Start planning your trip
คืนสู่ธรรมชาติ! ไปเยียวยาจิตใจพร้อมเคล็ดลับในการเดินเล่นที่สวนสาธารณะในโตเกียว
คุณเคยรู้สึกจิตใจสงบเมื่อได้เห็นต้นไม้ หรือสบายอารมณ์เมื่อย่างเข้าภูเขาและป่าบ้างไหมคะ? ว่ากันว่าธรรมชาติมีพลังเยียวยาจิตใจผู้คน หากรู้สึกเหนื่อยล้ากับชีวิตประจำวัน ลองไปเดินที่สวนสาธารณะเขียวขจีดูกันนะ เรามีวิธีเดินเล่นน่าสนใจและสวนสาธารณะมาแนะนำค่ะ
ฉากหนึ่งในสวนสาธารณะ
เปิดมาด้วยคำถามค่ะ ภาพนี้ผู้เขียนทำอะไรอยู่เอ่ย?
กอดต้นไม้อยู่? ใช่ค่ะ! ตามที่เห็นไม่ผิดค่ะ แต่ขอตอบเพิ่มอีกนิดว่าฉันกำลังได้รับการเยียวยาจิตใจด้วยการกอดต้นไม้
สุดยอด! ผลของการเยียวยาจิตใจด้วยการเดินเล่นในป่า
คุณเคยรู้สึกสดชื่นเมื่อได้เห็นต้นไม้หรือสัมผัสธรรมชาติด้วยการไปปิกนิกหรือตั้งแคมป์ไหมคะ? มีผลการศึกษามากมายแสดงถึงพลังในการเยียวยาฟื้นฟูจิตใจจากป่าไม้ต้นไม้
จากการศึกษาโดยกรมป่าไม้ (ภาษาญี่ปุ่น) รายงานว่า ผู้คนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีป่าไม้จะมีฮอร์โมนความเครียดต่ำกว่าและรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าผู้คนในเมือง ว่ากันว่าไฟทอนไซด์ (Phytoncide) สารที่มีกลิ่นหอมซึ่งต้นไม้ต่างๆ ปล่อยออกมา มีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายอารมณ์และกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic หนึ่งในระบบประสาทอัตโนมัติที่ช่วยให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาวะปกติหรือผ่อนคลาย) ให้ทำงาน
การสัมผัสธรรมชาติทางผิวหนังโดยตรง เช่น สัมผัสต้นไม้หรือยืนเท้าเปล่าบนดิน ก็ได้ผลเช่นกัน และยังเชื่อว่าช่วยปลดปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ร่างกายได้รับจากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย จากสรรพคุณของป่าไม้ดังกล่าว ชินรินโยคุหรือการอาบป่าและป่าบำบัด (Forest Therapy) จึงได้รับความสนใจมากในปัจจุบัน
จากประสบการณ์ส่วนตัว ผู้เขียนเองมักกลับบ้านอย่างสดใสหลังมาหาไปเก็บข้อมูลตามสถานที่ที่มีป่าไม้ หลังจากรับรู้เรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง เวลาผู้เขียนรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาจึงมักไปเดินเล่นในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยธรรมชาติและกอดต้นไม้ระหว่างทาง
ในบทความนี้มีสวนสาธารณะในโตเกียวที่ผู้เขียนไปบ่อยๆ เมื่อต้องการการเยียวยาจิตใจมาแนะนำกันค่ะ
ทางเดินเล่นสุดพิเศษที่เดินเล่น สัมผัส และเยียวยาจิตใจได้
ที่นี่คือสวนรินชิโนะโมริ (Rinshi-no-Mori Park) ใช้เวลาเดินเพียง 10 นาทีจากสถานีฟุโดมาเอะ (Fudomae) ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีเมกุโระ (Meguro) รถไฟโตคิว (Tokyu) สายเมกุโระ (Meguro Line) เพียงสถานีเดียว สร้างขึ้นบนพื้นที่ที่เคยเป็นสถาบันวิจัยด้านป่าไม้ มีการปลูกต้นไม้นานาพันธุ์ เช่น ต้นเคยากิ (ต้นเอล์มญี่ปุ่น - Japanese zelkova) ต้นพลาตานัส (Platanus ไม้จำพวกมะเดื่อ) ซากุระ และอื่นๆ
วันที่ผู้เขียนมาหาข้อมูลนั้นอากาศร้อนระอุสูงเกิน 35 องศา แต่เมื่อเข้ามาในสวนสาธารณะแสงแดดที่แผดจ้าก็อ่อนเบาลงและมีสายลมเย็นสบายพัดผ่านมา
เมื่อเงยหน้ามอง รอบๆ มีต้นไม้สูงกว่า 10 เมตร แผ่กิ่งก้านใบบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ให้ร่มเงาได้ดีทีเดียว ดังนั้นแม้ในกลางฤดูร้อนก็สามารถเดินหลบแสงแดดที่แผดเผาลงมาได้
มองหาต้นไม้ที่ชอบสักต้นแล้วลองสัมผัสดู!
เมื่อเดินเลยทางเข้ามาเล็กน้อย จะเห็นลานกว้างเล็กๆ ที่นี่คือจุดเยียวยาที่อยากแนะนำค่ะ มีต้นการบูรขนาดใหญ่ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสวนแห่งนี้
เมื่อเทียบกับผู้เขียนที่สูง 155 ซม. ช่างดูมหึมาจริงๆ เมื่อได้กอดต้นการบูรซึ่งว่ากันว่ามีอายุมากกว่า 100 ปี ทำให้รู้สึกปลอดภัยราวกับได้รับการปกป้องอยู่เลยค่ะ
ทำไมการกอดต้นไม้แบบนี้ถึงทำให้รู้สึกผ่อนคลายนะ ฉันคิดว่ามีจุดสำคัญ 2 ข้อด้วยกัน
ข้อแรกคือความใหญ่โต ต้นการบูรนี้มีเส้นรอบวงใหญ่เกิน 3 เมตร ยิ่งลำต้นหนาเท่าไหร่ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังโอบอุ้มและความแข็งแกร่งที่ไม่ล้มลงง่ายๆ
อีกข้อคือความสะอาดของเปลือกไม้ ถ้ากอดแล้วสกปรกคงจะรู้สึกไม่ดี ดังนั้นเพื่อให้ปัดฝุ่นสกปรกออกได้ง่าย ก่อนกอดก็ตรวจดูก่อนว่ามีดินติดบนเปลือกไม้ไหม ระวังต้นไม้ที่มีมอสปกคลุมมากด้วย เนื่องจากอาจมีความชื้นสูง ให้ลองสัมผัสดูก่อนว่าเปียกน้ำมากไหม
จุดสำคัญคือต้นไม้ที่สะอาด ไม่มีดินหรือมอส และลำต้นขนาดใหญ่ เป็นจุดสำคัญที่ทำให้กอดแล้วรู้สึกดี ถ้าเจอต้นไม้ตามนี้ให้ลองกอดโดยไม่ต้องลังเลใจเลยนะ!
... เมื่อกอดแล้ว อย่าลืมเงยหน้ามองด้านบนดู
ลำต้นที่ทอดยาวไปสู่ท้องฟ้า กิ่งก้านแผ่กว้างอย่างอิสระ วันที่ผู้เขียนไปนี้ มีแสงอาทิตย์ลอดผ่านช่องว่างของแมกไม้ที่ชุ่มชื้นดูเป็นประกายระยิบระยับ
ภายในต้นไม้มีท่อลำเลียง 2 ชนิด อันหนึ่งคือท่อลำเลียงน้ำจากพื้นดินส่งไปยังใบไม้ อีกอันคือท่อลำเลียงสารอาหารที่ผลิตได้เมื่อใบไม้ได้รับแสงแดดส่งไปยังราก ต้นไม้เติบโตได้ด้วยการลำเลียงน้ำและสารอาหารกลับไปกลับมาจากรากสู่ใบและจากใบสู่รากเช่นนี้เอง
หากรู้สึกอึดอัดใจหรืออายที่จะกอด ให้ลองใช้ฝ่ามือสัมผัสตามเปลือกไม้ดู คุณจะสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตอันอบอุ่นของต้นไม้ที่เจริญเติบโตมาอย่างยาวนาน
สัมผัสธรรมชาติผ่านฝ่าเท้าด้วยการเดินเท้าเปล่าบนดิน
ในสวนสาธารณะมีทางปูคอนกรีตให้เดิน แต่ผู้เขียนขอแนะนำให้เดินเท้าเปล่าบนดินดูค่ะ กิ่งก้านเล็กๆ ใบไม้ที่ร่วงหล่น และก้อนกรวดบนพื้นจะช่วยกระตุ้นฝ่าเท้าอย่างอ่อนโยน
ในฤดูใบไม้ร่วง พื้นดินที่เต็มไปด้วยใบไม้ร่วงสีแดงและสีเหลืองจะกลายร่างเป็นเหมือนพรมนุ่มๆ เสียงย่ำเท้าแต่ละก้าวยามเดินทำให้รู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย
นั่งพักระหว่างเดินเล่นบนม้านั่งและเงี่ยหูฟัง
เมื่อเริ่มเหนื่อยจากการเดินเล่นแล้ว ไปนั่งพักบนม้านั่งที่จัดไว้ข้างทางหรือที่ลานกว้างกัน ว่ากันว่าทิวทัศน์ธรรมชาติอย่างการไหวของกิ่งไม้ใบไม้และแสงแดดที่ลอดผ่านต้นไม้นั้นอ่อนโยนต่อดวงตาและช่วยให้ผ่อนคลาย
นอกจากนี้ลองฟังเสียงของแมลงและนกด้วยนะ โดยเฉพาะในฤดูร้อนเสียงจักจั่นจะดังก้องขานรับเสียงอีกา ผสานกันราวกับกำลังบรรเลงเพลง แม้เสียงที่ดังไม่น้อย แต่น่าแปลกใจที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกหนวกหูเลย
ช่วงเวลาที่แนะนำคือช่วงเย็นถึงกลางคืน การผสานเสียงของจักจั่นและกาจะหยุดลงทันทีในช่วงเวลาระหว่าง 18:00 - 19:00
จากนั้นก็ถึงคิวของค่ำคืนในฤดูร้อน เสียงจิ้งหรีดที่ทำให้รู้สึกเย็นสบายจะดังก้อง เสียงแมลงต่างๆ ที่เริ่มดังสลับกันทันทีเมื่อถึงเวลาเหมือนกับว่ามีนาฬิกาตั้งไว้ในตัวแมลงเลยล่ะ
ทางเดินเล่นรอบสวนที่เพลิดเพลินได้ตลอด 45 นาที
สวนรินชิโนะโมริมีความกว้างจากตะวันออกจรดตะวันตก 700 เมตร และจากเหนือจรดใต้ 250 เมตร ใช้เวลาเดินรอบสวนราว 45 นาที ตรงกลางสวนมีสระน้ำที่ มองเห็นเต่าหลายตัวว่ายน้ำอย่างสบายใจอยู่
ในสวนมีชิงช้า เครื่องเล่นออกกำลังกาย และไม้ลื่น จึงเป็นสถานที่ซึ่งเด็กๆ ก็สนุกเมื่อมาด้วยกันได้ ในเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม ยังเปิด "สระน้ำจาบุจาบุ (สระเล่นน้ำเด็กกลางแจ้ง ลึกเพียง 10 - 30 เซนติเมตร)" ให้เล่นน้ำได้ (*)
ที่นี่ยังมีเสน่ห์อีกอย่างคือสามารถเพลิดเพลินกับความงามในสี่ฤดูได้ ทั้งคาวาซุซากุระ (Kawazu Sakura) ที่เริ่มบานตั้งแต่ราวกลางเดือนกุมภาพันธ์ และยังมีซากุระสายพันธุ์อื่นๆ ผลัดกันบานให้ชมต่อเนื่องกันไปจนถึงเดือนเมษายน ที่สำคัญอย่าพลาดชมใบไม้เปลี่ยนสีด้วยนะ
*ในปี 2020 ยกเลิกเนื่องจากมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิท-19
มาเติมความสดชื่นให้ชีวิตด้วยการสัมผัสต้นไม้และการเดินเล่นให้มากขึ้นกัน
นี่คือต้นไม้ที่ผู้เขียนเจอในระหว่างเที่ยวที่นิกโก้ รอบๆ ศาลเจ้านิกโก้โทโชกู (Nikko Toshogu Shrine) มีต้นไม้ขนาดใหญ่มากมาย แต่มีที่สัมผัสได้น้อย
คนที่อาศัยอยู่ในเมือง คนที่ใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนทุกวัน ร่างกายอาจสะสมความเครียดโดยที่ไม่รู้ตัว ในช่วงพักและวันหยุดก็ลองไปเดินเล่นในสวนสาธารณะและสัมผัสต้นไม้ดูนะ
สวนสาธาณะที่เดินทางสะดวกในโตเกียว เราขอแนะนำสวนโยโยงิ (Yoyogi Park) ที่มีต้นไม้ใหญ่มากมาย รวมทั้งมีน้ำพุที่สามารถเพลิดเพลินกับเสียงน้ำยามพุ่งขึ้นมาได้ด้วย ใกล้ๆ กันยังมีศาลเจ้าเมจิจิงกู (Meiji-jingu Shrine) อันมีบรรยากาศเคร่งขรึม เป็นอีกหนึ่งเส้นทางเดินเล่นที่สงบเงียบ
เติมธรรมชาติให้กับชีวิตเป็นประจำ แล้วมาใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีพลังกันนะ!
อ้างอิง:
- "รายงานสำรวจข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผลของป่าไม้ต่อสุขภาพและการเยียวยา (สรุปใจความสำคัญ)" (ภาษาญี่ปุ่น) กรมป่าไม้
- "ผลจากการสัมผัสลำต้นของต้นสนญี่ปุ่นที่มีความหนาต่างกันต่อการทำงานของร่างกายและจิตใจของมนุษย์" การประชุมวิชาการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพืช
- "อาบป่าแบบใหม่ สร้างชุมชน! โครงการพัฒนาสุขภาพและทรัพยากรมนุษย์" ผู้เขียนโอโนะ นางิซะ (ภาษาญี่ปุ่น)
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง