Start planning your trip
ใจละลายไปกับเมืองสวยวัฒนธรรมดี 8 สถานที่ในเมืองริมฝั่งทะเล นากาฮามะ สึรุกะ คากะ
ใครที่ชอบงานฝีมือญี่ปุ่น เทศกาลศาลเจ้า บ้านเมืองบรรยากาศญี่ปุ่นโบราณต้องมาที่ 3 เมืองนี้เลย! นากาฮามะ สึรุกะ และคะกะ อยู่ริมฝั่งทะเลญี่ปุ่นที่มีความเจริญรุ่งเรืองแห่งภูมิภาคโฮคุริคุ บทความนี้ขอแนะนำ 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามมองข้ามของ 3 เมืองนี้
วัฒนธรรมที่ยังหายใจของเมืองสวยริมฝั่งทะเลญี่ปุ่น
ใครที่อยากเที่ยวแบบได้สัมผัสขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทริปหน้าลองไปเที่ยวที่เมืองสึรุกะ (Tsuruga) ในจังหวัดฟุกุอิ (Fukui) เมืองนากาฮามะ (Nagahama) ในจังหวัดชิกะ (Shiga) และเมืองคากะ (Kaga) ในจังหวัดอิชิคาวะ (Ishikawa) แห่งภูมิภาคโฮคุริคุ (Hokuriku) กันไหมคะ
เมืองริมฝั่งทะเลญี่ปุ่นเหล่านี้มีทั้งอาคารไม้โบราณ ศาลเจ้าที่มีประวัติยาวนาน เทศกาลท้องถิ่นที่ชาวบ้านต่างช่วยกันรักษาและสืบทอดต่อกันมา งานฝีมือที่เต็มไปด้วยเทคนิคของช่างฝีมือ รวมถึงอื่นๆ อีกมากมาย รับรองว่าจะได้สัมผัสถึงความเป็นญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
ขอแนะนำ 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่อยากให้คุณไปที่เมืองสึรุกะ นากาฮามะ และคากะ ตามด้านล่างนี้เลย!
นากาฮามะ : งานฝีมือและศาลเจ้า
เมืองนากาฮามะ อยู่ในจังหวัดชิกะและอยู่ทางฝั่งตะวันออกของทะเลสาบบิวะ แต่เดิมเป็นเมืองรอบปราสาทที่มีความรุ่งเรืองและเป็นย่านที่อยู่อาศัยของช่างฝีมือและพ่อค้า ยังมีอาคารไม้แสนสวยที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุคเอโดะหลงเหลืออยู่ บ้านเมืองบรรยากาศสวยงามจนต้องตกหลุมรัก
เมืองนากาฮามะดังเรื่องงานเทศกาลนากาฮามะฮิคิยามะ (Nagahama Hikiyama Matsuri) ที่จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็ยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นอีกมากมาย เช่น เกาะชิคุบุชิมะ (Chikubushima) วัดและศาลเจ้า พิพิธภัณฑ์ ย่านร้านค้า สตูดิโอของช่างฝีมือ แต่ละที่น่าไปทั้งนั้น
1. เกาะชิคุบุชิมะ (Chikubushima)
เกาะชิคุบุชิมะอยู่ในทะเลสาบบิวะและห่างจากชายฝั่งเมืองนากาฮามะ 6 กิโลเมตร เป็นเกาะที่ผู้คนต่างให้ความนับถือว่าเป็นที่สถิตของเทพเจ้าและเดินทางมาไหว้ขอพรกันมากมาย บนเกาะมีอาคารสถาปัตยกรรมของทั้งวัดและศาลเจ้าหลายหลัง
ในหนึ่งวันมีเรือจากท่าเรือนากาฮามะไปเกาะชิคุบุชิมะอยู่หลายเที่ยว ราคาผู้ใหญ่คนละ 3,130 เยน (ไป-กลับ) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ตอนขึ้นเกาะต้องชำระค่าสักการะ 500 เยน
เราสามารถเดินชมศาลเจ้าบนเกาะได้ตามอัธยาศัย ถ้าเดินชมทุกศาลเจ้าจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หลังสักการะเสร็จแล้วก็นั่งเรือกลับไปที่ท่าเรือนากาฮามะ
สิ่งที่ไม่ควรพลาดบนเกาะชิคุบุชิมะคือการสักการะเทพีเบ็นไซเท็น (Benzaiten) พระประธานของ วัดโฮกนจิ (Hougon-ji Temple) เทพีเบ็นไซเท็นเป็นเทพแห่งศิลปะและความเฉลียวฉลาด มักถูกวาดให้อยู่ในอิริยาบทถือบิวะ (เครื่องดนตรีประเภทสาย)
ว่ากันว่าที่มาของชื่อทะเลสาบบิวะก็มาจากเทพีเบ็นไซเท็นและเครื่องดนตรีบิวะนี่ล่ะค่ะ เพราะถ้ามองทะเลสาบลงมาจากมุมสูง จะเห็นมีรูปร่างเหมือนเครื่องดนตรีบิวะ
พอเดินไปเรื่อยๆ ก็จะถึง ศาลเจ้าสึคุบุซุมะ (Tsukubusuma Shrine) สักการะเทพ 4 องค์ได้แก่ เทพีเบ็นไซเท็น เทพคุ้มครองประจำท้องถิ่น เทพเจ้างู และเทพเจ้ามังกร ภายในศาลเจ้าสึคึบุซุมะได้สร้างที่สักการะเทพเจ้ามังกรให้หันหน้าเข้าหาทะเลสาบเนื่องจากเชื่อว่าเทพเจ้ามังกรสถิตย์อยู่ที่ทะเลสาบบิวะนั่นเอง
วัดและศาลเจ้าที่เรียงรายอยู่บนเกาะจิคุบุชิมะนี้ทำให้เราสัมผัสได้ถึงร่องรอยของประวัติศาสตร์การหลอมรวมระหว่างศาสนาชินโตและศาสนาพุทธในญี่ปุ่น
ไม่เพียงแค่เกาะเท่านั้นแต่ทะเลสาบบิวะเองก็ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จึงมีเสาโทริอิตั้งอยู่บนหน้าผาฝั่งที่หันหน้าเข้าทะเล
ใครที่อยากขอพร ลองมาเสียงทายด้วยวิธีคาวาราเคะนาเกะ (Kawarake-Nage) กันค่ะ โดยหันไปทางโทริอิแล้วโยนเครื่องปั้นดินเผาที่เรียกว่าคาวาราเคะ (Kawarake) ถ้าโยนให้ลอดผ่านเสาโทริอิได้ก็จะสมหวังค่ะ
ระหว่างทางจากวัดโฮกนจิไปศาลเจ้าสึคุบุซุมะยังมีอาคารสวยๆ อื่นอีก เช่น เจดีย์สามชั้นแสนอลังการ ประตูคาระมง (Karamon) ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทโอซาก้า ศาลเจ้าเล็กๆ ที่สถิตเทพเจ้าประจำท้องถิ่นอีกหลายหลัง ไม่ว่าที่ไหนก็มีตำนานและเรื่องเล่าโบราณกันทั้งนั้นเลยค่ะ
พลังศักดิ์สิทธิ์ของเกาะชิคุบุชิมะนั้นอาจจะหมายถึงความยินดีที่ได้มาสัมผัสตำนานและเรื่องเล่าน่าพิศวงมากมายของที่นี่ก็เป็นได้
2. คุโรคาเบะสแควร์ (Kurokabe Square)
คุโรคาเบะสแควร์ (Kurokabe Square) อยู่ตรงหัวมุมหนึ่งในเมืองเก่าของนากาฮามะ ที่นี่เป็นร้านค้า แกลลอรี่ และสตูดิโองานกระจก
ประวัติของอาคารคุโรคาเบะกลาสช็อป (Kurokabe Glass Shop) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ หลังจากสร้างเสร็จในปี 1900 แล้วก็ถูกใช้เป็นธนาคารมาหลายสิบปี จนในปี 1989 ได้ประสบปัญหาวิกฤตเลิกกิจการและรื้อถอนอาคารจึงได้รับการฟื้นฟูจากกิจการท้องถิ่นโดยมุ่งหวังให้เป็นการฟื้นฟูย่านร้านค้า
ชื่อของอาคารคุโรคาเบะกลาสก็มีที่มาจากกำแพงที่ฉาบด้วยปูนดำ (คุโรคาเบะแปลว่ากำแพงสีดำ)
คุโรคาเบะกลาสช็อปเป็นอาคาร 2 ชั้น จัดแสดงงานกระจกจากช่างฝีมือทั้งในและต่างประเทศทำให้สัมผัสได้ถึงวัฒนธรรมต่างๆ บนโลกนี้ผ่านงานกระจก
สำหรับใครที่อยากได้ของฝากเป็นงานกระจกที่ทำขึ้นในนากาฮามะ สามารถมาเลือกซื้อสินค้าที่สตูดิโอกระจกและร้านค้าของ คุโรคาเบะกลาสช็อป
นอกจากนี้อยากให้ลองแวะไปดูที่ร้านกล่องดนตรี คุโรคาเบะออเกลช็อป (Kurokabe Orgel Shop) ร้านสินค้าแฮนด์เมด Monokokoro และร้านของฝากระดับพรีเมียม KurokabeAMISU ด้วยนะคะ
ข้างๆ คุโรคาเบะกลาสช็อปมี สเตนกลาสช็อป (Stained Glass Shop) ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนรักงานกระจกสีต้องมาดูให้ได้เลย
ภายในอาคารมีกิจกรรมทดลองทำตะเกียง นาฬิกา กรอบรูปและอื่นๆ จากกระจกสีด้วย
นอกจากนี้แล้วที่คุโรคาเบะสแควร์ยังมีกิจกรรมเป่าแก้ว ประดิษฐ์เครื่องประดับจากแก้ว และกิจกรรมทำเทียนเจลที่เด็กๆ ก็ทำได้อีกด้วย
สอบถามรายละเอียดของกิจกรรมได้ที่ร้านคุโรคาเบะกลาสช็อปนะคะ
3. พิพิธภัณฑ์ฮิคิยามะ (Hikiyama Museum)
Picture courtesy of Nagahama City
เทศกาลนากาฮามะฮิคิยามะคือเทศกาลประจำปีของศาลเจ้านากาฮามะฮาจิมังกู (Nagahama Hachimangu) ที่มีประวัติศาสตร์มานานกว่า 400 ปี จัดขึ้นในวันที่ 9 - 17 เมษายนของทุกปี และได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมท้องถิ่นไร้รูปร่างที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น
สิ่งน่าสนใจของเทศกาลคือการแห่ขบวนรถที่เรียกว่าฮิคิยามะ ในทุกปีจะมีกลุ่มที่เรียกว่า ยามากุมิ (Yamagumi) มาจาก 12 พื้นที่ผลัดกันทำรถแห่ฮิคิยามะ 4 คันและแห่ไปรอบเมือง
Picture courtesy of Nagahama City
ที่ไม่อยากให้พลาดคือ โคโดโมะคาบูกิ (Kodomo Kabuki) ละครคาบูกิที่เด็กๆ แสดงบนรถฮิคิยามะค่ะ
การแสดงของเด็กๆ อายุตั้งแต่ 4 ขวบจนถึง 12 ขวบที่ทุ่มเทซ้อมกันมากว่า 1 เดือนดูทรงพลังและมีเสน่ห์มากค่ะ
เราสามารถชมวิดิโอและนิทรรศการของเทศกาลนี้ได้ตลอดทั้งปีที่ พิพิธภัณฑ์ฮิคิยามะ อยู่บนถนนฮาคุบุตสึคัง (Hakubutsukan Road)
ภายในนิทรรศการมีส่วนหนึ่งของรถฮิคิยามะสุดอลังการจัดแสดงอยู่ด้วย เราจะได้ชมเทคนิคสุดประณีตของช่างฝีมือด้วยตาตัวเอง เช่น หลังคารถฮิคิยามะที่ประดับด้วยทองคำเปลวและภาพวาดลงรักปิดทอง ภาพแขวนประดับรถลากที่วาดเกี่ยวกับวัฒนธรรมยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 16 ไว้อย่างละเอียด
นอกจากนี้ภายในเมืองยังมีสถานที่ชื่อดังอีกหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของปราสาทนากาฮามะ Nagahama Castle Historical Museum พิพิธภัณฑ์รถไฟในสถานีรถไฟที่เก่าที่สุดในญี่ปุ่น Nagahama Railway Museum และอุโบสถซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่นในวัดไดซือจิ (Daitsu-ji Temple)
ตรวจสอบข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวและอีเวนต์ล่าสุดของนากาฮามะได้ที่เว็บไซต์การท่องเที่ยวนากาฮามะ (ภาษาอังกฤษ)
อาหารอร่อยๆ ห้ามพลาดที่นากาฮามะ
ถ้าให้ยกตัวอย่างหนึ่งในของดังของเมืองนากาฮามะก็ต้องเป็นปลาบิวะมาซุ (Biwa Masu) หรือชื่อภาษาอังกฤษว่าปลาเทราต์บิวะ (Biwa Trout) รสชาติล้ำลึกจากทะเลสาบบิวะ รูปด้านบนเป็นเมนูเซตปลาบิวะมาซุพรีเมียมจากร้าน ยามาโมโตะยะ อุโอฮามะ (Yamamotoya Uohama) ในเซตประกอบด้วยข้าวญี่ปุ่นโปะหน้าด้วยปลาบิวะมาซุย่างและซาชิมิ มาพร้อมซุปมิโซะแสนอร่อยกับผักดอง
เนื้อวัวโอมิที่เลี้ยงในจังหวัดชิกะและโซเม็งกับปลาซาบะย่างที่เป็นเมนูท้องถิ่นก็เป็นที่นิยมนะคะ
สึรุกะ : เมืองแห่งรถไฟและท่าเรือ
เมืองสึรุกะในจังหวัดฟุกุอิแต่เดิมเป็นเมืองท่าเรือที่รุ่งเรือง และยังเป็นเมืองฝั่งทะเลญี่ปุ่นเมืองแรกที่มีการวางเส้นทางรถไฟ จึงเป็นที่รู้จักกันในนามเมืองแห่งรถไฟและการขนส่งทางทะเล
ท่าเรือสึรุกะได้รับการพัฒนาให้เป็นฐานสำคัญในการขนส่งจากเหนือจรดใต้ทั่วประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ยุคเอโดะ ยุคเมจิ ไปจนถึงยุคไทโช ซึ่งเป็นยุคแห่งการปฎิวัติอุตสาหกรรม เมืองจึงมีความอุดมสมบูรณ์และทำให้วัฒนธรรมก็ได้รับการพัฒนาไปด้วย
เราสามารถสัมผัสได้ถึงวัฒนธรรมที่ผสมผสานและความงามอันมีเอกลักษณ์ของยุคสมัยก่อนได้จากงานเทศกาล อาคารบ้านเรือน วัดและศาลเจ้าสวยๆ
4. เคฮิจิงกู (Keihj Jingu)
ศาลเจ้าเคฮิจิงกู (Keihijingu) ใจกลางเมือง เป็นศาลเจ้าที่ปรากฎชื่ออยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นและเป็นที่สถิตของเทพหลายองค์ เช่น เทพธัญพืชเกษตรกรรมและเทพการเดินทางทางทะเล
เสาโทริอิที่แสนงดงามนี้เป็นหนึ่งในสามของเสาโทริอิไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ
ที่นี่มีผู้นับถือจำนวนมากเดินทางมาสักการะจากทั่วประเทศในโอกาสวันมงคลต่างๆ เช่น วันแต่งงาน วันเกิดลูก วันครบรอบ และขอพรปีใหม่
นักแต่งกลอนชื่อดัง มัตสึโอะ บะโช (Matsuo Basho, 1644-1694) ได้แวะมาที่ศาลเจ้าเคฮิจิงกูระหว่างเดินทางและประพันธ์บทกลอนเอาไว้ ภายในศาลเจ้าจึงมีรูปปั้นของท่านบะโชและสลักบทกลอนนั้นเอาไว้ที่ฐานรูปปั้น
ศาลเจ้าเคฮิจิงกูนี้เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองสึรุกะ ถ้าเริ่มต้นการท่องเที่ยวในเมืองที่นี่ก็จะเข้าใจถึงลักษณะพิเศษและวัฒนธรรมของภูมิภาคนี้ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นนะคะ
5. พิพิธภัณฑ์มินาโตะสึรุกะยามะ (Minato TsurugaYama Kaikan)
Picture courtesy of Tsuruga City
สิ่งที่ชาวเมืองสึรุกะให้ความสำคัญและรักษาสืบทอดกันมาก็คืองานเทศกาลประจำปีของศาลเจ้าเคฮิจิงกูที่เรียกกันว่า เทศกาลสึรุกะ (Tsuruga Matsuri) งานจะจัดขึ้นในเดือนกันยายนของทุกๆ ปีและมีขบวนรถแห่ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "ยามะ (Yama)" แห่ไปรอบเมือง
Picture courtesy of Tsuruga City
ด้านบนของยามะจะมีตุ๊กตาขนาดเท่าตัวคนใส่หน้ากากละครโนและชุดเกราะ จัดแสดงถึงวีรบุรุษในประวัติศาสตร์หรือฉากในสนามรบ ยามะที่สร้างขึ้นมาอย่างละเอียดลออนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของเมืองด้วย
ใครที่อยากชมรถแห่ยามะนอกช่วงเทศกาลสามารถไปชมได้ที่ พิพิธภัณฑ์มินาโตะสึรุกะยามะ (Minato Tsuruga Yama Kaikan) ที่นี่เราสามารถชมรถยามะได้อย่างใกล้ชิดเลย
นอกจากนี้ยังมีวิดีโองานเทศกาลสึรุกะ นิทรรศการชุดเกราะและหน้ากากละครโนที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของภูมิภาคนี้ด้วยนะคะ
ข้างๆ พิพิธภัณฑ์มินาโตะสึรุกะยามะมี พิพิธภัณฑ์เมืองสึรุกะ (Tsuruga City Museum) จัดแสดงผลงานที่เกี่ยวข้องกับท่านโอวาดะ โชชิจิ (Owada Shoshichi, 1857-1947)
ท่านโอวาดะคือผู้ที่อุทิศตนให้แก่การค้าขายทางทะเลระหว่างประเทศและเป็นผู้ก่อตั้งธนาคารแห่งแรกของสึรุกะ
อาคารสถาปัตยกรรมแบบยุโรปของพิพิธภัณฑ์เมืองสึรุกะคืออาคารที่ท่านโอวาดะสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นธนาคารในปี 1972 ภายในยังคงหลงเหลือสภาพเดิมของเคาน์เตอร์ธนาคารในสมัยนั้นไว้อยู่
6. โกดังอิฐแดงสึรุกะ (Tsuruga Redbrick Warehouse)
โกดังอิฐแดงสึรุกะ (Tsuruga Redbrick Warehouse) อยู่ใกล้ท่าเรือสึรุกะ เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วถูกใช้เป็นโกดังเก็บน้ำมันและได้รับการรีโนเวทไปเมื่อปี 2015 ภายในอาคารมีร้านอาหาร ร้านของฝาก และพื้นที่จัดแสดงแบบจำลองขนาดจิ๋วของเมืองสึรุกะด้วย
แบบจำลองที่ชวนให้นึกถึงอดีตนี้เรียกว่า Nostalgiorama (มาจากคำว่า Nostalgic รวมกับ Diorama) หนึ่งในหัวข้อจัดแสดงก็คือเมืองสึรุกะที่เสียหายไปในครั้งที่ถูกโจมตีทางอากาศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
จากแบบจำลองเราจะได้เห็นประวัติศาสตร์ของเมืองสึรุกะริมฝั่งทะเลญี่ปุ่นที่พัฒนาเป็นจุดสำคัญด้านการรถไฟและการขนส่งทางทะเล
ในย่านร้านค้าใจกลางเมืองมีรูปปั้นคาแรคเตอร์จากการ์ตูนและอนิเมะญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง "กาแล็คซี่เอ็กซ์เพรส 999" และ "เรือรบอวกาศยามาโตะ" แม้แต่ในใจกลางเมืองก็ยังรู้สึกได้ว่าสึรุกะเป็นเมืองแห่งรถไฟและท่าเรือ
ถึงจะไม่ใช่แฟนคลับของการ์ตูนและอนิเมะแต่ก็ต้องตรึงตาตรึงใจกับรูปปั้นที่ทำขึ้นมาอย่างประณีตอย่างแน่นอน!
นอกจากนี้แล้วไม่ควรพลาด พิพิธภัณฑ์เมืองท่าแห่งมนุษยธรรมสึรุกะ (Port of humanity Tsuruga Museum) ได้รับการรีโนเวตในปี 2020 ให้เป็นแลนด์มาร์คของเมืองท่าเรือสึรุกะ
ในสึรุกะมิวเซียมจัดแสดงเอกสารเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท่าเรือสึรุกะ เพราะที่นี่เคยเป็นศูนย์พักพิงให้กับเด็กกำพร้าชาวโปแลนด์ที่สูญเสียครอบครัวในไซบีเรียจากเหตุการณ์ปฏิวัติรัสเซียในช่วงปี 1920 และในช่วงปี 1940 ก็รองรับผู้อพยพชาวยิวที่ถือ Visas for Life วีซ่าสำหรับหนีไปประเทศที่สามผ่านญี่ปุ่นเพื่อหลบหนีการตามล่าของนาซีอีกด้วย
ส่วนใครที่อยากชมวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานขอแนะนำให้ไปที่ วัดเซฟุคุจิ (Seifuku-ji Temple) ในวัดมีสวนที่สื่อถึงแดนสุขาวดีในศาสนาพุทธซึ่งเป็นจุดน่าสนใจของวัดค่ะ
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำมานี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในสึรุกะที่น่าสนใจอีกมากมาย สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ที่ เว็บไซต์การท่องเที่ยวสึรุกะ
เมนูห้ามพลาดในสึรุกะ
อยากให้ทุกคนได้ลองกินอาหารทะเลสดๆ ที่เพิ่งจับขึ้นมาจากท่าเรือสึรุกะกันค่ะ
นอกจากอาหารทะเลสดๆ แล้วยังมีข้าวหน้าเท็มปุระไก่หรือเคซังด้ง (Keisandon)ที่บอกเลยว่าไม่กินไม่ได้ "เคซัง" คือคำที่คนท้องถิ่นใช้เรียกศาลเจ้าเคฮิจิงกูด้วยความรู้สึกคุ้นเคยใกล้ชิด นอกจากนี้คำว่า "เค" ยังหมายถึงไก่ในภาษาญี่ปุ่นด้วย
มาลองกินกันได้ที่ร้าน โอเรียวริ ยามาโมโตะ (Oryori Yamamoto) ร้านอยู่ตรงข้ามศาลเจ้าเคฮิจิงกูเลย
คากะ : เมืองแห่งออนเซ็นและเครื่องปั้นคุทานิยากิ
เมืองคากะเป็นเมืองออนเซ็นที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอิชิคาวะ ที่ยามาชิโระออนเซ็นและยามานากะออนเซ็น (Yamanaka Onsen) มีอาคารโบราณและงานฝีมือให้ชมด้วย
7. ยามาชิโระออนเซ็น (Yamashiro Onsen) โคะโซยุ (Kosoyu)
Photo by Pixta
บ่อออนเซ็นโคะโซยุ (Kosoyu) อยู่ใจกลางยามาชิโระออนเซ็น เป็นบ่อออนเซ็นสาธารณะที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงามด้วยกระเบื้องจากงานปั้นคุทานิยากิและกระจกสี ชั้น 2 มีห้องพักผ่อนสำหรับดื่มชาพลางชมวิวสวยงามของเมือง
8. ฮาซุจิโอะกะคุโด (Hazuchio Gakudo)
ใครที่กำลังมองหางานฝีมือและของดีประจำเมืองคากะอยู่ล่ะก็ต้องไปที่ ฮาซุจิโอะกะคุโด (Hazuchio Gakudo) ที่แห่งนี้มีทั้งร้านเครื่องปั้นคุทานิยากิและงานฝีมือท้องถิ่น ร้านน้ำชาและร้านอาหารชื่อดังเรียงรายกันอยู่
เมืองออนเซ็นแห่งนี้มีอาคารที่สัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด แนะนำให้มาค้างคืนที่นี่สักคืนเพื่อดื่มดำกับบรรยากาศของเมืองให้ได้อย่างเต็มที่นะคะ
ค้นพบเมืองแสนสวยกับประเพณีแสนงดงาม
ลองมาเที่ยวเมืองนากาฮามะ สึรุกะ และคากะที่มีทั้งงานเทศกาลที่สืบทอดกันมายาวนานรวมถึงเมืองบรรยากาศเรโทรที่มีท่าเรือซึ่งมีประวัติเชื่อมต่อกับทั่วโลกกันดูนะคะ
ทั้ง 3 เมืองนี้สามารถเดินทางจากโตเกียวได้สะดวกสบายโดยนั่งชินคันเซ็นมาถึงสถานีไมบาระ (Maibara) แล้วต่อรถไฟด่วนแบบ Express ที่จอดทุกเมือง แล้วทริปนี้ของคุณจะเป็นทริปที่ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมอันมั่งคั่งจนลืมไม่ลงเลยล่ะค่ะ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
Written by Ramona Taranu
Sponsored by the Association for Promotion of Japan Sea Routes
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง