Start planning your trip
รวมที่เที่ยว งานเทศกาล และอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดชิกะ (Shiga) ใกล้ๆ โอซาก้าและเกียวโต!
จังหวัดชิกะเดินทางจากเกียวโตและโอซาก้าไปได้ง่ายๆ เป็นจังหวัดที่มีทะเลสาบบิวะที่กว้างใหญ่และย่านเก่าที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ มีกิจกรรมเกี่ยวกับธรรมชาติมากมายให้ได้เพลิดเพลิน เราจะพาไปชมที่เที่ยว งานเทศกาล และอาหารขึ้นชื่อของชิกะกันค่ะ
ที่เที่ยว งานเทศกาล และอาหารขึ้นชื่อของเมืองชิกะ
จังหวัดชิกะในภูมิภาคคันไซเป็นบริเวณที่เดินทางจากโอซาก้าและเกียวโตไปได้ง่ายๆ ถ้าเดินทางโดยรถไฟจากโอซาก้าใช้เวลา 40 นาที หรือจากเกียวโตก็เพียงแค่ 10 นาที ตอนไปเที่ยวโอซาก้าและเกียวโตลองเดินทางไปถึงชิกะและปักหมุดเป็นศูนย์กลางในการเที่ยวแถบคันไซดูนะคะ
ในจังหวัดชิกะมีทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตั้งอยู่ บริเวณโดยรอบจึงมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับธรรมชาติให้ทำมากมาย ส่วนงานเทศกาลอย่างเทศกาลโอสึ (Otsu Festival) และเทศกาลนากาฮามะฮิคิยามะ (Nagahama Hikiyama Festival) ที่มีฮิคิยามะ (ดาชิหรือขบวนรถเทศกาล) ที่ประดับประดาอย่างวิจิตรงดงามออกมาแสดงให้ชมก็เป็นจุดที่ไม่ควรพลาด
เราจะพาไปชมที่เที่ยว งานเทศกาล และอาหารขึ้นชื่อที่พลาดไม่ได้ของจังหวัดชิกะกันค่ะ
10 ที่เที่ยวห้ามพลาดของชิกะ
จุดที่ 1. ทะเลสาบบิวะ
ถ้าพูดถึงจังหวัดชิกะอย่างแรกที่คนญี่ปุ่นนึกถึงก็คือทะเลสาบบิวะ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีเนื้อที่และปริมาณการเก็บกักน้ำมากที่สุดในญี่ปุ่น ที่ทะเลสาบบิวะมีจุดชมวิวที่อยากแนะนำอยู่ 2 แห่งด้วยกัน
Photo by Pixta
แห่งที่ 1 คือ "ศาลเจ้าชิราฮิเกะ (Shirahige Shrine)" ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ 2,000 ปีก่อน ซุ้มประตูโทริอิสีแดงชาดลอยเด่นอยู่เหนือทะเลสาบบิวะ จากวิวซุ้มประตูโทริอิซึ่งคล้ายกับที่ศาลเจ้าอิสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) ของฮิโรชิม่า จึงได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทิวทัศน์ในยามพลบค่ำของที่นี่สวยราวกับภาพในจินตนาการ ทำให้เผลอชมจนลืมเวลาได้เลยทีเดียว
บริเวณใกล้เคียงมีที่ให้เล่นกิจกรรมอย่าง SUP (การยืนพายบนเซิร์ฟบอร์ด) พายเรือแคนู ฟลายบอร์ด (Flyboard) ได้ จองจากเว็บไซต์ของ SUP--BIWAKO SUP TRIP--ได้เลย
Photo by Pixta
แห่งที่ 2 คือ "อุคิมิโดะ (Ukimido หอกลางน้ำ) ของวัดมังเกะสึ (Mangetsu-ji Temple)" จุดชมวิวที่ผู้คนมากมายชื่นชอบมาเป็นเวลาช้านาน อย่างมัตสึโอะ บาโช (Matsuo Basho) นักกวีไฮคุที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นก็ชอบที่นี่เช่นกัน หอพระที่ยื่นออกไปกลางทะเลสาบนั้นงดงาม ยิ่งมีฉากหลังเป็นทะเลสาบก็ยิ่งทำให้รู้สึกยิ่งใหญ่อลังการ
จุดที่ 2. พิพิธภัณฑ์มิโฮะ (Miho Museum)
Photo by Pixta
"พิพิธภัณฑ์มิโฮะ" เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่อยู่บนเทือกเขาโคนันแอลฟ์ (Konan-Alps) ที่อยู่ทางตะวันออกของทะเลสาบบิวะ จากสถานีโอสึ (Otsu) ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลสาบบิวะที่สุดเดินทางโดยรถยนต์ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ที่นี่มีจัดแสดงผลงานศิลปะและหัตถกรรมของญี่ปุ่นอย่างอุปกรณ์ชงชา งานศิลป์ในนิกายชินโตและศาสนาพุทธ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องเคลือบให้ได้ชมกัน
ผู้ออกแบบและก่อสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ คุณ I.M.Pei ซึ่งเป็นผู้สร้างพีระมิดแก้วที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum) ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์สื่อถึง "โทเก็นเคียว (สวรรค์บนดิน) ในยุคปัจจุบัน" มีโครงสร้างเป็นรูปทรงเรขาคณิตอยู่มากแต่กลับให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือ 80% ของตัวอาคารถูกสร้างอยู่ใต้ดิน
ลองไปดื่มด่ำกับศิลปะที่พบไม่ได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวันดูไหมค่ะ?
จุดที่ 3. ปราสาทฮิโกะเนะ (Hikone Castle)
Photo by Pixta
"ปราสาทฮิโกะเนะ" เป็นปราสาทที่อยู่ทางด้านตะวันออกของทะเลสาบบิวะ ป้อมปราสาท (เท็นชุ) ป้อมสึเคยากุระ (Tsukeyagura) และป้อมทามงยากุระ (Tamonyagura) ล้วนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติ จุดที่น่าสนใจคือ ป้อมปราสาท 3 ชั้นที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ที่มีจำนวนฮาฟุ (หน้าบันหรือหน้าจั่ว) มากที่สุดถึง 12 จุด ทำให้ดูโอ่อ่าสง่างาม
ช่วงกลางถึงปลายเดือนมีนาคมของทุกปี ในบริเวณปราสาทที่ "ป่าต้นบ๊วยของปราสาทฮิโคเนะ" จะมีต้นบ๊วยแดงและต้นบ๊วยขาวกว่า 400 ต้นออกดอกบานสะพรั่ง คนที่มาเที่ยวก่อนช่วงซากุระบานลองแวะชมดอกบ๊วยที่นี่แทนก็ดีไม่น้อยค่ะ
โรงแรมแนะนำใกล้ปราสาทฮิโกเนะ
จุดที่ 4. ทิวต้นสนแดงที่มาคิโนะโคเก็ง (Makino Kogen)
Photo by Pixta
มาคิโนะโคเก็งเป็นที่ราบสูงทางตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบบิวะ ที่ "ลานตั้งแคมป์มาคิโนะโคเก็ง" บนที่ราบสูงสามารถกางเต็นท์ชมวิวทะเลสาบบิวะได้ เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่ทำกิจกรรมได้มากมาย เช่น ฤดูใบไม้ผลิชมดอกไม้ ฤดูร้อนเล่นกอล์ฟ ฤดูใบไม้ร่วงปีนเขา ฤดูหนาวเล่นสกี
คุณยังสามารถเก็บเชอร์รี่ องุ่น และแอปเปิ้ลกินได้ที่สวนผลไม้มาคิโนะ พิคแลนด์ (Makino Pic Land) ที่อยู่ใกล้เคียงได้ด้วยนะ
สองข้างทางจากมิคิโนะ พิคแลนด์ถึงมาคิโนะโคเก็ง เป็นทิวสนแดงเมตาเซโคเอีย ในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้ของต้นสนจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม ที่นี่จึงเป็นที่รู้จักกันในฐานะสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียง
จุดที่ 5. บิวะโกะวัลเลย์ (Biwako Valley)
Photo by Pixta
"บิวะโกะวัลเลย์" อยู่ทางตะวันตกของทะเลสาบบิวะ มีชื่อเสียงในฐานะลานสกีวิวสวยที่มองเห็นวิวทะเลสาบบิวะจากเนินเล่นสกีได้ ในช่วงฤดูร้อนเปิดเป็นจุดชมวิวที่เรียกว่า "บิวะ เทอร์เรส (Biwa Terrace)" โดยมีระเบียง 2 ด้าน ระเบียงด้านหนึ่งที่เรียกว่า Grand Terrace สามารถชมวิวของทะเลสาบบิวะจากด้านบนได้ และระเบียงอีกด้านที่เรียกว่า North Terrace สามารถชมได้ทั้งวิวภูเขาและทะเลสาบที่งดงาม
เมื่อขึ้น "โรปเวย์ชมวิว (Zekkei Ropeway)" ไปบนยอดเขาเหนือระดับน้ำทะเล 1,100 เมตรที่บิวะโกะวัลเลย์ตั้งอยู่ จะได้ชมวิวสวยๆ จากบนโรปเวย์ด้วยเช่นกัน สำหรับคนที่ชอบกิจกรรมท้าทาย ขอแนะนำกิจกรรมบนยอดเขาอย่างสกายวอล์คเกอร์ (Sky Walker การไต่ไปตามท่อนไม้ที่ผูกร้อยเป็นทางเดินห้อยจากที่สูง) และซิปไลน์ (Zipline: การโรยตัวข้ามเขาผ่านเชือกสลิงที่ขึงไว้ระหว่างเขาแต่ละด้าน)"
จุดที่ 6. โอมิฮาจิมัง (Omihachiman)
Photo by Pixta
คนที่สนใจท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ลองไปที่โอมิฮาจิมังซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบบิวะดูนะคะ? ในสมัยเอโดะย่านนี้เป็นย่านที่เจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองรอบปราสาท (Jokamachi) แม้ปัจจุบันก็ยังคงหลงเหลืออยู่
ตามทางคลองเทียมที่เรียกว่าฮาจิมังโบริ (Hachimanbori) มีกำแพงหินและอาคารคลังสินค้าที่ให้บรรยากาศแบบดั้งเดิมของเมืองเรียงรายอยู่ ด้วยทิวทัศน์อันสวยงามทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำละครแนวประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น “ทัวร์ฮาจิมันโบริ" ซึ่งนั่งเรือเล็กๆ ชมรอบๆ ฮาจิมันโบริก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
จุดที่ 7. วัดเอ็นเรียคุจิ (Enryaku-ji Temple) บนเขาฮิเอ (Mt. Hiei)
Photo by Pixta
"วัดเอ็นเรียคุจิ" เป็นวัดโด่งดังที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก วัดนี้ก่อตั้งโดยพระไซโจ (Saicho) พระสงฆ์ในสมัยเฮอัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นวัดศูนย์กลางของนิกายเทียนไท้จนถึงปัจจุบัน ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นตัวแทนของพุทธศาสนาในญี่ปุ่น
บนเขาฮิเอที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 848 เมตร มีสิ่งก่อสร้างทางศาสนากระจายอยู่ทั่ว เขาทั้งลูกจึงถือเป็นอาณาบริเวณของวัด มีจุดที่น่าสนใจให้ชมมากมาย เช่น "ฮคเคะโซจิอินโทโท (Hokkesojiintoto)" ซึ่งเป็นวิหารสีแดงชาดที่สวยงาม พระพุทธรูปที่สืบทอดกันมาในวัดเอ็นเรียคุ และ "โคคุโฮเดน (Kokuhoden หอเก็บสมบัติแห่งชาติ)" ที่จัดแสดงภาพวาดทางพุทธศาสนา
โรงแรมแนะนำใกล้วัดฮิเอซังเอ็นเรียวคุจิ
จุดที่ 8. หมู่บ้านนินจา โคกะโนะซาโตะ (Koka Ninja Village)
Photo by Pixta
เมืองโคกะ (Koka) ทอดตัวไปทางใต้ของทะเลสาบบิวะ สมัยโบราณเคยเป็นมีชื่อเสียงในฐานะหมู่บ้านนินจาที่ฝึกฝนนินจาออกมามากมาย ที่ "หมู่บ้านนินจา โคกะโนะซาโตะ" เราจะได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยปริศนาของเหล่านินจากัน
ไปสวมบทบาทเป็นนินจาแบบจริงจังด้วยการเรียนรู้ "กลไกลับ" ในการหนีอย่างแยบยลโดยทางลับหรือประตูกลที่ "บ้านค่ายกลนินจา (Karakuri Ninja Yashiki)" หรือทดลองขว้างดาวกระจายของจริงที่ "ชุริเค็นโดโจ (Shuriken Dojo สำนักดาวกระจาย)" แน่นอนว่ามีชุดนินจาให้เช่าด้วย
จุดที่ 9. ชิการาคิโทเอ็น ทานุกิมุระ (Shigaraki Pottery Tanuki Village)
Photo by Pixta
บริเวณที่เรียกว่า "ชิการาคิ (Shigaraki)" ของเมืองโคกะเป็นแหล่งผลิตชิการาคิยาคิ (Shigarakiyaki) ซึ่งเป็นเครื่องปั้นดินเผาที่ทำจากดินขาวคุณภาพดีของแถบนี้ มีการผลิตทั้งอุปกรณ์ชงชาและรูปปั้นทานุกิ (แรคคูน) แต่สินค้าที่ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีมานี้คือเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่ใช้กันทั่วไป
"ชิการาคิโทเอ็น ทานุกิมุระ " เป็นสถานที่ที่เปิดให้ลองทำเครื่องปั้นดินเผาแบบชิการาคิได้ สามารถทดลองปั้นเครื่องปั้นดินเผาบนแป้นหมุนไฟฟ้าและลองเขียนภาพหรืออักษรบนเครื่องปั้นดินเผาได้
จุดที่ 10. ซาเมไกจุคุ (Samegaijuku)
Photo by Pixta
ซาเมไกจุคุเป็นจุดท่องเที่ยวย่านเมืองเก่า ในอดีตเป็นจุดเชื่อมการเดินทางระหว่างเอโดะ (ชื่อเดิมของโตเกียว) กับโอซาก้า เมืองนี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นจากการเป็นเมืองพักแรม มีอาคารบ้านเรือนและที่พักแรมในสมัยเอโดะตั้งเรียงรายอยู่ตามแม่น้ำจิโซ (Jizo River) ที่ใสสะอาด
ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมจนถึงปลายเดือนสิงหาคม พืชน้ำที่เรียกว่าไบคาโมะในแม่น้ำจิโซจะออกดอกสีขาวบานสะพรั่ง จึงเป็นช่วงที่ไม่ควรพลาดค่ะ
3 งานเทศกาลที่แนะนำ
เราจะพาไปชมงานเทศกาลของจังหวัดชิกะที่ไม่ควรพลาดกันค่ะ
1. เทศกาลโอสึ
Photo courtesy of Biwako Visitors Bureau
เทศกาลโอสึจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นเทศกาลใหญ่ประจำปีของศาลเจ้าเท็นซน (Tenson Shrine) ในเมืองโอสึ เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากเทศกาลกิอน (Gion Festival) ของเกียวโต จึงมีจุดเด่นที่การเคลื่อนฮิคิยามะ (ดาชิหรือขบวนรถเทศกาล) สีสันสดใส ฮิคิยามะที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะล้วนมีขนาดใหญ่ขนาดที่ว่าผู้ใหญ่หลายคนสามารถขึ้นไปนั่งได้
ในเทศกาลนี้ ขบวนรถเทศกาลทุกคันจะไปชุมนุมกันที่ศาลเจ้าเท็นซน แล้วใช้เวลา 1 วันวนรอบเมือง ภาพของขบวนรถเทศกาลสีสันสดใสที่เคลื่อนผ่านในตัวเมืองนั้นยิ่งใหญ่อลังการมากทีเดียว
2. เทศกาลนากาฮามะฮิคิยามะ
Photo by Pixta
เทศกาลนากาฮามะฮิคิยามะจัดขึ้นที่เมืองนากาฮามะ (Nagahama) ในเดือนเมษายนของทุกปี มีการจัดงานต่างๆ ทั่วเมือง ที่น่าสนใจคือฮิคิยามะอันงดงามและคาบุกิเด็ก
Photo courtesy ofBiwako Visitors Bureau
ลักษณะเด่นของฮิคิยามะคือการประดับตกแต่งอย่างหรูหราโดยใช้เทคนิคแบบดั้งเดิม ถึงขนาดที่เรียกได้ว่าเป็น "พิพิธภัณฑ์ศิลปะเคลื่อนที่" ส่วนคาบุกิเด็กที่แสดงอยู่บนรถเทศกาลนั้น ท่วงท่าและการแสดงของเด็กชายที่ได้รับคัดเลือกให้แสดงเปล่งประกายงามสง่ายิ่ง สำหรับช่วงนอกงานเทศกาลสามารถชมฮิคิยามะได้ที่ "พิพิธภัณฑ์ฮิคิยามะ (Hikiyama Museum)"
3. เทศกาลซากิโจ (Sagicho Festival)
Photo courtesy ofBiwako Visitors Bureau
เทศกาลซากิโจซึ่งจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนมีนาคม เป็นเทศกาลเกี่ยวกับไฟของ "ศาลเจ้าฮิมุเรฮาจิมันกู (Himure Hachimangu Shrine)" ของเมืองโอมิฮาจิมัง เป็นเทศกาลที่เป็นการขอพรให้บ้านเมืองสงบสุขและข้าวปลาอุดมสมบูรณ์ ทั้งรถเทศกาลทำจากฟางเรียกว่าซากิโจ และริ้วขบวนที่คึกคักเป็นจุดเด่นของเทศกาลนี้
ในคืนสุดท้ายที่ศาลเจ้าฮิมุเรฮาจิมันกูจะจัดพิธีเผาซากิโจที่เรียกว่า "ซากิโจโฮคะ"
อาหารขึ้นชื่อ
เนื้อวัวโอมิ (Omi Beef)
Photo by Pixta
เนื้อวัวโอมิเป็นแบรนด์เนื้อวากิวที่มีประวัติยาวนานกว่า 400 ปี เรียกได้ว่าเป็น 1 ใน 3 เนื้อวากิวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นเทียบเท่ากับเนื้อมัตสึซากะ และเนื้อโกเบ ลักษณะพิเศษคือเนื้อคุณภาพดีและมีไขมันดีแทรกอยู่เยอะ
เนื้อนุ่มมากขนาดที่ละลายในปาก กินได้หลากหลายเมนูอย่างสเต็กหรือสุกี้ยากี้ เนื้อนี้มีจุดเด่นอีกอย่างคือมีจุดหลอมเหลว (อุณหภูมิที่ไขมันละลาย) อยู่ในระดับต่ำ จึงทำให้เกิดอาการแน่นท้องอาหารไม่ย่อยยาก
โรงแรมในจังหวัดชิกะ
สำหรับที่พักในการท่องเที่ยว ขอแนะนำให้พักที่เมืองโอสึ เพราะเดินทางไปเกียวโตง่าย มีโรงแรมธุรกิจอย่าง Hotel Piazza Biwako และ Hotel Blue Lake Otsu อยู่ละแวกสถานีโอสึ
นอกจากนี้ เมื่อที่พักในเกียวโตเต็ม ขอแนะนำให้พักในเมืองโอสึแล้วไปเที่ยวในเกียวโตได้ค่ะ
วิธีการเดินทางจากโอซาก้าและเกียวโตไปชิกะ
จากนี้จะแนะนำวิธีการเดินทางจากจังหวัดข้างเคียงไปชิกะกันค่ะ
วิธีการเดินทางจากโอซาก้าไปชิกะ
จากสถานี JR โอซาก้า (JR Osaka) ใช้รถไฟสาย JR Tokaido Main Line ไปถึงสถานี JR โอสึ (JR Otsu) ได้ด้วยขบวนรถไฟด่วนแบบใหม่ (Shinkaisoku) โดยไม่ต้องไปเปลี่ยนรถไฟ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ค่าโดยสาร 990 เยน
วิธีการเดินทางจากเกียวโตไปชิกะ
จากสถานี JR เกียวโต (JR Kyoto) ไปถึงสถานี JR โอสึ (JR Otsu) ใช้รถไฟสาย JR Tokaido Main Line ด้วยขบวนรถไฟด่วนแบบใหม่ (Shinkaisoku) เช่นเดียวกัน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ค่าโดยสาร 200 เยน
บทส่งท้าย
จังหวัดชิกะมีที่เที่ยวน่าสนใจมากมาย แถมยังใกล้โอซาก้าและเกียวโตด้วย ถ้าไปเที่ยวคันไซก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวจังหวัดชิกะกันนะคะ
เดินทางด้วยรถบัสด่วน หรือรถบัสเที่ยวกลางคืนกัน! ค้นหาตั๋วในราคาต่ำสุด
Main image by Pixta
京都在住のアラサー女子。カフェ巡りと紙モノ集めが趣味。 食べることがだいすきです。
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง