหมาะจะไปใช้เวลาเงียบสงบราวกับตัดขาดจากโลกภายนอกในระยะสั้นๆ อย่างยิ่ง ลองไปสัมผัสโลกอีกใบที่แตกต่างไปจากเดิมที่เกาะคิงคะซังดูไหมคะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
In cooperation with Kinkakusan Kagoneyama Shrine, Man-bow co., Ltd (COMMON-SHIP Hashi-Dori)
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง